เสียงกระดิ่งด้านหน้าดังขึ้น เมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามาภายในร้าน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้สองหนุ่มสาวที่กำลังนั่งคุยกันอย่างออกรสหันมาสนใจ คุณหมอหนุ่มชื่อดังของวอร์ดออร์โธปิดิกส์เดินปรี่ไปยังโซนมุมสุดด้านในร้าน โดยไม่ต้องหยุดมองหา เพราะมองเห็นภรรยาในนามนั่งอยู่มาแต่ไกล และที่สำคัญยังพ่วงเพื่อนสนิทเขาอีกคน ที่นั่งยิ้มหน้าระรื่นอยู่
"อ้าว! คอนเซาท์เสร็จแล้วเหรอ" รพีภัทรปรายตามองเพื่อนสนิทเล็กน้อยก่อนจะเบนสายตามายังคนตัวเล็กที่เงยหน้ามองเขาอยู่
"มาได้ไง"
"คุณแม่ให้เอาขนมมาให้ค่ะ" ลัลนาชี้ไปยังถุงขนมโลโก้คุ้นตาที่วางอยู่บนโต๊ะ
"ปกติผมก็กลับห้อง" ลัลนาหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อคำตอบที่ได้รับเหมือนเป็นการบอกนัยๆ ว่าไม่อยากให้เธอมาหาที่โรงพยาบาล
"พอดีคุณแม่อยากให้คุณกินตอนร้อนๆ"
"..."
"ยังไง...ที่คอนเซาท์หาข้อสรุปไม่ได้รึไง?" ธารณ์ที่กอดอกมองดูเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่ม ยกยิ้มมุมปากเอ่ยถามเพื่อนที่กำลังหงุดหงิดอยู่
"เปล่า" รพีภัทรตอบห้วนๆ อย่างหงุดหงิด ทั้งๆ ที่เรื่องงานไม่มีปัญหา แต่พอเห็นหน้าเพื่อนตนเองแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล
"อ้อ..ไม่ใช่เรื่องนี้" ธารณ์ตอบกลับน้ำเสียงยียวน รอดูเรื่องสนุกต่อ
"ทำไมไม่รอในห้อง"
"คะ?" ลัลนาตอบกลับอย่างงุนงงเมื่อคนที่คุยกับเพื่อนอยู่ดีๆ หันมาถามเธอน้ำเสียงห้วนๆ
"คราวหลังรอในห้องได้เลย"
"พอดีฉันเจอหมอไทม์ก่อนเลยแวะมาดื่มกาแฟกัน"
"เออ กูชวนคุณนาวเอง ปกติชวนใครมาก็ปฏิเสธหมด ไม่รู้ทำไมวันนี้อยู่ๆ เพื่อนรักก็อยากจะมากินกาแฟเป็นเพื่อน" ธารณ์เอ่ยแทรกแสดงตัวรับผิดชอบทันที เมื่อเห็นใบหน้าบูดบึ้งของเพื่อนสนิทตนเอง
"แล้วเสร็จยัง"
"ยัง"
"ไม่ได้ถามมึง"
"อ้าวไอ้นี่!" ลัลนามองซ้ายมองขวาสลับกัน ดูเพื่อนรักต่อปากต่อคำกันอย่างมึนงง
นี่เป็นเพื่อนรักกันจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย!?
"เอ่อ..เป็นอะไรกันรึเปล่าคะ" ก็ไม่ได้อยากยุ่ง แต่คนกลางที่นั่งอยู่ตรงนี้มันอึดอัด ลัลนาจึงแทรกถามเสียงเบา
"ตัวผมไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ไอ้นี่มันหงุดหงิดนิดหน่อยที่อาจจะต้องเสียเงินห้าแสนร่วมหุ้นกับผม"
"ร่วมหุ้น? ทำอะไรเหรอคะ" ลัลนาถามด้วยความสงสัย ตัวเธอกำลังมีแพลนจะทำธุรกิจอยู่ เลยกำลังศึกษาเรื่องการลงทุนเป็นพิเศษ
"ธุรกิจเกี่ยวกับหัวใจน่ะครับ"
"เดี๋ยวไปรอผมที่ห้องก่อน ขอคุยงานอีกสิบนาที" ลัลนาที่เข้าใจว่าธุรกิจที่ธารณ์พูดถึงน่าจะเกี่ยวกับการรักษาเรื่องหัวใจ เนื่องจากตัวเขาเองก็เป็นวิสัญญีแพทย์อยู่ด้วย แต่กำลังจะถามเพิ่มเติมก็ต้องชะงักเมื่อสามีในนามเอ่ยแทรกขึ้น พลางเอื้อมมือมาฉุดเธอขึ้นบังคับกลายๆ ให้เดินตามกลับไปที่ห้องตามที่บอก
"เห้ยๆ! เอาคุณนาวไปไหนเนี่ย กำลังคุยสนุกเลย"
"..." ธารณ์หัวเราะในลำคอทันที เมื่อเพื่อนสนิทหันกลับมามองตาขวางอย่างไม่รู้ตัว
"โอเคๆ คราวหน้ากูชวนมาแดกกาแฟก็มาด้วยนะมึง ไม่งั้นกูก็ต้องหาเพื่อนไปเรื่อย"
"เออ!"
