นิโคไลมองตามหลังคุณหมอด้วยสายตาคาดโทษ เมื่อวานเขาให้ลูกน้องเฝ้าทุกทางเข้าออกโรงพยาบาลแต่เธอก็ยังหนีไปได้ พอจะโทรหาเธอก็บล็อกเบอร์ของเขา ชายหนุ่มไปดักรอที่คอนโดก็ปรากฏว่าเธอไม่ได้กลับไปค้างที่นั่น
ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกเสียหน้าแบบนี้มาก่อนวันนี้เขาจะต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่องถ้าเธอไม่ยอมคุยดีๆ ก็คงต้องใช้ไม้แข็งกันบ้าง
“นิค มีอะไรกับคุณหมอหรือเปล่า แม่เห็นลูกมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ นะ”
“เปล่าครับแม่”
“เมื่อไหร่นิคจะกลับไปทำงานสักที แม่ว่าทิ้งงานมานานจะไม่ดีเอานะ” ถึงแม้งานของลูกชายไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัทตลอดแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาทิ้งภาระให้ผู้ช่วยมากจนเกินไป
“ผมบอกแม่แล้วไงครับ ผมจะอยู่ที่นี่จนกว่ายายหนูจะออกจากโรงพยาบาล”
“อย่าไล่เขากลับเลยค่ะแม่ ที่ผ่านมาเขาทำงานมาตลอด ช่วงนี้ก็ถือว่าเขาพักร้อนแล้วกันนะคะ”
“แม่ก็อดห่วงไม่ได้นี่เคท”
“แม่ครับบอริสทำงานกับผมมาเกือบสิบปีผมเชื่อมือเขาครับ”
“งั้นก็ตามใจ แล้วอยู่แต่ในโรงพยาบาลไม่อึดอัดเหรอ แม่ว่าไหนๆ ก็ไม่กลับรัสเซียแล้วนิคน่าจะหาเวลาเที่ยวบ้างนะ”
“ผมไม่รู้จะไปเที่ยวไหนนี่ครับแม่”
“ก็ให้ธนัทพาไปสิ” เธอหมายถึงคนสนิทของเขาที่เป็นทั้งผู้ช่วย คนขับรถรวมทั้งเป็นบอดี้การ์ดของลูกชาย
“ไม่ล่ะครับ ไปกับธนัทน่าเบื่อแย่”
“งั้นก็หาสาวๆ สักคนสิ เอาไหม เดี๋ยวแม่ถามเพื่อนๆ ให้ว่ามีลูกสาวใครยังโสดอยู่บ้าง”
“แม่เลิกคิดที่จะจับคู่ผมเลยครับ ผมบอกแล้วว่าจากนี้จะอยู่เป็นโสด”
“แม่ไม่อยากเห็นนิคอยู่คนเดียวตอนแน่นี่ลูก หาใครสักคนมาอยู่ด้วยไหม”
“แม่ครับ ผู้หญิงแต่ละคนที่เข้ามาหาผมก็ต้องการเงินด้วยกันทั้งนั้น มีใครสักคนไหมที่จริงใจกับผม”
“แม่ว่าคงต้องมีสักคนแหละ ลูกลองเปิดใจดูสิ ไม่แน่นะ ลูกชายของแม่อาจจะเจอเนื้อคู่ในโรงพยาบาลนี้ก็ได้นะ”
“ใช่ค่ะ เคทว่าที่นี่ทั้งหมอและพยาบาลสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ”
“แม่เห็นด้วยนะ โดยเฉพาะหมอพั้นช์ทั้งสวยทั้งเก่ง”
“แม่ครับ อย่าลืมนะครับว่าเธอคือคนที่ทำให้ยายหนูของเรานอนอยู่ในตู้อบ”
“นี่นิคยังคิดว่าเป็นความผิดของเธออีกเหรอลูก”
“ก็ใช่สิครับแม่”
“เคทว่าพี่นิคพาลมากกว่า”
“แม่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ อย่าให้แม่รู้นะว่าเราแอบทำอะไรหมอลับหลังแม่”
“ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับแม่”
“ไม่รู้แต่แม่สั่งห้ามเลยนะ อย่าทำอะไรหมอพั้นช์เด็ดขาด” นิชาภามองหน้าลูกชายอย่างไม่ไว้ใจเพราะดูเหมือนตอนนี้นิโคไลกำลังจะทำอะไรบางอย่าง
“แม่ระแวงเกินไปแล้วครับ”
“แล้วนั่นจะไปไหนล่ะนิค”
“กลับบ้านครับแม่”
