Home / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 116: แผ่นดินที่ไม่ต้องสวด

Share

บทที่ 116: แผ่นดินที่ไม่ต้องสวด

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-07-05 10:59:15

“แผ่นดินที่ไม่ต้องสวด – เมื่อการฟังกลายเป็นวิธีอยู่ร่วม”

โลกไม่ได้เปลี่ยนด้วยสงคราม

แต่มันเปลี่ยน…เพราะผู้คนฟังกันมากพอจนไม่ต้องรบ

รุ่งอรุณแห่งฤดูที่สาม

ไม่มีเสียงระฆังศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีประกาศิตจากศาสนจักร ไม่มีธงตระกูลใดโบกไหว

แต่ทั่วแผ่นดินกลับตื่นขึ้นพร้อมกัน—ด้วยเสียงของกันและกัน

“ข้าจำได้ว่าเขาชื่อโทมิสุ เขาเคยสอนเด็ก ๆ ซ่อมรองเท้า...”

“น้องสาวข้า ชื่ออาเคะ เธอเคยพูดว่าเสียงหัวเราะของแม่ดังที่สุดในเมือง...”

เสียงเหล่านั้นเบา…แต่ลึก

ราวกับรากไม้ที่หยั่งลงไปในดินที่เคยแห้งผากจากเลือดและคำสั่ง

ณ จัตุรัสกลางแห่งอิวะซากิ ศูนย์กลางเก่าของอำนาจและสงคราม

วันนี้กลายเป็นที่รวมของผู้ไม่ต้องการอำนาจ แต่ต้องการความหมาย

ไม่มีเวที ไม่มีเจ้าภาพ ไม่มีลำดับการพูด

ทุกคนต่างยกสมุดขึ้น...

และพูดชื่อคนที่เคยถูกลืม คนที่ไม่มีบทสวดรองรับ คนที่ไม่มีศพให้ฝัง

ในมุมเงาหนึ่งของจัตุรัส

ฮากุโร่นั่งพิงเสากลางหิน

ร่างของเขายังพันด้วยผ้าพันแผลเก่า

แต่ดวงตาเบิกกว้างเหมือนดวงจันทร์ที่สว่างในคืนไร้ไฟ

ข้างกายเขา สมุดเล่มหนึ่งเปิดค้างไว้

ข้อความในหน้ากระดาษไม่ได้เขียนด้วยหมึก แต่คือรอยนิ้วเปื้อนดิน

เด็กคนหนึ่งในเมืองทางใต้เคยบอกว่า

“หากข้าไม่มีหมึก ข้าจะเขียนด้วยดิน...

หากไม่มีดิน ข้าจะพูดชื่อพวกเขา

และหากข้าตายไป ข้าหวังว่าใครจะยังจำชื่อที่ข้าจำไว้”

ฮากุโร่อ่านประโยคนั้นซ้ำ

ไม่ใช่ด้วยสายตา แต่ด้วยลมหายใจ

เสียงหนึ่งจากฝั่งตะวันตก

พระหญิงไคเซ็นยืนอยู่บนลานไม้

ไม่มีอาภรณ์ของศาสนจักร ไม่มีคัมภีร์ ไม่มีคนคุกเขา

มีเพียงเด็กห้าคนล้อมวง ฟังเธอพูดเรื่อง “ชื่อที่หายไป”

เธอไม่ได้สวด

เธอแค่เล่าเรื่อง...ของเด็กชายที่เธอเคยพบในศาลาที่ไม่มีพระ

“เขาบอกว่าเขาไม่ศรัทธาในพระองค์ใด

แต่เขารู้ว่าเขาไม่อยากลืมชื่อพ่อแม่เขา

ข้าจึงเชื่อว่า...นั่นคือศรัทธาที่จริงที่สุด”

ณ ตำหนักที่เคยเป็นศูนย์บัญชาการของตระกูลอาซูมะ

ท่านไดเมียวโยชิอากิปลดตราประจำตระกูลจากเสื้อคลุม

แขวนไว้ข้างรูปของผู้บุกเบิกรุ่นแรก

“เราสู้เพื่อธงมาเป็นร้อยปี...

