หรงหรงนั่งลงมืออย่างพิถีพิถัน นางตักน้ำรดโคนผมให้โม่เฉิน เพื่อล้างคราบเลือดออกไปก่อนสองถึงสามรอบ ก่อนจะเทน้ำมันระเหยที่ทำจากธรรมชาติ นวดให้ทั่วทั้งบริเวณศรีษะของเขา และขยี้เบาๆจนเกิดฟองอย่างระแวดระวัง เพราะกลัวว่าหนังศรีษะเขา จะมีบาดแผลในส่วนที่นางมองไม่เห็นอีก
โชคดีที่เจ้าของร่างเดิมทำน้ำมันระเหยเอาไว้หลายขวด...
ปกติชาวบ้านในหมู่บ้านระเเวกแถวนี้ ไม่มีเงินมากพอ ที่จะซื้อข้าวของเครื่องใช้แพงๆ เพียงข้าวจะกรอกหม้อ ยังต้องใช้แรงงานหลายวันกว่าจะมีปัญญาซื้อมา ชาวบ้านที่นี้จึงอยู่กันอย่างประหยัดมัธยัสถ์ ไม่ค่อยใช่จ่ายฟุ่มเฟือยเหมือนกับคนในเมืองหลวง
หรงหรงสระผมให้โม่เฉิน นางค่อยๆเกาอย่างเบามือ เพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บ จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกหลายรอบ
"อาเฉิน ท่านเป็นบุรุษคนแรกที่ข้าสระผมให้ และเป็นบุรุษคนแรกที่ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ตั้งแต่เกิดมา...ข้าไม่เคยสระผมหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บุรุษคนใดมาก่อน ท่านเชื่อข้าหรือไม่...?
"เชื่อสิ...." โม่เฉินก็คิดในใจเช่นเดียวกันกับนาง นางก็เป็นสตรีคนแรก ที่เขายอมเปิดใจให้นางเห็นเรือนร่างและใกล้ชิดเขาได้มากขนาดนี้เช่นกัน
โม่เฉินรู้สึกโล่งใจและปลอดภัยในเวลาเดียวกัน ทั้งที่พึ่งรู้จักกับนางได้ไม่นาน แต่ในใจของเขา กลับรู้สึกผ่อนคลายและสงบลงอย่างบอกไม่ถูก
"เอาละเสร็จแล้ว...เดี๋ยวข้าจะเอาเก้าอี้ที่ดันไว้ตรงปลายเท้าท่านออก เช็ดผมพอหมาดๆ นอนพึ่งลมอีกสักพักผมก็แห้งแล้ว ตอนนี้ข้าเริ่มเหนียวตัว อยากจะไปอาบน้ำชำระร่างกายเสียเต็มประดา ประเดี่ยวข้าอาบน้ำเสร็จ ข้าค่อยกลับมาแปลงผมให้ท่านต่อ.."
"ขอบคุณมาก...."
หรงหรงลากเปลที่โม่เฉินนอนอยู่ออกมาให้ห่างจากน้ำที่นางพึ่งสระผมให้เขาไปเมื่อสักครู่พอประมาณ จากนั้นนางจึงเดินจากไป
โม่เฉินแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าในยามค่ำคืนด้วยใบหน้าที่เย็นชา เขาช้อนสายตาหันกลับไปมองสตรีร่างเล็กเป็นครั้งคราว เห็นเพียงแผ่นหลังที่กำลังเดินหายลับไปอีกมุมหนึ่ง
"แปลกจริง หายไปไหนแล้วนะ...? หรงหรงพยายามมองหากล่องยา แต่ไม่รู้ว่ากล่องยาหายไปไหน
โม่เฉินนอนหลับตาฟังเสียงลมในยามค่ำคืน ยามต้องลมอุณหภูมิร่างกายเย็นยะเยือกจนถึงกระดูก เขาไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตนี้เขาจะได้มาชมบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติและเงียบสงบเช่นนี้....
