หน้าหลัก / รักโบราณ / หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง / บทที่ 6 เงินจำนวนนี้ ข้าไม่มีทางให้พวกท่าน

แชร์

บทที่ 6 เงินจำนวนนี้ ข้าไม่มีทางให้พวกท่าน

ผู้เขียน: ฮวาฮวาน่งหยวี่
ไม่ต้องให้ถูซินเยว่รอนาน ซูจื่อหังลุกขึ้นยืนที่ข้างเตียงแล้ว

เขาหันศีรษะมา สีหน้าเย็นชาเล็กน้อย นัยน์ตาแจ่มชัดจ้องมองไปยังซูเฟิ่งอี๋ แล้วเอ่ยถาม "พวกท่านเสียเงินไปเปล่า ๆ เพื่อส่งเสียข้าเรียนหนังสืองั้นหรือ? แล้วเงินเบี้ยเลี้ยงห้าร้อยอีแปะที่ได้รับจากอำเภอทุกเดือนล่ะ ไม่ใช่ว่าเข้ากระเป๋าพวกท่านหรอกหรือ? เงินที่ข้าแต่งภรรยา พวกท่านได้ควักสักแดงเดียวหรือ?"

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูเฟิ่งอี๋เห็นซูจื่อหังแสดงสีหน้าเยือกเย็นเช่นนี้ เธอสะดุ้งไปเล็กน้อย แต่ก็โต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ "ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เจ้าจะให้พวกข้าเลี้ยงนางหยูไว้อย่างเปล่าประโยชน์ไม่ได้ แล้วยังต้องเสียเงินค่ารักษาให้นางอีก"

"ถูกต้อง" แม่เฒ่าตระกูลซูยิ้มเยาะ "มือของแม่เจ้าพิการ ต่อไปก็ไม่สามารถเชือดหมูเชือดไก่ หรือทำนาได้อีก แล้วจะเลี้ยงนางไว้ทำไม? หมอหลี่บอกแล้วไม่ใช่รึว่าคงไม่ตายเร็ว ๆ นี้ ยังดึงดันจะมาเสียเงินซื้อยาให้นางอีก ตระกูลซูของเรายากจน ไม่มีเงินซื้อยาให้นางหรอก"

เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ แม่เฒ่าตระกูลซูจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเสียงประชดประชันว่า "จื่อหัง จิตใจกตัญญูที่จะดูแลรักษาแม่ที่ป่วยของเจ้า พวกข้าไม่ขัดขวาง เพียงแต่ว่าเงินพวกนั้น ข้าไม่มีทางให้เจ้าเด็ดขาด แม้แต่แดงเดียว"

แม่เฒ่าตระกูลซูยืนพิงไม้เท้าอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าแก่ ๆ ของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา

ซูจื่อหังสูดลมหายใจเข้าลึก นิ่งงันอยู่นาน ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า "ได้ ค่ายาของแม่ข้า ข้าจะไม่เอาจากพวกท่านแม้แต่อีแปะเดียว แต่เงินห้าร้อยอีแปะที่อำเภอส่งมา ข้าก็จะไม่มอบมันให้แก่พวกท่านอีก"

"อะไรนะ?" เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซูเฟิ่งอี๋ก็เกือบกระโจนขึ้นมา ส่ายหน้าด้วยความขุ่นเคือง "ไม่ได้ ๆ บ้านตระกูลซูยังไม่ได้แยกครอบครัวกัน เงินห้าร้อยอีแปะนี้เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะไม่ให้!"

เสื้อผ้าชุดใหม่ที่เธอสวมใส่ทุกเดือน แป้งหอมต่าง ๆ ที่เพิ่งซื้อใหม่ต่างต้องอาศัยเงินห้าร้อยอีแปะนี้ทั้งนั้น

ซูจื่อหังเหลือบมองใบหน้าที่น่าเกลียดของป้าตัวเอง แล้วพูดอย่างเย็นชา "ข้าจะเก็บเงินไว้รักษาแม่ข้า"

"จื่อหัง มันจะมากไปแล้วนะ!" ซูเฟิ่งอี๋พับแขนเสื้อขึ้น ท่าทางดุร้ายอำมหิต ที่หน้าประตูทันใดนั้นถูซินเยว่ก็ผลักประตูเปิดออก ขยับร่างอ้วน ๆ ของเธอเข้าไปหาซูจื่อหังทีละก้าว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มโง่ ๆ "นี่ ข้าให้เจ้า"

