เข้าสู่ระบบ‘พ่อตายแล้ว’
คำพูดจากปากเด็กน้อยที่ปริญเชื่อไปแล้วว่าเป็นลูกสาวตน ทำเอาคนเป็นพ่อชะงักค้างกลางอากาศ เด็กน้อยเล่นดับฝันกันจนชายหนุ่มหมดความมั่นใจ
“ใครบอก แม่หนูเหรอ” ปริญมุมปากกระตุกยิก ๆ
“ค่ะ พ่อตายแย้ว แม่บอก” ไอร่าตอบหน้าซื่อตาใส
เพราะตั้งแต่รู้ความจนถามถึงพ่อเป็น ไอร่าก็ได้ยินมารดาบอกว่าบิดาของตนอยู่บนสวรรค์ นั่นก็แปลว่าตายน่ะสิ
เด็กน้อยก็เชื่อเช่นนั้นตลอดมา แล้วอยู่คุณลุงหน้าดุจะมาขี้ตู่ว่าเป็นพ่อได้อย่างไร
“เธอบอกลูกอย่างนั้นเหรอนับ” ปริญหันขวับกลับมามองคนที่ตนยังจับแขนเรียวเล็กไม่ยอมปล่อย
“ค่ะ!” จะโกหกว่าลูกเพิ่ง 2 ขวบก็คงไม่ทันเพราะไอร่าดันตอบไปอย่างฉะฉาน
ขนาดกลัวจนร้องไห้แล้วนะ ยังไปตอบเขาตรง ๆ ได้อีก ยายลูกคนนี้มันน่าตีให้ก้นลายนัก!
“ฉันยังไม่ตายนับ ยังยืนหัวโด่อยู่นี่ เธอไปบอกลูกแบบนั้นได้ยังไง”
“อย่างน้อยคุณก็ตายไปจากชีวิตฉัน”
เธอถือว่าพ่อของลูกได้ตายออกไปจากชีวิตเธอกับลูกตั้งนานแล้ว จะสอนจะบอกลูกแบบนี้แล้วเธอผิดตรงไหน
“เธอหนีฉันไปเองต่างหาก!” ปริญเถียงขาดใจ
เขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเธอตั้งท้องตอนไหน เขาไม่ผิด นับดาวต่างหากที่ผิด เธออุ้มท้องลูกเขา หนีเขาไป แล้วบอกลูกว่าพ่อตาย มันโคตรไม่ยุติธรรมกับเขาเลย
“นี่มันลูกหลานโชติภิวรรธ”
“ไม่ใช่!” นับดาวยังยืนกรานปฏิเสธคำไม่ตกฟาก
“ไอร่าคือลูกฉัน ไม่ใช่ลูกหลานใครทั้งนั้น และการที่ลูกสามขวบก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นลูกคุณซะเมื่อไหร่ ฉันอาจจะท้องกับคนอื่นก็ได้”
“งั้นมาพิสูจน์กัน” ปริญกัดกราม ยิ่งฟังคำที่หญิงสาวพล่ามเขาก็ยิ่งไม่พอใจ
คนเปิดซิงเธอก็เป็นเขา ช่วงเวลานั้นเธอมีแค่เขา ตัวติดเขาแทบไม่เคยห่างไปไหน เธอหลงเขารักเขาหัวปักหัวปำขนาดนั้นแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าท้องกับคนอื่นอย่างนั้นหรือ
เหอะ! พูดมาได้!
“ยะ อย่านะ” หญิงสาวเสียงสั่น เธอตื่นกลัวเมื่อชายหนุ่มขยับตัวเข้าใกล้เพื่อมาประจันหน้ากัน ขณะนั้นอิทธิก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกราวกับพร้อมจะพรากลูกจากเธอไป
“นี่! จะพาลูกสาวฉันไปไหน ปล่อยไอร่าเดี๋ยวนี้นะพี่เอส!”
“ตรวจดีเอ็นเอ” ปริญตอบเสียงเย็น อิทธิก็ทำทุกอย่างคล่องแคล่วอย่างรู้ใจเจ้านาย
“ไม่นะ ไม่ได้!”