“งั้นแม่กลับด้วยเลยละกัน วุฒิแม่ฝากเคทด้วยนะคะ”
“ครับแม่” อรรถวุฒิ
“เคทแม่ไปก่อนนะลูก พรุ่งนี้จะมาแต่เช้า”
“ค่ะแม่”
นิโคไลต้องเลิกล้มความตั้งใจที่จะตามพัณณ์ชิตาไปก่อนชายหนุ่มไม่อยากให้มารดาสงสัย แต่เขาก็ให้ลูกน้องคอยตามดูเธอ เพราะยิ่งเธออยากจะหนีนั่นก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะตามติดเธอมากขึ้น
แต่เหมือนวันนี้เธอจะหนีเข้าไม่พ้นเพราะขณะที่รถตู้คันหรูของเขากำลังจะเลี้ยวออกจากโรงพยาบาลมารดาของเขาก็ตาดีเห็นว่าตอนนี้หญิงสาวกำลังยืนรอใครอยู่
“นั่นหมอพั้นช์นี่”
“คุณผู้หญิงจะให้ผมจอดไหมครับ” ธนัทหันมาถาม ก่อนจะสบตากับนิโคไลอย่างรู้ทัน
“จอดเลยเดี๋ยวฉันจะชวนหมอพั้นช์กลับด้วย”
พอรถจอดสนิทคุณนิชาภาก็เปิดประตูรถก่อนจะส่งยิ้มไปให้คุณหมอคนสวยที่เธอรู้สึกถูกชะตาจนอยากจะจับคู่ให้กับลูกชาย
“หมอพั้นช์ กำลังจะกลับเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ คุณป้าก็กำลังจะกลับเหรอคะ”
“จ้ะ ป้ากำลังจะกลับบ้านพอดีเลย หมอพั้นช์รอใครอยู่หรือเปล่า”
“พั้นช์รอแท็กซี่ค่ะ”
“ขึ้นมาเถอะ เดี๋ยวป้าไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ พั้นช์กลับเองได้ค่ะ”
“อย่าเสียเวลาชวนเลยครับแม่ ดูแล้วคุณหมอคงไม่เชื่อใจพวกเราเท่าไหร่ถึงได้ทำท่าทางรังเกียจแบบนั้น” นิโคไลแกล้งพูดดักคอเพราะรู้ว่ายังไงเธอต้องไม่ยอมแน่ๆ
“พั้นช์ไม่ได้รังเกียจนะคะ พั้นช์แค่เกรงใจค่ะคุณป้า” เธอพูดพร้อมกับหันมามองชายหนุ่มอีกคนอย่างเอาเรื่อง
“ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ ขึ้นมาเถอะนะ”
พอเห็นเธอตกลง เขาก็ขยับไปนั่งที่เบาะแถวหลังเพื่อให้พัณณ์ชิตานั่งคู่กับมารดา
“หมอพั้นช์พักอยู่แถวไหนจ๊ะ”
“คอนโด XXX ค่ะ”
“แล้วไอ้คอนโด XXX นี่มันไกลจากโรงพยาบาลไหม พอดีป้าไม่ค่อยได้มาแถวนี้น่ะ”
“ไม่ไกลหรอกค่ะ”
“แล้วพักอยู่คนเดียวหรือเปล่า มีใครรอทานข้าวเย็นด้วยไหม”
“ไม่หรอกค่ะ พั้นช์พักคนเดียวค่ะ”
“จะเป็นไรไหมถ้าเย็นนี้ป้าจะชวนไปทานข้าวที่บ้าน”
“พั้นช์ว่าเอาไว้คราวหน้าดีกว่าไหมคะ วันนี้มันกะทันหันไปหน่อยพั้นช์ไม่อยากรบกวนค่ะ”
“ไม่รบกวนเลย เดี๋ยวขากลับป้าจะให้ลูกชายป้าขับรถมาส่งเอง ไม่ดึกหรอกป้ารู้ว่าพรุ่งนี้หมอต้องทำงานแต่เช้า”
“ก็ได้ค่ะ” เพราะเห็นว่าคุณนิชาภาเป็นผู้ใหญ่ใจดีและดูเหมือนอยากจะชวนเธอจากใจจริง พัณณ์ชิตาจึงยอมตามเธอที่บ้าน
รถตู้แล่นเข้ามาจอดยังตึกทรงยุโรปขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตาที่บริเวณรอบๆ รายล้อมไปด้วยต้นไม่นานาชนิดดูแล้วให้ความร่มรื่นและสบายตา
“หมอพั้นช์หิวหรือยังจ้ะ”
“ยังค่ะคุณป้า”
“เดี๋ยวป้าขอไปดูในครัวก่อนนะ หมอนั่งคุยกับลูกชายป้าไปก่อนก็แล้วกันนะ”
“ค่ะ”
“เมื่อวานคุณหายไปไหนมา แล้วเมื่อคืนคุณไปนอนที่ไหน” นิโคไลถามทันทีหลังจากมารดาเดินเข้าไปในห้องครัวแล้ว
