พราวนภาหยิบผ้านวมมาห่มให้รุ้งจันทราอย่างเบามือเพราะเด็กน้อยค่อนข้างตื่นง่าย เป็นเวลาเดียวกับที่จันทร์เจ้า ผู้เป็นมารดาของรุ้งจันทราเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี หญิงสาวจึงพูดโดยไม่มีเสียงว่า
“หลับปุ๋ยแล้วค่ะ”
จันทร์เจ้ายิ้มพลางเดินเข้ามาดูบุตรสาวตัวน้อย ก่อนจะทรุดตัวนั่งบนเตียงข้างพราวนภาแล้วพูดว่า
“หนูรุ้งน่ะเหมือนหนูพราวตอนเด็ก ๆ เลยนะรู้ไหม ดูสิเนี่ย ชอบเอาตุ๊กตามานอนเรียงเป็นเพื่อนกัน แล้วยังไม่ชอบกินแคร์รอตเหมือนกันอีกด้วย”
“แต่ตอนนี้หนูกินแคร์รอตแล้วนะ และกินผักเก่งมากเลยด้วยคุณแม่ก็รู้นี่นา” พราวนภายิ้มกว้างอย่างประจบ ก่อนจะเอนตัวลงนอนหนุนตักผู้เป็นน้า แต่ตนเรียกอีกฝ่ายว่าแม่มาตั้งแต่จำความได้
จันทร์เจ้ายิ้มพร้อมกับลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู สายตาที่มองพราวนภายังคงมีแต่ความรักไม่แปรเปลี่ยนแม้ว่าตนจะมีบุตรสาวและบุตรชายของตัวเองแล้วก็ตาม
“เป็นอะไรล่ะฮึ จู่ ๆ ก็มาอ้อนแม่” น้ำเสียงอ่อนโยนของจันทร์เจ้า ทำให้พราวนภายกแขนขึ้นโอบเอวอีกฝ่ายไว้
“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ หนูพราวแค่รู้สึกว่าอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง ไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่เลย” หญิงสาวพูดไปตามที่คิด เพราะเป็นเด็กไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องเครียดกับปัญหาต่าง ๆ ไม่ต้องแข่งขันกับใคร อีกทั้งยังรักใครไม่เป็นอีกด้วย เมื่อรักไม่เป็นก็ไม่รู้จักความเจ็บปวดที่หน่วงหนึบอยู่ในใจ และไม่ต้องคาดหวังให้ใครมารักตอบ
“คิดได้ แต่เป็นไปไม่ได้ หนูก็รู้นี่นาว่าเวลาไม่เคยเดินย้อนกลับหลัง มีแต่เดินไปข้างหน้า เรากลับไปอดีตไม่ได้แต่เราเตรียมตัวรับมือกับอนาคตได้ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่เราได้ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้มีความสุขที่สุดนะลูก”
“หนูรู้ค่ะ แต่ตอนนี้ถ้ามีพรวิเศษสักข้อมาให้เลือก หนูก็จะขอกลับไปเด็กอีกครั้ง” และถ้าได้กลับเป็นเด็กจริง ๆ สิ่งที่เธอจะทำเป็นอย่างแรกก็คือไม่ไปวอแววุ่นวายกับผู้ชายเย็นชาอย่างนฤบดินทร์เด็ดขาด เธอจะไม่ออดอ้อนให้เขาเล่นด้วย จะไม่ขอร้องให้เขาอุ้ม จะไม่ขอให้เขาช่วยติวคณิตศาสตร์ จะไม่ไปหาเขาที่บ้านบ่อย ๆ จะไม่ไปแอบนั่งมองตอนเขาหลับ
เธอจะไม่รักเขา
เธอจะมองเขาเป็นเพื่อนบ้าน จะนับถือเขาเป็นญาติคนหนึ่ง และจะเรียกเขาว่าน้าอย่างที่ชายหนุ่มต้องการ
ทว่าทุกอย่างมันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว
“หนูพราว หนูมีอะไรอยากระบายให้แม่ฟังไหม” น้ำเสียงอ่อนโยนของจันทร์เจ้ากับการลูบศีรษะอย่างแผ่วเบานั้นทำให้พราวนภารู้สึกอุ่นวาบขึ้นในใจ ขณะที่กระบอกตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยเช่นกัน
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งหลัก และสะกดกลั้นอาการสะอื้นของตนเพราะรู้ดีว่าหากเอ่ยปากพูดไปตอนนี้ เสียงจะต้องสั่นเป็นแน่
