Share

การประลอง

last update Last Updated: 2025-06-06 22:45:10

รุ่งเช้าของวันถัดมา ดวงอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าส่งแสงสีทองสาดส่องกระทบยอดไม้ เหม่ยหลินและครอบครัวก็ตื่นขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้น เสียงตำครกดังโขกไปมาตั้งแต่ไก่โห่ บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความคึกคักอย่างไม่เคยมีมาก่อน

"ชิวลี่ฮวา เจ้าช่วยบดข้าวโพดที่เหลือให้ละเอียดกว่านี้นะ" เหม่ยหลินสั่งกำชับ ขณะที่มือเรียวของเธอกำลังคลุกเคล้าหัวไชเท้าขูดกับแป้งข้าวโพดที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเมื่อวาน

"เจ้าค่ะท่านแม่" ชิวลี่ฮวารับคำอย่างกระตือรือร้น เธอใช้ไม้เท้าคนข้าวโพดที่แช่น้ำไว้ในครกไม้ขนาดใหญ่ พลางใช้สากตำอย่างระมัดระวัง แม้จะยังไม่คุ้นเคยกับงานครัวนัก แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็บ่งบอกถึงความสุขที่ได้ช่วยเหลือ

หลี่เฟยหลงกับหลี่เฟยหานช่วยกันก่อไฟในเตาฟืนจนเปลวไฟลุกโชน ส่วนหลี่เฟยหยางก็วิ่งพล่านไปมาในครัวอย่างสนุกสนาน คอยหยิบจับสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ตามที่เหม่ยหลินบอก

"หลี่เฟยหลง เจ้าช่วยยกกระทะใบนี้ขึ้นตั้งบนเตาให้แม่หน่อย" เหม่ยหลินบอก เมื่อเธอปรุงส่วนผสมของลูกชิ้นหัวไชเท้าเสร็จแล้ว

หลี่เฟยหลงรับคำอย่างแข็งขัน ยกกระทะเหล็กหนักอึ้งขึ้นวางบนเตาอย่างคล่องแคล่ว แววตาของเขาจับจ้องการกระทำของเหม่ยหลินอย่างไม่คลาดสายตา ทุกการเคลื่อนไหวของเธอเต็มไปด้วยความเชี่ยวชาญและมั่นใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นจาก 'แม่' คนเก่าเลย

เหม่ยหลินเทน้ำมันที่เหลืออยู่น้อยนิดลงในกระทะ รอจนน้ำมันร้อนได้ที่ จากนั้นก็ใช้ช้อนตักส่วนผสมของลูกชิ้นหัวไชเท้าหย่อนลงไปในน้ำมันร้อนๆ เสียงซู่ซ่าดังขึ้นทันที พร้อมกับกลิ่นหอมของหัวไชเท้าทอดที่เริ่มลอยคลุ้งไปทั่วห้องครัว

"ท่านแม่...กลิ่นหอมจังเลยขอรับ!" หลี่เฟยหยางร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น

ไม่นานนัก ลูกชิ้นหัวไชเท้าทอดสีเหลืองทองก็ลอยขึ้นมาเหนือน้ำมัน เหม่ยหลินใช้ตะหลิวไม้พลิกไปมาจนสุกเหลืองทั่วกัน ก่อนจะตักขึ้นพักไว้บนกระด้งที่รองด้วยกระดาษใบจากเพื่อซับน้ำมัน

"ต่อไปก็ขนมผักกาดหอมนะ" เหม่ยหลินบอก เธอใช้ไอน้ำจากหม้อน้ำเดือดนึ่งขนมผักกาดหอมที่ห่อด้วยใบตองจนสุกใส ก่อนจะนำไปผัดกับเต้าเจี้ยวเล็กน้อยจนหอมกรุ่น

กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อย ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นสูงเต็มที่ เหม่ยหลินนำอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วใส่ภาชนะต่างๆ และจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับตั้งแผงขายอย่างเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะไม้เก่าๆ ตัวหนึ่งกับเก้าอี้อีกสองสามตัว

"เราจะไปกันแล้วนะ" เหม่ยหลินบอกด้วยความมุ่งมั่น

ณ ตรอกอาหารไร้ชื่อ

เมื่อมาถึงตลาด เหม่ยหลินเลือกทำเลที่ค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็อยู่ในเส้นทางที่ผู้คนต้องเดินผ่าน เนื่องจากเธอต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจางไห่ในช่วงแรก และต้องการให้ผู้คนได้ลองชิมอาหารของเธอก่อน