“เธอรู้ดี ว่าฉันทำอะไรได้แค่ไหน”
“อย่าเอาลูกไปนะคุณปริ๊น” นับดาวเริ่มไขว่คว้า
หากเขาได้รับการยืนยันแน่ชัดว่าไอร่าเป็นลูกหลานโชติภิวรรธ เธอคงโดนพรากลูกไปจากอก ซึ่งเธอไม่มีวันรับได้
ชีวิตนี้เธอมีแค่ลูก ยังมีลมหายใจอยู่ได้เพราะลูกเพียงเท่านั้น หากเขาแย่งลูกไปล่ะ เธอจะทำอย่างไร
“แง้... หม่ามี้จ๋า หนูไม่ไปนะ ปล่อยหนูนะ แง้!...” เด็กน้อยร้องโยเย น้ำตาไหลพรากเมื่อคุณลุงตัวโตยกเธอขึ้นอุ้มแล้วเดินออกห่างจากมารดา เด็กน้อยเอื้อมมือไขว่คว้าไม่ได้ก็ทั้งทุบทั้งตีคนอุ้มด้วยความตื่นตกใจ
“คุณปริ๊นอย่าเอาลูกไปเลยนะคะ นับขอร้องล่ะ” หญิงสาวหน้าตื่นเสียงสั่นเครือ เธอยกสองมือขึ้นประนมไหว้ชายหนุ่มตรงหน้า ทั้งขอร้อง ทั้งอ้อนวอน คุณชายปริญ โชติภิวรรธ ยิ่งแข็งใส่ ยิ่งดื้อด้าน ก็คงไม่มีทางชนะเขาได้
สิ่งที่เธอสามารถทำได้อย่างเดียวตอนนี้ คงมีแค่การอ้อนวอนเพียงเท่านั้น
“อย่าเอาลูกไปเลยนะ นับขอร้อง”
“สรุปว่านี่คือลูกฉัน ใช่ไหม” คำถามจากเสียงดุดันหนักแน่น ทั้งที่ในใจแน่ชัดแล้วว่าคำตอบคือ ‘ใช่’
การกระทำของนับดาวและดีเอ็นเอบนใบหน้าของเด็กน้อย บอกได้ชัดกว่าสิ่งอื่นใด
“ไม่มีลูกนับอยู่ไม่ได้ คุณอย่าแย่งลูกไปเลยนะคุณปริ๊น นับขอร้องล่ะ” ตอนนี้นับดาวไม่ตอบอะไรทั้งนั้น แต่คำพูดและการกระทำของเธอตอบทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแล้ว
“ทำแบบนี้ทำไมนับ” คำถามของปริญยังไม่ทันได้รับคำตอบว่านับดาวหอบลูกเขาหนีทำไม ทั้งคู่ก็ต้องชะงักกับเสียงของผู้มาใหม่
“นี่มันอะไรกัน!”
