หน้าหลัก / แฟนตาซี / ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ / บทที่15 เตรียมความพร้อมปราบวิญญาณร้าย

แชร์

บทที่15 เตรียมความพร้อมปราบวิญญาณร้าย

ผู้เขียน: เฉินม่านอิ๋ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-13 11:07:06

เมื่อหย่งฟางกับหยูถังมาถึงโรงแรม หนิวลี่และซ่งเสี่ยวฮุ่ยก็นั่งอยู่ในบริเวณด้านล่าง หนิวลี่กำลังจับมือของซ่งเสี่ยวฮุ่ยและปลอบโยนให้คลายเศร้า 

หย่งฟางมองเห็นไอสีดำบนหน้าผากของซ่งเสี่ยวฮุ่ย เธอรีบทัก “ขึ้นไปคุยกันข้างบนดีกว่า”

หนิวลี่จึงนำทุกคนขึ้นลิฟต์ ใช้บัตรเพื่อไปยังห้องหนึ่งบนชั้นสูงสุด เมื่อเข้าไปในห้องสิ่งแรกที่หย่งฟางทำคือวางแผ่นป้ายของเทพเจ้าไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และจัดเตรียมเครื่องหอมและเทียนที่นำมาให้เรียบร้อย

“คุณเสี่ยวฮุ่ย มานี่สิ” หย่งฟางเอ่ยเรียก

ซ่งเสี่ยวฮุ่ยเดินเข้ามาใกล้ และหย่งฟางจุดธูปสามดอก แล้วหมุนวนรอบหน้าผากของเธอสามรอบ กลิ่นธูปทำให้หน้าผากคุณนายรู้สึกปวดตึง แต่ในขณะที่ธูปวนรอบที่สอง ความรู้สึกนั้นก็ถูกขจัดออกไปทันที ศีรษะของเธอรู้สึกโปร่งสบายและหน้าผากก็อบอุ่นขึ้น

หย่งฟางวนธูปสามรอบแล้วจึงนำธูปออกไป เมื่อเห็นว่ามีไอสีดำบนหน้าผากของซ่งเสี่ยวฮุ่ยถูกขจัดออกไป จึงเสียบธูปกลับไปที่กระ

หย่งฟางจับมือของซ่งเสี่ยวฮุ่ย แล้วนั่งลงพร้อมกับหนิวลี่และหยูถัง 

“เล่าได้แล้ว เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อหย่งฟางจับมืออุ่นๆ ของคุณนายซ่งไว้ น้ำตาของหล่อนก็เริ่มคลอเบ้า และเล่าเรื่องราวด้วยเสียงสะอื้น หล่อนมีลูกชายคนเดียว เนื่องจากเป็นการแต่งงานแบบธุรกิจ จึงไม่มีความรู้สึกกับสามี แต่กลับทุ่มเททุกอย่างให้กับลูกชาย ทว่าด้วยความพยายามของหล่อน ลูกชายเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกับพ่อของเขามากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อไม่นานมานี้ ลูกชายของหล่อนกลับบ้านทันทีหลังจากเลิกงาน และเข้าห้องนอนตอน 20.00 น. ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ “ปกติ” แต่เธอรู้สึกว่าแปลก ยกเว้นเวลาที่ต้องไปทำงานนอกสถานที่ ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่ต้องโทรไปเตือนให้ลูกชายกลับบ้านในช่วงดึก หล่อนรู้จักนิสัยของลูกชายตัวเองดี

ก่อนหน้านี้ได้ยันต์มาสองแผ่นจากหย่งฟาง และกล่าวเตือนลูกชายให้พกติดตัวตลอดเวลา ลูกชายของหล่อนตอบตกลงอย่างดี แต่ในอีกไม่กี่วันถัดมา เขายังคงแสดงท่าทาง “ปกติ” ซ่งเสี่ยวฮุ่ยรู้สึกสบายใจขึ้น คิดว่าลูกชายอาจจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีแล้วจึงเริ่มวางใจ

อย่างไรก็ตามในช่วงสองวันที่ผ่านมา สังเกตเห็นว่าลูกชายมีสีหน้าแย่ลงอย่างมาก แก้มของเขายุบลงเล็กน้อย และใต้ตาของเขามีรอยคล้ำมาก เหมือนกับคนที่ถูกดูดพลัง ซ่งเสี่ยวฮุ่ยรู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดปกติ จึงถามเขาไปสองสามคำถาม แต่เขากลับโกรธจัด ทุบแจกันแตกไปสามใบ และเกือบจะทำร้ายหล่อน

ซ่งเสี่ยวฮุ่ยน้ำตาไหลออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด “ฉันเป็นแม่ของเขา…เขากล้าจะทำร้ายฉันได้ยังไง!”