พราวนภาเงียบไปนาน จันทร์เจ้าก็รออย่างใจเย็นไม่คิดซักไซ้ไล่เลียงให้พูดเดี๋ยวนั้น ยังคงลูบศีรษะและสางผมให้อย่างเบามือเช่นทุกครั้งที่อีกฝ่ายมานอนหนุนตัก
“พี่ดินจะไปเรียนต่อเมืองนอกค่ะ” จู่ ๆ พราวนภาก็พูดขึ้น
“อืม แม่ก็ได้ข่าวมาบ้างเหมือนกัน” จันทร์เจ้ารู้เรื่องนี้มาจากชินดนัย สามีซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับภาวิน บิดาของพราวนภา และตนก็รู้ด้วยว่าหลานสาวที่เธอรักเหมือนลูกในไส้คนนี้คิดอย่างไรกับนฤบดินทร์
“คุณแม่รู้ไหมว่าพี่ดินเตรียมการเรื่องนี้มาเป็นปี ๆ แล้ว แต่หนูเพิ่งมารู้เรื่องเดือนที่แล้วนี่เอง ถ้าหนูไม่ไปได้ยินคุณพ่อคุยกับแม่มะลิโดยบังเอิญ หนูก็คงไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะเขาไม่เคยคิดจะบอกหนู”
ยิ่งพูดเสียงของพราวนภาก็ยิ่งสั่น ขณะที่คนฟังอย่างจันทร์เจ้าลอบถอนหายใจแผ่วด้วยความสงสารหลาน แต่ในฐานะที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เธอจึงพอเข้าใจเจตนารมณ์ของนฤบดินทร์เป็นอย่างดีว่าเหตุใดถึงต้องไปเรียนต่อไกลถึงสหรัฐอเมริกา และเหตุใดถึงปิดปากเงียบมาเป็นปีไม่ยอมบอกให้พราวนภารู้เลยแม้แต่น้อย
“แม่เชื่อว่าพี่เขาก็มีเหตุผลของเขา หนูก็น่าจะรู้จักเขาดีไม่ใช่หรือว่าเขาเป็นคนยังไง”
“แต่หนูคิดว่าเขาไม่เคยเห็นหนูอยู่ในสายตาเลยมากกว่า” น้ำเสียงแผ่วพร่าของพราวนภาราวกับใกล้ร้องไห้เต็มทีนั้น ทำให้จันทร์เจ้าต้องพูดเพื่อเตือนสติอีกฝ่าย
“หนูพราว ฟังแม่นะ ทุกคนย่อมมีเหตุผลในการกระทำเรื่องต่าง ๆ ดินก็เหมือนกัน แม่เชื่อว่าเขาก็มีเหตุผลของเขาที่ไม่บอกหนู เพราะถ้าบอกไปแล้วหนูอาจจะร้องไห้ขอร้องไม่ให้เขาไป หนูอาจจะโกรธจนไม่ยอมพูดกับเขาก็ได้ เขาถึงไม่บอก แม่พูดถูกไหม เพราะแม่เชื่อว่าถ้าหนูรู้ตั้งแต่แรก หนูจะต้องไปขอร้องให้เขายกเลิกการไปเรียนต่อทุกวันแน่”
พราวนภาฟังที่จันทร์เจ้าพูดก็คิดตามก่อนจะพยักหน้ารับเล็กน้อย เพราะทุกวันนี้เธอทั้งอ้อนวอนและขอร้องไม่ให้นฤบดินทร์ไปเรียนต่อทุกครั้งที่เจอหน้าเลยก็ว่าได้
“ก็หนูไม่อยากให้ไปนี่ เรียนเมืองไทยไม่ได้หรือไง ทำไมต้องไปไกลขนาดนั้น และไปตั้งหลายปีแน่ะ” หญิงสาวพูดจบก็สูดน้ำมูกเบา ๆ
“เขาก็คงอยากไปหาประสบการณ์ต่างบ้านต่างเมืองบ้าง อีกอย่างแม่เห็นด้วยนะที่พี่ดินเขาไปเรียนต่อเมืองนอกเพราะสาขาที่เขาจบมากำลังเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะฉะนั้นการที่เขาไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมก็ถือเป็นเรื่องที่ดี”
พราวนภานอนฟังเงียบ ๆ ไม่โต้แย้งอะไร นฤบดินทร์จบวิศวกรรมซอฟต์แวร์ และด้วยมันสมองของเขาจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชายหนุ่มจะจบมาโดยมีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งพ่วงท้ายมาด้วย เขาคงคิดว่ามหาวิทยาลัยในเมืองไทยไม่มีอะไรให้น่าค้นหาอีกแล้วกระมัง จึงคิดไปเรียนต่อต่างประเทศ