"หากได้อยู่แบบนี้ตลอดไปก็คงดี.." โม่เฉินเอ่ยพร้อมทั้งแหงนหน้ามองดูดวงดาวบนท้องฟ้า
ไม่นานนักหรงหรงเดินกลับมาด้วยผมเผ้าที่เปียกปอน ภาพที่เห็นตรงหน้า ช่างหาดูได้ยากยิ่ง บุรุษรูปงามนอนหลับตาท่ามกลางท้องฟ้าที่มีดาวระยิบระยับ นางเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างโม่เฉินอย่างถือวิสาสะ...
โม่เฉินสัมผัสได้ถึงกลิ่นสบู่จางๆออกมาจากตัวสตรีร่างบาง เขาเผลอสูดดมกลิ่นหอมนั้น และรู้สึกผ่อนคลายลงอย่างบอกไม่ถูก
"ทำไมยังไม่นอนอีก...? หรงหรงกระซิบถาม
"ข้ารอหรงเอ๋อร์..."
"เหตุใดต้องรอ ถ้าง่วง...ท่านก็รีบนอนเสียเถิด มิต้องฝืนร่างกาย...."
"ข้าแค่อยากจะลองรอใครสักคนดูบ้าง..." โม่เฉินจ้องมองสตรีร่างบางด้วยแววตาที่อบอุ่น
"ชิ..อย่าได้ใช้คำพูดมายั่วยวนข้า ข้ามิหลงกลท่านหรอก.."
"ข้าพูดความจริง...."
หรงหรงเบะปากมองบน....
สายลมพัดไปมาในยามค่ำคืน บรรยากาศมืดสลั่วมีเพียงเสียงแมลงร้องขับขาน เส้นผมโม่เฉินโดนลมกระทบ จึงเริ่มแห้งขึ้นมาบ้างแล้ว
หรงหรงถือวิสาสะ เอามือจับปลายผมของโม่เฉิน ขึ้นมาสูดดม
"หอมจัง เมื่อครู่ยังเหม็นคาวกลิ่นเลือดอยู่เลย เส้นผมท่านช่างเงางามอ่อนนุ่มยิ่งกว่าเส้นผมสตรีเสียอีก คริ...คริ" หรงหรงยิ้มให้โม่เฉิน ก่อนจะเอ่ยหยอกล้อ และหัวเราะเสียงเบา
มือเล็กเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มที่ไหลตกลงไปที่ขาของเขา เพื่อดึงผ้าห่มขึ้นมาจัดระเบียบให้โม่เฉินใหม่อีกครั้งอย่างอ่อนโยน
"หนาวหรือไม่...?
"ไม่ ตอนนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก.."
"ชิ...นอนได้แล้ว คืนนี้ข้าจะเฝ้าดูอาการให้ท่านเอง เพราะได้กล่องยาวิเศษของข้าช่วยเอาไว้ ท่านถึงได้รอดพ้นจากเงื้อมือมัจจุราชมาได้...." โม่เฉินกำลังจะเอื้อมมือไป เพื่อขอบคุณนาง
"อย่าขยับ...มือท่านยังไม่หายดี จะขยับมั่วซั่วไม่ได้เด็ดขาด..." หรงหรงรีบจับมือของโม่เฉินวางลงอย่างถนอม นางกำลังจะเอามือออก แต่ถูกโม่เฉินรั้งเอาไว้ก่อน
"ขอข้าจับแบบนี้อีกสักครู่ ได้หรือไม่....? โม่เฉินเอ่ยออกมาอย่างมีมารยาท
"ก็มิใช่ว่าจะไม่ได้..." หรงหรงถึงจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่นางรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนของโม่เฉิน นางจึงปล่อยให้เขาจับมือนางอยู่แบบนั้นไปพักใหญ่
หรงหรงเอาหัวซุกหนุนไปที่ตักของโม่เฉินอย่างลืมตัว นางใช้ฝ่ามือสัมผัสไปที่ขาของเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกไปอย่างเป็นห่วง
"เจ็บหรือไม่...? หรงหรงแหงนหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาเพื่อรอคำตอบ
"ไม่เจ็บแล้ว ข้าต้องขอบคุณหรงเอ๋อร์จากใจจริง"
"เลิกขอบคุณข้าได้แล้ว นอนเถอะ....?
