เรื่องราวของตระกูลซ่งกระฉ่อนไปทั่วเมือง และหย่งฟางได้รับการยืนยันจากเทพแห่งห้องสุขาแล้ว การแก้แค้นในครั้งนี้นับว่าไม่เลวเลย หย่งฟางเป็นคนที่แค้นนี้ต้องชำระ และเธอไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ต่อเรื่องนี้ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการขายเธอไปในราคาสองร้อยล้านหยวน การเสียเงินถือเป็นเรื่องรอง แต่หลักๆ แล้วคือการทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับความอับอาย ของการถูกสิ่งสกปรกถาโถมใส่
หลังจากเผาเครื่องเงินกระดาษสิบถุง เพื่อเป็นการขอบคุณเทพแห่งห้องสุขา และเห็นเทพเจ้าจากไปอย่างมีความสุข หย่งฟางก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องการซ่อมแซมทางเดินบนภูเขา การออกแบบบันไดแต่ละขั้นมีความสำคัญมาก หากสูงเกินไปจะทำให้เหนื่อยล้า และหากเตี้ยเกินไปจะทำให้เดินลำบาก
หย่งฟางได้ปรึกษากับทีมก่อสร้าง เพื่อวัดความสูงที่เหมาะสม สำหรับการเดินขึ้นลงที่ไม่ทำร้ายเข่า นอกจากนี้ยังได้เลือกวัสดุที่จะใช้ทำขั้นบันได และต่อรองราคาจนได้ข้อสรุป จากนั้นก็เริ่มลงมือก่อสร้าง
ในเช้าวันนั้นทีมก่อสร้างเริ่มงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทำให้หย่งฟางตื่นขึ้นเพราะเสียงดัง เธอไม่มีอะไรทำ จึงตัดสินใจลงเขาไปยังตลาดในเมืองใกล้ๆ เพื่อซื้อของ
เมื่อเรียบร้อยแล้วก่อนกลับวัด เธอผ่านสวนสาธารณะเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความคึกคัก ผู้เฒ่าผู้แก่กำลังออกกำลังกาย เล่นหมากรุก เล่นไพ่ และพาเด็กๆ มาเดินเล่น ทำให้มีร้านขายของเล็กๆ มาเปิดแผงขายกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็นตัดผมราคาสามหยวน ร้านทำเล็บ ทำความสะอาดหู และแม้กระทั่งแผงรับทำนายดวงชะตา
หย่งฟางเข้าไปดูที่แผงเหล่านั้น แต่พบว่าเป็นของปลอม เธอจึงช่วยผู้เฒ่าผู้แก่ที่เกือบจะถูกหลอกเอาเงิน เจ้าของแผงโกรธมากหาว่าเธอมาทำลายชื่อเสียงของเขา และเริ่มมีเรื่องชกต่อยกัน
หย่งฟางเอาชนะเจ้าของแผงได้อย่างง่ายดาย ความเสียหายเพียงอย่างเดียว คือไข่สองฟองที่แตก แต่ไข่สองฟองนี่นะ! สามารถทำซุปได้ถ้วยใหญ่เลยทีเดียว แม้ว่าเธอจะไม่รู้วิธีทำก็ตาม ทว่าโชคดีที่เธอไม่ได้สวมชุดนักพรตออกมาวัด ไม่อย่างนั้นคงมีคนมาตามล้างแค้นเป็นแน่
เช้าวันนี้หย่งฟางตื่นขึ้น พร้อมกับเสียงการก่อสร้างที่ดังตามเวลาเจ็ดโมงเช้า เธอนั่งล้างหน้าอยู่หน้าศาลเจ้า หลังจากบ้วนฟองยาสีฟันเสร็จ เธอวางแปรงสีฟันและถ้วยน้ำลง และเดินเข้าครัวเล็กๆ เพื่อเตรียมทำอาหารเช้าให้ตัวเอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ครัวที่ถูกควันจากเตาไฟทำให้ดำสนิทอยู่แล้วก็ยิ่งดำขึ้นไปอีก ควันไฟพวยพุ่งออกมาจากประตู หย่งฟางไอโขลกๆ แล้ววิ่งออกมาพร้อมกับโบกมือไล่ควัน
“อาจารย์หย่ง?” เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้น
หย่งฟางหันไปมอง เห็นว่ามีคนสองคนยืนอยู่ตรงนั้น เป็นคุณนายฉู่และลูกชายของหล่อนฉู่เหยียน สตรีสูงวัยเคยบ่นเรื่องการขึ้นเขาในการมาเยือนครั้งแรก ตอนนี้ใส่ชุดออกกำลังกายและรองเท้าสำหรับขึ้นเขา ถือของขวัญหลายถุง เช่นธูปและน้ำมันหอมมาด้วย
เมื่อคุณนายฉู่เห็นใบหน้าของหย่งฟาง ที่ถูกเขม่าถ่านทำให้เปรอะเปื้อน หล่อนจึงถามอย่างลังเล “อาจารย์หย่ง คุณกำลังจะทำอาหารหรือ?”
