ชายหนุ่มชาวสวนนิ่งไปตอนที่ธามเกริ่นให้ฟังว่าเขากับไข่มุกมีความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกันเรื่องลูก ธามจึงจะหาทางออกด้วยการหาคนมาอุ้มบุญ
"...แต่คุณเพิร์ลก็ไม่ยอมให้แกทำอย่างนั้นเช่นกัน "ใช่" "ถ้าอย่างนั้น ทางออกตรงกลางมันคืออะไรวะนั่น" ปีขาลถึงกับเกาหัว เขาเองก็ยังโสด ไม่มีประสบการณ์ที่ซับซ้อนเรื่องความรักความสัมพันธ์ "นั่นล่ะปัญหาใหญ่ ระหว่างฉันกับเพิร์ล เราหาตรงกลางไม่ได้ สำหรับเพิร์ล ฉันก็คือผู้ชายเห็นแก่ตัวที่จะเอาให้ได้ทุกอย่างในชีวิตนี้ ผู้หญิงบริสุทธิ์ก็จะเอา แม่ของลูกก็จะเอา เมียที่คอยปรนเปรอบนเตียงก็จะเอา..." ธามทวนประโยคที่เพิ่งโดนไข่มุกบริภาษมาอย่างครบถ้วน "และเขาจะฉันไม่ยอมให้ฉันสมหวังอะไรเลยสักอย่างเดียว เขาว่าอย่างนั้น" หนุ่มเจ้าของไร่อ้าปากค้าง ขณะที่ธามสีหน้าชาเฉย... "นี่แกโดนเมียด่าจนด้านชาไปแล้วสินะ ไอ้ธาม" "ก็ไม่เชิง ฉันแค่ยอมรับว่าที่เพิร์ลพูดมามันถูกต้องแล้ว ฉันเห็นแก่ตัวจริง ๆ แต่ไม่ว่าเขาจะว่ายังไง ฉันก็ยังยืนยันความต้องการของฉัน ต่อให้เพิร์ลไม่ร่วมมือ ฉันก็จะหาทางมีลูกของฉันเอง" "...นั่นแปลว่าแกต้องฟ้องหย่า" ปีขาลคาดเดาทางออกของเพื่อนสนิท และธามก็พยักหน้า "ถูกต้อง เพราะฉันจะไม่ยอมให้คนที่จะมาอุ้มบุญโดนตราหน้าว่าเป็นชู้ของฉันเด็ดขาด..." "แต่ถ้าแกฟ้องหย่าสำเร็จ ยังจะต้องหาคนอุ้มบุญอีกทำไม ทำไมไม่แต่งเมียใหม่ไปเลย หาคนที่ต้องการจะมีลูกเหมือนกัน เรื่องมันจะได้ไม่ซับซ้อน..." หนนี้ธามกลับนิ่ง เพื่อนเขาพูดถูก แต่ถ้าเขาเป็นอิสระ ศีตลาจะยอมมาเป็นภรรยาของเขาอย่างนั้นหรือ... ใบหน้าไร้เดียงสาที่บ้าบิ่นนิด ๆ ของสาวน้อยคนหนึ่งลอยขึ้นมา ธามไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสีหน้าของตัวเองลึกซึ้งขึ้นเมื่อเอ่ยถึงใครคนนั้น แต่ปีขาลทันสังเกตเห็น และเขาอดจะถามไม่ได้ "พอจะบอกฉันได้ไหม ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร... ไปไงมาไงเขาถึงมาอยู่ในความสัมพันธ์ที่ชวนปวดหัวของแกกับคุณเพิร์ลได้..." ธามลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมบอกเพราะเขาวางใจในตัวเพื่อนสนิท "น้องสาวของศักดิ์สยาม..." ปีขาลนิ่งไปเหมือนกัน เรื่องมันชักจะอีรุงตุงนังจนเขาเริ่มคิดตามไม่ทัน ให้เขาไปคิดคำนวณกำไรขาดทุนหรือคิดโปรเจกต์ธุรกิจใหม่ ๆ ยังจะง่ายกว่านี้หลายร้อยเท่า ธามก็คงจะอ่านสีหน้าของเพื่อนสนิทออก "ฉันขอโทษที่เรื่องไร้สาระพวกนี้มาคุยกับแก" "เฮ้ย! ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะว่าไร้สาระ ถ้าลองคนอย่างแกเลือกจะพูดออกมา แสดงว่าแกคงหาทางออกไม่ได้แล้วจริง ๆ ฉันยินดีรับฟังแกทุกเรื่อง ถึงฉันจะยังไม่มีเมียและยังนึกไม่ออกว่าจะช่วยแกยังไงดีก็เถอะ" "ขอบใจแกว่ะเสือ ฉันแค่อยากทบทวนความคิดของตัวเองด้วยการคุยกับคนที่ไว้ใจได้อย่างแกเท่านั้นก็พอ... อย่างน้อยความคิดพวกนั้นมันจะได้ไม่ต้องวนไปเวียนมาอยู่ในหัวของฉันคนเดียว" "ดี แกทำถูกแล้ว และฉันก็เชื่อว่าสุดท้ายแล้วคนอย่างท่านรองฯ จะหาทางออกได้" ธามหัวเราะเบา ๆ เพราะรู้ว่าเพื่อนชอบเรียก 'ท่านรองฯ' เป็นการหยอกเย้า อย่างน้อยวันนี้เขาก็หัวเราะออกมาได้เพราะไม่รู้ว่าครั้งสุดท้ายนั่นมันเมื่อไหร่แล้ว * * * * * คืนนั้นปีขาลก็พักที่เมทราแกรนด์ตามระเบียบ เพราะไม่เพียงมีธามเป็นเจ้าของแต่ตัวเขาเองยังถือหุ้นอยู่ 2% สองหนุ่มนั่งดื่มและคุยกันอยู่จนดึกดื่นก่อนธามจะปล่อยให้เพื่อนได้พักผ่อนและตัวเขาเองก็ขึ้นรถกลับบ้านโดยมีธงไชยขับรถให้เช่นเคย "ลุงธง ก่อนกลับช่วยแวะไปที่แยกห้วยขวางก่อน" ท่านรองฯ หนุ่มที่คืนนี้ดื่มไปหลายแก้ว เอ่ยกับคนขับรถประจำตัว ธงไชยคิดว่าตัวเองฟังผิด "แยกห้วยขวางหรือครับ" "ใช่ ในซอยที่เราเคยไป...ที่หอพักนั้นนั่นแหละ" "เอ่อ ครับ" แยกห้วยขวางก็แยกห้วยขวาง แวะก็แวะ ธงไชยนึกในใจขัน ๆ แม้ว่ามันจะคนเส้นทางกับทางกลับบ้านธนกิจเลยก็ตาม * * * * * แม้จะตีหนึ่งตีสอง แต่แยกห้วยขวางไม่เคยหลับใหล ตรงกันข้าม ยิ่งดึกก็ยิ่งคึกคักทั้งนักท่องเที่ยว คนทำงาน และคนที่อยู่อาศัยอยู่แถวนั้นเพราะมีทั้งโรงแรม อพาร์ทเม้นท์ หอพัก ตั้งอยู่ทุกซอกทุกมุม รถหรูของธามค่อย ๆ แล่นเข้าไปซอยช้า ๆ สองข้างถนนคือบรรดารถเข็นขายอาหาร เสื้อผ้า เครื่องประดับ พอเข้ากลางซอยไปแล้วก็เริ่มโล่งแต่ก็ยังมีร้านสะดวกซื้อเปิด 24 ชั่วโมงอยู่กลางซอย ที่นี่จึงไม่เคยมีคำว่าเปลี่ยว "จอดแถวนี้แหละ" ธามสั่ง ธงไชยจึงชะลอและหยุดรถในบริเวณที่พอจะจอดได้ เขาเคยพาเจ้านายมาในซอยนี้แล้วหนนึงจึงรู้ว่าท้ายซอยมีที่ให้วนออกมาทางเดิม ไม่ต้องห่วงเรื่องกลับรถ คนรถวัยกลางคนคิดว่าประเดี๋ยวเจ้านายอาจโทรศัพท์หาใครสักคน หรืออาจมีใครสักคนเดินมาหาตามที่นัดหมายไว้ แต่ธามกลับนั่งเฉย เหม่อมองไปยังหอพักกลางเก่ากลางใหม่ที่อยู่อยู่ติดกับร้านสะดวกซื้อที่ไฟสว่างโร่... คนทำงานและวัยรุ่นเดินขึ้นเดินลงเป็นปกติ แต่ไม่มีคนไหนที่มีทีท่าว่าเป็นคนที่เจ้านายของธงไชยรอคอย "ลงไปหาอะไรกินก่อนก็ได้นะลุง ฉัขออยู่นี่อีกซักพัก" "เอ่อ ครับ" ธงไชยรับคำงง