พวกเขาช่วยกันจัดตั้งโต๊ะและวางอาหาร ขนมผักกาดหอมและลูกชิ้นหัวไชเท้าทอดถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แม้ภาชนะจะดูเรียบง่าย แต่กลิ่นหอมของอาหารก็ลอยไปเตะจมูกผู้คนที่เดินผ่านไปมา

"ท่านแม่...เราจะขายอย่างไรขอรับ?" หลี่เฟยหลงถามอย่างกังวล เมื่อเห็นผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างไม่สนใจ

"เราจะให้พวกเขาชิมก่อน" เหม่ยหลินตอบ พลางยิ้มให้ "หลี่เฟยหยาง เจ้าช่วยแม่เรียกคนมาลองชิมนะ"

หลี่เฟยหยางพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น "ได้เลยขอรับท่านแม่!"

ไม่นานนัก ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินผ่านไป เขาหยุดชะงักเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหาร

"เอ่อ...ท่านแม่เจียง?" ชายชราเอ่ยทักทายด้วยความแปลกใจ "ท่านมาตั้งแผงขายอาหารด้วยหรือนี่? ไม่เคยเห็นท่านทำอาหารเลยนะ"

เหม่ยหลินยิ้มให้ "ลุงจางคะ วันนี้ข้าทำอาหารพิเศษมาให้ลองชิมดูเจ้าค่ะ ฟรีเจ้าค่ะ!"

ชายชราเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่เมื่อได้ยินคำว่า 'ฟรี' เขาก็ยอมลอง เขารับลูกชิ้นหัวไชเท้าทอดชิ้นหนึ่งจากหลี่เฟยหยางที่ยื่นให้ด้วยรอยยิ้มซุกซน

เมื่อชายชรากัดเข้าไปคำแรก ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ รสชาติกรอบนอกนุ่มในของลูกชิ้นหัวไชเท้าผสานกับกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน มันเป็นรสชาติที่เรียบง่าย แต่กลับ อร่อยอย่างเหลือเชื่อ

"โอ้โห! นี่มัน...อร่อยมากเลย!" ชายชราเอ่ยชมอย่างตื่นเต้น "นี่ท่านแม่เจียงทำเองหรือนี่?"

"เจ้าค่ะ" เหม่ยหลินตอบอย่างภูมิใจ

ไม่นานนัก ก็เริ่มมีผู้คนมามุงดูและลองชิมอาหารของเธอ เสียงชมเชยเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ "อร่อย! อร่อยจริงๆ!" "ไม่เคยคิดเลยว่าหัวไชเท้าจะทำได้อร่อยขนาดนี้!" "ขนมผักกาดหอมนี่ก็หอมกลมกล่อม!"

เมื่อผู้คนเริ่มติดใจในรสชาติ เหม่ยหลินก็เริ่มขายในราคาที่ยุติธรรม โดยตั้งราคาให้คนทั่วไปสามารถซื้อได้ ลูกๆ ทั้งสามคนและชิวลี่ฮวาช่วยกันตักอาหาร ใส่ห่อ และรับเงินอย่างขะมักเขม้น

เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับมาสู่ใบหน้าของครอบครัวหลี่อีกครั้ง เหม่ยหลินมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกตื้นตันใจในอก เธอรู้ว่าเธอมาถูกทางแล้ว

แต่แล้ว...

ขณะที่การค้าขายกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นพร้อมกับเงาร่างของชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่เดินเข้ามาใกล้แผงขายของเธอ

"นี่มันอะไรกัน!" เสียงอันห้าวหาญดังขึ้น เหม่ยหลินเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกับหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วม ใบหน้าดุดัน ดวงตาเรียวเล็กแฝงแววเจ้าเล่ห์คล้ายจางไห่ เธอสวมชุดผ้าไหมสีเข้ม และมีชายฉกรรจ์อีกสองคนยืนขนาบข้าง

"นี่มันตลาดของข้า! ใครอนุญาตให้เจ้ามาตั้งแผงขายที่นี่!" หญิงคนนั้นตะโกนขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด

เหม่ยหลินหันไปมองหลี่เฟยหลงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขากระซิบเบาๆ ว่า "นางคือ มาดามหลี่ เจ้าของตลาดคนปัจจุบันขอรับท่านแม่ นางเป็นน้องสาวของจางไห่ และเป็นคนที่ไม่ชอบท่านแม่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว"

เหม่ยหลินเข้าใจทันทีว่านี่คือปัญหาใหม่ที่เธอต้องเผชิญหน้า

"ข้าขอโทษเจ้าค่ะมาดามหลี่" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ "ข้าไม่ทราบว่าต้องขออนุญาตก่อน"

"ไม่ทราบอย่างนั้นรึ!" มาดามหลี่ตวาดเสียงดัง "เจ้าเป็นใครมาจากไหน! มาทำตัวเป็นคุณหนูผู้ดีในตลาดของข้า! ไม่เคยเห็นเจ้าออกมาจากบ้านเลยด้วยซ้ำ! แล้วนี่อะไร! มาทำอาหารแปลกๆ ขาย แย่งลูกค้าของคนอื่น! รีบเก็บของออกไปจากตลาดของข้าเดี๋ยวนี้!"

คำพูดของมาดามหลี่ทำให้ผู้คนที่กำลังซื้อของอยู่รอบๆ เริ่มถอยห่างออกไป สายตาของมาดามหลี่กวาดมองอาหารบนแผงของเหม่ยหลินอย่างดูถูก

"อาหารหน้าตาประหลาดๆ แบบนี้ ใครจะไปอยากกินกัน!" มาดามหลี่กล่าวอย่างเหยียดหยาม "เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำอาหารอร่อยกว่าร้านบะหมี่ของข้าอย่างนั้นรึ!"

เหม่ยหลินรู้ว่าเธอต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายนี้อย่างเด็ดเดี่ยว เธอจะยอมถอยไม่ได้ เพราะนี่คือความหวังเดียวของครอบครัว

"ข้าไม่คิดที่จะแย่งลูกค้าของใครเจ้าค่ะมาดามหลี่" เหม่ยหลินตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ข้าเพียงต้องการหารายได้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของข้า และข้าเชื่อว่าอาหารของข้ามีรสชาติที่แตกต่างและอร่อยไม่แพ้ใคร"

"หึ! โอ้อวดดีนัก!" มาดามหลี่หัวเราะเยาะ "ถ้าเจ้ามั่นใจในฝีมือเจ้ามากนัก...เอาอย่างนี้ไหมเล่า! เรามาประลองรสชาติกัน!"

คำว่า 'ประลองรสชาติ' ทำให้ผู้คนรอบข้างถึงกับฮือฮา พวกเขาไม่เคยคิดว่า 'แม่เจียง' ที่ดูอ่อนแอและใจร้ายคนนี้จะกล้าเผชิญหน้ากับมาดามหลี่ได้ขนาดนี้

"ประลองรสชาติอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?" เหม่ยหลินถามอย่างใจเย็น แม้ในใจจะรู้สึกประหลาดใจกับข้อเสนอที่ไม่ได้คาดคิด

"ใช่!" มาดามหลี่ตอบอย่างท้าทาย "พรุ่งนี้เช้า! ที่กลางตลาดแห่งนี้! ข้าจะทำบะหมี่เนื้อตุ๋นสูตรลับของตระกูลข้า! ส่วนเจ้า...จะทำอะไรก็ได้! ผู้คนในตลาดจะเป็นคนตัดสินว่าใครทำอาหารได้อร่อยกว่ากัน! หากข้าชนะ...เจ้าต้องออกจากตลาดแห่งนี้ไปตลอดกาล และห้ามกลับมาค้าขายอีก! แต่ถ้าเจ้าชนะ...ข้าจะยอมให้เจ้ามาตั้งแผงขายที่นี่อย่างถูกต้อง และข้าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินของเจ้ากับไอ้พี่ชายของข้าด้วย!"

ข้อเสนอของมาดามหลี่เป็นดาบสองคม มันเป็นการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นโอกาสที่สำคัญที่สุดของเหม่ยหลิน

"ท่านแม่...ท่านแม่จะรับคำท้าไม่ได้นะขอรับ!" หลี่เฟยหลงกระซิบเตือนด้วยความกังวล "บะหมี่เนื้อตุ๋นของมาดามหลี่เลื่องชื่อมากนะขอรับ คนในตลาดส่วนใหญ่ก็ชอบกินบะหมี่ของนาง"

เหม่ยหลินมองไปที่ลูกๆ ของเธอ หลี่เฟยหลงที่มีใบหน้าซีดเซียว หลี่เฟยหานที่กำลังกำมือแน่นด้วยความกลัว และหลี่เฟยหยางที่หลบอยู่ด้านหลังชิวลี่ฮวาอย่างหวาดหวั่น

เธอหันกลับไปมองมาดามหลี่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "ข้าตกลงเจ้าค่ะ!"

เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วตลาด มาดามหลี่เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มเยาะ

"ดี! งั้นพรุ่งนี้เช้า อย่าสายก็แล้วกัน! ถ้าไม่มา...ถือว่าเจ้าแพ้!" มาดามหลี่กล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับชายฉกรรจ์ทั้งสอง

บรรยากาศในตลาดกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ผู้คนยังคงจับกลุ่มซุบซิบกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหม่ยหลินหันไปมองลูกๆ ของเธอ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล

"ท่านแม่...ท่านแม่จะทำอะไรหรือขอรับ?" หลี่เฟยหานถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เราจะเอาอะไรไปสู้บะหมี่เนื้อตุ๋นของมาดามหลี่ได้ขอรับ? เราไม่มีเนื้อสัตว์เลยนะขอรับ!"

"นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องคิด" เหม่ยหลินตอบ พลางถอนหายใจ ใช่...ไม่มีเนื้อสัตว์เลย... "แต่ไม่ต้องห่วง แม่มีแผนแล้ว"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   กองโจรกับการหลับมา

    หลายปีผ่านไปนับตั้งแต่เหตุการณ์โจรสลัดหมาป่าทมิฬ ทุกมุมของแคว้นได้ฟื้นคืนชีวิตชีวาอย่างเต็มที่ภายใต้การนำอันชาญฉลาดของเหม่ยหลินและองค์จักรพรรดิ ตระกูลหลี่ได้กลายเป็นตระกูลที่มีเกียรติยศสูงสุดในแผ่นดิน หลี่เฟยหลงก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้แข็งแกร่งและซื่อสัตย์ ชิวลี่ฮวาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านพืชพรรณและศิลปะในวัง ส่วนหลี่เฟยหานก็เติบโตเป็นข้าราชการหนุ่มผู้ซื่อตรงและเปี่ยมด้วยความสามารถ หลี่เฟยหยาง น้องสุดท้องก็เป็นหนุ่มน้อยผู้ร่าเริง มีสติปัญญา และมักจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนในวังเสมอมิตรภาพระหว่างแคว้นของเหม่ยหลินกับแคว้นเยว่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไป๋เฟิงยังคงเป็นราชทูตผู้ทรงอิทธิพล และมักจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนเหม่ยหลินและครอบครัวอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหม่ยหลินนั้นลึกซึ้งเกินกว่าคำว่ามิตร และเป็นที่รับรู้กันในหมู่คนใกล้ชิดว่าไป๋เฟิงมีใจให้กับเชฟหลวงผู้นี้อย่างสุดซึ้ง แต่ความแตกต่างของสถานะและแคว้นทำให้เรื่องนี้ยังคงเป็นเพียงความรู้สึกที่งดงามในใจเท่านั้นแม้ทุกสิ่งจะดูสมบูรณ์แบบ แต่บางครั้ง เงาจากอดีต ก็มักจะคืบคลานกลับมาทักทาย โดยเฉพาะอดีตที่เ