หย่งฟางพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
คุณนายฉู่จึงนึกย้อนกลับไปตอนที่เจอกันครั้งแรก ตอนนั้นหย่งฟางกำลังตวงเครื่องปรุง...การมาครั้งนี้เป็นเพราะลูกชายคะยั้นคะยอ คุณนายฉู่ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แม้ว่าจะเคยขอโทษไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถบังคับให้หย่งฟางให้อภัยได้ ภาพลักษณ์ที่สร้างไว้ในสายตาของหย่งฟางคงยังแย่อยู่มาก
แต่เมื่อเห็นสภาพของเธอในตอนนี้...สุดท้ายก็เลิกกังวลใจ และยื่นของขวัญทั้งหมดให้ลูกชาย ก่อนจะถลกแขนเสื้อขึ้น “อยากกินอะไร? ฉันทำเอง”
“คุณทำเป็นด้วยเหรอ?” หย่งฟางถาม
คุณนายฉู่ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ เพราะคนทั่วไปมักจะมองว่า บรรดาภรรยาของคนรวย จะทำเพียงการเสริมสวย เล่นไพ่ ช้อปปิ้ง และสนุกกับชีวิต โดยเชื่อว่าพวกเธอไม่เคยจับต้อง สิ่งที่เกี่ยวกับครัวเรือนอย่างการทำอาหาร
“อาจารย์หย่ง บางครั้งการทำอาหาร ก็เป็นการผ่อนคลายของพวกภรรยาคนรวยอย่างเรา” คุณนายฉู่อธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่หย่งฟางจับความหมายของการประชดประชันนั้นได้
“อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม?”
“แพนเค้กต้นหอมไข่ ต้องกรอบมากๆ นะ” หย่งฟางรีบตอบอย่างไม่เกรงใจ
หลังจากนั้นเพียงแปดนาที แพนเค้กต้นหอมไข่สิบแผ่น ที่หอมกรุ่นก็ถูกนำออกมา หย่งฟางกัดคำแรกก็เกือบจะร้องไห้ออกมา มันกรอบมาก หอมมาก และอร่อยมาก ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ไม่ต้องพูดถึงว่าเธออยู่ในวัด แต่รวมแล้วนอกจากมื้อที่บ้านตระกูลฉู่ในวันนั้น แทบไม่ได้กินอาหารที่เหมือนอาหารจริงๆ เลย ดีมาก คุณนายฉู่!
ฉันขอประกาศว่าไม่เกลียดคุณแล้ว! ฉันจะยกย่องคุณเป็นแม่ครัวหลวงของจักรวรรดิ!
แต่จะทำอย่างไรให้คุณนายฉู่มาที่วัดบ่อยๆ ได้ล่ะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาก่อนมื้ออาหาร?
คุณนายฉู่ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางลังเลเล็กน้อยของหย่งฟาง เพราะกำลังนึกถึงคำพูดที่เคยพูดตอนที่ดูถูกไว้ครั้งก่อน และรู้สึกอึดอัดใจ จึงพยายามหาทางแก้ไข “การขึ้นมาบนนี้ทำให้รู้สึกต่างจากเดิมนะ อากาศบนภูเขานี้สดชื่นจริงๆ ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีพลังงานดี วัดนี้ก็ดูพิเศษมาก พวกเราเพิ่งเห็นคนกำลังซ่อมทางขึ้นภูเขา หากซ่อมเสร็จแล้ว น่าจะมีคนมาขึ้นมาที่นี่เพื่อไหว้เทพเจ้าเยอะขึ้นแน่ๆ”
หย่งฟางพยักหน้า “ใช่ คุณก็มาบ่อยๆ ได้นะ”
ต้องมาบ่อยๆ! โดยเฉพาะก่อนมื้ออาหาร!!