หยูถังและหนิวลี่ลูบหลังของเธอเพื่อปลอบใจ

หลังจากร้องไห้เสร็จ ซ่งเสี่ยวฮุ่ยปรับอารมณ์แล้วเล่าต่อ “หลังจากนั้น เขาก็ออกจากบ้านไป ฉันจึงสอบถามจากเพื่อนๆ และลูกน้องของเขา พวกนั้นบอกว่าเขาไม่ได้ไปเจอกันนานแล้ว ลูกน้องที่บริษัทก็พูดว่า ช่วงนี้เขามีอารมณ์แปรปรวนมาก โกรธง่าย โดยเฉพาะกับพนักงานหญิง พนักงานหลายคนร้องไห้เพราะเขา ซึ่งเมื่อก่อนเขาเป็นคนที่มีความเมตตาและไม่เคยทำแบบนี้ อีกอย่างลูกน้องยังบอกด้วยว่า บางครั้งเขาจะพูดคุยกับใครบางคนในห้องทำงาน แต่ไม่ใช่การพูดโทรศัพท์ หลังจากนั้น ฉันก็เลยเข้าไปตรวจสอบห้องของเขา และพบว่าเขาไม่ได้พกของที่หย่งฟางให้ไปเลย มันถูกทิ้งอยู่ที่มุมลิ้นชัก แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ…”

ซ่งเสี่ยวฮุ่ยตัวสั่นเทิ้ม “ทั้งสองแผ่นนั้นดำจนมองไม่เห็นลวดลาย ยกเว้นแค่ตรงกลางที่ยังมองเห็นว่ามันเคยเป็นแผ่นพับ เมื่อฉันหยิบมันขึ้นมา มันก็สลายกลายเป็นเถ้าทันที”

เมื่อได้ยินว่าแผ่นพับกลายเป็นเถ้าดำ หยูถังและหนิวลี่ต่างก็รู้สึกขนลุกไปทั่ว ซ่งเสี่ยวฮุ่ยน้ำตาไหลอีกรอบ ถามด้วยความกลัว “อาจารย์หย่ง นี่เป็นเรื่องร้ายแรงไหม คุณช่วยลูกชายฉันได้ไหม?”

หย่งฟางพูดอย่างสงบ “เมื่อครู่นี้ฉันกำลังช่วยขจัดไอดำ ที่เกาะอยู่บนหน้าผากของคุณออกไป ถ้าคุณอยู่บ้านตลอดไม่ได้ไปที่อื่น นั่นหมายความว่ามีความเป็นไปได้ 90% ที่ลูกชายของคุณได้พบเจอกับสิ่งที่ไม่ปกติ และพาไอดำกลับมาบ้าน คุณกับเขามีการสัมผัสตัวกันจึงติดไอดำมาด้วย”

หย่งฟางคิดถึงการทำนายครั้งก่อนของซ่งเสี่ยวฮุ่ยที่วัด “ลูกชายของคุณอยู่บ้านไหม ฉันอยากไปดูเขาหน่อย” เธอต้องการตรวจสอบให้แน่ชัด ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับแฟนสาว ที่เขาคบอยู่หรือมีสิ่งอื่นที่แอบแฝงกันแน่

ซ่งเสี่ยวฮุ่ยส่ายหน้า “เขาไปทำงานแล้วค่ะ”

"งั้นไปที่บ้านคุณก่อน รอเขากลับมา" หย่งฟางลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว "คุณนายทั้งสองไม่ต้องไปหรอก" เพราะคนธรรมดามักจะหวาดกลัวได้ง่าย

หยูถังคิดจะโต้แย้ง แต่ถูกหนิวลี่กดมือไว้ "อาจารย์หย่ง ให้พวกเราไปด้วยกันเถอะค่ะ พวกเราอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง ไม่ต้องห่วงค่ะ เราจะไม่สร้างความยุ่งยากให้กับคุณแน่นอน และอีกอย่างเสี่ยวฮุ่ยก็ต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนด้วย"

