คุณพระช่วย หล่อนกำลังจะขาดใจตายแน่แล้ว...
ปิ่นแก้วถ่างขาอ้าร่อง แอ่นรับก้านนิ้วแข็งแกร่งล่ำสันที่ชักเข้าชักออกในรูสาวแบบลืมอาย หล่อนแหงนหน้ากรีดร้องสุดเสียงเมื่อความรู้สึกรุ่มร้อนสุดแสนรัญจวนปะทุออกมาอย่างรุนแรง
“อ๊ะ ! คุณโจร... อ๊า” หล่อนครวญครางเสียงกระเส่า เนื้อตัวสั่นระริกระหว่างที่ชายหนุ่มประกบริมฝีปากดูดดื่มน้ำผึ้งสวาท แก่นใจหญิงหดเกร็งและกระตุกรัดลิ้นร้อนเป็นห้วงถี่
“ตอนนี้คุณหนูพร้อมจะเป็นเมียของกระผมแล้ว” น้ำเสียงเขาแหบพร่า ร่างสูงใหญ่เคลื่อนขึ้นมาทาบทับร่างอรชรเอาไว้ ไม่ให้หล่อนหลบหนี พลางเบียดสัดส่วนที่ผงาดแข็งชูชันถูไถความอ่อนนุ่มฉ่ำลื่นอย่างยั่วเย้า
ชั่วขณะนั้นปิ่นแก้วรู้ดีว่า มีเพียงสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่สามารถเติมเต็มความรู้สึกวูบโหวงทรมานภายในช่องท้อง แต่หล่อนไม่อาจละทิ้งความซื่อสัตย์ต่อคู่หมั้นคู่หมาย แม้จะต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำทุกข์ตรมจากการผิดหวังในความรักครั้งนี้ไปจวบจนลมหายใจสุดท้าย
“คุณโจร ปล่อยฉันไปเถิด ได้โปรด...” หล่อนปรือเปลือกตาที่หนักอึ้ง พยามยามเพ่งมองใบหน้าคมสันของชายหนุ่มในความมืดมิด
“คุณหนูไม่ได้รักชอบกระผมอย่างนั้นหรือ”
เขาหายใจแรงจนแผงอกหนากระเพื่อม
“อย่าให้ฉันได้ชื่อว่าเป็นหญิงแพศยาเลย หากคุณโจรจริงใจกับฉัน อย่างน้อยก็ต้องกล้าเปิดเผยตัวตนให้ผู้คนรับรู้ หลังจากนั้น คุณจะใช้วิธีการแย่งชิงตัวฉันไปเป็นเมียเยี่ยงโจรผู้ร้าย ฉันก็จะไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย”
“กระผมจะให้เวลาคุณหนูคิดทบทวนอีกสักนิด” ร่างสูงใหญ่ผละออกจากร่างขาวผ่องนุ่มนิ่มของหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะลุกเดินไปเปิดหน้าต่าง
“คุณจะไปหาฉันที่บ้านชยางกุลหรือ” หล่อนถามด้วยความตื่นตระหนก
“ไม่ว่าคุณหนูปิ่นแก้วอยู่แห่งหนไหน กระผมก็สามารถไปหาได้ทั้งนั้น”
ชายหนุ่มพูดทิ้งท้าย แล้วก็กระโจนตัวหายไปในความมืดโดยไร้ร่องรอย
ปิ่นแก้วไม่เคยฝักใฝ่ในเรื่องความรักความใคร่มาก่อน ตั้งแต่จำความได้หล่อนถูกปลูกฝังให้มีความคิดว่าเจ้าบ่าวในอนาคตของหล่อนคือนายแทนไท ทุกเศษเสี้ยวชีวิตและลมหายใจของหล่อนจะต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
ครั้นได้มาพัวพันกับคุณโจรปล้นสวาท หัวใจของหล่อนกลับอ่อนปวกเปียกดุจขี้ผึ้งลนไฟ อะไรคือเชื้อเพลิงแห่งความรักความใคร่ที่ลุกโหมขึ้นในหัวอกของหล่อนกันแน่
