แชร์

บทที่ 25 ยั่วยุ

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-22 22:35:50

โม่ชิงเยว่จ้องมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยโกรธแค้นและชิงชังบนใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความพึงพอใจ ยามนี้สิ่งที่นางต้องการก็คือทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีโทสะมากที่สุดยิ่งมีโทสะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีต่อนางมากเท่านั้น

“เหตุใดข้าจึงจะไม่กล้าเล่าเจ้าคะ ข้าทนเสแสร้งมาถึงสามปี ประสบกับความยากลำบากมาตั้งเท่าไหร่ท่านย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ข้าเคยป่วยจนเกือบตายมาแล้วเสียด้วยซ้ำก็เพราะอยากจะเอาชนะใจท่าน แต่ยามนี้ข้ารู้แล้วว่าตัวข้านั้นโง่เขลา หวังใช้ความดีเอาชนะใจสามี ใช้ความกตัญญูขอความเมตตาจากท่าน แต่พอใกล้ตายขึ้นมาข้าจึงพึ่งจะคิดได้ว่าข้าคิดผิด เหตุใดจะต้องเอาชนะใจเขาด้วยเล่าในเมื่อข้าเองก็ไม่ได้มีใจให้เขา เหตุใดจะต้องขอความเมตตาจากท่านในเมื่อต่อให้ข้าตายไปท่านก็ไม่มีวันที่จะมอบความเมตตาให้” โม่ชิงเยว่เอ่ยออกมาตามที่ใจคิดแล้วจึงได้เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ยามนี้โอกาสของข้ามาถึงแล้ว ในเมื่อท่านและบุตรสาวของท่านคิดจะเล่นงานข้าให้ถึงตาย ข้าก็ควรจะตอบแทนท่านให้มากสักหน่อย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ร้อง เฮอะ! แล้วส่ายหน้า

“เจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้ จำที่ท่านผู้บัญชาการเยี่ยเอ่ยเตือนเจ้าไม่ได้หรือ ถึงอย่างไรข้าก็มีศักดิ์เป็นแม่สามีของเจ้า หากเจ้าล่วงเกินข้าก็ย่อมจะเท่ากับว่าเจ้าอกตัญญู ถึงยามนั้นไม่ใช่แค่เพียงเจ้าที่ได้รับผลกระทบ แต่ลูกๆ ของเจ้าที่ถูกเลี้ยงดูโดยคนอกตัญญูเช่นเจ้าจะได้รับการยอมรับจากผู้อื่นได้อย่างไร” คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้โม่ชิงเยว่ส่ายหน้าในทันที

“ข้าทำอะไรท่านไม่ได้ก็จริง แต่อำนาจการดูแลจวนแห่งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็เหมาะสมที่จะอยู่ในการดูแลของข้า ท่านแม่! ท่านชรามากแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เลอะเลือนมอบหมายให้อนุอย่างสุ่ยอี้โหรวมาดูแลจวนแทนข้าผู้เป็นภรรยาเอก ยามนี้ยังเลอะเลือนคิดจะใส่ร้ายป้ายสีข้าอีก อืม ไม่รู้ว่าถ้าหากทางสกุลสุ่ยรู้เรื่องนี้เข้าจะคิดโยงไปถึงเรื่องที่สุ่ยอี้โหรวถูกจับได้ว่ามีชู้หรือเปล่านะ ท่านแม่ท่านคิดว่าจวนสกุลสุ่ยจะคิดได้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วสุ่ยอี้โหรวอาจจะถูกคนวางแผนเล่นงานอย่างที่ข้าเองก็เกือบจะถูกวางแผนเล่นงานเช่นกัน”

"ข้าไม่ได้เล่นงานนาง เป็นนางต่างหากที่ทำตนเอง" เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ส่ายหน้าพลางยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองนางครู่หนึ่งแล้วก็ชี้หน้านางด้วยความโกรธเคือง

“หรือว่าจะเป็นเจ้า! เจ้าวางแผนเล่นงานนางใช่หรือไม่”

“ท่านแม่อย่าได้ใส่ความข้าสิ เป็นท่านมิใช่หรือที่สั่งให้คนตัดเส้นเอ็นมือเส้นเอ็นเท้าของนาง เอ๋ หรือว่าแท้จริงแล้วอาจจะเป็นบุตรสาวของท่านก็ได้นะ ดูจากที่นางลงมือฆ่าคนได้ง่ายดายขนาดนั้น อืม… จะต้องเป็นนางแน่ๆ ชุ่ยเหมยเจ้าไปส่งข่าวที่กรมอาญาให้ข้าทีว่าแท้จริงแล้วสุ่ยอี้โหรวอาจจะถูกซ่งเหวินหนิงวางแผนเล่นงานเพื่อหมายเอาชีวิตของนางก็ได้” เมื่อมาชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ส่ายหน้าในทันที

“อย่านะ! เจ้าห้ามทำเช่นนั้นนะ เพียงเท่านี้หนิงเอ๋อของข้าก็หมดอนาคตแล้วเจ้าอย่าได้บีบคั้นให้นางไม่เหลือทางรอดเลย” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยพลางหลั่งน้ำตาออกมา