“และอีกเรื่องที่แม่อยากจะพูดก็คือแม่คิดว่าดินไปเรียนต่อตอนนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะหนูกับเขาจะได้แยกย้ายกันไป ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่” ทันทีที่จันทร์เจ้าพูดจบ พราวนภาก็เบิกตาโพลงพร้อมกับเงยหน้ามองอีกฝ่าย
“คุณแม่หมายความว่ายังไงคะ”
“แม่เลี้ยงหนูมาตั้งแต่เกิด แม่จะไม่รู้เชียวหรือว่าหนูคิดยังไงกับพี่ดิน” จันทร์เจ้าวางมือบนศีรษะของหญิงสาวแล้วพูดอีกว่า
“แต่ตอนนี้หนูอายุยังน้อย พี่ดินเขาก็เพิ่งยี่สิบสอง แม่คิดว่าเวลานี้แต่ละคนควรจะไปใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่ก่อนดีกว่า เพราะในอนาคตทั้งหนูและพี่ดินจะต้องพบเจอคนอีกมาก ถึงตอนนี้หนูจะชอบพี่เขา แต่ถ้าเวลาผ่านไปหนูเข้าเรียนมหา’ลัย เรียนจบก็ได้ทำงาน ได้พบคนอื่นอีกมากหน้าหลายตา หนูอาจจะคิดได้ว่าความรู้สึกของหนูตอนนี้เป็นเหมือนการแอบชอบรุ่นพี่สักคนแล้วมานั่งขำกับตัวเองก็ได้”
สิ่งที่จันทร์เจ้าไม่พูดออกไปนั่นก็คือนฤบดินทร์นั้นเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ขณะที่พราวนภาก็เริ่มเป็นสาว การใกล้ชิดสนิทสนมที่มากเกินไปอาจทำให้ความรู้สึกที่มีต่อกันไขว้เขวจนคิดว่าเป็นความรัก ซึ่งหากไม่ระวังตั้งแต่ตอนนี้อาจเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยการเป็นฝ่ายเดินห่างออกไปเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในแบบญาติสนิทเอาไว้ และเจือจางความรู้สึกที่มีต่อกันในเชิงชู้สาว
พราวนภาหอบหายใจถี่จนอกกระเพื่อมไหว นฤบดินทร์เลื่อนตัวขึ้นมานอนด้านข้าง ดึงผ้าห่มมาคลุมไว้ด้วยกันแล้วกอดเธอไว้แนบอกหญิงสาวสังเกตเห็นกล่องถุงยางอนามัยที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วรู้สึกแปลก ๆ จู่ ๆ ก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่คิดแต่กลับกลัวมากกว่า ใบหน้าของบิดาลอยเข้ามาในห้วงความคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดจนในใจปวดหนึบ“พี่ดิน” เธอเปลี่ยนใจแล้ว ขอเลื่อนของขวัญออกไปก่อนดีกว่าเพราะตอนนี้รู้สึกไม่สบายใจ“ครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาที่ขานรับก็ทำให้เธอรู้สึกผิดอีกเช่นกัน อุตส่าห์รับปากเขาไว้เองแท้ ๆ แต่ทำไม่ได้ กลายเป็นว่าเธอผิดคำพูดทั้งกับบิดาของตัวเองและคนรัก“วันนี้พราวขอเลื่อนไปก่อนได้ไหม พราวขอโทษ” เธอไม่กล้าเงยหน้ามองเขา แต่ถ้าทำตามคำพูดของตนที่ให้ไว้ เธอก็จะไม่กล้ามองหน้าบิดาเช่นกันนฤบดินทร์เชยคางของเธอให้รับจูบจากเขาครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า“จะขอโทษทำไม พี่เข้าใจพราว พี่เคยบอกแล้วไงครับว่าทุกอย่างแล้วแต่พราว ถ้าพราวไม่พร้อมพี่ก็รอได้ไม่ซีเรียส พี่ไม่ได้รักพราวเพราะเรื่องอย่างว่าสักหน่อย”
