Home / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 35 — เงาแห่งยามาโทะ

Share

บทที่ 35 — เงาแห่งยามาโทะ

Author: mafath9
last update Huling Na-update: 2025-06-17 21:00:32

บทที่ 35 — เงาแห่งยามาโทะ

เสียงกลองแจ้งภัยยังไม่ทันจางหาย เปลวไฟที่ศาลาน้ำชายังลุกโชน ขณะที่เหล่าทหารวิ่งพล่านในความมืดเช้ามืด ฮากุโร่กลับยืนนิ่งราววิญญาณไร้เงา

“พวกมันไม่จ้องจะเผาทำลาย...” เขากล่าวเบา ๆ “…แต่จ้องจะเบี่ยงเบนสายตา”


ในห้องใต้ดินลับของศาลากลางแคว้นมิสุโนะ ซึ่งไม่เคยมีการจารึกอยู่บนแผนที่ มีเสียงกระซิบของเหล่าผู้นำสามตระกูลดังลอดจากเสื่อตาตามิ

ตระกูลคุเสะ ผู้นิยมควบคุมด้วยความกลัว
ตระกูลอาโอบะ ผู้ปกครองด้วยศรัทธาและพิธีกรรม
ตระกูลอิซึมิ ผู้นำแนวคิดเสรีและกลยุทธ์เปิดหน้า

และที่นั่งว่างหนึ่ง—เคยเป็นของตระกูลยามาโทะ ตระกูลที่ถูก "ลบ" ออกจากการเมืองเมื่อสิบปีก่อนด้วยคำว่า “กบฏ”


“เงาที่อยู่ในแคว้นมิสุโนะ...ไม่ใช่ของพวกเรา” ไดเมียวอาโอบะกระซิบ

“ใช่” อิซึมิพยักหน้า “แต่พวกมันเคยเป็นเลือดเนื้อของแผ่นดินนี้”


ภายนอกห้องนั้น ฮากุโร่เดินช้า ๆ ผ่านทางเดินลับที่มีเพียงคนไม่กี่คนในแคว้นรู้จัก

เขากระซิบกับซาโยะที่ติดตามมาข้างหลัง

“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าตระกูลยามาโทะ—ในอดีตคือเสาหลักของกลยุทธ์ ‘เงา’”

ซาโยะตอบเสียงเบา “แล้วพวกเขาถูกโค่นด้วยข้อหากบฏ...เพราะพยายามรวมอำนาจทั้งหมดไว้ใน ‘แผนเงา’ เดียว”

“ข้าเคยเป็นเงาให้พวกเขา” ฮากุโร่กล่าวในที่สุด


ซาโยะหยุดเดิน

“เจ้าหมายถึง...”

“ข้าเคยอยู่ภายใต้คำสั่งของยามาโทะ ก่อนที่ข้าจะฆ่าหัวหน้าตระกูลนั้นด้วยมือตัวเอง”


เงียบ... แม้กระทั่งลมหายใจยังไม่กล้าไหลออก

ฮากุโร่เดินไปยังโต๊ะเก่าในห้องใต้ดิน เปิดแผนที่เก่าแก่ขึ้น แผนที่ที่เขียนด้วยหมึกผสมเลือดของอดีตผู้นำยามาโทะ

“พวกมันกลับมาแล้ว...แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อครองแคว้น”

เขาชี้ไปที่จุดกึ่งกลางระหว่างมิสุโนะ โคะริว และไอซึ—เขตลับที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องมากว่า 10 ปี

“พวกมันต้องการลบทุกตระกูล...แล้วสร้างตระกูลเดียวขึ้นใหม่ ในนาม ‘เงาแห่งยามาโทะ’”


ซาโยะมองแผนที่อย่างเงียบงัน

“…แล้วเราจะทำอะไร?”