“เอาเถอะ เชื่อฉัน เรื่องลูกก็เหมือนกัน ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น ฉันแค่อยากหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกและเธอก็จะได้ทำงานอย่างสบายใจ” ที่สำคัญที่สุดคือนับดาวจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้นปริญต้องการพี่เลี้ยงที่โพรไฟล์ดี มีความรู้รอบด้าน ค่าตัวเท่าไหร่เขาสู้ตายเพราะต้องการปูพื้นฐานเพื่อจะให้ไอร่าได้เข้าเรียนอินเตอร์ที่เดียวกันกับลูกหลานโชติภิวรรธคนอื่น ๆ ด้วย“ไอร่าไม่ต้องไปเรียนที่ศูนย์เด็กเล็กอรุณโชติอีกแล้วนะ” ปริญสั่ง ส่วนนับดาวได้แต่ตอบรับอย่างขัดไม่ได้ รู้ดีว่าเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของไอร่าและรู้ว่าทุกอย่างที่เขาสรรหามาคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เธอเองก็เคยอยากทำให้ลูกได้มาตลอดเช่นกันนั่นแหละ“การ์ดล่ะ ได้ยัง” ปริญถามอิทธิที่เข้ามายื่นเอกสารของพี่เลี้ยงที่ปริญสั่งให้เลือก“กำลังสแกนครับ”“สแกนให้ดีนะ ขอคนที่ไว้ใจได้จริง ๆ” นอกจากพี่เลี้ยงแล้วปริญหาคนขับรถที่พ่วงตำแหน่งบอดีการ์ดให้ไอร่าอีกหนึ่งอัตรา จนกว่าลูกสาวจะโตพอ เขาต้องมั่นใจว่าลูกจะปลอดภัย“ต้องถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะคุณปริ๊น” นับดาวอึ้งงัน รู้ว่าเขาเป็นห่วงแต่ก็รู้สึกว่ากำลังเล่นใหญ่เกินไปหรือเปล่านะ คนธรรมดาอย่างเธอปรับไม่ทันกับหลายสิ่งที่ก
“เรื่องงานไม่ต้องกลัวนะนับ แบรนด์สินค้าพี่เพียบเลย กำลังหานางแบบโฆษณาอยู่พอดี ไหนจะพาร์ตเนอร์พี่ แล้วก็แบรนด์ของตะวันกับพายอีกต่างหาก ไม่ต้องกลัวว่าจะว่างงานจ้ะ กลัวหาเวลาพักไม่ได้ดีกว่า” บุญนำพาว่า ตระกูลโชติภิวรรธและตระกูลที่เกี่ยวดองกันมีธุรกิจมากมายจนไม่รู้จะหาทายาทสืบทอดพอไหมเลยด้วยซ้ำ เรื่องไม่มีงานทำไม่มีรายได้ตัดทิ้งไปแต่ลำพังแค่ธุรกิจของปริญที่มันบุกเบิกสร้างเองก็มีให้บริหาร ไม่รู้ว่ามันจะปล่อยเมียมาทำงานข้างนอกอีกไหมด้วยซ้ำ“นับก็แค่มาทำงานกับผม ยากตรงไหน” ถ้าไม่อยากบริหารก็แค่มาช่วยดูบัญชี หรือจะเลี้ยงลูกอยู่บ้านเขาก็ไม่ว่าอะไร“เออเนอะ นับดาวขาวจั๊วะแบบนี้ ให้ไปเป็นพรีเซนเตอร์หลอดไฟเลยดิ รับรองขายดีแน่มึง” ไธม์แสร้งเสนอไอเดียที่รู้ดีว่าน้องชายเขาจะไม่มีทางให้เมียไปทำแน่ ๆ“ไม่ใช่เรื่อง!”นั่นไง! เขาเดาพลาดเสียที่ไหนทุกคนขำกับความหวงเมียของปริญจากนั้นไม่นานก็มานั่งหารือกันต่ออย่างจริงจัง โชติภิวรรธต้องการจัดการกับข่าวเสียหายให้ไวที่สุดเพราะไม่อยากให้กระทบกับทั้งภาพลักษณ์ ธุรกิจ และสำคัญที่สุดคืออยากรักษาจิตใจหลานทุกข่าวที่อยู่ในโลกออนไลน์จัดการไม่ง่าย หากอนาคตข่าวเสียหาย