หยูถังถลึงตาใส่เพื่อน

หนิวลี่ทำปากขยับเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน "ที่บ้านเสี่ยวฮุ่ยมีเรื่องขนาดนี้ยังไม่ยอมบอกพวกเรา ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าอาจารย์หย่งจัดการกับปัญหาอย่างไร"

หยูถังถอนหายใจ "เธอควรจะขอพรให้บ้านเธอไม่เจอเรื่องแบบนี้นะ ถ้าอยากซุบซิบมาก ระวังจะโดนเอง"

หย่งฟางได้ยินการสนทนาลับๆ ของพวกหล่อน แต่ไม่ใส่ใจนัก มองไปที่ซ่งเสี่ยวฮุ่ย ซึ่งใบหน้าซีดเซียว มือสั่นเล็กน้อย

"ถ้าพวกคุณไม่กลัว งั้นไปด้วยกันเถอะ" หย่งฟางแจกยันต์ให้ทั้งสามคน "เก็บไว้ดีๆ อย่าให้หาย"

หลังจากเตือนพวกเขาแล้วก็เริ่มคำนวณดวงชะตา เมื่อเสร็จเรียบร้อย หย่งฟางก็เผยรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก เป็นดวงชะตาที่โชคดีมาก ยิ่งกว่าดวงชะตาของครอบครัวฉู่ ที่เธอเจอเมื่อครั้งก่อนเสียอีก แสดงว่ามีเหตุการณ์ดีๆ กำลังจะเกิดขึ้น!

เมื่อคราวที่แล้วที่จัดพิธีแต่งงาน ก็ยังไม่พบว่าจะมีเหตุการณ์ดีๆ แต่แค่มีโชคลาภเล็กน้อย ครั้งนี้จะมีเรื่องดีอะไรเกิดขึ้นกันนะ?

หย่งฟางอดไม่ได้ที่จะสงสัย

อย่างไรก็ตาม ดวงชะตาก็เตือนเธอว่า อาจจะมีอุปสรรคบางอย่าง แนะนำให้นำสิ่งของบางอย่างติดตัวไปด้วย  สองในนั้นคือเลือดสุนัขดำและไม้พู่ปัดเป่า เธอเข้าใจเกี่ยวกับเลือดสุนัขดำว่ามีไว้เพื่อขับไล่สิ่งไม่ดี

แต่ไม้พู่...ไม่ใช่สิ่งที่ใช้สำหรับการทำพิธีอวยพร หรือสวดมนต์เหรอ?

แม้เธอจะไม่เข้าใจแต่ก็คิดว่าจะพกติดตัวไปด้วย เครื่องมืออื่นๆ ที่จำเป็นก็มีครบแล้ว ยกเว้นเลือดสุนัขดำ

"ใครบ้างที่สะดวกไปซื้อเลือดสุนัขดำ ที่ร้านบนถนนชางผิงเลขที่ 48 แล้วส่งไปที่บ้านของเสี่ยวฮุ่ย" หย่งฟางเงยหน้าขึ้นถาม

"ฉันเอง" หนิวลี่กล่าวแล้วก็เริ่มกดโทรศัพท์

หย่งฟางเริ่มเลือกเครื่องมือที่จำเป็น ทั้งสามคนมองดูเธอหยิบสิ่งนี้สิ่งนั้นติดตัวไปด้วย

ซ่งเสี่ยวฮุ่ยอดถามไม่ได้คุณนายฉู่ไม่ได้ "ตอนอาจารย์หย่งไปที่บ้านเธอ ก็ทำแบบนี้ด้วยไหม?"

หยูถังนึกถึงตอนนั้น หย่งฟางมีแค่กระเป๋าผ้าใบ แต่ไม่อยากบอกความจริงจึงพยักหน้า "อืม"

ซ่งเสี่ยวฮุ่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก "ในเมื่อเป็นแบบนี้ บ้านเธอยังได้รับการแก้ไขปัญหาได้ บ้านฉันก็ต้องได้รับการแก้ไขได้เหมือนกัน"

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม หย่งฟางสะพายกระเป๋าผ้าสองใบแล้วลุกขึ้น "ไปกันเถอะ"

คนที่ไปซื้อเลือดสุนัขดำก็มาถึงหน้าบ้านของซ่งเสี่ยวฮุ่ยแล้ว หย่งฟางมองไปยังวิลล่าส่วนตัวที่มีไอสีดำบางๆ คลุมอยู่ด้านบน ซ่งเสี่ยวฮุ่ยเปิดประตู ทั้งสี่คนก็เข้าบ้านไป หย่งฟางตามร่องรอยของไอสีดำ จนมาถึงหน้าประตูห้องหนึ่งบนชั้นสอง ไอนั้นแผ่ออกมาจากห้องนี้