หล่อนรู้ดีว่า มิใช่เพียงแค่ความสัมพันธ์เร่าร้อนซ่อนเร้น ซึ่งกระตุ้นให้หล่อนรู้สึกถึงความตื่นเต้นมีชีวิตชีวาในวัยสาว ทว่ามีพลังอำนาจลึกลับบางอย่างที่ครอบงำความคิดและจิตใจของหล่อน มันคือเยื่อใยไมตรีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ความฝัน และความรู้สึกลึกซึ้งที่ประเล้าประโลมให้หัวใจเบิกบานชุ่มฉ่ำ
มารยาชายแสนหวานล้ำอันเจือปนด้วยความขมขื่นนั้นเสมือนตะปูลงอาคมซึ่งตอกตรึงดวงใจใฝ่รักของหล่อนเอาไว้อย่างแน่นหนา
สองวันถัดมา ระหว่างที่เดินทางไปยังบ้านชยางกุล คุณป้าหยกได้สั่งให้คนขับรถแวะเข้าไปจอดที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร เพื่อพาปิ่นแก้วไปกราบไหว้ขอพรเรื่องความรักและชีวิตคู่ครองที่ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ก่อนจะเดินทางต่อ
ทว่าคุณป้าหยกก็ได้เจอกับกลุ่มสุภาพสตรีซึ่งเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่โดยบังเอิญ ปิ่นแก้วจึงกล่าวขอตัวไปนั่งรออยู่ในรถยนต์ ขณะนั้นมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคายรูปร่างสูงใหญ่ผิวพรรณขาวสะอาดแบบบุรุษผู้มีเชื้อสายแขกโปรตุเกสคนหนึ่งกำลังยืนจ้องมองหล่อนผ่านทางกระจกหน้าต่าง ปิ่นแก้วรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่ารูปพรรณสัณฐานของเขาช่างเหมือนคนที่เคยรู้จัก แต่คิดไม่ออกว่าเป็นใคร จนกระทั่งเขายกมือขึ้นมาแล้วใช้นิ้วโป้งแตะไล้ที่ริมฝีปากล่าง
“คุณโจร !”
ปิ่นแก้วอุทานชื่อนั้นออกมา พลันนึกถึงจูบแสนหวานอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่เสน่หาที่หล่อนไม่อาจจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต หล่อนแทบจะทนนิ่งเฉยไม่ไหว อยากทำทุกวิถีทางเพื่อจะไปอยู่กับเขา ความรักซึ่งสุกงอมและอัดแน่นอยู่ในหัวอกเหมือนจะระเบิดออกมาเสียให้ได้
ครั้นเหลือบไปเห็นสายตาของคุณป้าหยกที่มองมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ความรู้สึกผิดในใจของปิ่นแก้วก็กำเริบขึ้นมา ถ้าหากหล่อนทำตามใจตนเอง พึงเอาความสุขส่วนตัวเป็นใหญ่ อาจจะเกิดผลร้ายต่อคนที่ปรารถนาดีกับหล่อนโดยบริสุทธิ์ใจ และทำทุกอย่างเพื่อหล่อนมาตั้ง 18ปี ส่วนคุณโจรเพิ่งจะลักลอบเข้ามาในชีวิตของหล่อนเพียงแค่สองสามเดือนเท่านั้น แม้แต่ชื่อแซ่เขาก็ไม่เปิดเผยให้หล่อนได้ล่วงรู้ เมื่อตระหนักถึงข้อเท็จจริงนี้ หัวใจของปิ่นแก้วพลันห่อเหี่ยวและเลิกล้มความคิดฟุ้งซ่านในทันที
หล่อนสมเพชตัวเองเหลือเกิน...