ฉู่เหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่เข้าใจบรรยากาศ ระหว่างผู้หญิงสองคนที่มีความคิดแตกต่างกัน “คุณแม่ต้องการจะบอกว่าขอบคุณคุณน่ะ ผมเองก็มาขอบคุณด้วย”
แม้ว่าจะเคยมอบค่าตอบแทนไปแล้ว แต่การแสดงความขอบคุณด้วยตัวเองนั้น เป็นเรื่องของความจริงใจและการมีมารยาท ฉู่เหยียนยิ้มอย่างสดใสและดูมีพลังมากขึ้น ดวงตารูปทรงเมล็ดอัลมอนด์ของเขา ดูมีเสน่ห์และมีความลึกซึ้ง แต่ในสายตาของหย่งฟาง ฉู่เหยียนก็ยังคงเป็น ‘ไก่แจ้สีแดง’
ฉู่เหยียนมองหย่งฟางด้วยความรู้สึกที่แปลกๆ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพูดคุยกันมากนัก แต่ก็มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกันแบบที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขายกของขวัญในมือขึ้นเล็กน้อย
“ทั้งหมดนี้เป็นของคุณ ให้วางไว้ที่ไหน?”
“เอาไปวางไว้ในวิหารหลัก เพื่อเอาไว้บูชาให้เทพเจ้า” หย่งฟางพูดขณะที่เคี้ยวแพนเค้กต้นหอม แม้ว่าเธอจะไม่ชอบคนในตระกูลฉู่ แต่ฉู่เหยียนดูเหมือนจะเป็นคนปกติ เมื่อเทียบกับพ่อของเขา ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธ หรือเกลียดชังเขาไปด้วย
หย่งฟางเป็นคนที่มีเหตุผล และไม่ได้ตัดสินคนเพียงเพราะความเกลียดชัง เธอรู้จักการแยกแยะสถานการณ์ได้ดี ความจริงก็คือ ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
คุณนายฉู่รู้สึกกังวลและพูดอย่างกระตือรือร้น “มีหนึ่งกล่องที่เป็นน้ำนมพีช มันดีต่อผู้หญิงมาก!”
“เทพเจ้าของเราท่านไม่จู้จี้จุกจิก บางทีท่านอาจจะชอบดื่มน้ำนมพีชก็ได้นะ” แต่ถ้ามันอร่อยจริงๆ เธออาจจะแอบดื่มเอง
คุณนายฉู่เดินไปรอบๆ วิหาร และมองดูบริเวณนั้น “หลังคาดูเหมือนจะเป็นกระเบื้องใหม่ แต่ถ้าเป็นกระเบื้องเคลือบแบบหลิวลี่ มันจะดูเปล่งประกายมากกว่าไหม?”
หย่งฟางตอบ “เพิ่งเปลี่ยนมาไม่นาน คุณนายฉู่ไม่ต้องลำบาก”
“อืม แล้วก็มีแค่ศาลาเดียวเหรอ ดูไม่ค่อยโอ่อ่ามาก ถ้าเพิ่มศาลาอื่นๆ เพื่อบูชาเทพเพิ่งบ้างดีไหม? ฉันเห็นหลายวัดมีเทพองค์อื่นๆ ด้วย”
“ไม่ต้อง เทพเจ้าของเราชอบความสงบ”
“โอเค แต่ผนังนี้มันลอกแล้วซ่อมได้นะ?” พูดจบคุณนายฉู่มองไปรอบๆ ภายในวิหาร “หย่งฟาง ให้ฉันซ่อมวิหารดีไหม?”
หย่งฟางหันไปมองภายในวิหารที่เต็มไปด้วยไม้เก่าแก่ และนอกจากแท่นบูชาที่เธอจัดเตรียมไว้ดีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงมีสภาพแบบเมื่อสามสิบปีก่อน
“ขอบคุณคุณนายฉู่มาก” หย่งฟางคิดว่าเมื่อซ่อมหลังคาและทางขึ้นภูเขาแล้ว ก็ไม่มีปัญหาที่จะซ่อมภายในวิหารด้วย จะได้ไม่ต้องมาปิดวิหารเพื่อซ่อมอีกในภายหลัง และเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอนั้น ที่สำคัญคือไม่ต้องใช้เงินของตัวเอง ทำให้กระปุกออมสินเล็กๆ ของเธอยังคงอยู่ครบ!