"ข้า...นอนไม่หลับ...."
หรงหรงรีบลุกขึ้นยืน นางก้มตัวลง จากนั้นจึงค่อยๆโน้มตัวลงจูบไปที่กลางหน้าผากโม่เฉินอย่างลืมตัว พอนางได้สติคืนมา นางจึงรีบถอยตัวออกห่างจากเขาอย่างรวดเร็ว
"ขอโทษ ข้าเผลอตัวไปหน่อย เวลาที่ข้านอนไม่หลับ ท่านแม่มักจะจูบที่กลางหน้าผากข้าเบาๆเป็นประจำ" หรงหรงนึกถึงมารดาจากโลกเก่า นางรีบอธิบายออกไป เพราะกลัวว่าโม่เฉินจะเข้าใจนางผิด
"ไม่เป็นไร ข้าชอบ" โม่เฉินยกยิ้มอย่างพอใจ
"....."
"ห่ะ ท่านไม่รังเกียจข้าหรอกหรือ....?
"ข้าจะรังเกียจว่าที่ภรรยา...ได้เช่นไร.."
"อย่ามาพูดมั่วซั่ว ข้าไปรับปากท่านตอนไหนว่าจะยอมเป็นภรรยาท่าน.." หรงหรงรีบปฎิเสธเสียงแข็ง
"แต่ทั่วทั้งเรือนร่างของเจ้า ข้าล้วนเห็นจนหมด ข้าควรจะรับผิดชอบ..."
"หุบปาก ตอนนั้นมันฉุกละหุก ข้าไม่ถือสาหาความ.."
"แต่ข้าถือ บุรุษจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ล่วงเกินไปแล้ว"
โม่เฉินย้ำคำหลัง ยิ่งทำให้หรงหรงอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
"หุบปาก ดูจากรูปร่างผิวพรรณของท่าน น่าจะเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล ข้าไม่เคยคิดที่จะผูกมัดท่านเอาไว้หรอก ตัวข้ายังไม่รู้เลย ว่าจะทำเช่นไรต่อไปดีบนโลกใบนี้....? หรงหรงรีบกล่าวตัดบท
โม่เฉินมองนางอย่างงุนงง ราวกับว่า สตรีตรงหน้าไม่ใช่คนบนโลกไปนี้...จะเป็นไปได้อย่างไร....?
เมื่อคิดย้อนกลับไป หรงหรงพึ่งจะข้ามมิติมายังโลกใบนี้ ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปอย่างไรดี นางจึงไม่อยากจะดึงเอาบุรุษที่ไหนก็ไม่รู้ ให้ต้องมาพลอยตกระกำลำบากไปกับนางด้วย
"สตรีมากมาย ก็ไม่สู้หรงเอ๋อร์เพียงคนเดียว.."
"ท่านยังไม่รู้จักนิสัยใจคอของข้าดีพอ ตอนนี้ข้าอาจจะแสร้งทำดีก็ได้ ใครจะไปรู้...? หรงหรงยังคงชักแม่น้ำหลายสาย เพื่อให้เขาเปลี่ยนใจ
"ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นคนดี..."
"เอาเถอะ หากข้ารักษาท่านหายดีแล้ว ท่านก็รีบไปจากที่นี้เสียเถอะ....?
"ข้ามิใช่คนเนรคุณลืมบุญคุณคน ในเมื่อข้ารับปากกับเจ้าไปแล้ว ข้าจะมิผิดคำพูดแน่นอน หากวันใดข้าผิดคำพูด ขอให้ข้าสูญเสียทุกอย่างที่รักไป..." โม่เฉินรีบให้คำมั่นสัญญา
" โลกนี้ล้วนกว้างใหญ่ไพศาล ข้าชอบอิสระ มิชอบให้ใครมาผูกมัด อย่าได้พูดอีกเลย รีบนอนเถอะ..." กล่าวจบสตรีร่างบางรีบเอามือนวดคลึงขมับอย่างจนปัญญา...