แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉินหงขมวดคิ้วและถามว่า “ไฉนท่านมองข้าเช่นนั้นเล่า?”

ฉินซูยิ้มอย่างสงบและพูดว่า “ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากจะบอกว่า หากมู่หรงฟู่มิชอบก็ยังมีหลินชิงเหยามิใช่รึ?”

บุตรีสุดที่รักของใต้เท้าหลินเป็นหนึ่งในห้าของสาวงามแห่งหลงเฉิงของเรา ด้วยความงามเช่นนี้ ตราบใดที่มู่หรงฟู่มิใช่ขันที ก็คงไม่มีทางที่เขาจะมิถูกนางล่อลวงหรอกใช่หรือไม่?”

ครั้นได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของฉินหงก็แสดงถึงความมิพอใจทันใด!

ขุนนางคนอื่น ๆ ก็มีการแสดงออกที่แตกต่างกันออกไป

มีผู้ใดมิรู้บ้างเล่าว่า หลินชิงเหยาเป็นคนรักของอ๋องฉี ฉินหง เมื่อฉินซูพูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาอยากมีปัญหากับอ๋องฉีใช่หรือไม่?

สีหน้าหลินซีดูมิพอใจ เขาประสานมือและโค้งคำรับไปทางฉินอู๋ต้าว “ฝ่าบาท บุตรีของข้าน้อยมีคนที่นางรักอยู่แล้ว ข้าน้อยมั่นใจว่าฝ่าบาทจะมิ…”

ยังมิทันที่เขาจะพูดจบฉินอู๋ต้าวก็โบกมือและขัดจังหวะเขา

“เสนาบดีหลิน เรื่องยังมิไปถึงขั้นนั้น ไฉนเจ้าต้องตื่นตระหนกนัก?”

“ข้าน้อย… ข้าน้อยเพียงกังวล…”

“มีสิ่งใดให้กังวลนัก? แม้ว่านางจะแต่งงานกับมู่หรงฟู่โดยมีข้าสนับสนุน เช่นนั้นเจ้าก็กลัวว่ามู่หรงฟู่จะกล้ารังแกนางรึ? อีกอย่างข้าเพิ่งบอกว่าเรื่องยังมิไปถึงขั้นนั้น หากมู่หรงฟู่ชอบองค์หญิงที่ข้าเลือกให้เล่า?”

เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิตรัสเช่นนี้หลินซีก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้า และมิพูดอะไร

ทว่าดวงตาของฉินหงที่มองไปที่ฉินซูกลับมืดมนลงเรื่อย ๆ

“เช่นนั้นเว่ยเจิงและเหลยเจิ้นอยู่ต่อก่อน ที่เหลือก็ออกไปได้ หากมีเรื่องใดจะหารือ เราจะหารือกันที่ราชสำนักในเช้าวันพรุ่ง”

หลังจากที่ฉินอู๋ต้าวพูดจบ ทุกคนก็โค้งคำนับด้วยความเคารพและถอยกลับอย่างเป็นระเบียบ

เมื่อมาถึงนอกท้องพระโรงฉินหงจ้องมองไปที่ฉินซูด้วยท่าทางที่ดุร้ายและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “องค์รัชทายาท ท่านรู้หรือไม่ว่าชิงเหยาเป็นคนรักของข้า ท่านพูดเช่นนั้นต่อหน้าเสด็จพ่อ ท่านคงมีเจตนาแอบแฝงจริง ๆ สินะ”

ฉินซูแสร้งทำเป็นประหลาดใจและเอ่ยว่า “หืม! นางเป็นคนรักของเจ้ารึ? แต่ข้าสงสัยนัก คนรักของเจ้ามาหาข้าที่ตำหนักบูรพาด้วยเหตุผลใดกัน?"

ได้ยินเช่นนี้หัวใจของฉินหงก็กระตุก

เกิดเรื่องอันใดขึ้น?

เขาส่งคนไปบอกชิงเหยาว่าอย่าไปที่ตำหนักบูรพาแล้วมิใช่หรือ?

เหตุใดนางถึงยังไป?

ยิ่งไปกว่านั้น รอยยิ้มบนริมฝีปากของฉินซูก็ดูน่าสนใจมากทีเดียว!

เป็นไปได้หรือไม่ว่าชิงเหยาจะ…

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ฉินหงก็ถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ฉินซู เจ้าทำอะไรกับชิงเหยา?”