“แล้วท่านเล่าในยามที่ลงมือเคยเหลือทางรอดให้ผู้อื่นหรือไม่ ข้าเองก็อยากจะลองเลียนแบบท่านดู บีบคั้นให้นางอับจนหนทางให้มากที่สุด” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหน้ากรีดร้องออกมาครั้งหนึ่งแล้วก็กระอักโลหิตออกมา นางยกมือขึ้นมาชี้หน้าโม่ชิงเยว่ด้วยสายตาอาฆาตแล้วก็หมดสติไป

“ใครก็ได้ไปตามหมอมาดูอาการของฮูหยินผู้เฒ่าหน่อย” โม่ชิงเยว่เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา เฉินมามาจึงได้หันไปสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างกายของนางในทันที

“เจ้าไปตามท่านหมอมา” เมื่อสาวใช้ออกไปแล้วเฉินมามาก็หันมาเอ่ยถามโม่ชิงเยว่ด้วยน้ำเสียงกังวล

"ท่านไม่กลัวว่าท่านหมอจะตรวจพบว่ายาที่ฮูหยินผู้เฒ่าดื่มมีปัญหาหรือเจ้าคะ"

“หึหึ เจ้าวางใจเถอะยาสงบใจถ้วยนั้นก็แค่ยาบำรุงเลือดลมธรรมดาเพียงเท่านั้น แต่เพราะท่านแม่ฉุนเฉียวง่ายถูกข้ายั่วโทสะเพียงนิดก็ฉุนเฉียวแล้ว เลือดลมก็เลยตีกลับจนเป็นเช่นนี้” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้เฉินมามาพลันเข้าใจในทันทีว่าที่แท้แล้วโม่ชิงเยว่ก็ตั้งใจยั่วยุให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีอารมณ์ที่ไม่คงที่นั่นเอง นางทอดถอนใจออกมาแล้วเดินไปนำกุญแจห้องเก็บสมบัติที่ฮูหยินผู้เฒ่าเก็บเอาไว้มาให้โม่ชิงเยว่

“พอฮูหยินผู้เฒ่าอาการดีขึ้นแล้วเจ้าไปอยู่กับนางที่เรือนคิมหันต์ก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินข้าจะคอยดูแลเจ้าเป็นอย่างดี ขอเพียงเจ้าอย่าปล่อยให้นางมากวนข้าก็พอแล้ว” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้เฉินมามาก็รับคำโดยไม่กล้าเอ่ยถ้อยคำใดออกมาอีก

แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็มีคนนำท่านหมอเข้ามาในจวน โม่ชิงเยว่จ้องมองท่านหมอผู้นั้นด้วยความประหลาดใจด้วยท่านหมอผู้นี้ไม่เพียงอายุน้อยแต่รูปร่างหน้าตาและการแต่งกายของเขาดูแตกต่างจากท่านหมอทั่วไป ซึ่งลักษณ์นี้ของท่านหมอไม่น่าจะใช่หมอที่คนอย่างฮูหยินผู้เฒ่าจะยินยอมให้รักษาอาการป่วยของนางแน่

“ไม่ทราบว่าท่านหมอมาจากไหนกันหรือ เท่าที่ข้าจำได้ท่านหมอที่คอยดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเป็นประจำมีอายุมากกว่านี้มิใช่หรือ” คำถามของโม่ชิงเยว่ทำให้ท่านหมอผู้นั้นนิ่งงันไปครู่หนึ่งแล้วเขาจึงได้ชี้ไปที่คนผู้หนึ่งที่ติดตามเขามาทางด้านหลัง

“เป็นคนผู้นั้นตามให้ข้ามาดูอาการของฮูหยินผู้เฒ่าจวนนิ่งอันโหว” คนที่ท่านหมอผู้นั้นชี้ไปก็คือองครักษ์หน้ากากเหล็กขององค์ชายรอง ซึ่งเป็นคนที่เฉินมามาลักลอบไปส่งข่าวให้นางกับชุ่ยเหมยได้รู้ว่าเขาคือท่านโหวของจวนนี้ ซ่งเหวินจิ้งผู้เป็นสามีของนาง

“ให้ท่านหมอเข้าไปดูแลอาการของฮูหยินผู้เฒ่าก่อนเถิด ท่านหมอผู้นี้เป็นคนที่องค์ชายรองทรงไว้วางพระทัยเป็นอย่างมาก เขาถือว่าเป็นท่านหมอที่มีฝีมือมากทีเดียว” เมื่อซ่งเหวินจิ้งที่อยู่ภายใต้หน้ากากเอ่ยกับนางเช่นนี้โม่ชิงเยว่จึงไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งท่านหมอผู้นั้นอีก

ยามที่ท่านหมอเข้าไปตรวจอาการของฮูหยินผู้เฒ่าโม่ชิงเยว่ก็ยืนรออยู่หน้าห้องโดยมีซ่งเหวินจิ้งยืนอยู่ด้วย ทั้งเฉินมามาและชุ่ยเหมยหันไปส่งสายตาให้กันแล้วจึงได้พาสาวใช้คนอื่นๆ ออกไปจากเรือนทิ้งให้โม่ชิงเยว่และซ่งเหวินจิ้งอยู่ด้วยกันตามลำพัง