“พี่ดิน นี่มันโรงแรมหรูกลางกรุงเลยนะ มันไม่ได้มีแค่ห้องพักอย่างเดียว แต่มีบุฟเฟ่ต์นานาชาติหัวละพันห้า บุฟเฟ่ต์เบเกอรี่หัวละห้าร้อย มีสปาที่ค่าเมมเบอร์แพ้งแพง และมีห้องจัดเลี้ยงนั่นนี่เยอะแยะไปหมด และที่พราวพูดไปทั้งหมดนั้น พราวมาใช้บริการหมดแล้วในชุดนักศึกษานี่แหละ เพราะฉะนั้นถ้าพราวจะขึ้นไปห้องพักกับพี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกจนคนอื่นต้องหันมามองหรอก”นฤบดินทร์คิดตามที่พราวนภาพูดแล้วก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย...เธอพูดถูก เป็นเขาที่กังวลไปเองเมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก พราวนภาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ถึงสามใบ เขาจึงบอกไปว่า“แค่ของฝากก็ใบหนึ่งเต็ม ๆ แล้ว อีกสองใบเป็นเสื้อผ้ากับรองเท้าที่พี่ซื้อใหม่ตอนอยู่ที่โน่น” เขาพูดจบก็เดินไปสวมกอดเธอจากทางด้านหลังแล้วก้มลงจูบซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา“คิดถึง” เขาซุกหน้าอยู่กับลาดไหล่ของเธอนิ่ง รู้สึกเหมือนว่าความวูบโหวงในใจได้รับการเติมเต็มแล้วนฤบดินทร์นึกได้ว่าตั้งแต่กลับมาถึงเขายังไม่ได้อาบน้ำชำระร่างกายเลย หากจะนัวเนียกับหญิงสาวก็เกรงว่าจะมีกลิ่นไม่พึ
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ไม่ดีใจหรือที่พี่มาหา” ชายหนุ่มเอาคำพูดที่เธอเคยพูดกับเขาตอนอยู่สนามบินเมื่อครั้งไปหาเขาที่บอสตันมาพูดบ้าง ทำเอาเธอเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงของเขาชัดเจน“พี่ดิน! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” พราวนภาทั้งตกใจและแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ก่อนจะถูกความดีใจเข้ามาแทนที่จนอัดแน่นเต็มอก“ใช้ประตูสารพัดที่ของโดราเอมอนน่ะเลยมาโผล่ที่นี่ได้” เขาตอบหน้าตาย แต่เพื่อนทั้งสองคนของพราวนภาแอบหัวเราะกันคิกคัก หญิงสาวจึงตีแขนเขาเบา ๆ หนึ่งทีก่อนจะแนะนำเพื่อนสนิทของตนให้นฤบดินทร์รู้จัก“พี่ดิน นี่เก้ากับหลิงหลิง ที่พราวเคยเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ไง”นฤบดินทร์ยิ้มและผงกศีรษะให้เล็กน้อยอย่างเป็นมิตร ก่อนจะถามแฟนสาวของตน “จะไปไหนกันหรือ”“พราวว่าจะไปเดินเล่นหาอะไรกินที่ห้างกับเพื่อนน่ะ”“เราไปกับหลิงหลิงสองคนก็ได้ พราวไปกับพี่เขาเถอะ” กาญจน์เกล้ารีบพูดขึ้นทันทีเพราะอยากให้ทั้งสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันนาน ๆ อีกทั้งเพิ่งได้ยินพราวนภาบ่นไปหมาด ๆ ว่าคิดถึงแฟน
หลังจากสองหนุ่มขึ้นมานั่งบนรถกันเรียบร้อยแล้ว ศิวัฒน์ซึ่งทำหน้าที่ขับก็ถามขึ้น “แล้วนี่นึกยังไงถึงจะไปอยู่โรงแรมก่อนวะ บ้านช่องมีก็ไม่กลับ”นฤบดินทร์ยิ้มบาง ๆ เมื่อใบหน้าของพราวนภาลอยเข้ามาในหัว แต่เขาไม่อาจบอกเรื่องนี้กับเพื่อนได้ จึงได้แต่บอกเหตุผลอื่นไป“อยากจัดการเรื่องงานอะไรให้เรียบร้อยก่อนน่ะแล้วค่อยเข้าบ้านทีเดียว พรุ่งนี้นัดที่บริษัทไว้แล้วด้วยไงว่าจะเอาเอกสารไปยื่นให้เขา” เพราะเขาอยากจะเซอร์ไพรส์บิดามารดาเรื่องงานด้วย