"นังอ้วนไสหัวไป" ซูเฟิ่งอี๋ขมวดคิ้วสาปแช่ง หญิงอ้วนอัปลักษณ์นี่บดบังสายตานาง

ถูซินเยว่ไม่ใส่ใจนางแม้แต่น้อย ไขมันบนร่างเธอแกว่งไปมา รูม่านตาในดวงตาน้อยทอประกายสดใส มองดูซูจื่อหังที่อยู่ตรงหน้าเธอ

ซูจื่อหังก้มลงมืองดูในที่สุด ที่มองถูซินเยว่ไม่ใช่เพราะรังเกียจ แค่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย

"อะไรหรือ?" ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าแม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเขาจะดูเลอะเลือนสติไม่ดี แต่ดูเธอเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

ซูจื่อหังไม่แน่ใจ ได้แต่ถามขึ้นอย่างมีความหวัง เนื่องจากมีข่าวลืออยู่บ่อย ๆ ว่าถูซินเยว่มักมีอารมณ์ฉุนเฉียวชอบทุบตีเด็ก ๆ ไม่แน่ว่าบางทีวินาทีถัดไปอาการบ้าของนางอาจจะกำเริบขึ้นมา ทุบหัวเขาจนเลือดสาดก็เป็นได้...

แต่ว่าซูจื่อหังต้องประหลาดใจ เพราะถูซินเยว่ไม่เพียงแต่มีดวงตาอันแน่วแน่ ทั้งยับจับมือเขาไว้อย่างปกติดี จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าเงินออกจากหน้าอกแล้ววางลงบนมือของเขา

กระเป๋าทำจากผ้าใยป่านซึ่งตัดเย็บอย่างดี ขอบกระเป๋ามีด้ายหลุดรุ่ยออกเป็นขน ดูเหมือนว่าจะผ่านการใช้งานมาหลายปีแล้ว

ซูจื่อหังกะน้ำหนักกระเป๋าเงินในมือ และทันใดนั้นก็เหลือบมองที่ถูซินเยว่ด้วยความประหลาดใจ นัยน์ตาแวววาวระคนตกใจ กระเป๋าใบนี้มีเงินอยู่เต็ม!

ถูซินเยว่ไปเอาเงินมาจากที่ไหน?

ก่อนที่ซูจื่อหังจะได้ทันตั้งตัว ซูเฟิ่งอี๋ก็เห็นกระเป๋าเงินในมือเขาแล้ว

นางส่งเสียงครวญคราง กระโจนเข้าใส่พร้อมกับตะโกนว่า "นี่มันเงินของข้า นังคนสารเลวกล้าดียังไงมาขโมยเงินข้า!"

ดูจากท่าทางของซูเฟิ่งอี๋แล้ว เห็นได้ชัดว่านางต้องการจะฉกกระเป๋าเงินกลับไป

ขณะที่ซูเฟิ่งอี๋กระโจนเข้าใส่ซูจื่อหังนั้น ถูซินเยว่ใบหน้าโง่ทึ่มที่กำลังยืนดูดนิ้วอยู่ข้าง ๆ ก็เหยียดเท้าอ้วน ๆ ออกมาอย่างหน้าตาเฉย

"ว้าย!" ซูเฟิ่งอี๋ล้มหน้าคว่ำ

"สนุกจังเล้ย สนุกจริง ๆ !"

ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้น ถูซินเยว่ก็ปัดมือและนั่งลงบนท้องของซูเฟิ่งอี๋ เกือบทำให้นางกระอักเลือดพุ่งออกมาจากปาก

เมื่อเห็นใบหน้าบูดเบี้ยวของซูเฟิ่งอี๋ ถูซินเยว่ก็ต้องกลั้นขำอยู่ในใจ

การมีน้ำหนักตัวมากก็มีข้อดี นั่งลงไปทีเดียว ซูเฟิ่งอี๋คงไม่ได้ลงจากเตียงไปหลายวันแน่

"นังอ้วน ไสหัวไปเดี๋ยวนี้" ซูเฟิ่งอี๋ตะโกนร้องแต่ยังไม่ลืมกระเป๋าเงินของตัวเองหันไปพูดกับแม่เฒ่าตระกูลซู "ท่านแม่ นั่นเงินของข้า รีบไปเอาคืนเร็วเข้า!"