ฮากุโร่หันกลับมามองนาง ช้า ๆ แววตาที่ครั้งหนึ่งเคยปิดบังด้วยผ้าคลุม...บัดนี้เปิดเผยออกหมด

“เราต้องทำในสิ่งที่เจ็บที่สุด—รวมมือกับศัตรู เพื่อฆ่าอดีตของตัวเอง”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 121: พระที่ล้มแท่นของตน

    พระที่ล้มแท่นของตน — พระบางคนเผาตำราเก่าและฟังเสียงเด็กแทนในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินโยะริมิยะมีวัดหนึ่งที่ชื่อว่า โฮเซ็นจิเป็นวัดไม้สูงเจ็ดชั้น ตั้งอยู่กลางผืนป่ามีระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่งมีตำราสวดร้อยกว่าเล่มมีพระผู้เฒ่าสามสิบรูปและคำสวดที่เหมือนกันหมดทุกเช้าเย็นแต่ในวันที่พระรูปหนึ่งเดินลงจากแท่นเอื้อมมือหยิบตำราหนึ่งมา…และวางมันลงในกองเพลิงตรงลานกลางวัดเสียงไฟที่แตกเปรี๊ยะ…เงียบกว่าการสวดพันบทพระที่ไม่สวดอีกต่อไปเขาชื่อว่า คันริวในสมัยหนุ่ม คันริวเป็นผู้เทศน์ที่เข้มงวดที่สุดในโฮเซ็นจิเขาสามารถท่องตำราสิบสามเล่มโดยไม่หยุดเขาเคยคัดลอกบทสวดด้วยหมึกดิบทุกคืนจนมือช้ำเขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิดด้วยการไม่ให้สวดหนึ่งสัปดาห์แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่ทุกคืน…นั่งอยู่ใต้ต้นสน นอกหอและจดสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา“เสียงที่แม่ร้องไห้”“คำสุดท้ายของเด็กที่ไม่มีพ่อแม่”“ชื่อที่ถูกลืมในพิธีศพ”“เรื่องเล่าในความเงียบที่ไม่มีใครอยากฟัง”เขาไม่เคยพูดถึงสมุดเล่มนั้นกับใครจนกระทั่งเด็กชายคนหนึ่งปีนข้ามกำแพงวัดมาในคืนฝนตกเด็กที่ไม่ต้องการให้ใครสวดให้พ่อเด็กคนนั้นชื่อว่า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 120: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำรา – พื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึงเริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนาในแผ่นดินที่หมึกของตำราไม่เคยเปื้อนในหมู่บ้านที่พระไม่เคยสวดถึงในหุบเขาที่เสียงระฆังไม่เคยเดินทางไปถึงนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ศรัทธาที่ไม่มีตำรา”หรือที่คนบางกลุ่มเรียกกันเบา ๆ ว่า...“พิธีฟัง”หมู่บ้านอิวาเระ — ดินแดนที่ไม่เคยมีแท่นบูชาหมู่บ้านอิวาเระอยู่ลึกในหุบเขาโซเซ็นต้องข้ามหินร้อยลูก ต้องเดินผ่านป่าไร้ทางไม่มีวัดไม่มีศาลเจ้าไม่มีพระไม่มีธงตระกูลมีเพียงกระท่อนไม้สิบห้าหลัง กับเสียงลมที่โหยหวนในคืนฝนตกแต่เมื่อข่าวของ “สมุดฟัง” แพร่ไปทั่วแคว้นหญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้าน — โยรุมิ — ตัดสินใจใช้ผ้าเก่าเย็บเป็นเล่มสมุดบนหน้าปก นางเขียนว่า“สำหรับชื่อที่ไม่มีใครฟังอีกแล้ว”ไม่มีพิธีเปิดไม่มีโฆษณาไม่มีคำประกาศจากตระกูลไม่มีบทสวดเริ่มพิธีแต่ในคืนเดือนดับชาวบ้านสิบหกคนรวมตัวกันใต้ต้นสนเก่าและเริ่มอ่านชื่อของคนที่จากไปในจังหวะที่ไม่เท่ากันในเสียงที่สั่นในอารมณ์ที่เปลือยเปล่าเด็กชายผู้ไม่เคยเห็นพระเด็กคนหนึ่งชื่อ “ชิน”อายุสิบขวบเขาไม่รู้ว่าพระคืออะไรไม่รู้ว่าพิธีกรรมต้องทำอย่างไรรู้เพียงว่าแม