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   โจร

    ความรุ่งเรืองของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพจากวิกฤตภัยธรรมชาติ เป็นดั่งแสงสว่างที่ดึงดูดสายตาจากทุกทิศทุกทาง ชื่อเสียงของ "ซุปแห่งชีวิตอมตะ" และความอุดมสมบูรณ์ที่กลับคืนมาอย่างรวดเร็วภายใต้การนำของ เชฟหลวงเหม่ยหลิน ไม่ได้สร้างความชื่นชมยินดีไปทั่วทุกสารทิศเสมอไป ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป ความโลภ กำลังเริ่มคืบคลานเข้าปกคลุมจิตใจของผู้คนบางกลุ่ม เสียงกระซิบของความมั่งคั่งและแผนการร้ายจากแดนเถื่อน ทางทิศตะวันออกไกลโพ้นจากแคว้นที่กำลังฟื้นฟู มีกลุ่มโจรขนาดใหญ่ที่เรียกตัวเองว่า "หมาป่าทมิฬ" อาศัยอยู่ พวกมันเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนในแถบนั้น ด้วยความโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน และความสามารถในการปล้นสะดมอย่างรวดเร็วราวกับฝูงหมาป่าที่หิวโหย หัวหน้ากลุ่ม คือชายร่างยักษ์ผู้มีใบหน้าดุร้ายและรอยแผลเป็นพาดผ่านดวงตา "ไคเฟิง" เขาได้ยินข่าวลือเรื่องความมั่งคั่งของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพ รวมถึงเรื่องอาหารวิเศษที่ทำให้ผู้คนมีพละกำลังและสุขภาพดี "พวกแกได้ยินข่าวลือเรื่องแคว้นทางตะวันตกนั่นรึไม่!" ไคเฟิงคำรามเสียงดังในค่ายโจรที่เต็มไปด้วยกองไฟและเสียงเอะอะโวยวาย "มันว่ากันว่าแคว้นนั้นมีอาหารวิเศษที่ทำให้คนไม่เจ็บไม่ป่วย!

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   การฟื้นฟู

    เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องไปทั่วลานประลอง เมื่อขันทีหลงและผู้นำพรรคอัคคีทมิฬถูกคุมตัวออกไป ภาพของประชาชนที่ดื่มด่ำ "ซุปแห่งแสงตะวัน" และฟื้นคืนพลังขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ได้สยบทุกความแคลงใจ ทุกเสียงกระซิบกระซาบของความไม่พอใจมลายหายไปสิ้น แทนที่ด้วยประกายแห่งความหวังและความเชื่อมั่นที่กลับคืนมาองค์จักรพรรดิทรงเดินลงจากบัลลังก์ มาประทับยืนข้างเหม่ยหลิน พระหัตถ์ของพระองค์วางลงบนบ่าของเธอด้วยความเมตตาและภาคภูมิใจ"ประชาชนของข้า!" องค์จักรพรรดิรับสั่งด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยพลัง "วันนี้! พวกเจ้าได้เห็นแล้วถึงความจริงใจของวังหลวง! พวกเจ้าได้ลิ้มรสแล้วถึงความเมตตาของสวรรค์! และพวกเจ้าได้ประจักษ์แล้วถึงพลังแห่งความสามัคคี! เราจะร่วมกันฟื้นฟูแคว้นของเราให้กลับมารุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม!"เสียงกู่ก้อง "ทรงพระเจริญ!" ดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานประลอง ประชาชนต่างคุกเข่าลงด้วยความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแผนฟื้นฟูแผ่นดิน: เมล็ดพันธุ์แห่งความหวังหลังเหตุการณ์จลาจล องค์จักรพรรดิได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางและผู้เชี่ยวชาญทุกสาขา เพื่อวางแผนฟื้นฟูแคว้นครั้งใหญ่ เหม่ยหลิน ไป๋เฟิง

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   แผลจากภัยธรรมชาติ

    พายุหิมะมหาวินาศได้พัดผ่านไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความเสียหายและรอยแผลลึกไปทั่วทั้งแคว้น แสงแดดอันอบอุ่นเริ่มสาดส่องลงมาละลายผืนหิมะที่ปกคลุมอยู่ แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องล่างนั้น คือภาพของความเสียหายอันใหญ่หลวง พืชผลทางการเกษตรที่เคยเขียวขจี บัดนี้เน่าเปื่อยและแข็งตายอยู่ในแปลงนา หมู่บ้านหลายแห่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอก สะพานและถนนหนทางพังทลายลง การคมนาคมขนส่งยังคงเป็นอัมพาตแม้จะรอดพ้นจากความอดอยากด้วยอาหารจากผักหิมะสวรรค์และเห็ดน้ำแข็งที่เหม่ยหลินค้นพบ แต่ความยากลำบากก็ยังคงเป็นเงาตามติดชีวิตประชาชน ความหนาวเย็นที่กัดกินจิตใจ อาหารที่เริ่มจำเจ และความไม่แน่นอนของอนาคต ทำให้ความไม่พอใจเริ่มก่อตัวขึ้นในหมู่ประชาชนบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นล่างและเกษตรกรที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างความตึงเครียดในเมืองหลวงและเสียงกระซิบแห่งความไม่พอใจในเมืองหลวง บรรยากาศไม่ได้สงบสุขอย่างที่ใครคิด การจัดสรรอาหารและทรัพยากรกลายเป็นปัญหาใหญ่ แม้ทางวังหลวงจะพยายามแจกจ่ายอย่างเท่าเทียม แต่ด้วยจำนวนประชากรที่มาก และความเสียหายที่รุนแรง ทำให้การช่วยเหลือไม่ทั่วถึง"ท่านแม่เจียง! พวกเราอดอยากกันจะแย่แล้วขอรับ!" ชาวบ้านคนห