ทั้งสามคนที่ติดตามมา กลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ

หนิวลี่กระซิบเบาๆ กับหยูถัง "อาจารย์หย่งตอนทำงานจริงจังมากเลยนะ เหมือนมืออาชีพจริงๆ"

หยูถังนึกถึงประสบการณ์ ที่ไม่ค่อยดีในบ้านของตัวเองแล้วตอบเบาๆ "อืม..."

เธอคิดในใจว่า เดี๋ยวก็จะได้รู้เองว่ามันเป็นยังไง

ลูกชายเสี่ยวฮุ่ยเหมือนจะโดนของแรงเข้าให้แล้ว!!!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่143 ฉลองกันครอบครัวใหญ่ [ตอนจบ]

    หลังจากที่หย่งฟางล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอจุดโคมไฟยาวในวิหารหลักเตรียมเข้านอน แต่จู่ๆ ก็เกิดลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาในอาราม จากนั้นเสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูตผีก็ดังขึ้นหลงหยวนหยวนที่กำลังขดตัวอยู่บนกิ่งไม้สะดุ้งตัว ก่อนจะกลับไปนอนขดตัวนุ่มนิ่มเหมือนเดิม หนิงหมี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ "เสี่ยวชิว!!"ลมเย็นสงบลงพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่หยุดไป เสียงเล็กๆ ดังขึ้น "ว๊า ไม่มีอะไรสนุกเลย!"จากนั้นเด็กสาวในชุดกันหนาวลายดอกไม้สีแดงสด ที่มีเปียสองข้างก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หนิงหมี่โผเข้ากอดเธอแน่น"พวกเราจำกลิ่นอายของเธอได้น่า เธอหลอกเราไม่ได้หรอก! ในที่สุดก็มาหาสักที ฮือๆ แล้วนี่เธอยังใส่ชุดที่ฉันเลือกให้อีก! อุ่นไหม?"หูอวี่จู้พยักหน้า "อุ่นมาก แต่ไม่รู้ทำไมพอใส่แล้ว รู้สึกอยากพูดสำเนียงตงเป่ยขึ้นมาซะงั้น"หย่งฟางรินนมเสริมแคลเซียมให้เธอหนึ่งแก้ว หูอวี่จู้จิบไปอึกหนึ่งก่อนพูด "คิดถึงฉันไหม? ไม่มีฉันอยู่คงเหงาน่าดูใช่ไหม?"หย่งฟางหันไปถามหนิงหมี่ "เธอเผาอะไรไปให้เธอเนี่ย?"หนิงหมี่ตอบด้วยความภาคภูมิใจ " "ฟู่เส้านักรัก: ภรรยาสุดที่รัก อย่าคิดหนี!""หยู่ถังอุทาน "นี่มันนิยายที่หนิวลี่อ่านอยู่ข้างหัวเตีย

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่142 ธูปแรกวันปีใหม่

    วันปีใหม่ วันแรกของปี เป็นวันที่สำคัญที่สุด สำหรับการคุ้มครองวัดและสำนัก หย่งฟางถูกปลุกตอนตีสี่ โดยเทพบรรพชนที่ปรากฏในฝันพร้อมหอกด้ายแดง แต่เธอไม่ยอมตื่น จากนั้นหนิงหมี่และหยู่ถังที่อยู่ข้างเตียงก็เขย่าตัวปลุก“อาจารย์! ฉันฝันถึงเทพบรรพชน ท่านบอกให้พวกเรารีบตื่นไปเปิดประตู!”หยู่ถังที่ยังตกใจอยู่เอ่ยขึ้น “ฉันก็ฝันถึง! บรรพบุรุษท่าน...ดุนิดหน่อย”ใช่แล้ว เทพบรรพชนในฝัน ถือหอกด้ายแดงมาเร่งให้พวกเธอตื่น เมื่อหย่งฟางโดนเขย่าปลุก ในที่สุดก็เลิกง่วงทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง หย่งฟางทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้า แต่หนิงหมี่กับหยู่ถังกลับรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วเสียงประตูไม้ดัง ‘เอี๊ยด’ทันใดนั้นภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิท พบว่ามีแสงไฟหลายพันจุด ส่องสว่างใบหน้าของผู้คนนับพัน เหล่าผู้ศรัทธาที่เดินทางมายังวัดเสวียนเว่ย ต่างนำธูปของตนเองมาด้วย เดินขึ้นเขาหลงหย่าเพื่อมาที่นี่แต่เมื่อมาถึง กลับพบว่าประตูยังไม่เปิด พวกเขาจึงรวมตัวกันนั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องใบหน้าของพวกเขา เมื่อมองดูก็ให้ความรู้สึกวังเวงอยู่ไม่น้อย หนิงหมี่และหยู่ถังถึงกับสะดุ้งตกใจ เสียงประตูเปิดทำให้ผู้คนทั้งห