“คุณหนูปิ่นแก้ว เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ” ป้าหยกเปิดประตูรถเข้ามานั่งข้าง ๆ หญิงสาวหลังจากที่พูดคุยกับเพื่อนเก่าเสร็จแล้ว
“ไม่มีอะไรค่ะ ปิ่นนึกบางอย่างได้เท่านั้นเอง” ปิ่นแก้วตอบปัดให้เรื่องพ้นตัว
ในตอนท้าย สายตาของหญิงสาวได้แล่นแฉลบไปตัดขั้วหัวใจของชายหนุ่มซึ่งยืนตะลึงมองหล่อน เหมือนคนที่โดนสายฟ้าฟาดใส่ร่างอย่างเฉียบพลัน
ราฟาเอลไม่ได้พบเห็นหญิงสาวหน้าตางดงามผุดผ่องเช่นนี้มานาน พลันเกิดอาการร้อนรุ่มไปหมด ต่อให้เขาเป็นหุ่นปูนปั้นก็คงมีชีวิตลุกขึ้นมาได้เอง และถ้าหากไม่เสาะหาโอกาสสานสัมพันธ์ ก่อนที่นางกินรีจะติดปีกบินหนีไปอยู่เมืองฟ้า เขาคงรู้สึกเสียดายไปจนวันตาย
ความปรารถนาแรงกล้านั้นชักจูงให้ราฟาเอล ขับรถสะกดรอยตามหญิงสาวไปห่าง ๆ แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม เพราะรถยนต์ที่หล่อนโดยสารเลี้ยวเข้าไปในบ้านชยางกุล...
แล้วหล่อนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร...“คุณพระ ดิฉันสงสารลูกเหลือเกิน แทนไทต้องเจ็บปวดไปอีกนานสักแค่ไหน” คุณหญิงกรองทองร้องไห้คร่ำครวญในอ้อมกอดของคุณพระปรีชา“จนกว่าเนื้อคู่ตุนาหงันของเขาจะพ้นครรภ์ผู้ให้กำเนิด แทนไทจำเป็นต้องแลกเลือดเนื้อสร้างชีวิตบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับผมและผู้ชายทุกคนในตระกูลชยางกุล”ทั้งสองเฝ้ามองร่างของลูกชายซึ่งนอนดิ้นพล่านอยู่บนเตียงอย่างเวทนา ภาพของแทนไทค่อย ๆ เลือนรางจางหายเหมือนเงาสะท้อนบนผิวน้ำ จนกระทั่งเหลือเพียงก้อนอากาศในห่อผ้า คุณหญิงกรองทองร้องโฮ เพราะมองไม่เห็นลูกชาย“แทนไทอายุครบยี่สิบห้าปีเป็นหนุ่มใหญ่แล้วแท้ ๆ ดิฉันอุตส่าห์โล่งใจนึกว่าเขาจะไม่ได้รับการถ่ายทอดกรรมพันธุ์นี้มาจากคุณพระ”“คุณหญิงเลิกร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายเถิด แทนไทไม่ใช่จะตายเป็นผี เขาเพียงแค่เสียสละกายเนื้อเพื่อพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายเท่านั้นเอง พอถึงเวลาฟื้นคืนชีพ เขาก็มีร่างกายที่หนุ่มแน่นแข็งแรงเหมือนในวัยเบญจเพส”คุณพระปรีชาสรรหาเหตุผลมาปลอบโยนภรรยา แต่ลูกชายตัวดีกลับสอดขึ้นว่า“ถ้าต้
แทนไทถึงกับตะลึงในผลงานอันยอดเยี่ยมของตนเอง เขาประกบริมฝีปากดูดเลียรสชาติหอมหวานของสาวพรหมจรรย์อย่างเอร็จลิ้น ปิ่นแก้วเนื้อตัวสั่นเทาราวกับเป็นไข้หนาวเพราะถูกเขารีดเค้นน้ำในกายแบบต่อเนื่อง การดื่มกินหยาดหยดหล่อเลี้ยงชีวิตบริสุทธิ์ที่หลั่งรินออกมาจากร่างของหญิงซึ่งเป็นเนื้อคู่สวรรค์สร้าง ส่งผลให้แทนไทมีความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น“อื้อ... พี่แทนไท... ปิ่นใจจะขาดแล้ว” หล่อนครวญครางเว้าวอนเขาเหยียดหลังขึ้นพิศดูใบหน้าสวยหวานที่แดงระเรื่อ ดวงตาสีอำพันดุจสัตว์หากินกลางคืนสามารถมองเห็นได้อย่างแจ่มชัดท่ามกลางความมืดร่างกายเปลือยเปล่าของปิ่นแก้วช่างงดงามเย้ายวนราวกับถูกสร้างมาจากมนต์ดำฤษณา ในหัวสมองแทนไทอัดแน่นไปด้วยความคิดหมกมุ่น เขาทำให้หล่อนมีความสุขมากมายขนาดนี้ อย่างน้อยหล่อนก็ควรจะทำตามความปรารถนาของเขาบ้าง!