“คุณนิโคไลคะ ฉันไม่ใช่ทาสคุณนะคะที่จะต้องคอยรายงานตลอดว่าวันๆ หนึ่งฉันไปไหนไปทำอะไรมากบ้าง”
“คุณตั้งใจจะหลบหน้าผมใช่ไหม”
“ฉันจะหลบหน้าคุณทำไมคะ ลูกน้องคุณไม่ได้เรื่องเองต่างหาก ฉันเห็นนะว่าคุณให้พวกเขาเฝ้าทางออกไว้ตลอด”
“แต่คุณก็ยังหนีออกไปได้”
“ฉันไม่ได้หนีเลย ฉันก็ออกไปตามปกติ พวกเขาไม่เห็นฉันเอง แล้วถ้าคนอย่างฉันตั้งใจจะหนี ฉันคงไม่กลับมาทำงานและยังมาทานข้าวที่บ้านของคุณหรอกนะคะ”
“ไม่หนีก็ไม่หนี” นิโคไลหัวเราะในลำคอ นานแล้วที่เขาไม่เคยเจอใครแบบคุณหมอคนสวยคนนี้ เธอต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่เอาแต่วิ่งเข้าหา แต่พัณณ์ชิตากลับอยากจะหนีให้พ้นจากเขา มันเลยทำให้เขารู้สึกสนุกและอยากเอาชนะเธออย่างที่สุด
“หมอพั้นช์ลางานตั้งหลายวันครั้งนี้จะไปเที่ยวไหนคะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจถามคุณหมอสาวที่มักจะใช้วันหยุดไปกับการท่องเที่ยวและมีของฝากติดไม้ติดมือมาเป็นประจำ“ครั้งนี้คิดว่าจะพักผ่อนอยู่บ้านจริงๆ ค่ะ เจอกันวันจันทร์หน้านะคะ” พัณณ์ชิตาอยากให้เวลากับนิโคไลบ้างเพราะที่ผ่านมาเธอทำแต่งานหนักมาโดยตลอดพัณณ์ชิตาบอกพยาบาลที่หน้าห้องตรวจก่อนจะรีบมาขึ้นรถซึ่งนิโคไลมารออยู่ก่อนแล้ว“เหนื่อยไหมครับ” ชายหนุ่มส่งน้ำเย็นให้เธอ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่มารับคนรัก“ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับน้ำมาดื่มจากนั้นทั้งสองคนก็ไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านประจำซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากเพนท์เฮาส์“ผมขอทำงานต่ออีกนิดนะครับ” นิโคไลบอกคนรักเมื่อมาถึงบนห้อง“ได้ค่ะ”พัณณ์ชิตากลับมายังห้องนอนยังไม่ทันได้เข้าห้องน้ำก็มีข้อความจากหมอปิญชาน์แจ้งผลการตรวจเลือดและนั่นก็ทำให้เธอยิ้มออก ไม่ใช่แค่ผลจากหมอปิญชาน์ แต่เธอยังไม่ตรวจที่อื่นมาแล้วเมื่อตอนบ่าย หญิงสาวยิ้มด้วยความดีใจที่ทุกอย่างมันผ่านไปได้ เธออาบน้ำอย่างสบายใจจนลืมไปว่านิโคไลก็รอฟังผลเลือดอยู่เหมือนกันเมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกข่าวดีกับเขาก็รีบอาบน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แต
วันนี้พัณณ์ชิตามาเจาะเลือดที่คลินิกของหมอปิญชาน์หลังจากที่ทานยาครบ 28 วันแล้ว ไม่ว่าผลการตรวจเลือดจะออกมายังไงนิโคไลก็ยังยืนเหมือนเดิมว่าเขาจะแต่งงานกับเธอซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือนแล้ว “เดี๋ยวพี่จะเอาเลือดไปส่งเอง พั้นช์ไปรอฟังผลที่บ้านก็ได้นะ” “นานไหมครับหมอ” นิโคไลถาม “ไม่เกิน 2 ชั่วโมงครับ” “ถ้าผลเป็นลบก็หยุดยาแล้วมาตรวจซ้ำอีกครั้งหลังจากวันนี้อีกสองเดือน” “แล้วถ้าผลเป็นบวกล่ะครับ” “ถ้าผลเป็นบกต้องตรวจเพิ่มว่าระดับเชื้อมีมากน้อยแค่ไหนจากนั้นก็จะเริ่มทานต้านเชื้อครับ แต่ผมว่าดูแล้วโอกาสที่จะติดเชื้อแทบไม่มีเลย พั้นช์ก็อาการปกติดี” “ขอบคุณครับหมอชาน์” “พั้นช์ออกไปรอข้างนอกก่อนได้ไหม พี่ขอปรึกษาอะไรคุณนิคสักหน่อย” ปิญชาน์บอกคุณหมอรุ่นน้อง “ขอพั้นช์ฟังด้วยไม่ได้เหรอคะ” “มันเป็นเรื่องของผู้ชายพั้นช์อย่าฟังเลย” “ก็ได้ค่ะ” พัณณ์ชิตาเดินออกไปแล้วปิญชาน์ก็ให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับนิโคไลเพราะรู้ว่าผู้ชายทุกคนนั้นมีความต้องการในเรื่องอย่างว่า “ขอบคุณค
“เป็นอะไรหรือเปล่าพั้นช์” นิโคไลถามคนรักทันทีที่เธอขึ้นมานั่งบนรถ “มีเรื่องเครียดนิดหน่อยค่ะ” “ผมช่วยอะไรได้ไหมครับ” “ใครก็ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ” “ผมไม่รู้ว่าปัญหามันคืออะไร ถึงผมช่วยไม่ได้แต่ให้กำลังใจพั้นช์ได้ใช่ไหมครับ” เขาจับมือเล็กๆ ขึ้นมาแล้วจูบไปบนหลังมือเบาๆ “ขอบคุณค่ะนิค เรารีบกลับเถอะค่ะพั้นช์เหนื่อยมากอยากนอนพักแล้ว” “พั้นช์หลับเลยก็ได้นะครับ” พัณณ์ชิตาหลับตาลงช้าๆ เธอไม่ได้เหนื่อยอย่างที่พูดเลยสักนิดแต่เธอกำลังเครียดกับปัญหาที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่และก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มพูดกับเขายังไง “ที่รักถึงแล้วถ้าไม่ไหวให้ผมอุ้มไปนะ” “ไม่เป็นค่ะนิค พั้นช์ไหว” พอมาถึงบนห้องก็รีบอาบน้ำและเข้านอนซึ่งนิโคไลก็เข้าใจว่าคนรักเหนื่อยจากการทำงานจริงๆ เพราะเมื่อเช้าเธอบอกเขาว่าวันนี้มีผ่าตัดถึงสามเคสด้วยกัน ชายหนุ่มนั่งทำงานต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะอาบน้ำและเข้านอนตามเธอไป พัณณ์ชิตายังนอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างรอผลเลือดหนึ่งเดือนนี้เธอต้องหาทางอยู่ห่างจากเขาให้ม
อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะถึงงานแต่งงานแล้ว การเตรียมงานเป็นไปตามแผนที่คิดไว้ ทั้งสองคนเลือกไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่ภูเก็ตเพราะที่นั่นเป็นจุดที่ทั้งสองตกลงใช่ชีวิตร่วมกัน ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วเหลือแค่รอเวลาเพียงเท่านั้น พัณณ์ชิตายังคงทำงานอย่างเดิมแต่ก็วางแผนไว้แล้วว่าหลังแต่งงานเธอจะรับขึ้นเวรให้น้อยลงเพราะอย่างแบ่งเวลาให้กับครอบครัว ซึ่งเรื่องนี้นิโคไลก็ให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง ส่วนเขาก็ยังคงทำงานที่บริษัทของตนเองและบิดาที่ย้ายออฟฟิศมาไว้ที่ตึกฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาล “หมอพั้นช์ไหวไหมคะ” พยาบาลประจำห้องผ่าตัดถามเธอขึ้นเพราะวันนี้พัณณ์ชิตาผ่าตัดไปถึงสามเคสและเคสสุดท้ายเป็นที่ค่อนข้างหนักเพราะคนไข้มีเชื้อ HIV แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี” “ไหวค่ะพี่ไก่” “หมอพั้นช์อึดมากๆ เลยนะคะ” “พี่ไก่เหมือนกันนะคะ ถ้าไม่ได้พี่พั้นช์ก็คงแย่” เพราะพี่ไก่หรือปัทมานั้นเป็นพยาบาลที่คอยส่งเครื่องมือให้เธอในห้องผ่าตัด ทั้งสองทำงานเข้าขากันดี บางครั้งเธอแทบไม่ต้องบอกพี่พยาบาลก็หยิบเครื่องมือมารออยู่แล้ว “พี่ดูตารางผ่าตัดแล้ว เดือนนี้หมอพั