ก็เลยยังไม่เข้าบ้านวันนี้“มึงนี่ก็โชคดีว่ะ ไม่ต้องวิ่งหางานให้เหนื่อย เออใช่ กูลืมเล่าไป มึงจำไอ้เวย์ได้ใช่ไหมที่มันค้ายาน่ะ” ศิวัฒน์มองหน้าเขาก่อนจะหันไปมองถนนตามเดิม“อืม ทำไม”“มันโดนขาใหญ่สั่งเก็บไปตั้งแต่สองเดือนที่แล้วน่ะ เห็นพี่โตบอกว่ามันคงทำตัวเอิกเกริกเกินไป อย่างคราวยายเกรซก็ทีหนึ่งแล้วที่มันทำให้เรื่องราวบานปลายจนคนวงในเขารู้กันไปทั่วว่ามันค้ายา”“อ้อ พวกขาใหญ่ก็เลยกลัวว่าจะโดนลากไปเอี่ยวด้วยก็เลยฆ่าตัดตอนงั้นสิ” คราว
เช้าตรู่วันถัดมา นฤบดินทร์เปลี่ยนชุดเพื่อจะออกไปวิ่งตามปกติ และสิ่งที่ต้องทำก่อนไปวิ่งคือต้องวิดีโอคอลหาพราวนภาก่อน เพราะเขารู้ว่าหญิงสาวจะรอให้เขาโทร. ไปหาเวลานี้จนกลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว“เมื่อไรจะฝึกงานเสร็จสักทีเนี่ยพี่ดิน เกินหนึ่งปีแล้วนะ ไหนบอกว่าฝึกปีเดียวไง” เธอทำหน้ามุ่ย เขาเห็นแล้วได้แต่ยิ้มเพราะชักอยากเห็นหน้าเธอตอนที่เจอเขาไปโผล่อยู่ที่บ้าน“มีงานติดพันน่ะ จะปล่อยให้คนอื่นทำก็คงไม่ได้เลยต้องทำให้เสร็จก่อน ก็น่าจะอีกสักสองสามเดือนโน่นแหละมั้ง ทำไมล่ะ พราวคิดถึงพี่จนทนไม่ไหวแล้วหรือ” เขาแกล้งเย้าเพราะคนที่แทบทนไม่ไหวความจริงแล้วควรเป็นเขามากกว่า อยากกอดเธอจนแทบบ้า อยากให้วันเดินทางเป็นวันพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ“ใช่ พราวคิดถึงพี่” เธอปัดผมไปไว้ด้านหลัง คอเสื้อของเธอกว้างจึงทำให้เห็นลำคอระหงและลาดไหล่นวลเนียน ไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่า เขารู้สึกว่าพักหลังมานี้พราวนภาดูเซ็กซี่ขึ้น อาจเป็นเพราะวัยที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้เสน่ห์ของความเป็นหญิงยิ่งเปล่งประกายกระมัง เห็นแล้วยิ่งอยากกลับไปหาเธอเร็ว ๆ“อดทนอีกนิด เดี๋ยวก็เ
“ก็พีทเป็นผู้ชายพีทต้องเป็นพี่ ต้องถูกเรียกชื่อก่อนอยู่แล้ว” ภานุภัทร์ตอบด้วยความภาคภูมิใจ ภัทร์นรินท์ทำท่าจะเถียงต่อแต่พราวนภาขัดคอขึ้นเสียก่อน“หยุด! ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ช่วยพี่เอาของเข้าไปไว้ในบ้านเลย” จากนั้นหญิงสาวก็หันไปหาคนให้แล้วพูดว่า “พราวเกรงใจมากเลยค่ะ พราวขอรับแค่ถุงเดียวได้ไหมคะพี่ริว มันเยอะเกินไปน่ะ”“รับไว้เถอะพราว พี่ตั้งใจซื้อมาให้จริง ๆ ถ้าพราวไม่รับพี่ก็ไม่รู้จะเอาไปให้ใครแล้วเพราะพี่ไม่ได้คิดจะซื้อฝากบ้านอื่นเลย พี่ซื้อมาฝากบ้านพราวแค่บ้านเดียวเลยเนี่ย” ขณะที่เขาพูดสีหน้าก็ดูขัดเขิน แต่คนฟังอย่างเธอกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก โชคดีที่ตอนนั้นผู้เป็นย่าเดินออกมาหน้าบ้านพอดีเพราะเห็นเด็ก ๆ ออกันอยู่หน้าประตูรั้ว“มีอะไรกันรึ”“สวัสดีครับคุณย่า บ้านผมไปเที่ยวภูเก็ตมาน่ะครับก็เลยซื้อของมาฝาก” ริวยกมือไหว้พร้อมกับรีบยื่นถุงทั้งหมดไปให้สามพี่น้องที่ยืนเรียงกันอยู่“ตายแล้ว! ทั้งหมดนี่เลยหรือ เกรงใจแย่เลยคราวหลังไม่ต้องนะพ่อริว” ภคินีเห็นของฝากแล้วก็ได้แต