แม่เฒ่าซูเหลือบมองซูเฟิงอี้อย่างไม่พอใจ นางไม่รู้มาก่อนว่ามีเงินจำนวนนี้

ซูเฟิ่งอี๋ใบหน้าฉายแววหวาดหวั่น ในใจคิดว่าตกอยู่ในมือของแม่เฒ่ายังดีกว่าตกอยู่ในมือของจื่อหัง แม่เฒ่าหูเบา ต่อไปแค่ตนพูดจาหว่านล้อม คงยังเอากลับมาได้สักสองสามตำลึง แต่หากตกอยู่ในมือของจื่อหังละก็ นางคงไม่มีโอกาสเลยแน่นอน

"ท่านแม่ นั่นคือเงินที่ข้าเตรียมไว้แสดงความกตัญญูต่อท่าน"

ซูเฟิ่งอี๋รีบพูดขึ้น

เมื่อได้ฟังดังนั้นแม่เฒ่าตระกูลซูจึงได้มองไปยังซูจื่อหังอย่างช้า ๆ ขมวดคิ้วและสั่งว่า "จื่อหัง เอาเงินไปให้ป้าของเจ้าซะ”

ถูซินเยว่เมื่อได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมาทันที กว่าเธอจะขโมยเงินนี้มาได้ จะเอากลับคืนไปให้ซูเฟิ่งอี๋ง่าย ๆ ไม่ได้

ดีที่ซูจื่อหังเองก็ไม่ใช่คนโง่ กำกระเป๋าใยป่านแน่น แล้วกล่าวเสียงเรียบ ๆ “นี่คือเงินของซินเยว่”

"เหลวไหล!" ซู่เฟิงอี้ยิ้มเยาะและสาปแช่ง "นางอ้วนอัปลักษณ์ถูซินเยว่ เข้าบ้านวันแรกก็ทำตัวเป็นหัวขโมย เงินจำนวนนี้มันเป็นของข้าชัด ๆ แต่นางอ้วนอัปลักษณ์เข้ามาขโมยไปจากห้องของข้า”

เธอจำได้แน่ชัดว่าเอาเงินซ่อนไว้ใต้เตียง แต่นางอ้วนอัปลักษณ์กับขโมยไปได้

คำก็อ้วน สองคำก็อ้วน

ถูซินเยว่เริ่มไม่สบอารมณ์ งอเข่าลงเล็กน้อยแล้วนั่งกดทับไปที่ท้องของนางอย่างสุดแรง

ซูเฟิ่งอี๋ตะโกนดังลั่นใบหน้าบิดเบี้ยว "โอ้ย แม่เจ้าโว้ย...."

"นั่นคือกระเป๋าเงินของแม่ข้า ข้าจำได้ กระเป๋าเงินของแม่ข้า!" ถูซินเยว่ชี้ไปที่กระเป๋าเงิน ตบมือพลางร้องตะโกนเสียงดัง ตะโกนไปพร้อมทั้งนั่งโยกตัวเป็นจังหวะไปบนท้องของซูเฟิ่งอี๋ กดร่างที่อยู่ใต้บั้นท้ายของตนไว้จนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

คำพูดของถูซินเยว่ไม่มีที่มาที่ไป แต่กลับทำให้ทุกคนหยุดฟัง

หากกระเป๋าเงินนี้เป็นของลูกสะใภ้คนที่สี่ของตระกูลถู ถ้าเช่นนั้นเงินในกระเป๋าก็น่าจะเป็นของบ้านของบุตรชายคนที่สี่ของตระกูลถู วันนี้ซูเฟิ่งอี๋ไปยกเลิกการแต่งงานที่บ้าน ไม่แน่ว่าบ้านของบุตรชายคนที่สี่ของบ้านตระกูลถูอาจจะรู้สึกผิดที่ยัดเยียดลูกสะใภ้มาแบบนี้ จึงยัดเงินสิบตำลึงนี้มอบให้

หากเป็นเช่นนั้น เงินจำนวนนี้ก็ควรจะเป็นของครอบครัวของซูจื่อหั่ง ไม่ใช่ของซูเฟิ่งอี๋

ซูจื่อหังนิ่วหน้าพลางกล่าวว่า "ในเมื่อเงินนี้ไม่ใช่ของท่านป้า ถ้าเช่นนั้นท่านป้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอากลับไป” พูดจบเขาก็เอากระเป๋าเก็บเข้าไว้ในแขนเสื้อ และไม่ใส่ใจพวกเขาอีกต่อไป

แม่เฒ่าตระกูลซูหางตากระตุก พูดขึ้นว่า “จื่อหัง เจ้าหมายความอย่างไร? ต่อให้เป็นเงินที่ตระกูลถูมอบให้พวกเจ้า เจ้าก็ต้องเอามาให้ข้า”

ตระกูลซูยังไม่แยกครอบครัว ทุกคนในครอบครัวกินข้าวจากหม้อเดียวกัน ใครมีเงินก็ต้องมอบให้