ๆ ไม่รู้จะซื้ออะไรเพราะปกติก็ไม่ใช่คนชอบกินของว่างจุบจิบ แต่เพราะธามสั่งแถมยังยื่นแบงค์สีเทาส่งมาให้ เขาจึงรับมาแล้วลงจากรถ คิดว่าเข้าไปซื้อขนมกับของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ฝากแม่บ้านคนงานที่พักที่เรือนเดียวกันก็แล้วกัน เมื่ออยู่ลำพัง ธามก็ถอนหายใจในความไร้สาระของตัวเอง หนแรกที่เขาเข้ามาในซอยนี้เพราะมาส่งเด็กสาวคนนั้นที่หอพักที่เธออยู่ ตอนนั้นเขาทำไปด้วยน้ำใจ แต่ตอนนี้เขาจะกลับมาอีกทำไม แถมยังมานั่งเฉย ๆ อย่างกับว่าเธอจะโผล่มาอย่างสุดแสนบังเอิญอย่างนั้นแหละ ธามคิดว่าประเดี๋ยวเมื่อคนรถกลับออกมาจากร้านสะดวกซื้อ ก็ได้เวลากลับบ้าน หมดเวลาทำตัวเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ชอบทำอะไรที่หาคำอธิบายดี ๆ ไม่ได้เสียที กระทั่งมีเด็กวัยรุ่นสามคนเดินลงมาจากหอพัก ธามก็ยืดตัวขึ้นทันที ใจเต้นแรง... ศีตลาเดินมากับเพื่อนผู้หญิงและอีกคนเป็นผู้ชาย อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงพวกเขาแต่สีหน้าก็บอกได้ว่าสามคนกำลังหัวเราะเรื่องตลกอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนที่เด็กสาวอีกคนจะโบกมือให้ศีตลา ท่าทางเหมือนกำลังจะกลับบ้าน ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนนั้นแม้จะเดินกลับออกมาพร้อมกันกับเด็กสาว แต่ก็เห็นชัดว่ายังไม่อยากกลับ ยังคงโบกมือเอื่อย ๆ ให้ศีตลาอย่างอาลัยอาวรณ์ 'แฟนเหรอ' ธามนึกขึ้นมาแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด และชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกขุ่นมัวเมื่อไม่กล้าแม้แต่จะถามตัวเองว่า...หากน้องสาวของศักดิ์สยามมีแฟนแล้วจริง ๆ ตามประสาวัยรุ่น... แล้วเขาจะหงุดหงิดไม่พอใจด้วยเหตุผลอะไร...แต่วีณายังไม่ทันได้ถาม... ก้อยก็รีบวิ่งกลับมาเคาะประตูด้วยท่าทางตื่นเต้น"คุณท่านคะ คุณท่าน!""อะไร! มีอะไร!""คุณธามกลับมาแล้วค่ะ มาถึงก็ถามหาคุณท่านทันทีเลยค่ะ!"* * * * * ตอนแรกธามคิดว่าอาจจะพักสมองอยู่ที่เชียงรายต่ออีกสองสามวันแต่ปีขาลเตือนเขาว่า เรื่องบางเรื่อง ปล่อยไว้นานก็จะยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง 'ถึงยังไงคุณน้าก็เป็นแม่ของมึงนะธาม เลี้ยงดูกันมาขนาดนั้น จะไม่มีเยื่อใยความผูกพันกันเลยก็คงไม่ใช่ มึงกลับไปคุยกับแม่ดี ๆ เถอะ อย่างน้อยก็จะได้ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีอะไรค้างคา'ขนาดคนที่หุนหันพลันแล่นอย่างปีขาลยังบอกแบบนี้ ธามจึงนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ มาทันทีเมื่อเลขาฯ บอกว่าท่านประธานฯ ไม่เข้าบริษัท เขาจึงมาที่บ้าน และก็เจอธัญญาจริง ๆ ในห้องทำงานของธัญญา มีกันเพียงสองคนแม่ลูก ชายหนุ่มใจชื้น อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้ไล่เขาทันทีที่เห็นหน้า"มาทำไม ต้องการอะไร""ผมอยากรู้ความจริงครับ ว่าผมเป็นลูกของ...คุณทีน่า...จริง ๆ ใช่ไหม""แกยังไม่ได้ไปถามมันอีกเหรอ""ผมยังไม่ได้ไปเจอเธอเลยครับ ผมอยากมาคุยกับแม่ก่อน เพราะสำหรับผม คุณทีน่าก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า แม่ต่างหากที่ยังเป็นแม่ของผม""แต่สำ
หลังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ปีขาลถึงกับนั่งงงอยู่เป็นนานสองนานถ้าไม่ใช่เพราะคนเล่าคือ "ธาม" เพื่อนที่แสนจะสุขุม จริงจัง และไม่เคยล้ออะไรใครเล่น เขาก็คงนึกว่ากำลังฟังละครวิทยุอยู่แน่ ๆ"แล้วป่านนี้แม่มึง...ทั้งสองแม่ ไม่ตามหาตัวมึงให้วุ่นหรือวะ จู่ ๆ หลบมาแบบนี้""ไม่รู้"ธามตอบเนือย ๆ "แม่...หมายถึงแม่ตามกฎหมาย คงไม่อยากเห็นหน้ากูเท่าไหร่ แต่คุณทีน่า บอกตรง ๆ ว่ากูยังช็อก..."ชายหนุ่มนึกถึงหญิงคนนั้น คนที่ดวงตาซึ้งดูเศร้าแต่ก็จับใจเขาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น"กูถูกชะตาเขามากตั้งแต่วันแรกที่เจอที่โรงแรม รู้สึกอยากเข้าใกล้ อยากรู้จัก... ไม่ใช่เชิงชู้สาว แต่เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...""เขาเองก็คงอึดอัดอยากบอกมึงเหมือนกันว่าเป็นแม่..."ปีขาลคาดเดาจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนหน้า"ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าไม่เพราะคุณน้าธัญญาดันเกลียดแม่ที่ให้กำเนิดมึงน่ะไอ้ธาม..."นี่ปีขาลก็เดาอีก แต่ธามพยักหน้าเห็นด้วย"เท่าที่ได้ยิน แสดงว่าพ่อกับคุณทีน่าลักลอบมีอะไรกัน จนเกิดเป็นกูขึ้นมา กูก็คือลูกชู้ ลูกนอกสมรส ที่แม่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะอยากทำร้าย เพื่อที่แม่แท้ ๆ จะได้เ
เวลาสองทุ่ม จังหวัดเชียงรายไร่อรุณเบิกฟ้าเปิดไฟสว่างไสวตั้งแต่ปากทางเข้าไร่มาจนถึงตัวเรือนด้านในเพราะผู้มาเยือนโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าหลายชั่วโมงแล้วว่ากำลังจะมา เมื่อรถเล็กซัส แอลเอ็กซ์-หกร้อย มาถึงจึงมีคนงานคอยเปิดประตูให้ และเจ้าของไร่ตัวสูงใหญ่ยืนเท้าสะเอวรอต้อนรับด้วยสีหน้าดีใจแกมโล่งใจที่เพื่อนมาถึงโดยปลอดภัย"ไงมึง"ปีขาลทักสั้น ๆ พลางเข้าไปโอบเพื่อน