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 119: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง – คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นฤดูใบไม้ผลิในปีที่เรียกกันภายหลังว่า “ปีแห่งการฟัง” มิได้มาพร้อมเสียงนกร้อง หรือการเบ่งบานของซากุระเช่นทุกคราแต่มันเริ่มด้วยเสียงเรียกชื่อคนตายเสียงที่ไม่มีบทไม่มีผู้นำไม่มีธงและไม่มีคำสั่งลมจากภูเขาเหนือในหุบเขาอันห่างไกลทางตอนเหนือของแคว้นยามาโนะมีหมู่บ้านที่ไม่มีแม้แต่ชื่ออยู่บนแผนที่แต่กลับมีโต๊ะไม้เก่า ๆ ตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางลานเปล่าบนโต๊ะวางสมุดเล่มหนึ่ง ปกหนังสีเข้ม ขอบลุ่ยเช้าของวันนั้นหญิงชราในชุดทอมือสีน้ำหม่นเดินมาช้า ๆเธอเปิดสมุดเขียนชื่อของน้องชายที่ถูกสังหารเมื่อห้าสิบปีก่อนแล้ววางดอกไม้แห้งหนึ่งดอกจากนั้น...ก็เดินกลับบ้าน โดยไม่พูดอะไรบ่ายวันนั้น เด็กวัยสิบสามเดินมาจากอีกหมู่บ้านเขียนชื่อของแม่ที่ไม่เคยพบแล้วนั่งอ่านชื่อทั้งหมดในสมุดเบา ๆ คนเดียวและเมื่อดวงจันทร์ลอยเหนือเงาไม้...โต๊ะนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ที่ไม่มีใครรู้ว่าใครวางแต่ทุกดอกมีความหมายเท่ากันต่อให้วางด้วยมือที่เคยจับดาบหรือมือที่เคยล้างจานการเดินทางของสมุดภายในสัปดาห์เดียวโต๊ะแบบเดียวกันผุดขึ้นในอีกสามสิบหม

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 118: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    "ผู้เงียบที่เริ่มพูด” – คนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ลมฤดูหนาวร่วงผ่านยอดไม้ในเขตตะวันออกของแคว้นยามาโนะ เสียงของสายลมยังไม่ดังเท่าเสียงในใจคนที่กำลังเปลี่ยนไปณ ปราสาทฮิรายามะ ปราสาทที่สูงตระหง่านกลางหุบเขา เคยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของอำนาจเก่า ภายใต้การปกครองของตระกูลอาโออิ — ตระกูลที่ภายนอกดูแข็งแกร่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แต่ภายใน…เริ่มแตกร้าวโดยไม่มีใครกล้าเอ่ยชายหนุ่มนามว่า อาโออิ อาคินาริเขาเป็นบุตรคนรองของผู้นำตระกูลไม่มีตำแหน่งในสภาไม่มีบทบาทในกองทัพไม่มีเสียงในพิธีใหญ่และที่สำคัญ…ไม่มีใครเคยเห็นเขาพูดเกินสามคำในที่สาธารณะเขาคือ “คนเงียบ” แห่งตระกูลอาโออิแต่เมื่อเงาเริ่มเดินกลางเมืองเมื่อสมุดที่ไม่มีชื่อกลายเป็นสมบัติประจำหมู่บ้านและเมื่อเสียงของเด็กๆ แทรกซึมเข้าสู่ห้องที่เคยปิดตาย…เสียงของผู้เงียบ…เริ่มก้องดังกว่าธงใด เงาที่ไม่มีใครฟังอาคินาริเติบโตมาท่ามกลางคำสั่งของพี่ชายและกฎของบิดาเขาฝึกดาบตั้งแต่ห้าขวบอ่านตำราศาสนจักรตั้งแต่เจ็ดขวบและเรียนรู้วิธีไม่พูดตั้งแต่อายุเก้าขวบเพราะในบ้านของเขา การแสดงความเห็นถือเป็นความอ่อนแอการตั้งคำถามคือการทรยศและการพูดถ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 117: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    “บทที่ไม่มีผู้เขียน” – สมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อเมื่อเสียงไม่ต้องการเครดิต…แต่มุ่งหวังจะถูกฟังลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านศาลาฟังในหมู่บ้านอุซึมิแผ่นไม้ที่เปลือยเปล่าไร้เครื่องตกแต่งกลายเป็นจุดรวมของผู้คนหลากวัยที่เข้ามา—บางคนเงียบบางคนกระซิบและบางคน…เขียนลงไปในสมุดเล่มหนึ่งสมุดที่ไม่เคยมีชื่อเจ้าของและไม่เคยมีใครอ้างว่าเขียนคนแรกมันคือ “สมุดฟัง”สมุดเล่มเดียวที่วางอยู่กลางศาลาทุกคนมีสิทธิ์เขียน แต่ไม่มีใครลงชื่อมันคือบทที่ไม่มีผู้เขียนและมันกำลังกลายเป็นพิธีกรรมใหม่ของยุคที่ไม่มีคำสั่งเสียงที่ไร้เจ้าของ เริ่มเขียนเรื่องที่ทุกคนกลัวจะพูดข้อความแรกในสมุดคือลายมือหยาบ ๆ “ข้าคือผู้ที่เคยเผาบ้านคนอื่น เพราะมีพระสั่งให้ทำตอนนี้ข้าเห็นหน้าลูกเขาทุกคืนในฝันข้าไม่ได้ต้องการให้อภัยข้าแค่อยากให้ชื่อเขายังอยู่ในโลกนี้”บรรทัดถัดมาเป็นลายมือเล็ก ๆ ที่แค่เขียนว่า “ขอบคุณ...ที่เขียนแทนข้าข้าคือเด็กคนนั้น”ไม่รู้ใครเขียนก่อนไม่รู้ใครตอบไม่มีชื่อไม่มีอายุไม่มีคำลงท้ายแต่เมื่อใครสักคนเดินเข้ามานั่งลงหน้าสมุดพลิกอ่านแล้วเริ่มเขียนด้วยตนเอง…ศาลาฟังที่ไม่มีผู้นำ แต่มีคนต่อ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 116: แผ่นดินที่ไม่ต้องสวด