แต่ไม่มีใครสู้เพื่อชื่อของลูกหลานเรา”

เสียงเขาแผ่วเบา แต่คนทั้งห้องสงบ

ไม่มีเสียงคัดค้าน มีเพียงคนหนึ่งที่พนมมือ

แล้วกล่าวชื่อบรรพชนที่ถูกลืม—โดยไม่มีบทสวดใดรองรับ

ที่ชายแดนแคว้นโคะริว

ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เคยเงียบงันจากความกลัว

เด็กคนหนึ่งยื่นสมุดให้คนตาบอดคนหนึ่ง

“ข้าขอให้ท่านอ่านชื่อเหล่านี้ให้ข้าฟังหน่อย...”

ชายชรายิ้ม ทั้งที่เขามองไม่เห็นตัวหนังสือ

แต่เขารู้ว่า...เขา “ฟัง” ได้

เมื่อคำสั่งกลายเป็นเสียงฟัง

วันหนึ่ง ศาสนจักรส่วนกลางพยายามออกประกาศให้ “หยุดพิธีฟัง”

แต่ประกาศนั้นไม่มีใครอ่านจบ

เพราะคนที่ได้รับเริ่ม...ฟัง

พวกเขาฟังเสียงลูก ฟังเสียงเมียที่เคยจากไป

ฟังเสียงคนในเมืองที่พูดถึงผู้ถูกฆ่าโดยไร้บันทึก

ประกาศนั้น...จบลงด้วยเสียงเงียบ

ท้ายบท

ฤดูที่ไม่ต้องสวดได้มาถึง

มันไม่ใช่การลบล้างศรัทธาเก่า

แต่มันคือการปลดโซ่จาก “การสวดที่ไม่มีการฟัง”

ฮากุโร่ยิ้มบาง ๆ

เขานั่งอยู่ตรงกลางระหว่างผู้พูด ผู้เงียบ และผู้ที่กำลังเรียนรู้จะฟัง

ไม่มีดาบ ไม่มีคำสั่ง ไม่มีธง

มีเพียงสมุดวางบนตัก

และชื่อหนึ่งที่เขากำลังจะพูด...

“ข้าขอจำชื่อเขาคนนั้นไว้...”

เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย

แต่เมื่อสิ้นเสียง

ผู้คนรอบตัวต่างเริ่มพูดชื่อของคนอื่น...ตามมา

บางคนร้องไห้ บางคนหัวเราะ บางคนเพียงยืนเงียบ

แต่ไม่มีใครต้องสวด

เพราะการฟังกันนั้น...เพียงพอแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 118: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    "ผู้เงียบที่เริ่มพูด” – คนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ลมฤดูหนาวร่วงผ่านยอดไม้ในเขตตะวันออกของแคว้นยามาโนะ เสียงของสายลมยังไม่ดังเท่าเสียงในใจคนที่กำลังเปลี่ยนไปณ ปราสาทฮิรายามะ ปราสาทที่สูงตระหง่านกลางหุบเขา เคยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของอำนาจเก่า ภายใต้การปกครองของตระกูลอาโออิ — ตระกูลที่ภายนอกดูแข็งแกร่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แต่ภายใน…เริ่มแตกร้าวโดยไม่มีใครกล้าเอ่ยชายหนุ่มนามว่า อาโออิ อาคินาริเขาเป็นบุตรคนรองของผู้นำตระกูลไม่มีตำแหน่งในสภาไม่มีบทบาทในกองทัพไม่มีเสียงในพิธีใหญ่และที่สำคัญ…ไม่มีใครเคยเห็นเขาพูดเกินสามคำในที่สาธารณะเขาคือ “คนเงียบ” แห่งตระกูลอาโออิแต่เมื่อเงาเริ่มเดินกลางเมืองเมื่อสมุดที่ไม่มีชื่อกลายเป็นสมบัติประจำหมู่บ้านและเมื่อเสียงของเด็กๆ แทรกซึมเข้าสู่ห้องที่เคยปิดตาย…เสียงของผู้เงียบ…เริ่มก้องดังกว่าธงใด เงาที่ไม่มีใครฟังอาคินาริเติบโตมาท่ามกลางคำสั่งของพี่ชายและกฎของบิดาเขาฝึกดาบตั้งแต่ห้าขวบอ่านตำราศาสนจักรตั้งแต่เจ็ดขวบและเรียนรู้วิธีไม่พูดตั้งแต่อายุเก้าขวบเพราะในบ้านของเขา การแสดงความเห็นถือเป็นความอ่อนแอการตั้งคำถามคือการทรยศและการพูดถ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 117: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    “บทที่ไม่มีผู้เขียน” – สมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อเมื่อเสียงไม่ต้องการเครดิต…แต่มุ่งหวังจะถูกฟังลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านศาลาฟังในหมู่บ้านอุซึมิแผ่นไม้ที่เปลือยเปล่าไร้เครื่องตกแต่งกลายเป็นจุดรวมของผู้คนหลากวัยที่เข้ามา—บางคนเงียบบางคนกระซิบและบางคน…เขียนลงไปในสมุดเล่มหนึ่งสมุดที่ไม่เคยมีชื่อเจ้าของและไม่เคยมีใครอ้างว่าเขียนคนแรกมันคือ “สมุดฟัง”สมุดเล่มเดียวที่วางอยู่กลางศาลาทุกคนมีสิทธิ์เขียน แต่ไม่มีใครลงชื่อมันคือบทที่ไม่มีผู้เขียนและมันกำลังกลายเป็นพิธีกรรมใหม่ของยุคที่ไม่มีคำสั่งเสียงที่ไร้เจ้าของ เริ่มเขียนเรื่องที่ทุกคนกลัวจะพูดข้อความแรกในสมุดคือลายมือหยาบ ๆ “ข้าคือผู้ที่เคยเผาบ้านคนอื่น เพราะมีพระสั่งให้ทำตอนนี้ข้าเห็นหน้าลูกเขาทุกคืนในฝันข้าไม่ได้ต้องการให้อภัยข้าแค่อยากให้ชื่อเขายังอยู่ในโลกนี้”บรรทัดถัดมาเป็นลายมือเล็ก ๆ ที่แค่เขียนว่า “ขอบคุณ...ที่เขียนแทนข้าข้าคือเด็กคนนั้น”ไม่รู้ใครเขียนก่อนไม่รู้ใครตอบไม่มีชื่อไม่มีอายุไม่มีคำลงท้ายแต่เมื่อใครสักคนเดินเข้ามานั่งลงหน้าสมุดพลิกอ่านแล้วเริ่มเขียนด้วยตนเอง…ศาลาฟังที่ไม่มีผู้นำ แต่มีคนต่อ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 116: แผ่นดินที่ไม่ต้องสวด

    “แผ่นดินที่ไม่ต้องสวด – เมื่อการฟังกลายเป็นวิธีอยู่ร่วม”โลกไม่ได้เปลี่ยนด้วยสงครามแต่มันเปลี่ยน…เพราะผู้คนฟังกันมากพอจนไม่ต้องรบรุ่งอรุณแห่งฤดูที่สามไม่มีเสียงระฆังศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีประกาศิตจากศาสนจักร ไม่มีธงตระกูลใดโบกไหวแต่ทั่วแผ่นดินกลับตื่นขึ้นพร้อมกัน—ด้วยเสียงของกันและกัน“ข้าจำได้ว่าเขาชื่อโทมิสุ เขาเคยสอนเด็ก ๆ ซ่อมรองเท้า...”“น้องสาวข้า ชื่ออาเคะ เธอเคยพูดว่าเสียงหัวเราะของแม่ดังที่สุดในเมือง...”เสียงเหล่านั้นเบา…แต่ลึกราวกับรากไม้ที่หยั่งลงไปในดินที่เคยแห้งผากจากเลือดและคำสั่งณ จัตุรัสกลางแห่งอิวะซากิ ศูนย์กลางเก่าของอำนาจและสงครามวันนี้กลายเป็นที่รวมของผู้ไม่ต้องการอำนาจ แต่ต้องการความหมายไม่มีเวที ไม่มีเจ้าภาพ ไม่มีลำดับการพูดทุกคนต่างยกสมุดขึ้น...และพูดชื่อคนที่เคยถูกลืม คนที่ไม่มีบทสวดรองรับ คนที่ไม่มีศพให้ฝังในมุมเงาหนึ่งของจัตุรัสฮากุโร่นั่งพิงเสากลางหินร่างของเขายังพันด้วยผ้าพันแผลเก่าแต่ดวงตาเบิกกว้างเหมือนดวงจันทร์ที่สว่างในคืนไร้ไฟข้างกายเขา สมุดเล่มหนึ่งเปิดค้างไว้ข้อความในหน้ากระดาษไม่ได้เขียนด้วยหมึก แต่คือรอยนิ้วเปื้อนดินเด็กคนหนึ่งในเมืองท

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   ตอนพิเศษ สมุดที่ไม่เคยเขียนจบ

    ตอนพิเศษ “สมุดที่ไม่เคยเขียนจบ” — บันทึกเงาของซาโยะสมุดที่ไม่เคยเขียนจบ— บันทึกเงาของซาโยะ —ข้าไม่รู้ว่ากำลังเขียนเพื่อใครและไม่แน่ใจว่าใครจะอ่านสิ่งนี้ในภายหลังแต่หากไม่มีใครเลย...ก็ให้มันเป็นเพียงเสียงในเงา ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่ข้าเขียนในคืนที่ฮากุโร่ยังนั่งเงียบอยู่ในวิหารภายใต้โคมเพียงหนึ่งดวง ที่ไม่รู้ว่าจะแสงถึงเช้าไหมฮากุโร่ไม่ใช่คนเดิมหรือบางที...เขาเพิ่งได้เป็น “ตัวตน” จริง ๆ ครั้งแรกเขาไม่ใช่ขุนศึกอีกแล้วไม่ใช่เสียงสั่งการ ไม่ใช่เงาที่วางกลยุทธ์เขาเป็นเพียงชายคนหนึ่ง ที่นั่งลงหน้าสมุด แล้วไม่พูดอะไรเลยแต่เพราะเขาไม่พูดข้าจึงเริ่มได้ยินเสียงในใจตนเอง เสียงของข้าและเสียงของคนที่ไม่เคยถูกฟังมาก่อนครั้งหนึ่งข้าเคยเกลียดเขาด้วยทั้งเลือดของพ่อข้า และน้ำตาของแม่แต่ความเกลียดก็เป็นเงาเช่นกันมันไล่ตามแสง เมื่อข้ายิ่งใกล้เขาจนวันหนึ่งข้าเริ่มรู้สึกว่าหากเขาเป็นเงา…ข้าเองก็คือผู้ที่อยู่ใต้แสงนั้นและเงานั้น…ไม่ได้บดบังข้าแต่มันโอบล้อมข้าไว้ในคืนที่เขากลับมาข้ามองมือที่เขาสูญไปมือที่ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดว่ามันสังหารพ่อข้ามือที่ครั้งหนึ่งแตะหลังข้าในห้องหอครั้ง