หากเป็นเมื่อก่อน ซูจื่อหังก็อาจจะมอบให้พวกเขาไปแล้ว

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับนางหยู ท่าทีของพวกเขาช่างน่าผิดหวังเสียเหลือเกิน

"เงินจำนวนนี้ ข้าไม่มีทางให้พวกท่าน"
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 381 ช่างคล้ายคลึงนัก

    ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตู ปะเหมาะเวลานี้ จวนแม่ทัพหลิ่วก็มีคนเดินออกมาเช่นกัน"คนนี้ก็คือใต้เท้าซูที่เจ้าชอบอย่างงั้นหรือ" ฮูหยินหลิ่วเหลียวมองบุตรีซึ่งอยู่ข้างกาย สื่อเป็นนัยให้อีกฝ่ายอย่าได้วู่วามทุกวันนี้คราใดที่หลิ่วโหรวโหรวเห็นถูซินเยว่กับซูจื่อหังเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทีรักใคร่ปรองดอง นางจะรู้สึกเดือดดาลในใจ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดกระนั้นนางทำเสียงฮึดฮัด "ถูซินเยว่มีวันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีซูจื่อหัง แต่คอยดูไปเถิด หญิงบ้านนอกเช่นนาง ใหม่ ๆ ยังพอทำให้ซูจื่อหังพอใจได้บ้าง แต่พอนานวันเข้า ได้เห็นสาวงามในเมืองหลวงมากมาย ความรักของพวกเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อนได้อีก ก็แสดงว่าผิดมนุษย์แล้ว"ฮูหยินหลิ่วแสดงท่าทีนิ่งเฉยแต่บุตรีพูดก็มีเหตุผล ผู้ชายในโลกนี้น้อยนักที่จะไม่คิดได้ใหม่ลืมเก่า ยกตัวอย่างเช่นสามีของนาง ในอดีตก็เคยให้คำมั่นสัญญา ว่าแม้เป็นหรือตายก็จะขอรักอดีตคนรักเพียงผู้เดียว แต่พอบ้านเขาประสบภาวะเดือดร้อน สุดท้ายก็มาเลือกแต่งงานกับตน จนบัดนี้ลืมหน้านังคนแพศยานั่นไปถึงไหนต่อไหนแล้วแสดงว่าความจริงใจของผู้ชายคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปกติเสแสร้งทำเป็นรักมั่นจริงใจ แต่พอเอ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 380 ลูกสาวจอมโง่เขลา

    หากซูจื่อหังไม่รังเกียจถูซินเยว่แล้วล่ะก็ งั้นต่อให้หลิ่วโหรวโหรววทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่สามารถเข้าไปในจวนสกุลซูได้ดั่งใจปรารถนาหรอกแต่น่าขําที่ลูกสาวคนนี้ของนางกลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เลย รู้แต่ไปเหยียดหยามถูซินเยว่อย่างโง่เขลาเท่านั้นนี่ถ้าทําให้ถูซินเยว่อับอายต่อหน้าทุกคนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับยังโดนถูซินเย่วตอบโต้กลับมาจนขายหน้า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลิ่วก็ไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวคนนี้แม้แต่นิดนางขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพ่อเจ้า ถ้าพ่อเจ้ารู้ ดูสิว่าเขาจะสั่งสอนเจ้ายังไง เจ้าระวังตัวหน่อย"ภายใต้การเกลี้ยกล่อมและคําเตือนของฮูหยินหลิ่ว ในที่สุดหลิ่วโหรวโหรวก็หลับตาลง นางนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ทั้งหน้ามีแค่อารมณ์เดียวนั่นก็คือ นางไม่มีความสุขฮูหยินหลิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม ตําแหน่งของนาง มีเพิงดอกไม้อยู่ตรงกลางบดบังร่างของถูซินเยว่พอดี ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงโครงร่างผ่านเถาวัลย์อย่างคลุมเครือเท่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 379 จางเยียนหรัน

    วันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนมาซูจื่อหังเคยพูดกับนางว่า เขากับตระกูลจางเข้ากันได้ดีในราชสํานัก ดังนั้นวันนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้กับตระกูลจาง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาทเห็นเหล่าฮูหยินกับหลิ่วโหรวโหรวเพิ่งเยาะเย้ยเธอเมื่อครู่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถูซินเยว่ก็สบายใจไม่น้อย ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยตัวเองไม่สนใจใครทั้งนั้นในขณะที่เธอกําลังกินอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มีคนผลักแขนของเธอเบา ๆถูซินเยว่นิ่งงันไปพักหนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้ เห็นหญิงสาวในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กําลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไร้เดียงสา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อยถูซินเยว่เคยเห็นคนมามากมาย เรื่องเหล่านี้เธอยังพอสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"ถ้าเธอจําไม่ผิด คนที่นั่งข้างเธอเมื่อกี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เยาะเย้ยเธ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 378 หน้าแตก