“แล้วทำเทวรูปทองคำด้วยดีไหม?”
คุณนายฉู่ถามขณะที่ยืนอยู่ห่างๆ วิหาร มองไปที่รูปปั้นเทพเจ้า
คุณนายสายเปย์! ดูเหมือนหย่งฟางได้สาวกมาหนึ่งคนแล้ววววว
ขอแจ้งสักนิด สำหรับเรื่องนี้เป็นแนวชีวิตประจำวัน ปราบผี 5555 เกี่ยวข้องกับเรื่องลึกลับเน้ออ
หากไม่ชอบแนวนี้ข้ามผ่านได้เลยค้าบบบ
หลังจากที่หย่งฟางล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอจุดโคมไฟยาวในวิหารหลักเตรียมเข้านอน แต่จู่ๆ ก็เกิดลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาในอาราม จากนั้นเสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูตผีก็ดังขึ้นหลงหยวนหยวนที่กำลังขดตัวอยู่บนกิ่งไม้สะดุ้งตัว ก่อนจะกลับไปนอนขดตัวนุ่มนิ่มเหมือนเดิม หนิงหมี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ "เสี่ยวชิว!!"ลมเย็นสงบลงพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่หยุดไป เสียงเล็กๆ ดังขึ้น "ว๊า ไม่มีอะไรสนุกเลย!"จากนั้นเด็กสาวในชุดกันหนาวลายดอกไม้สีแดงสด ที่มีเปียสองข้างก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หนิงหมี่โผเข้ากอดเธอแน่น"พวกเราจำกลิ่นอายของเธอได้น่า เธอหลอกเราไม่ได้หรอก! ในที่สุดก็มาหาสักที ฮือๆ แล้วนี่เธอยังใส่ชุดที่ฉันเลือกให้อีก! อุ่นไหม?"หูอวี่จู้พยักหน้า "อุ่นมาก แต่ไม่รู้ทำไมพอใส่แล้ว รู้สึกอยากพูดสำเนียงตงเป่ยขึ้นมาซะงั้น"หย่งฟางรินนมเสริมแคลเซียมให้เธอหนึ่งแก้ว หูอวี่จู้จิบไปอึกหนึ่งก่อนพูด "คิดถึงฉันไหม? ไม่มีฉันอยู่คงเหงาน่าดูใช่ไหม?"หย่งฟางหันไปถามหนิงหมี่ "เธอเผาอะไรไปให้เธอเนี่ย?"หนิงหมี่ตอบด้วยความภาคภูมิใจ " "ฟู่เส้านักรัก: ภรรยาสุดที่รัก อย่าคิดหนี!""หยู่ถังอุทาน "นี่มันนิยายที่หนิวลี่อ่านอยู่ข้างหัวเตีย
วันปีใหม่ วันแรกของปี เป็นวันที่สำคัญที่สุด สำหรับการคุ้มครองวัดและสำนัก หย่งฟางถูกปลุกตอนตีสี่ โดยเทพบรรพชนที่ปรากฏในฝันพร้อมหอกด้ายแดง แต่เธอไม่ยอมตื่น จากนั้นหนิงหมี่และหยู่ถังที่อยู่ข้างเตียงก็เขย่าตัวปลุก“อาจารย์! ฉันฝันถึงเทพบรรพชน ท่านบอกให้พวกเรารีบตื่นไปเปิดประตู!”หยู่ถังที่ยังตกใจอยู่เอ่ยขึ้น “ฉันก็ฝันถึง! บรรพบุรุษท่าน...ดุนิดหน่อย”ใช่แล้ว เทพบรรพชนในฝัน ถือหอกด้ายแดงมาเร่งให้พวกเธอตื่น เมื่อหย่งฟางโดนเขย่าปลุก ในที่สุดก็เลิกง่วงทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง หย่งฟางทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้า แต่หนิงหมี่กับหยู่ถังกลับรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วเสียงประตูไม้ดัง ‘เอี๊ยด’ทันใดนั้นภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิท พบว่ามีแสงไฟหลายพันจุด ส่องสว่างใบหน้าของผู้คนนับพัน เหล่าผู้ศรัทธาที่เดินทางมายังวัดเสวียนเว่ย ต่างนำธูปของตนเองมาด้วย เดินขึ้นเขาหลงหย่าเพื่อมาที่นี่แต่เมื่อมาถึง กลับพบว่าประตูยังไม่เปิด พวกเขาจึงรวมตัวกันนั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องใบหน้าของพวกเขา เมื่อมองดูก็ให้ความรู้สึกวังเวงอยู่ไม่น้อย หนิงหมี่และหยู่ถังถึงกับสะดุ้งตกใจ เสียงประตูเปิดทำให้ผู้คนทั้งห