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   ฝ่าฝัน

    การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างดุเดือดท่ามกลางพายุหิมะ มนุษย์น้ำแข็งมีจำนวนมากกว่า และพวกเขาแข็งแกร่งเกินคาด หลี่เฟยหลงและหัวหน้าหมาต่อสู้อย่างเต็มกำลัง แต่ก็เริ่มเสียเปรียบเหม่ยหลินพยายามหาทางหนี เธอรู้ว่าการต่อสู้ในสภาพอากาศเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อพวกเขาเลยในขณะที่สถานการณ์กำลังเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ จู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง!"หยุดเดี๋ยวนี้!"เงาร่างของ ไป๋เฟิง ปรากฏขึ้น! เขาสวมเสื้อคลุมหนาเช่นกัน แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมกับ กองกำลังเสริมจากแคว้นเยว่!"องค์ชายไป๋เฟิง!" มนุษย์น้ำแข็งคนหนึ่งอุทานด้วยความตกใจไป๋เฟิงพุ่งเข้าสู่การต่อสู้ทันที เขามีฝีมือการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม และสามารถจัดการกับมนุษย์น้ำแข็งได้อย่างง่ายดาย กองกำลังเสริมจากแคว้นเยว่ก็เข้าช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ทำให้สถานการณ์พลิกผัน มนุษย์น้ำแข็งเริ่มล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว"ไป๋เฟิง! ท่านมาได้อย่างไร!?" เหม่ยหลินถามด้วยความประหลาดใจปนดีใจ"ข้าได้รับรายงานจากราชทูตของข้าว่ามีพายุหิมะถล่มแคว้นของท่าน" ไป๋เฟิงตอบ "ข้าจึงรีบนำกองกำลังมาช่วยเหลือในทันที!

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   ต้องการแหล่งอาหาร

    หลี่เฟยหลง ในชุดเสื้อคลุมหนา ถือดาบและมองไปรอบๆ ด้วยความระแวดระวัง หัวหน้าหมาเองก็เตรียมพร้อมเต็มที่ ด้วยประสบการณ์การเอาตัวรอดในป่าที่เขาเคยผ่านมาเมื่อก้าวออกไปนอกกำแพงวัง ความหนาวเย็นก็แทรกซึมเข้าสู่กระดูก ลมพายุหิมะพัดโหมกระหน่ำจนแทบจะมองไม่เห็นทาง หิมะกองสูงท่วมหัว ผู้คนต่างหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเรือนของตนเอง ถนนหนทางเงียบสงัดราวกับเมืองร้าง"ท่านแม่! หิมะหนักมากเลยนะขอรับ!" หลี่เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล "เราจะหาอะไรกินได้ที่ไหนกันขอรับ!?""เราจะต้องหาแหล่งอาหารที่สามารถทนต่อความหนาวเย็นได้ลูก" เหม่ยหลินตอบ "และแม่คิดว่า...แม่รู้แล้วว่าเราจะไปหาที่ไหน"เหม่ยหลินนำทางคณะของเธอไปยังบริเวณที่สูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นที่ราบเชิงเขาที่เธอเคยสังเกตเห็นว่ามีพืชพรรณบางชนิดเติบโตอย่างหนาแน่นในช่วงฤดูร้อนเมื่อมาถึงบริเวณนั้น พวกเขาก็ต้องประหลาดใจ! แม้จะถูกปกคลุมด้วยหิมะหนา แต่ก็มี พืชชนิดหนึ่ง ที่ยังคงยืนต้นอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง ใบของมันเป็นสีเขียวเข้ม และมีรากที่ฝังลึกลงไปในดินที่เย็นจัด"นี่มัน... 'ผักหิมะสวรรค์'!" เหม่ยหลินอุทานด้วยความตื่นเต้น "ข้าเคยได้ยินชื่อของ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status