"คุณพีร์ช้าหน่อยค่ะ" ลัลนาเอ่ยเรียกคนด้านหน้าที่เดินก้าวเท้าฉับๆ ไม่เหลียวมองใคร รวมถึงไม่สนใจได้ด้วยว่าเธอเดินตามอยู่ "หมอพีร์!"
"ครับ?" เขาหยุดเดินหันหลังกลับมาตามเสียงเรียกอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คนที่กำลังเร่งฝีเท้าอยู่ชนเข้ากับแผงอกกำยำ
"อุ๊ย! ขอโทษค่ะ" คนตัวเล็กผละตัวออกจากกำแพงหนาทันที ยกมือลูบหน้าผากเล็กน้อยเมื่อชนเข้ากับของแข็ง
"เป็นไรไหม" ลัลนาเหลือบตามองร่างสูงที่ก้มใบหน้าลงมาสำรวจหน้าผากของเธอ สองแก้มแดงเห่อเล็กน้อยเมื่อเขาใช้นิ้วโป้งสัมผัสวนหน้าผากเล็กอย่างแผ่วเบา
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณปล่อยเถอะ" ดาราสาวเบี่ยงใบหน้าหนีเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาหลายคู่ที่ลอบมองมา ด้วยความเป็นดาราเธอมักจะคุ้นชินกับการถูกจับตามอง แต่ครั้งนี้กลับต่างกันออกไป รู้สึกได้เลยว่าเสียงที่ตอบกลับไปค่อนข้างสั่นด้วยความประหม่า
เมื่อเห็นเธอยืนยันว่าไม่เป็นไรจริงๆ คุณหมอหนุ่มจึงเดินนำไปยังห้องทำงานอีกครั้ง แต่คงคิดเพิ่งคิดได้ว่าคนที่กำลังเดินตามต้อยๆ เป็นภรรยาตนเองจึงผ่อนฝีเท้าลงจนคนตัวเล็กเดิมมาขนาบข้างในที่สุด
"คุณนั่งรอก่อน" เขาเพยิดหน้าไปยังโซฟากว้างตัวเดิมที่เธอเคยมานั่งรอ
"ความจริงฉันกลับเลยก็ได้ค่ะ คุณแม่ให้เอาพายมาให้เฉยๆ"
"คุณแม่โทรบอกแล้ว" เพราะโทรบอกนี่ไงเขาถึงต้องปลีกตัวออกมารับลัลนาก่อน แต่ใครจะไปคิดว่ามาถึงกลับได้รับคำตอบว่าภรรยาสาว ไปนั่งกินกาแฟรอกับเพื่อนสนิทตัวเอง
ก็แค่ไม่อยากให้คนมองไม่ดีเฉยๆ ยิ่งชอบเป็นข่าวอยู่ด้วย
รพีภัทรจึงออกเดินตามไปยังร้านกาแฟเพื่อตามคนตัวเล็กกลับมานั่นแหละ ที่สำคัญลุงแก้วคนขับรถที่บ้านก็กลับไปแล้วด้วย คงเป็นเจตนาคุณแม่ที่อยากให้พวกเขากลับพร้อมกัน
"ค่ะ...ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อน"
"แล้วกลับยังไง?"
"เมื่อกี้ลุงแก้วมาส่งค่ะ"
"ตอบไม่ตรงคำถาม" คนตัวเล็กใบหน้าเริ่มบึ้งบ้างเมื่อโดนดุตั้งแต่เจอหน้ากันจนตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะดุ จะเข้มไปถึงไหน
"เดี๋ยวเรียกรถค่ะ" เธอจึงตอบกลับเสียงแข็งบ้าง อย่าคิดว่าจะมาดุกันได้อยู่ฝ่ายเดียว!
"ผมขอแค่สิบนาทีได้ไหม จะเสร็จแล้ว" ลัลนาช้อนตามองคนตรงข้ามที่มีน้ำเสียงอ่อนลง ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่คลายความโกรธ ยังคงมึนตึงตอบเหมือนเดิม
"ไม่เป็นไรดีกว่า"
"ไปด้วยกันนั่นแหละ อยู่นี่คนจับตามองเยอะ" เมื่อเขาให้เหตุผลแบบนั้น ดาราสาวก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ก็จริงอย่างที่เขาว่าหากเธอนั่งรถคนอื่นออกไป ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่นาทีสามีตนเองก็กำลังจะกลับ เผลอๆ เรื่องเธอคงโดนเม้าธ์ทั้งโรงพยาบาล
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้