กลับมาถึงเมืองไทยชีวิตของพัณณ์ชิตาก็ดำเนินต่อไปตามปกติ ในทุกๆ วันนิโคไลจะคอยตามรับส่งจนใครๆ ต่างก็พากันอิจฉา แม้ว่าต้องทำงานบริษัทของตนเองและบิดาแต่นิโคไลก็บริหารเวลาได้ดี “พั้นช์ครับ ผมแต่งตัวโอเคไหม” “หล่อแล้วค่ะ” พัณณ์ชิตามองคนรักที่วันนี้เขาเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวต่างจากวันปกติที่มักจะสวมแต่สีโทนมืด “มันดูเข้ากับคุณไหม” “เข้าสิคะ นิคคะคุณไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้เข้ากับพั้นช์หรอกนะคะ แต่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว” “ผมอยากเปลี่ยนตัวเองบ้าง เบื่อแล้วสีมืดๆ ดูไม่สดชื่นเลย แล้วผมก็อยากดูดีในสายตาของเพื่อนคุณ”วันนี้พัณณ์ชิตานัดทานอาหารกับเพื่อนซึ่งบังเอิญว่าเข้ามาประชุมวิชาการกันที่กรุงเทพหญิงสาวจึงนัดทานอาหารเย็นกับทุกคนและเธอก็ตั้งใจจะบอกข่าวดีให้เพื่อนๆ ได้ทราบ“เราต้องเตรียมการ์ดไปให้เพื่อนๆ ไหมครับ”“พั้นช์เอาใส่กระเป๋าไว้แล้ว ไปกันเถอะค่ะ”“เดี๋ยวสิ ลืมอะไรหรือเปล่า”“ไม่นะคะ หญิงสาวเปิดกระเป๋าถือของตนเองเช็กแล้วว่าด้านในมีการ์ดแต่งงาน โทรศัพท์รวมทั้งกระเป๋าเงินอยู่ครบแล้ว“ผมไม่ได้หมายถึงของในกระเป๋า”“แล้วหมายถึงอะไรล่ะคะ” หญิ
สายของวันใหม่พัณณ์ชิตาถึงรู้สึกตัวตื่น เมื่อคืนทั้งเธอและคนรักต่างกระโจนเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีเรี่ยวแรงตอบสนองเขาได้มากขนาดนั้น เธอไม่รู้ว่ามันมากไปหรือเปล่าเพราะไม่เคยมีประสบการณ์กับคนอื่นมาก่อน แต่ถ้าถามว่ามีความสุขไหมคุณหมอสาวก็ตอบได้อย่างไม่อายเลยว่ามันมีความสุขมาก สุขจนนึกว่าทุกอย่างเป็นความฝัน เธอนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อวานถ้านิโคไลกลับมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง ถึงแม้จะยิงอังเดรไปแล้วแต่ก็ยังมีลูกน้องของเขาที่รออยู่ทางด้านนอกอีกอย่างน้อยสองคน “โทรศัพท์” พัณณ์ชิตานึกได้ว่าเมื่อวานได้อัดเสียงสนทนาไว้ จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องทรุดลงข้างเตียงเพราะขาเธอแทบมีแรงอีกทั้งยังปวดร้าวไปทั้งตัว “โอ๊ยยย...” “พั้นช์ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” นิโคไลที่เดินขึ้นมาบนห้องนอนพอได้ยินเสียงก็รีบเข้ามาพยุงเธอขึ้นมานั่งบนเตียง “นิคคะ โทรศัพท์ของพั้นช์อยู่ที่ห้องรับแขก ช่วยไปเอาให้หน่อยได้ไหมคะ” “ผมเห็นแล้วแต่แบตมันหมดตอนนี้ชาร์ตอยู่ เดี๋ยวผมเอามาให้แบตน่าจะเต็มแล้ว” พัณณ์ชิตานั่ง