ใบหน้าของฉินซูเคร่งขรึมขึ้นและพูดอย่างเย็นชา “ฉินหง พูดคุยกับข้าก็กรุณาสุภาพด้วย หากเจ้ากล้าเรียกข้าด้วยชื่ออีกครั้ง ตัวข้าจะกลับไปรายงานต่อองค์จักรพรรดิทันที!"

“เจ้า...”

ฉินหงแทบจะระเบิดโทสะ ในอดีตตนมักจะโต้เถียงกับฉินซูบ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งตนก็ได้เปรียบอยู่เสมอ

ทว่าครั้งนี้ เพียงคำพูดมิกี่คำกลับทำให้ตนเสียสมดุลเพียงนี้ได้อย่างไร?

เขากำลังตั้งใจที่จะเผชิญหน้ากับฉินซูอย่างแน่วแน่

ทว่าในเวลานี้หลินซีเสนาบดีกระทรวงการคลังกลับคว้าแขนของเขาไว้พร้อมส่ายหัวเล็กน้อย

ฉินหงหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “เสด็จพี่องค์รัชทายาท คอยดูแล้วกัน!"

หลังจากพูดจบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยย่างก้าวที่ใหญ่และมั่นใจ

ฉินซูพูดอย่างมิเหมาะสม “น้องสาม มีบางอย่างที่ข้าลืมบอกเจ้า”

ฉินหงหยุดทันใด และหันกลับมาถามอย่างเหลืออด “อะไร? ว่ามาสิ เวลาของข้าเป็นเงินเป็นทอง!"

“ฮิฮิ ไม่มีอะไรมาก ข้าแค่อยากจะบอกเจ้าว่า หลินชิงเหยาน่าทึ่งเสียจริง!”

หลังจากที่ฉินซูพูดจบก็ก้าวไปตบไหล่ฉินหง และหันหลังเดินออกไปอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ฉินหงตกตะลึงทันใดราวกับถูกฟ้าผ่า

หลังจากนั้นมินาน ในที่สุดเขาก็รู้สึกตัวและพูดว่า “ใต้เท้าหลิน ที่ฉินซูพูดเมื่อกี้หมายความเยี่ยงไร? เขาได้ชิงเหยา…”

หลินซีรีบปลอบ “ท่านอ๋องฉี หาอย่าได้ทรงคิดมากพ่ะย่ะค่ะ ชิงเหยาจะเป็นพวกมิรู้จักรักษาความบริสุทธิ์ได้อย่างไร?"

“พูดก็พูดเถอะ วันนี้นางไปที่ตำหนักบูรพาเพียงลำพัง ข้ากังวลว่าฉินซูจะเอาเปรียบนางไปแล้ว”

“ท่านอ๋อง ท่านทรงกังวลมากเกินไป ตำหนักบูรพามิใช่สถานที่ที่ฉินซูจะมีอำนาจปานนั้น ชิงเหยาเป็นลูกรักของกระหม่อม ฉินซูมิกล้ากระทำการโดยประมาทอย่างแน่นอน หากเขาทำ กระหม่อมจะไปรายงานต่อองค์จักรพรรดิ เช่นนั้นฉินซูก็จะยิ่งถูกปลดเร็วขึ้น!”

“ก็จริง ดูเหมือนว่าข้าจะคิดมากไป เพียงแต่ว่าไอ้สารเลวผู้นี้ ฉินซู ไฉนวันนี้เขาดูจึงเปลี่ยนไป เขามิเคยปากดีเยี่ยงนี้มาก่อน”

หลินซีดูเคร่งขรึมและพูดว่า “กระหม่อมเองก็สับสนมิแพ้กันพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรู้สึกว่า องค์รัชทายาทดูแตกต่างไปเป็นคนละคนพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาของฉินหงกะพริบเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามออกไปว่า “ใต้เท้าหลิน เจ้าคิดว่าสิ่งที่ฉินซูทำก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดงหรือไม่?”

หลินซีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “เป็นไปมิได้พ่ะย่ะค่ะ ในอดีตเขามัวแต่สํามะเรเทเมาเท่านั้น อีกทั้งเขายังทำลายสตรีผู้สูงศักดิ์มากมาย เรื่องพวกนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งราชสำนัก ด้วยเหตุนี้ องค์จักรพรรดิจึงได้ทรงมีพระดำรัสที่จะทรงปลดองค์รัชทายาทหลังวันชุนเฟินในปีหน้า”

“ทว่าหากเขายังสร้างความประทับใจให้องค์จักรพรรดิเช่นนี้ต่อไป เช่นนั้นเรื่องที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งคงได้สูญเปล่าเป็นแน่”

“ท่านอ๋องหาได้ต้องทรงกังวลไม่พ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงเราเติมเชื้อไฟเล็กน้อย จากนั้นเราจะรายงานต่อองค์จักรพรรดิให้ปลดเขาในมิช้าพ่ะย่ะค่ะ!”

ดวงตาของฉินหงสว่างขึ้น เขารีบถามว่า “แผนดี ๆ ของเจ้าคืออะไร มาบอกข้ามาเร็วเข้า!”

หลินซีหันมองไปรอบ ๆ และพูดว่า “ท่านอ๋อง ที่นี่คนมากมายนัก กลับไปแล้วค่อยคุยกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้ ไปกันเถอะ”

ในเวลาเดียวกันนั้น

ภายในพระตำหนักจินหลวน

ฉินอู๋ต้าวพิงบัลลังก์มังกรอย่างสบาย ๆ และถามอย่างมิใส่ใจว่า “เจ้าสองคน วันนี้พวกเจ้าสังเกตเห็นสิ่งใดผิดปกติกับองค์รัชทายาทบ้างหรือไม่?”

เว่ยเจิงรู้สึกสับสนเล็กน้อยและตอบว่า "ฝ่าบาท ข้าน้อยมิคิดเช่นนั้นำพ่ะย่ะค่ะ”

“เลิกแสร้งทำเป็นสับสนเถอะ ในอดีตฉินซูรู้วิธีดื่มสุราเคล้านารีเท่านั้น ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของราชวงศ์มากมาย เขามิรู้เรื่องอันใดเกี่ยวกับราชสำนักทั้งสิ้น วันนี้เขาตบองค์ชายแห่งเป่ยเยี่ยนและโต้กลับผู้อาวุโสของเป่ยเยี่ยนด้วย อีกทั้งเสนอแผนอันแยบยลสองประการ เจ้ามิคิดว่ามันแปลกรึ?”

“นี่......”

เว่ยเจิงมิรู้ว่าจะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแสดงรอยยิ้มที่เคอะเขินแต่สุภาพให้กับฉินอู๋ต้าว

ฉินอู๋ต้าวกลอกตามาที่เขาแล้วถามเหลยเจิ้นว่า “แล้วเจ้าคิดเช่นไร?”

“ฝ่าบาท วันนี้องค์รัชทายาทมีพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากเดิมพ่ะย่ะค่ะ บางทีองค์รัชทายาทอาจตระหนักได้ถึงความผิดพลาดในอดีต เช่นนั้นจึงตัดสินพระทัยที่จะกลับตัวกลับใจก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”

“โอ้ หากเขาเปลี่ยนได้จริง ๆ พระอาทิตย์คงจะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วกระมัง พวกเจ้าผู้เฒ่าทั้งสองเลิกแสร้งทำเป็นสับสนจ่อหน้าข้าได้แล้ว เจ้าคิดว่าข้ามิรู้แผนการเล็ก ๆ น้อย ๆ ในใจเจ้ารึ?”

เหลยเจิ้นส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม เปลี่ยนเรื่องแล้วถามว่า “ฝ่าบาท พระองค์ทรงวางแผนที่จะดำเนินการตามที่องค์รัชทายาทแนะนำหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

ฉินอู๋ต้าวถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า “นอกเหนือจากนั้นแล้วเราจะทำสิ่งใดได้อีกรึ? แน่นอนว่าเรามิสามารถคืนเมืองที่ทหารได้ทำงานอย่างหนักเพื่อยึดครองมาได้ใช่หรือไม่เล่า?”

“ฝ่าบาท หลังจากที่ข้าน้อยกลับมา เราจะหารือกับหลินซีและคนอื่นๆ และพยายามหาทางยุติภัยพิบัติโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นก็พอได้ ข้าจะเปิดเผยกับเจ้า ตราบใดที่มันมิมากเกินไปข้าก็จะสนับสนุน!”