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่141 บรรยากาศความเศร้า

    หยู่ถังชะงักไปครู่หนึ่ง หย่งฟางดึงกระดาษทิชชูออกจากหน้า สูดหายใจลึกแล้วลุกขึ้น เสียงพูดของเธอแหบพร่าเล็กน้อย “ฉันจะไปเผาของให้ลูกบอลเล็ก”หย่งฟางยืนขึ้น หยู่ถังเดินตามไป ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ ด้านในมีของสำหรับทำพิธี รวมถึงเงินกระดาษทอง หย่งฟางค้นหาของอยู่พักหนึ่ง เลือกของพื้นฐานสามอย่าง กระดาษเหลืองที่มีรู, กระดาษทอง, และตุ๊กตากระดาษคนรับใช้ แต่คิดว่ามันดูน้อยเกินไปหน่อย“บ้านกระดาษนี้ดูเล็กไป ลูกบอลเล็กอยู่กับพ่อแม่เธอ ห้องอาจจะไม่พอ ที่นี่ไม่มีรถกระดาษ ไม่มีมือถือกระดาษด้วย ลูกบอลเล็กชอบดูไลฟ์สดทุกคืน”หย่งฟางพูดไป คิ้วของเธอก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน หยู่ถังรู้ว่าทุคนต่างมีความรู้สึกแปลกๆ แต่คนที่ดูเหมือนรับมือกับเรื่องนี้ได้ยากที่สุด นอกจากหนิงหมี่แล้วก็คือหย่งฟาง ถึงหญิงสาวจะดูเหมือนคนที่ไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัว แต่ความจริงเธอใส่ใจคนรอบข้างมากที่สุด เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ หยู่ถังรีบพูด “งั้นเราลงเขาไปซื้อของจากร้านของเซี่ยเฟยที่บ้านเลขที่ 48 กันเถอะ จะได้เผาให้เธอ”การออกไปข้างนอก สูดอากาศที่อื่นบ้าง อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น“คงต้องเป็นแบบนั้นแล้ว” หย่งฟางพยักหน้า “ชวนหนิงหมี่ไปด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่140 หูอวี่จู้

    มหกรรมการต่อสู้กับนักพรตชั่วจากเป็นประเทศ N ได้ปิดฉากลง ทุกคนเดินออกจากคุกใต้ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้ามาปิดล้อมพื้นที่ด้วยเส้นกั้น สมาชิกครอบครัวสกุลสือทั้งหมดถูกควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจ นำไปยังห้องสอบสวน เพื่อตรวจสอบว่าเคยคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย และยังเกี่ยวเนื่องกับการกบฏต่อชาติ ที่ยังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหัวหน้าจ้าวจากสำนักสืบสวนพิเศษ และผู้นำระดับสูงเดินทางมาถึง ส่วนหานลี่ตงจะถูกดำเนินการไต่สวนและลงโทษโดยหน่วยสืบสวนพิเศษแห่งชาติ ในสงครามครั้งนี้ นอกจากสือว่านซื่อที่ถูกพลังแห่งชาติตีกลับจนเสียชีวิตไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องสังเวยวิญญาณของเซี่ยถังอยู่ในมือของเซี่ยเฟย เขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูวิญญาณของน้องสาว หย่งฟางเม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อน "ถึงจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ แต่พลังของเธอก็สูญสิ้นไปแล้ว เคยกินมนุษย์ เคยเป็นปีศาจจิ้งจอก ถึงเลี้ยงวิญญาณขึ้นมาได้ แต่สวรรค์ก็ไม่ยอมรับ คุณเองก็น่ารู้อยู่แล้ว" แต่เซี่ยเฟยยังคงไม่ยอมปล่อยมือ หันมองหย่งฟางพลางยิ้มอ่อน "รบกวนอาจารย์หย่งช่วยส่งวิญญาณด้วยเถอะ อาถัง!" เซี่ยเฟยร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดเซี่ยถังมองพี่ชายด้ว