    “แผ่นดินที่ไม่ต้องสวด – เมื่อการฟังกลายเป็นวิธีอยู่ร่วม”โลกไม่ได้เปลี่ยนด้วยสงครามแต่มันเปลี่ยน…เพราะผู้คนฟังกันมากพอจนไม่ต้องรบรุ่งอรุณแห่งฤดูที่สามไม่มีเสียงระฆังศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีประกาศิตจากศาสนจักร ไม่มีธงตระกูลใดโบกไหวแต่ทั่วแผ่นดินกลับตื่นขึ้นพร้อมกัน—ด้วยเสียงของกันและกัน“ข้าจำได้ว่าเขาชื่อโทมิสุ เขาเคยสอนเด็ก ๆ ซ่อมรองเท้า...”“น้องสาวข้า ชื่ออาเคะ เธอเคยพูดว่าเสียงหัวเราะของแม่ดังที่สุดในเมือง...”เสียงเหล่านั้นเบา…แต่ลึกราวกับรากไม้ที่หยั่งลงไปในดินที่เคยแห้งผากจากเลือดและคำสั่งณ จัตุรัสกลางแห่งอิวะซากิ ศูนย์กลางเก่าของอำนาจและสงครามวันนี้กลายเป็นที่รวมของผู้ไม่ต้องการอำนาจ แต่ต้องการความหมายไม่มีเวที ไม่มีเจ้าภาพ ไม่มีลำดับการพูดทุกคนต่างยกสมุดขึ้น...และพูดชื่อคนที่เคยถูกลืม คนที่ไม่มีบทสวดรองรับ คนที่ไม่มีศพให้ฝังในมุมเงาหนึ่งของจัตุรัสฮากุโร่นั่งพิงเสากลางหินร่างของเขายังพันด้วยผ้าพันแผลเก่าแต่ดวงตาเบิกกว้างเหมือนดวงจันทร์ที่สว่างในคืนไร้ไฟข้างกายเขา สมุดเล่มหนึ่งเปิดค้างไว้ข้อความในหน้ากระดาษไม่ได้เขียนด้วยหมึก แต่คือรอยนิ้วเปื้อนดินเด็กคนหนึ่งในเมืองท

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status