เว่ยเจิงโค้งคำนับด้วยความเคารพ “ด้วยพระดำรัสของฝ่าบาท ข้าน้อยทราบว่าต้องทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ เพื่อมิให้เสียเวลา ข้าน้อยขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"

หลังจากที่เขาเดินออกไปแล้วฉินอู๋ต้าวก็ถามเหลยเจิ้น “เจ้ายังยืนกรานที่จะปลดองค์รัชทายาทจนกว่าจะถึงวันชุนเฟินในปีหน้าหรือไม่?”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ครั้งที่แล้วข้าไม่มีเวลาถามมากนัก เช่นนั้นตอนนี้ช่วยบอกเหตุผลให้ข้าฟังหน่อยเถอะ ในเมื่อเขาจะถูกปลดในมิช้าก็เร็ว ไฉนต้องทำเรื่องที่เกินความจำเป็นด้วยเล่า?”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 848

    ไช่ซือได้สติ ก็แผดเสียงคำราม “พลโล่รีบจัดทัพ ล้อมมันไว้ อย่าให้มันหนีไปได้!”“เฮ!”ท่ามกลางเสียงคำรามกึกก้องนั้น พลโล่กรูเข้ามาตั้งวงล้อมรอบส่วนทหารที่เหลือก็รีบหลบไปอยู่ด้านหลังพลโล่ภายในวงล้อมนั้น ในมิช้าก็เหลือเพียงฉินซู เกาตงและไช่ซือซึ่งเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่งกว่าใคร“เจ้าเป็นใคร จงเอ่ยนามมา!”เกาตงจ้องฉินซูอย่างดุดันแล้วตะโกนถามฉินซูยิ้มอย่างสุขุม มิได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับหัวเราะเยาะ “แค่เศษเหล็กพวกนี้ คิดว่าจะขังข้าได้รึ? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!”สิ้นคำเขาก็กระโจนร่างขึ้นสูง!“แย่แล้ว เขากำลังจะหนี! รีบหยุดมันไว้!”เกาตงสั่งการ พลหอกที่อยู่ด้านหลังพลโล่ก็รีบยกหอกขึ้นสูงแทงใส่ฉินซูที่อยู่กลางอากาศกระบี่ยาวในมือของฉินซูสะบัดหนึ่งครั้ง หอกเหล่านั้นก็หักกลางลำทันที!หลังจากนั้น ฉินซูมิเพียงแต่มิหนีไปไหน แต่กลับร่อนลงด้านหลังพลโล่ และสะบัดกระบี่ยาวในมืออีกคราเริ่มการสังหารอย่างบ้าคลั่งครั้นเห็นการกระทำของเขา เกาตงแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยโทสะจนต้องคำรามลั่น “กระจายกำลัง! รีบกระจายกำลังออกไป!”ขณะกล่าว เขาก็สั่งให้ไช่ซือและคนอื่น ๆ ไล่ตามฉินซูไปติด ๆแต่ฉินซูก็หาไ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 847

    แต่ทันใดนั้นเอง!จู่ ๆ ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากที่ไกลออกไป!ตามด้วยเสียงคำรามโทสะ “ข้าศึกบุก! ข้าศึกบุก! รีบตั้งรับเร็วเข้า!!”เมื่อได้ยินดังนั้น เกาตงและไช่ซือก็ต่างหัวใจสั่นสะท้าน!เมื่อได้สติ เกาตงก็ยิ้มเหี้ยมเกรียม “โคตรแม่งมันสิ กล้าลอบเข้ามาโจมตีกลางวันแสก ๆ เตรียมอาวุธ อย่าให้พวกมันรอดกลับไปได้!”“ขอรับ! เร็วเข้า! รีบเตรียมอาวุธรับมือ!”ไช่ซือสั่งการ เหล่าทหารที่ยังหลับใหลอยู่ต่างกระโดดออกมาจากกระโจมอย่างรวดเร็ว เข้าสู่สภาวะพร้อมรบทันใดพวกเขาติดตามเกาตงและไช่ซือวิ่งไปยังทิศทางของเสียงที่ดังขึ้น ทว่าทุกคนกลับต้องตะลึงงัน!เห็นเพียงร่างหนึ่งอยู่มิไกลข้างหน้า กำลังพุ่งเข้าสังหารฝูงชน!นอกจากนี้ ยังไม่มีเงาร่างของศัตรูคนอื่นใดอีก!ไช่ซือมีสีหน้าตกตะลึง “เจ้าคนบ้าบิ่นคนเดียว กล้าบุกเข้าค่ายเราเชียวรึ?”“เจ้าคนสามานย์ คิดว่าค่ายทหารม้าหุ้มเกราะของเราจะยอมง่าย ๆ รึ นำดาบข้ามา ข้าจะลงมือสับมันเอง!”เกาตงรับดาบรบมาแล้วเตรียมจะลงมือด้วยตนเองไช่ซือรั้งตัวเขาไว้แล้วเอ่ยเตือน “ท่านแม่ทัพเกา อย่าใจร้อนนักเลยขอรับ ดูท่าทีไปก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด”เกาตงขมวดคิ้วพลางมองไปยังก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 846