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่139 จุดจบคนชั่ว

    ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของจิ้งจอกขาวเซี่ยถัง พลังโชคชะตาแห่งชาติที่ควรจะส่งต่อให้ประเทศ N กลับไม่ได้ถูกถ่ายโอนไปทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่หานลี่ตงเก็บไว้ใช้ส่วนตัวนี่คือสาเหตุที่เขามีชีวิตยืนยาวกว่าร้อยปี หย่งฟางขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ “หึ คนประเทศของแก รู้หรือเปล่าว่าแกขโมยพลังมังกรนี้มา”หานลี่ตงเพียงยิ้ม “รู้หรือไม่รู้ แล้วจะทำไม? หากไม่มีฉัน พวกมันจะตั้งหลักในเอเชียตะวันออกได้หรือ? น่าขำจริงๆ”หย่งฟางเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าขโมยคนนี้เป็นพวกหยิ่งยโสและหลงตัวเอง หานลี่ตงใช้พลังโชคชะตาแห่งชาติของ ประเทศ สร้างแรงกดดันที่แพร่กระจายไปทั่วห้องใต้ดิน ทุกคนรวมถึงเทพธิดาหนิงหมี่ ต่างรู้สึกหายใจยากลำบากขึ้น ต่อหน้าพลังแห่งชาติพวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อประคองตัว หย่งฟางยกมือขึ้นแสงสีแดงฉายออกมาจากฝ่ามือ ก่อตัวเป็นเขตป้องกันครึ่งวงกลม ภายในเขตนี้ทุกคนจึงพอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่หลี่ที่ยังเจ็บจากแรงกดดันเมื่อครู่ ยกมือกุมหน้าอกพูดขึ้น “ขโมยสิ่งที่ไม่ใช่ของแก ระวังเถอะ สวรรค์จะลงโทษเจ้า!”หานลี่ตงหัวเราะเสียงดัง “สวรรค์จะลงโทษฉัน? ฉันใช้ชีวิตแบบนี้มานานกว่าร้อยปีแ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่138 หานลี่ตง

    ชายที่อยู่ข้างสือว่านซื่อเผยรอยยิ้มบางๆ หย่งฟางเห็นท่าทางของเขาแล้ว ตะโกนออกไปทันที“หานลี่ตง!”ขณะที่คนจากหน่วยงานแห่งชาติที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็ต่างเรียกชื่อชายคนนั้นไปในแบบของตัวเอง“พี่ซู?!”“พี่ฉี?!”“พี่มู่?!”หลังจากเสียงของทั้งสามคนจบลง พวกเขาหันมามองหน้ากันเองด้วยความงุนงง “เขาไม่ใช่พี่ซู พี่ฉี พี่มู่ จากหน่วยงานแห่งชาติหรือ?!”ในที่สุดหย่งฟางก็ได้คำตอบ เมื่อหัวหน้าจ้าวตรวจสอบประวัติ ของผู้มีพลังพิเศษในระบบของหน่วยงานแห่งชาติ เพื่อที่จะอยู่ในประเทศและหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเวลาร้อยปี คนอย่าง ‘หานลี่ตง’ ย่อมต้องมีตัวตนแฝงในระบบหน่วยงาน และเชื่อมโยงกับผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆ อย่างแนบเนียนจากปฏิกิริยาของทั้งสามคนทำให้เห็นชัดว่า หานลี่ตงมีตัวตนในฐานะผู้มีพลังพิเศษ ที่ถูกบันทึกไว้ในระบบอย่างสมบูรณ์ คนที่อยู่ข้างหลังหย่งฟาง ต่างเผยท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ขณะจ้องมองสือว่านซื่อและหานลี่ตงด้วยความระแวดระวังชายผู้นั้นตั้งท่าจะทำมือในลักษณะของไต้ซือ แต่ถูกหย่งฟางหยุดไว้ทันที “เลิกแสร้งทำเสียที หานลี่ตง คุณหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”นักพรตสาวกล่าวพร้อมกับกระชากเส้นด้ายสีแดงในมือให้กระชับ ขณะนั้นเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status