    ถูซินเยว่ชะงัก และรู้สึกตลก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกประหลาดใจ ตอนที่ออกจากมาตอนเช้า เธอได้สวมใส่เครื่องประดับมาหลายชิ้นจริงๆแต่ระหว่างทาง ถูซินเยว่รู้สึกว่าต่างหูระเกะระกะเกินไป จึงแอบถอดมันออกและวางไว้บนรถม้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในงานเลี้ยงจะมีคนไม่กินไม่ดื่ม แต่หันมาจับจ้องที่เครื่องหัวของตนเองแทนถูซินเยว่ยื่นมือไปจับที่ผมของตนเองอัตโนมัติ จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบว่า "ในเมื่อวันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพ แขกสำคัญจึงเป็นตระกูลจาง แล้วเหตุใดข้าจักต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้น""จนก็ยอมรับว่าจนเถอะ จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมายไปทำไม ในที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเจ้ามาจากบ้านนอก ข้าเองก็แค่รู้สึกเสียดายแทนใตเท้าซูเท่านั้น ทั้งที่มีมีอนาคตอันดี หากแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางสักคน ก็คงยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แต่กลับเลือกจะเฝ้าอยู่แค่หญิงชาวบ้านเฉกเช่นเจ้า..."ประโยคหลังแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อจนจบ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงแม้บนใบหน้าของถูซินเยว่จะแสดงสีหน้าใดๆ แต่สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าย่ำแย่มากแล้วนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมานาน ก็พอจะรู้ว่าถูซินเยว่ไม่ได้ไม่มีเงิน และเงินส่วนใ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 377 ดูถูก

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านต้าเย่ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถโกรธแค้นกันจนตัดญาติขาดมิตรไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่ในตระกูลถู เพียงเพื่อสินสอดของตระกูลเหลียง ถูชิวหลานก็ดันทุรังจะสับเปลี่ยนตัวเธอกับลูกสาว ภายหลังยังไม่ยอมรับด้วย แถมยังผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าของร่างหากเธอไม่ได้ข้ามิติมาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างซื่อบื้อคนนั้น นางจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลซูอย่างไร เกรงว่าคงเหลือแต่เสี้ยววิญญาณแล้วอย่างด้านซูเฟิ่งอี๋ในตระกูลซู ตอนนั้นพวกเขาเองก็หวงแหนเงินเล็กๆ น้อยๆ เห็นชีวิตนางหยูกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่ยอมรักษาให้นางเรื่องราวของญาติสนิทมิตรสหายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวเพียงเพื่อผลประโยชน์และเงินทองมีมากมายเกินกว่าจะพูด ขนาดบ้านเธอยังเป็นเช่นนี้ แล้วต้าฉีที่มีบ้านสกุลมากมายขนาดนี้ล่ะชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อาจทำไปเพื่อเงินทอง แต่องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่ กลับทำเพื่อแก่งแย่งแผ่นดิน ขนาดที่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย และไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"ชีวิตคนเรามีหลายเรื่องที่มักไม่เป็นดังที่หวัง ข

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 376 อิจฉา

    "วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจาง ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพูดคุยเรื่องอะไรกับข้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในที่ๆ ไม่มีคนเช่นนี้?"ชายผู้นั้นหัวคิ้วกระตุก รีบก้มศรีษะลงแล้วพูดว่า "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมทราบว่าองค์ชายสามเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไหนแต่ไรมา การที่บุตรสายตรงรับสืบราชบัลลลังก์ต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แล้วไฉนองค์ชายสามจึงมิตั้งใจเป็นข้าราชบริพานบริสุทธิ์ คอยค้ำจุนเสด็จพี่ของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"ฉีหวานหัวดราะเสียงดัง น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พร้อมสีหน้าเย็นชา "แม่ทัพหลิ่วพูดเช่นนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนที่ข้าพบกับมือสังหารไล่เอาชีวิตตอนที่รีบเดินทางกลับมาจากเป่ยเจียงอันไกล แม้วันนี้ข้าไม่พูด เชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทราบดีว่าเป็นฝีมือของใคร?"ถูซินเยว่ที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักงัน ที่แท้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉีหวานก็คือแม่ทัพหลิ่วนี่เอง หากนางจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูตระกูลจาง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวก็คือแม่ทัพหลิ่วผู้นี้สินะ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถูซินเยว่ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status