    เกาตงเช็ดคราบเลือดที่มุมปากแล้วกัดฟันกรอด “วางใจเถิด ข้าตายมิได้ หนี้เลือดในวันนี้ วันพรุ่งข้าจะให้พวกมันชดใช้คืนร้อยเท่าพันทวี!”สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ใบหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัวหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็สั่งการ “ไช่ซือ เจ้าเกณฑ์คนไปซุ่มโจมตีรอบ ๆ ป้องกันมิให้พวกมันมาลอบโจมตีอีก! ส่วนคนอื่น ๆ ก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ ฟื้นฟูพละกำลังให้เต็มที่ แล้ววันพรุ่งค่อยบุกขึ้นเขาไปล้างแค้นความอัปยศในวันนี้!”“น้อมรับบัญชา! ท่านแม่ทัพเกาวางใจได้ หากพวกมันกล้ามาอีก ข้าจะทำให้พวกมันมิได้กลับไปอีก!”ไช่ซือโบกมือแล้วนำทหารฝีมือดีหลายพันนายไปซุ่มโจมตี......เหนือหุบเขาเจี่ยเซิ่งมาหาฉินซูแล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้น “บุตรแห่งนักปราชญ์ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราควรนำคนลงจากเขาไปลอบโจมตีพวกมันดีหรือไม่ขอรับ?”เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ดวงตาของทุกคนรอบข้างก็พลันสว่างไสวขึ้นมาทันที ต่างเตรียมพร้อมที่จะลงมือฉินซูถอนหายใจเหลือบตามองพวกเขา แล้วกล่าว “พวกมันเพิ่งจะประสบความสูญเสียใหญ่หลวงไปเมื่อครู่ ตอนนี้คงวางแผนซุ่มโจมตีรอเราตกหลุมพรางอยู่เป็นแน่!”เจี่ยเซิ่งคิดดูแล้วก็เห็นด้วย จึงจำใจยอมแพ้ฉินซ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 845

    “รองแม่ทัพของอ๋องเซียงหยางทุกคนล้วนเป็นผู้ที่สามารถนำทัพทำศึกได้ดีเยี่ยม เพียงแต่อ๋องเซียงหยางตั้งมั่นแน่วแน่ที่จะแก้แค้นให้บุตรชายของตน ดังนั้นเมื่อใดที่อาการบาดเจ็บของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เขาย่อมต้องพักรบ ซึ่งจะทำให้พวกท่านเป่ยเยี่ยนมีเวลาเสริมสร้างปราการป้องกันเมือง!”“พูดง่ายนี่ ต่อให้อ๋องเซียงหยางมาถึงแนวหน้า เขาย่อมต้องปักหลักตั้งค่ายใหญ่โต คิดว่าลอบโจมตีเขาง่ายนักหรือ?”ชิวเจ๋อเอ่ยปาก “ข้าน้อยยินดีช่วยเหลือพวกท่าน ขอเพียงพวกท่านปล่อยข้ากลับไป ข้าจะลอบเข้าหาอ๋องเซียงหยาง แล้วลงมือโจมตีเขาให้บาดเจ็บ เช่นนี้เขาก็จำต้อง...”ยังมิทันกล่าวจบ เจี่ยเซิ่งก็แค่นยิ้มเย็นเอ่ย “ปล่อยเจ้ากลับไปรึ? เจ้าเห็นพวกข้าโง่เง่าเต่าตุ่นหรือไร? อีกอย่างวรยุทธ์ของเขาทั้งทรงพลังลึกล้ำจนมิอาจหยั่งถึง อย่างเจ้าน่ะหรือจะทำกระไรเขาได้?”ชิวเจ๋อหน้าซีดด้วยความอับอาย มิรู้จะพูดอย่างไรเจี่ยเซิ่งมิสนใจเขา หันไปทางฉินซูแล้วกล่าว “บุตรแห่งนักปราชญ์ อ๋องเซียงหยางมีวรยุทธ์แกร่งกล้า กวาดสายตาไปทั่วเป่ยเยี่ยน ผู้ที่สามารถทำร้ายเขาได้เห็นจะมีเพียงท่านเจ้าสำนักเท่านั้น ดังนั้นเก็บเจ้านี่ไว้ก็เปล่าประโยชน์ เชือดม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 844