“ป๊า แม่ กับลุง ๆ ไปพักผ่อนดีกว่านะครับ เรื่องตรงนี้พวกผมจัดการได้” ปรมะเอ่ยเพราะเกรงใจผู้ใหญ่“ใช่ครับ ผมจัดการได้” ปริญเอ่ยต่อ เรื่องพวกนี้ความจริงแล้วเขาจัดการได้สบาย แต่ในวิธีของเขานะ“ฮื่อ! ทำให้ถูกต้องซะ” ท่านวิศรุตกระแทกลมหายใจใส่ตัวต้นเรื่องก่อนจะทิ้งท้ายแล้วปล่อยให้รุ่นลูก ๆ ช่วยเหลือกันเพราะต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ส่วนเจเนอเรชันของพวกท่านก็จะคอยซัปพอร์ตอยู่ห่าง ๆ ก็พอ“ในเพจมีคนแท็กรายการเกาะกระแสเยอะมาก ว่าอยากให้เชิญนับไปสัมภาษณ์จัง ขี้เสือกว่ะ” หมอไธม์[1]ลูกแฝดคนน้องของลุงรองพูดขึ้นเมื่อเห็นโพสต์หนึ่งในโซเชียลที่บุญนำพายื่นมาให้ดู“นี่มันเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่จะมีคดีความหรือมีข้อพิพาทกับใครคนอื่น จะให้ไปทำไมก่อน” บุญนำพาบ่นอุบ“ไงนับ อยากไปไหม” ปรมะถามความสมัครใจดูหากว่ามีรายการไหนติดต่อมานับดาวส่ายหน้าหวือทันทีเพราะเธอไม่ได้อยากไป เธอเองก็อยากจะชี้แจงเรื่องราวเพื่อความบริสุทธิ์ของตัวเองอยู่เหมือนกัน หากกระนั้นเพราะเรื่องนี้มันมีความเกี่ยวโยงกับทั้งปริญและแน่นอนว่ามันจะต้องลามมาถึงคนอื่น ๆ ในตระกูลโชติภิวรรธ“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ผมจะชี้แจงทุกอย่างในช่องทางโซเชียลของผมเอง
“ขอย่าอุ้มหน่อยนะลูก” ปาริฉัตรขออนุญาตไอร่าที่ท่าทางยังไม่ไว้ใจใครมากนัก เด็กน้อยหันไปมองคนเป็นแม่ และเมื่อเห็นว่านับดาวส่งยิ้มกับพยักหน้าให้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทำได้ สองแขนป้อม ๆ จึงกอดเข้ากับไหล่ของคนที่เรียกตัวเองว่าย่านางปาริฉัตรน้ำตาเอ่อไหล“โถลูก”“ไม่ต้องร้องน้า...” ไอร่าเช็ดน้ำตาช่วยปลอบใจ แม้ไม่รู้ว่าหญิงชราร้องไห้เพราะเหตุใด“เข้ามานี่สิ” ท่านวิศรุตกวักมือเรียกนับดาวให้เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวลังเลอยู่ชั่วครู่ เธอกวาดมองสีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องเกือบสิบชีวิตก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าไปตอนนี้เธอแทบจะกลั้นหายใจเพราะทำตัวไม่ถูกที่สุดในชีวิต เกร็งชนิดที่แม้แต่ก้าวขาก็ยังทำได้อย่างยากลำบากเหลือเกินอยากใช้สกิลนักแสดงอันน้อยนิดของตัวเอง อยากควบคุมอารมณ์ สีหน้าและควบคุมสถานการณ์ให้ได้ หากในชีวิตจริงมันไม่ง่ายเลยให้ตาย“ผมขอข้ามขั้นตอนแนะนำตัวกับไหว้พ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ไปก่อนเลยนะครับ ขอหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนก็แล้วกัน” ปริญเอ่ย“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น”“ไว้วันหลังค่อยเลี้ยงต้อนรับหลานกับนับดาวละกันนะ”“ป้ามีของขวัญจะให้หลานด้วยแหละ”“ใช่ อาเองก็มีของจะให้”“ตาก็มี ให้วันนี้เลยไม่ได้รึ