ตบหลังเบา ๆ หนึ่งที แล้วหันไปทักทายลุงธงคนขับรถของเพื่อนสนิท"สวัสดีครับลุง ขับมาไม่ได้พักเลยสินะครับ""ก็มีแวะปั๊มบ้างครับ"ลุงธงยิ้มเหนื่อย ๆ ไม่รู้กี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้ขับรถออกต่างจังหวัด เพราะปกติที่ขับรถให้นาย ไกลสุดก็แค่อยุธยา"ที่จริงคุณธามแกจะขับเองครับ บอกให้ผมกลับบ้านได้เลย แต่ผมขอมาด้วย อย่างน้อยจะได้เปลี่ยนมือกัน...นี่ก็ออกมาเลย เสื้อพงเสื้อผ้าอะไรไม่มีสักตัวเลยครับ"ลุงธงบอกอย่างเป็นห่วงมากกว่าจะฟ้อง"ผมให้แม่บ้านเตรียมห้องกับพวกกับข้าวกับปลาไว้ให้ลุงแล้ว ไปกินข้าวก่อนก็แล้วกันนะลุง เดี๋ยวเสื้อผ้าสะอาด ๆ ให้แม่บ้านหาให้แป๊บเดียว...แม่ต้อย ฝากดูแลลุงเปิ้นกำเน่อ""เจ้า"แม่บ้านวัยกลางคนรับคำแล้วพาลุงธงเดินหายเข้าไปด้านหลั
ธามยังจับต้นชนปลายไม่ถูก...เขาอยากจะคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก เขากำลังถูกแกล้ง แต่สีหน้าของผู้หญิงสูงวัยสองคนที่กำลังมองมาที่เขาก็จริงจังเกินกว่าจะคิดเช่นนั้น"ทำไมแม่พูดอย่างนั้นล่ะครับ ก็แม่เป็นแม่ผม...""ใช่ แม่ควรจะเป็นแม่ของแก แม่ก็เคยเชื่อแบบนั้น"ธัญญาหันกลับไปมองทิพย์ลาวัณย์อย่างเจ็บแค้น"ฉันให้แกมาอุ้มบุญลูกของฉัน แต่แกกับทิมกลับสวมเขาให้ แอบไปมีอะไรกันตอนไหนฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยคิดจะระแวงเลยสักครั้ง แต่ตอนแกเกิด สายตาของแกกับทิมทำให้ฉันสงสัยและตัดสินใจแอบตรวจดีเอ็นเอ จึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย... แกหลอกฉันตลอดแปดเก้าเดือนที่ท้อง แกกับทิม เลวทั้งคู่""แม่...นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้วนะครับ""จนป่านนี้แล้วยังไม่ชัดอีกหรือไง"ธัญญาหันมาตอบเสียงดังจนแทบเป็นตะโกน"ฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของแก ฉันแค่เลี้ยงแกมา เพราะว่าแม่แท้ ๆ ของแกมันเป็นชู้ มันแค่อุ้มท้องแล้วก็คลอด แล้วก็ต้องหนีไปอยู่เมืองนอกเพราะทนขายขี้หน้าไม่ได้ที่แอบนอนกับผัวของพี่สาว..."ธามหน้าซีดเผือด ไม่กล้ามองทิพย์ลาวัณย์ให้ชัด ๆ ด้วยซ้ำ ธัญ
ธัญญาก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องรอให้เชิญ ทิพย์ลาวัณย์เบี่ยงตัวหลบให้โดยอัตโนมัติทั้งที่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่ต้องฟังคำสั่งของญาติผู้พี่อยู่เสมอ...