“ฮูหยิน แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะปฎิบัติกับฮูหยินไม่ดี แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นท่านย่าของลูกๆ ของท่าน” คำพูดขององครักษ์หน้ากากเหล็กทำให้โม่ชิงเยว่แค่นหัวเราะออกมา

“นางไม่เคยคิดว่าพวกเขาเป็นหลาน” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งนิ่งงันไป คนทั้งคู่ยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นท่านหมอที่สวมชุดขาวราวกับเทพเซียนก็เดินเข้ามารายงานกับซ่งเหวินจิ้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เดิมอวัยวะภายในก็ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว หยินหยางไม่สมดุล เลือดลมตีกันยุ่งเหยิงไปหมด พอมีเหตุให้สภาวะทางอารมณ์และจิตใจไม่มั่นคงทำให้ร่างกายรับไม่ไหว ข้าขอบอกตามตรงว่าต่อให้ตื่นขึ้นมาได้ก็คงไม่อาจจะเหมือนเดิมแล้ว”

“ท่านหมอเมิ่ง ท่านหมายความว่าอย่างไร” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้ท่านหมอผู้นั้นส่ายหน้า

“ต่อให้เป็นอาจารย์ของข้ามาด้วยตนเองก็คงไม่อาจจะรักษาได้แล้ว ยามนี้ข้าทำได้แค่เพียงเหนี่ยวรั้งลมหายใจเอาไว้ให้ได้เพียงเท่านั้น แต่สติการรับรู้ของนางไม่มีทางคืนกลับมาเหมือนเดิมได้แล้ว” เมื่อเอ่ยจบท่านผู้นั้นก็เดินจากไปทิ้งให้ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งอยู่กับที่ส่วนโม่ชิงเยว่กลับเดินออกไปออกคำสั่งกับเฉินมามาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“พวกเจ้ามาเคลื่อนย้ายฮูหยินผู้เฒ่าไปที่เรือนคิมหันต์” คำพูดของนางทำให้เฉินมามานิ่งงันไป

“แต่อาการของฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่ดีขึ้นเลยนะเจ้าคะ” คำพูดของเฉินมามาทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมาแล้วหันไปจ้องมองซ่งเหวินจิ้งผ่านหน้ากากเหล็กด้วยสายตาท้าทาย

“ยามที่ข้าต้องไปอยู่ที่เรือนเหมันต์เหตุใดจึงไม่มีคนมาโต้แย้งเช่นนี้กันบ้างนะ ส่งออกไป! เอาไว้ท่านโหวกลับมาเมื่อไหร่ค่อยให้เขาไปรับมารดาของเขากลับมาที่เรือนแห่งนี้ด้วยตนเอง” เมื่อเอ่ยจบโม่ชิงเยว่ก็เดินจากไปทิ้งให้ซ่งเหวินจิ้งจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปความอ่อนใจ เขาเดินติดตามนางไปแล้วเอ่ยกับนางเสียงเบา

“ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าข้าคือผู้ใด เช่นนั้นขอให้เจ้าเห็นแก่หน้าข้าอย่างน้อยให้ท่านแม่ของข้าได้อยู่รักษาตัวที่เรือนแห่งนี้ก่อนได้หรือไม่” คำพูดของเขาทำให้โม่ชิงเยว่ร้อง เฮอะ ออกมา

“ในเมื่อท่านกล้าขอข้าก็กล้าให้ แต่ขอบอกท่านเอาไว้ตรงนี้ว่าหากนางอาการดีขึ้นเมื่อไหร่ข้าจะส่งนางไปที่เรือนคิมหันต์แน่”

“โม่ชิงเยว่ ที่ท่านแม่ของข้าเป็นเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะเจ้ายั่วยุให้นางมีโทสะมิใช่หรือ ยามนี้นางเป็นถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังไม่คิดจะปล่อยวางอีกหรือ”

“ข้าไม่มีทางปล่อยวาง เพราะฉะนั้นทางที่ดีท่านโหวควรจะรีบกลับมาเขียนหนังสือหย่าให้ข้าเสีย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็ส่ายหน้k

“ต้องขอโทษด้วยแต่ข้าหย่าขาดจากเจ้าไม่ได้จริงๆ” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วจึงหันไปสั่งทุกคนในเรือนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักแน่น

“ทุกคนจงฟังให้ดี หากพวกเจ้าผู้ใดกล้าละเลยไม่ดูแลฮูหยินผู้เฒ่าให้ดี ยามที่ท่านโหวกลับมาหัวของพวกเจ้าเป็นได้หลุดจากบ่าแน่” เมื่อเขาเอ่ยจบก็หันไปจ้องมองโม่ชิงเยว่อีกครั้งแล้วจึงได้เดินออกจากจวนโหวไป โดยทิ้งให้โม่ชิงเยว่จ้องมองตามหลังเขาอย่างมีโทสะ…

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status