    แสงไฟลุกโชนขึ้นจากเชิงเขาที่อยู่ไกลออกไป ปนเปไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน“ท่านแม่ทัพเกา แย่แล้วขอรับ ค่ายของเราโดนไฟไหม้!”ทหารนายหนึ่งได้สติแล้วรีบตะโกนเตือนเกาตงแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ เขาตะโกนลั่น “ถอย! รีบถอยลงไปช่วยค่าย!”ดังนั้น พวกเขาจึงรีบหันหลังถอยลงจากเขาไปอย่างรวดเร็วระหว่างการถอยทัพ ด้านหลังของพวกเขาเปิดกว้าง พลธนูบนภูเขาจึงมิพลาดโอกาสที่ฟ้าประทานนี้เสียงสายธนูดังผึงสลับกัน ลูกธนูพุ่งทะลุห้วงอากาศว่างเปล่าราวกับลำแสงสีดำในแสงจันทร์เลือนรางพร้อมกันนั้น ก็มีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมากกลิ้งลงมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน การลอบโจมตีของเกาตงในครั้งนี้จึงประกาศความล้มเหลว มิหนำซ้ำยังสูญเสียทหารไปอีกสองสามร้อยนายเมื่อมาถึงตีนเขา เขากับไช่ซือก็รวมกำลังกันแล้วรีบไปช่วยค่ายที่กำลังไฟไหม้ในตอนนั้นเอง เสียงแหวกอากาศดังลั่นมาจากสองข้างถนนอีกครั้ง“อ๊าก!!”“แย่แล้ว รีบแยกย้ายกันเร็วเข้า!”เสียงกรีดร้องและเสียงอุทานปะปนระงมทั่วเกาตงและคนอื่น ๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธขึ้งพวกเขาต้องการตอบโต้ ทว่าภายใต้แสงจันทร์อันมืดสลัว พวกเขามิรู้ด้วยซ้ำว่าลูกธนูยิงมาจาก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 843

    “เช่นนี้… เช่นนี้...”เกาตงเล่าแผนของเขาให้ฟังไช่ซือและรองแม่ทัพคนอื่น ๆ ที่ได้ยินดังนั้น ต่างคนต่างพยักหน้าถี่ ๆ“แผนของท่านแม่ทัพเกายอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าน้อยเลื่อมใส!”“หึหึ รอให้บุกขึ้นไปได้แล้วข้าจะสับแขนขาพวกทหารเป่ยเยี่ยนเหล่านั้นให้ละเอียด ให้พวกเขาทรมานเจียนตาย!”ทุกคนพูดคุยกันด้วยใบหน้าที่ยิ่งเหี้ยมเกรียมขึ้นเรื่อย ๆหนึ่งชั่วยามต่อมา ดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าเจี่ยเซิ่งถามด้วยความกังวลเล็กน้อย “บุตรแห่งนักปราชญ์ ฟ้าใกล้จะมืดแล้วขอรับ หากพวกเขาอาศัยความมืดลอบบุกขึ้นมา พวกเราจะทำอย่างไรกันดีขอรับ?”ฉินซูครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วสั่งการ “ให้พลธนูประจำการอยู่ตามหุบเขาทั้งสองด้านฝั่งละห้าร้อยนาย แสร้งทำให้ดูน่ากลัวเข้าไว้ หากข้างล่างมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็ให้ยิงธนูทันที จากนั้นท่านและข้าจะนำทหารคนละสองพันนายเลี่ยงเส้นทางลงจากเขาแล้วอ้อมไปซุ่มโจมตีด้านหลังค่ายของพวกเขา!”“หา? ลงจากเขาหรือ? แล้วถ้าบังเอิญเจอระหว่างทางเล่าขอรับ?”“พวกเขาจะต้องอาศัยความมืดลอบขึ้นมาเช่นกัน พวกเราเลี่ยงเส้นทางลงจากเขา จึงเป็นไปมิได้ที่จะชนกับพวกเขา และต่อให้ปะทะกันก็มิได้มีกระไร การตีจากสูงลงต่ำ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status