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 115: เงาที่ฟังได้

    เงาที่ฟังได้เมื่อนักรบกลับมาโดยไร้ดาบและการฟังกลายเป็นชัยชนะเดียวที่ยังเหลืออยู่เสียงรองเท้าไม้แตะพื้นหินของวิหารเก่าในแคว้นอาคิซึนั้นเบาเกินจะเป็นเสียงของนักรบ แต่พอแรงพอให้หัวใจของผู้เฝ้าประตูสะดุดจังหวะฮากุโร่ — ขุนศึกเงาที่หายสาบสูญไปกว่าแปดเดือน — เดินกลับมาผ้าพันแผลปิดครึ่งใบหน้าข้างขวามือข้างหนึ่งหายไปแขนอีกข้างยังเต็มไปด้วยบาดแผลที่ไม่สมควรอยู่บนร่างของผู้ที่เคยควบคุมแผนรบหลายสิบสนามแต่เขาเดินอย่างไม่ลังเลไม่เหมือนคนบาดเจ็บไม่เหมือนแม่ทัพเหมือนผู้ชายคนหนึ่ง…ที่กลับบ้านในห้องศาลาว่างกลางวิหารไม้โต๊ะเรียบไม่มีเครื่องเซ่น ไม่มีธง ไม่มีแท่นศักดิ์สิทธิ์มีเพียงสมุดเล่มหนึ่งเปิดวางไว้“สมุดฟัง” — สมุดเล่มแรกที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้รอดจากพิธีล้างข้างในคือชื่อของผู้ที่ไม่มีชื่อในตำราเสียงของผู้ตายที่ไม่เคยถูกนับความทรงจำของเด็กคำพูดของคนแก่บันทึกของแม่ที่เคยพูดกับลูกเพียงครั้งเดียวก่อนจากไปฮากุโร่นั่งลงหน้าสมุดนั้นเงียบไม่พูดไม่แตะต้องไม่เอ่ยคำใดเขาแค่นั่งแล้วฟัง“เขายังมีลมหายใจจริงหรือ?”ขุนพลแห่งตระกูลยามาโนะกระซิบ“ข้าคิดว่าเขาตายไปแล้วที่อิคุซะโนะโมริ”“ไม่ใ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 114: การสวดโดยไม่มีพระ

    การสวดโดยไม่มีพระเมื่อคำที่ออกจากปากคนธรรมดา กลายเป็นพิธีที่ไม่มีใครกล้าเหยียบย่ำลานหน้าศาลาไม้หลังเก่าในหมู่บ้านฮินะมิ ปกคลุมด้วยหมอกจางในยามเช้าที่ตรงนั้นเคยเป็นที่ประกอบพิธีศพของศาสนจักรพระผู้เทศน์จากศูนย์กลางจะเดินทางมาสวดบทตามตำรา พิธีจะจบภายในหนึ่งชั่วโมงไม่มีน้ำตาไม่มีเสียงอื่นเพียงคำว่า “สว่าง” ถูกเอ่ยซ้ำ ๆแต่วันนี้... ไม่มีพระมาสวดผู้คนยังยืนเรียงกันบางคนถือสมุดเล่มเล็กบางคนมีเพียงเศษกระดาษจารด้วยชื่อศพของ “อาคาเนะ” หญิงชราผู้เสียชีวิตในคืนที่ผ่านมา ถูกวางไว้กลางเสื่อหญ้าไม่มีเทียนไม่มีธูปไม่มีแท่นบูชามีเพียงหลานชายของนาง — เด็กชายวัยสิบสามชื่อ “โทริโอะ”ที่ยืนขึ้นเปิดสมุดเล่มหนึ่งและเอ่ยคำว่า“ข้าเคยฟังเธอร้องเพลงกล่อมตอนนั้นข้าไม่รู้ความหมายตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า…เธอกำลังพยายามให้ข้าจำเสียงของเธอ”ไม่มีใครขัด ไม่มีใครสวดแทรกเงียบก่อนที่หญิงอีกคน — ลูกสะใภ้ของอาคาเนะ — จะลุกขึ้นและกล่าวชื่อของสามีที่ตายไปก่อนหน้านี้แล้วตามด้วยชื่อของลูกสาวแล้วกล่าวว่า“ทุกชื่อที่เธอจำไว้ พวกเราจะจำต่อให้”และนั่นคือจุดเริ่มต้นของพิธีศพที่ไม่มีพระไม่มีบทไม่มีตราประทั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status