แต่เธอก็อนุญาตให้ธัญญาเข้ามาแค่คนเดียว บรรดาผู้ช่วยผู้ติดตามของเขา เธอให้รออยู่ด้านนอกธัญญามองไปรอบ ๆ ห้องพักที่มีห้องนอนย่อยสองห้อง มีชุดครัว มุมนั่งเล่นดูโทรทัศน์ และมุมอ่านหนังสือ ทุกอย่างดูสะดวกสบายครบครันสมเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม"ฉันไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว ธามเขายังดูแลได้ดีทีเดียว ดูดีกว่าตอนทิมยังอยู่เสียอีก""พี่ธัญมาทำไมคะ"ทิพย์ลาวัณย์ถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม ญาติผู้พี่ของเธอคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อแค่ทักทายอย่างแน่นอนธัญญาหันกลับมาทันที "แกต่างหากกลับมาทำไม 'กล้า' กลับมาทำไม หรือมันนานเกินไปจนแกลืมไปแล้วว่าแกสัญญาอะไรกับฉัน""ใช่ค่ะพี่ธัญ มันนานเกินไปแล้ว"ทิพย์ลาวัณย์ยอมรับ แววตาและน้ำเสียงอ่อนลงอย่างอ้อนวอน"มันสามสิบกว่าปีแล้วนะคะ พี่จะไม่ให้ฉันกลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเลยหรือไง ฉันแค่อยากพาลูกชายฉันกลับมาเที่ยว... ไม่ได้มาเพราะต้องการจะรบกวนอะไรพี่... ขนาดงานศพพี่ทิม ฉันยังไม่มาเลย เท่านั้นยังไม่มา
เย็นนั้นลูกชายบอกว่าจะขอออกไปดินเนอร์กับเพื่อนใหม่ 'ที่อื่น'"มีบาร์ชั้นดาดฟ้าที่มองลงไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาครับ แวนอยากลองไปที่นั่น""ไปกับสาวก่อน แล้วค่อยพาแม่ไปวันหน้าใช่ไหม"ทิพย์ลาวัณย์แกล้งถาม แต่อีแวนยิ้มและพยักหน้าจริงจัง"แน่นอนครับ ถ้าร้านโอเคแวนจะพาแม่ไปอีกแน่นอน...""แล้วจะกลับดึกไหมลูก"อีแวนลังเลเล็กน้อย"น่าจะดึก หรืออาจจะค้างที่อื่นครับ"ทิพย์ลาวัณย์ตกใจนิด ๆ อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่"ระมัดระวังตัวให้ดีนะแวน ที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่อเมริกา""ครับ ไว้ใจได้ครับ"ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ่ยก่อนก้มลงจูบแก้มสองข้างของมารดา แล้วขอตัวออกจากห้องไปเพื่อไปตามนัดกับเพื่อนใหม่ที่เขาว่า ทิพย์ลาวัณย์ไม่เซ้าซี้ถามว่าใคร แม้จะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นสาวสวยคนที่ส่งยิ้มให้ลูกชายเธอเมื่อเช้าเมื่อลูกชายไม่อยู่ ทิพย์ลาวัณย์เลยคิดว่าอาจจะโทรสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมาก่อนบนห้อง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สุภาพสมวัยแล้วหยิบผ้าคลุมไหล่สีเลือดหมูลงไปที่ห้องอาหาร..."วันนี้มีดนตรีสดด้วยหรือคะ"เธอเอ่ยกับพนักงานอย่างแปลกใจตอนที่พนักงานมารับออเดอร์"ใช่ค่ะ ทุกวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ กับวันหยุดย