หยู่ถังชะงักไปครู่หนึ่ง หย่งฟางดึงกระดาษทิชชูออกจากหน้า สูดหายใจลึกแล้วลุกขึ้น เสียงพูดของเธอแหบพร่าเล็กน้อย “ฉันจะไปเผาของให้ลูกบอลเล็ก”หย่งฟางยืนขึ้น หยู่ถังเดินตามไป ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ ด้านในมีของสำหรับทำพิธี รวมถึงเงินกระดาษทอง หย่งฟางค้นหาของอยู่พักหนึ่ง เลือกของพื้นฐานสามอย่าง กระดาษเหลืองที่มีรู, กระดาษทอง, และตุ๊กตากระดาษคนรับใช้ แต่คิดว่ามันดูน้อยเกินไปหน่อย“บ้านกระดาษนี้ดูเล็กไป ลูกบอลเล็กอยู่กับพ่อแม่เธอ ห้องอาจจะไม่พอ ที่นี่ไม่มีรถกระดาษ ไม่มีมือถือกระดาษด้วย ลูกบอลเล็กชอบดูไลฟ์สดทุกคืน”หย่งฟางพูดไป คิ้วของเธอก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน หยู่ถังรู้ว่าทุคนต่างมีความรู้สึกแปลกๆ แต่คนที่ดูเหมือนรับมือกับเรื่องนี้ได้ยากที่สุด นอกจากหนิงหมี่แล้วก็คือหย่งฟาง ถึงหญิงสาวจะดูเหมือนคนที่ไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัว แต่ความจริงเธอใส่ใจคนรอบข้างมากที่สุด เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ หยู่ถังรีบพูด “งั้นเราลงเขาไปซื้อของจากร้านของเซี่ยเฟยที่บ้านเลขที่ 48 กันเถอะ จะได้เผาให้เธอ”การออกไปข้างนอก สูดอากาศที่อื่นบ้าง อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น“คงต้องเป็นแบบนั้นแล้ว” หย่งฟางพยักหน้า “ชวนหนิงหมี่ไปด
มหกรรมการต่อสู้กับนักพรตชั่วจากเป็นประเทศ N ได้ปิดฉากลง ทุกคนเดินออกจากคุกใต้ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้ามาปิดล้อมพื้นที่ด้วยเส้นกั้น สมาชิกครอบครัวสกุลสือทั้งหมดถูกควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจ นำไปยังห้องสอบสวน เพื่อตรวจสอบว่าเคยคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย และยังเกี่ยวเนื่องกับการกบฏต่อชาติ ที่ยังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหัวหน้าจ้าวจากสำนักสืบสวนพิเศษ และผู้นำระดับสูงเดินทางมาถึง ส่วนหานลี่ตงจะถูกดำเนินการไต่สวนและลงโทษโดยหน่วยสืบสวนพิเศษแห่งชาติ ในสงครามครั้งนี้ นอกจากสือว่านซื่อที่ถูกพลังแห่งชาติตีกลับจนเสียชีวิตไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องสังเวยวิญญาณของเซี่ยถังอยู่ในมือของเซี่ยเฟย เขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูวิญญาณของน้องสาว หย่งฟางเม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อน "ถึงจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ แต่พลังของเธอก็สูญสิ้นไปแล้ว เคยกินมนุษย์ เคยเป็นปีศาจจิ้งจอก ถึงเลี้ยงวิญญาณขึ้นมาได้ แต่สวรรค์ก็ไม่ยอมรับ คุณเองก็น่ารู้อยู่แล้ว" แต่เซี่ยเฟยยังคงไม่ยอมปล่อยมือ หันมองหย่งฟางพลางยิ้มอ่อน "รบกวนอาจารย์หย่งช่วยส่งวิญญาณด้วยเถอะ อาถัง!" เซี่ยเฟยร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดเซี่ยถังมองพี่ชายด้ว
ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของจิ้งจอกขาวเซี่ยถัง พลังโชคชะตาแห่งชาติที่ควรจะส่งต่อให้ประเทศ N กลับไม่ได้ถูกถ่ายโอนไปทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่หานลี่ตงเก็บไว้ใช้ส่วนตัวนี่คือสาเหตุที่เขามีชีวิตยืนยาวกว่าร้อยปี หย่งฟางขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ “หึ คนประเทศของแก รู้หรือเปล่าว่าแกขโมยพลังมังกรนี้มา”หานลี่ตงเพียงยิ้ม “รู้หรือไม่รู้ แล้วจะทำไม? หากไม่มีฉัน พวกมันจะตั้งหลักในเอเชียตะวันออกได้หรือ? น่าขำจริงๆ”หย่งฟางเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าขโมยคนนี้เป็นพวกหยิ่งยโสและหลงตัวเอง หานลี่ตงใช้พลังโชคชะตาแห่งชาติของ ประเทศ สร้างแรงกดดันที่แพร่กระจายไปทั่วห้องใต้ดิน ทุกคนรวมถึงเทพธิดาหนิงหมี่ ต่างรู้สึกหายใจยากลำบากขึ้น ต่อหน้าพลังแห่งชาติพวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อประคองตัว หย่งฟางยกมือขึ้นแสงสีแดงฉายออกมาจากฝ่ามือ ก่อตัวเป็นเขตป้องกันครึ่งวงกลม ภายในเขตนี้ทุกคนจึงพอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่หลี่ที่ยังเจ็บจากแรงกดดันเมื่อครู่ ยกมือกุมหน้าอกพูดขึ้น “ขโมยสิ่งที่ไม่ใช่ของแก ระวังเถอะ สวรรค์จะลงโทษเจ้า!”หานลี่ตงหัวเราะเสียงดัง “สวรรค์จะลงโทษฉัน? ฉันใช้ชีวิตแบบนี้มานานกว่าร้อยปีแ
ชายที่อยู่ข้างสือว่านซื่อเผยรอยยิ้มบางๆ หย่งฟางเห็นท่าทางของเขาแล้ว ตะโกนออกไปทันที“หานลี่ตง!”ขณะที่คนจากหน่วยงานแห่งชาติที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็ต่างเรียกชื่อชายคนนั้นไปในแบบของตัวเอง“พี่ซู?!”“พี่ฉี?!”“พี่มู่?!”หลังจากเสียงของทั้งสามคนจบลง พวกเขาหันมามองหน้ากันเองด้วยความงุนงง “เขาไม่ใช่พี่ซู พี่ฉี พี่มู่ จากหน่วยงานแห่งชาติหรือ?!”ในที่สุดหย่งฟางก็ได้คำตอบ เมื่อหัวหน้าจ้าวตรวจสอบประวัติ ของผู้มีพลังพิเศษในระบบของหน่วยงานแห่งชาติ เพื่อที่จะอยู่ในประเทศและหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเวลาร้อยปี คนอย่าง ‘หานลี่ตง’ ย่อมต้องมีตัวตนแฝงในระบบหน่วยงาน และเชื่อมโยงกับผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆ อย่างแนบเนียนจากปฏิกิริยาของทั้งสามคนทำให้เห็นชัดว่า หานลี่ตงมีตัวตนในฐานะผู้มีพลังพิเศษ ที่ถูกบันทึกไว้ในระบบอย่างสมบูรณ์ คนที่อยู่ข้างหลังหย่งฟาง ต่างเผยท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ขณะจ้องมองสือว่านซื่อและหานลี่ตงด้วยความระแวดระวังชายผู้นั้นตั้งท่าจะทำมือในลักษณะของไต้ซือ แต่ถูกหย่งฟางหยุดไว้ทันที “เลิกแสร้งทำเสียที หานลี่ตง คุณหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”นักพรตสาวกล่าวพร้อมกับกระชากเส้นด้ายสีแดงในมือให้กระชับ ขณะนั้นเ