เมื่อบังเกิดอารมณ์ฮึกเหิมบ้าบิ่น แทนไทก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป ร่างสูงใหญ่ผละออกจากระหว่างขาเรียวงาม ขยับขึ้นไปนั่งคร่อมเหนือใบหน้าขาวสวย ฝ่ามือหนาบีบกรามของหญิงสาวบังคับให้หล่อนอ้าปาก ก่อนจะส่งลำลึงค์แข็งร้อนเข้าไปในโพรงแก้มอุ่นชื้น
คราวนี้ปิ่นแก้วได้รับบทเรียนราคาแสนแพงเพิ่มอีกหนึ่งบทเรียน การพูดความจริงไม่ให้ผลดีเสมอไป แทนไทกดหล่อนนอนหงาย จากนั้นก็ลงมือปลดเปลื้องชุดกระโปรงออกจากร่างอรชรโดยไม่รีรอให้หล่อนมีโอกาสบ่ายเบี่ยง หญิงสาวหายใจหอบกระชั้น เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวชายหนุ่มจับจิต แต่ก็ไม่กล้าต่อต้านขัดขืนร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นยืนเมื่อจัดท่วงท่าให้หล่อนนอนแยกขาชันเข่าสำเร็จ เขาเพ่งพิศเรือนร่างงดงามไร้ที่ติอย่างพึงพอใจ นัยน์ตาคมกริบฉายแววเร่าร้อนในความมืดการถูกจ้องมองโดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ทำให้ปิ่นแก้วรู้สึกตื่นตระหนกและหวาดหวั่นยิ่งกว่าเดิม หัวใจดวงน้อยเต้นระทึกรุนแรง สองเต้าอวบอัดกลมกลึงสะท้อนสะเทือนขึ้นลงราวกับถูกจับเขย่า ผิวพรรณขาวนวลละเอียดอ่อนร้อนวูบวาบเหมือนมีเปลวไฟลามเลีย“พี่แทนไท ตรวจดูเสร็จหรือยังคะ”“พี่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ ในห้องมืดแบบนี้ ใช้ตามองแค่อย่างเดียวคงพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก”ปิ่นแก้วหุบขาเข้าหากันทันทีที่รู้ว่าชายหนุ่มต้องการตรวจดูความบริสุทธิ์ของหล่อนโดยวิธีการอื่นอีก แทนไทแกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด พลาง
ปิ่นแก้วเพิ่งจะสำเหนียกความจริงในวันนี้เอง ว่าบุคคลที่สามารถทำให้หล่อนรู้สึกเกรงกลัวมากที่สุดคือใคร เพียงแค่ได้รู้ว่าแทนไทกำลังรอให้หล่อนไปพบ เพื่อพูดคุยปรับความเข้าใจกันเท่านั้น มือเท้าของหล่อนก็เย็นเฉียบราวกับถูกนาบด้วยแผ่นน้ำแข็งภาพพจน์ของแทนไทในความทรงจำของปิ่นแก้ว เขาคือสุภาพบุรุษที่แสนดี อบอุ่นอ่อนโยน มีจิตใจโอบอ้อมอารี ไม่เป็นพิษภัยอันตรายกับใครทั้งสิ้น และหล่อนก็คิดเช่นนั้นเสมอมาจนกระทั่งเวลานี้ สิ่งที่ทำให้หล่อนรู้สึกยำเกรง คือคุณงามความดีของเขาต่างหากเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของชายหนุ่ม ประตูไม้สักก็เปิดได้เองเช่นเคย ปิ่นแก้วสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวขาเข้าไปข้างในอย่างประหม่าแล้วประตูก็ปิดล็อคลงทันที!