“แล้วดูสิ รอไม่กี่วัน ฉาวเลยเห็นไหม” เป็นบุญนำพา[1]ญาติผู้พี่ ลูกสาวของลุงภาส[2]ที่นั่งเงียบดูงานในแท็บเล็ตอยู่นานสองนานเอ่ยขึ้น“ตอนนี้กระแสดรามาโจมตีนับดาวจนได้ข่าวว่าโดนถอดงาน ยกเลิกสัญญาจ้างเพียบเลยนี่นา” บุญนำพาเป็นเจ้าแม่ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการค้าขายออนไลน์ เรียกได้ว่าตัวแม่ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ เธอมักจะทันโลกเสมอเพราะวนเวียนทำงานกับคนในวงการนี้“ถอดก็ถอดไปดิ ผมเลี้ยงเอง”“ตลก!” บุญนำพาเบะปาก เข้าใจแล้วว่าทำไมน้าปริมถึงอยากจะเอาเลือดหัวไอ้ปริ๊นออกนัก เพราะปากมันเป็นแบบนี้ไง จนเธอเองก็คันมือคันเท้าอยากจะฟาดหลังมันสักทีสองทีอยู่เหมือนกัน“คิดว่าผู้หญิงเขาจะภูมิใจเหรอ”เออ ไม่ปริญตอบในใจเพราะเรื่องนี้นับดาวเคยพูดกับเขาแล้วเช่นกัน เธอเองอยากยืนด้วยตัวเองได้เพราะไม่มั่นใจจะฝากชีวิตไว้กับเขาอีกแล้ว และเธออยากภูมิใจในตัวเอง เรื่องนี้เขาก็เข้าใจ“งั้นจะแก้ปัญหายังไง ไหนพูดมาสิปริ๊น” ลุงรองเอ่ยถามตอนนี้สมาชิกโชติภิวรรธเกือบครึ่งตระกูลมาชุมนุมกันที่บ้านใหญ่ของวิศรุตเพราะเรื่องของปริญ นี่เป็นเพียงสมาชิกที่อยู่ใกล้และว่างพอในตอนนี้เท่านั้น หากมารวมตัวกันหมดตระกูลอาจจะต้องไปที่ห้
“มันก็ทำสาวท้องเหมือนกัน ทำไมผมโดนด่าอยู่คนเดียวอะแม่” ปริญเถียงคำไม่ตกฟาก ถ้าพูดถึงเรื่องทำสาวท้องโย้ก่อนแต่ง บ้านนี้ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวแหละวะ พี่ปลื้มคือตัวบุกเบิกเลยในเจเนอเรชันหลาน ๆส่วนไอ้มาวัชร์นี่แผลสดมาก ตัวจี๊ดคนล่าสุด ยังไม่รวมพี่ธาร์ลูกลุงรองอีกคนนะ เขาจะลากไอ้มาวัชร์มันมาโดนด่าด้วยกันเผื่อจะได้ทุเลาเรื่องบาปของตัวเองลงบ้าง“เฮ้ย ๆ มึงอย่าโยนขี้มาให้กูนะไอ้ปริ๊น” มาวัชร์[1]รีบค้าน เขาเพิ่งโดนพ่อด่าไปเองสด ๆ ร้อน ๆ เลยด้วยซ้ำมาวัชร์ไม่อยู่รอให้ตัวเองโดนเพ่นกบาลอีกรอบก็รีบลุกหนีออกจากบ้านอาเล็กทันควัน ทำหลายคนในบ้านส่ายหน้าขำปนหน่ายใจ“พอเถอะปริม เดี๋ยวจะเป็นลมล้มพับเอา” ลุงรอง[2]พี่ชายอีกคนของวิศรุตเอ่ยปรามเพราะเห็นคนเป็นน้องสะใภ้หายใจหอบเหนื่อยเต็มที่แล้ว กลัวจะเป็นลมล้มพับเอาได้บวกกับวิศรุตที่รีบไปรวบไหล่เมียรักแล้วลูบปลอบให้ใจเย็น ปาริฉัตรถึงได้ยอมหยุดให้ หากทว่าก็ยังนั่งชี้หน้าด่าปริญอีกหลายคำ“โห... ทีกับพี่ปลื้มแม่ไม่เห็นด่างี้บ้าง” เขาจำได้ตอนนั้นมารดาด่าปรมะพี่ชายเขาเรื่องทำพี่ตะวันท้องจนต้องหนีไปคลอดที่ฮ่องกง แม่ด่าน้อยมาก ไม่ใช้คำหยาบคายเลยด้วยซ้ำ“ด่าน้อย แต่