“พี่ พี่แทนไท...”“น้องปิ่นยังจำชื่อพี่ได้ด้วยหรือ”น้ำเสียงเคร่งขรึมเย็นชาที่ดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้หญิงสาวหัวใจสั่นขวัญผวา สองเท้าก้าวไปข้างหน้าด้วยสัญชาตญาณระวังภัย หล่อนยืนหันรีหันขวางพยายามมองหาเขา“พี่แทนไททำแบบนี้ ปิ่นตกใจหมดเลย”“ตกใ
“กระผมจะไม่มีวันลืมค่ำคืนสุดท้ายของเราทั้งสอง”แม้ว่าดวงตาของหล่อนจะมองเห็นเพียงความมืดมน แต่กลิ่นรสและสัมผัสที่หล่อนซึมซับมาจากเขากลับยิ่งแหลมคมปิ่นแก้วแลกจูบกับคุณโจรปล้นสวาทของหล่อนด้วยความเต็มใจ และตอบสนองการเคลื่อนไหวร้อนแรงอย่างเร่าร่าน ชายหนุ่มใช้หมอนหนุนสะโพกผายให้ลอยอยู่เหนือพื้น พลางสอดท่อนเอ็นแข็งร้อนเข้ามาตรงช่องขาหนีบและกระซิบบอกหล่อนให้หุบรัดเขาไว้แน่น ๆเขาเท้าศอกพยุงร่าง ก่อนจะเริ่มโยกแก่นกายบดเบียดเสียดสีกับกลีบแคมอวบอูม หัวหน่าวของเขากระทบกับหัวหน่าวของหล่อน เนื้อหนังเปียกเปลือยถูไถกันอย่างเร่าร้อนถึงอกถึงใจ“อ๊า... คุณโจร... ระ... แรงขึ้นอีกนิด...”“แรงกว่านี้หรือ” สุ้มเสียงเขาหยอกเย้า“ฉันใกล้แล้ว... ทำแรง ๆ เร็ว ๆ” หล่อนแอ่นรับความแข็งเร่า ๆแทนไทรีบถอนตัวออก ไม่ยอมให้หล่อนเสร็จสมล่วงหน้าไปก่อน เขาจับร่างอรชรหนีบขาคู้เข่า พลันเสือกกายเข้าไปในช่องขาหนีบ แล้วก็หวดห่มบั้นท้ายเข้าหาหล่อนด้วยอารมณ์หื่นกระหายรุนแรง ปลายลึงค์บานโร่แทงเสยลงตรงยอดติ่งคัดเต่งของหญิงสาวอย่างแม
“ร่างกายของคุณหนูปิ่นแก้ว แปดเปื้อนกลิ่นของกระผมหมดแล้ว คุณหนูคิดว่าจะสามารถไปแต่งงานกับผู้ชายอื่นได้อีกหรือ สองเต้ากลม ๆ คู่นี้กระผมก็ดูดเลียแล้ว และตรงนี้ด้วย...”เขาขบเม้มติ่งหูของหล่อน ลมหายใจระอุเป่ารดลงบนผิวพรรณบอบบางอ่อนไหว พลางแทรกนิ้วเขี่ยคลึงศูนย์รวมความรู้สึกกลางกลีบอวบอูม“ทำไมคุณหนูปิ่นแก้ว ไม่ตอบกระผม”“คุณโจรกระทำฉันอยู่ฝ่ายเดียว”หล่อนพยายามฝืนร่างกายไม่ให้แอ่นเชิงกรานตอบสนองการปลุกเร้าแสนเร่าร้อน แต่ชีพจรตรงจุดซ่อนเร้นกลับเต้นตุบตุบอย่างควบคุมไม่ได้“คุณหนูจะปฏิเสธว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับกระผมเลยอย่างนั้นหรือ”“ฉันไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น”“จริงหรือ? แล้วทำไม ...ของคุณหนูฉ่ำแฉะขนาดนี้” คราวนี้ชายหนุ่มเหิมเกริมถึงขั้น ใช้องชาตล้อเล่นกับความรู้สึกของหล่อน เขาประคองปลายลึงค์ถูไถผ่ากลางร่องกลีบอวบอูม ขยับให้ความแข็งขึงบดขยี้ความอ่อนนุ่ม แล้วก็จ่อส่วนหัวบวมบานคาค้ำไว้ที่แอ่งเว้า“หยุดเถิด ได้โปรด...”ปิ่นแก้วแทบจะลืมหายใจ ร่า