แชร์

ความลับที่น่าตกตะลึง

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-04 00:14:50

ระหว่างทางลงเขาจนถึงบ้านนั้น มีชาวบ้านทักตลอดทาง ต่อให้บุรุษบ้านหวังพยายามทำตัวปกติแค่ไหนก็มีคนสงสัยอยู่ดี โดยเฉพาะ นางไฉ่หง เพื่อนสาวของนางจากชุนสะใภ้รองบ้านหวัง 

"โอโยว เจียวจิ้นพวกเจ้ากับบุตรชายแบกอะไรลงมากันมากมายเพียงนี้" มู่หลินปรายตามองนางไฉ่หง ที่เป็นสาวอวบเกือบจะอ้วนแล้ว โบกแป้งหนาจนคิดว่าใช้แป้งสาลีทาหน้า ปากที่แดงจนแทบจะเรียกได้ว่าแดงจนเหมือนคนกินเลือดมา ทำไมแต่งแบบนี้ถึงกล้าออกจากบ้านกันนะ

"ข้าได้ผักป่ากับปลามานิดหน่อย" บิดาแสนซื่อของข้านั้นตอบกลับอย่างว่าง่ายทันที 

นางไฉ่หงที่ถือวิสาสะเดินมารื้อตะกร้า ไวกว่านางไฉ่หงก็มู่หลินนี่แหละ นางดีดก้อนหินไปที่ข้อเท้านางไฉ่หง ทำให้นางไฉ่หงสะดุดล้มหน้าทิ่มดิน แถมดินยังเข้าปากเพราะมั่วแต่พูดมากไม่ทันได้หุบปากตอนล้มลง ปากที่แดงอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแดงเข้าไปอีกเพราะเป็นเลือดที่ไหลออกมาจากฟันที่หักไปซี่หนึ่ง 

"กรี๊ดดดด พวกเจ้าพลักข้าใช่หรือไม่" ดีที่บุรุษบ้านหวังทั้งสามยืนห่างนางไฉ่หงตั้งห้าก้าว แล้วชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็ช่วยพูดให้ด้วย เพราะเป็นนางไฉ่หงที่ล้มลงไปเอง 

"นี่ ไฉ่หง เจ้าล้มเองแล้วจะโทษเจียวจิ้นกับบุตรได้อย่างไร" นางเจียงอิน สะใภ้ใหญ่ของบ้านหาน ที่มีมิตรไมตรีต่อบ้านของเจียวจิ้นอย่างดี ชาวบ้านคนอื่นๆก็พยักหน้าพร้อมทั้งบอกเห็นด้วย

"ข้าว่าเจ้าไปหาหมอก่อน พวกเจ้าก็พานางไฉ่หงไปส่งบ้านแล้วเรียกหมอหู่มาดู" แม่เฒ่าหานเอ่ยสำทับลูกสะใภ้ให้รีบพานางไฉ่หงไปส่งบ้านพร้อมทั้งตามหมอมาดูด้วย

นี่ขนาดยังเดินไม่ถึงบ้านก็มีปัญหาแล้ว ถ้าหากขายได้เงินมาไม่รู้จะมีปัญหาขนาดไหน มู่หลินที่รำคาญพวกชาวบ้านหนึ่งชาวบ้านสอง ก็นึกอย่างหัวเสียจนถึงบ้าน ถ้าเป็นภพก่อนไม่ต้องรอให้โดนคนว่าหรอกแค่คิดจะเอ่ยปาก มู่หลินก็คงฆ่าทิ้งทันที

พอกลับถึงบ้านเจียวโจวก็รีบปิดประตู อย่างหนาแน่น ผู้นำครอบครัวอย่างเจียวจิ้นก็เรียกทุกคนมานั่งที่โถงกลางแล้วปรึกษากันทันที

"ข้าว่านำไปขายให้ร้านยาวันนี้เลยท่านพ่อ เวลายังเหลือยังไม่เข้ายามเว่ย(13.00-14.59น.) เดินทางเข้าเมือง ครึ่งชั่วยาม(1ชั่วยาม=2ชั่วโมง / ครึ่งชั่วยาม=1ชั่วโมง)ก็ถึง ถ้ายังไม่ขายคืนนี้ข้าคงนอนไม่หลับ" เมื่อพี่ใหญ่พูดจบทุกคนก็พยักหน้าเป็นไก่จิกเลยทีเดียว ยกเว้นก็แต่มู่หลิน

"ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าว่านำดอกขนาดกลางสามดอกกับขนาดเล็กห้าดอกไปขายก่อน ถ้าขายมากไปจะเกิดอันตรายได้เจ้าค่ะ" มู่หลินที่ออกความเห็นไปนั้น ทุกคนคิดตามก็พบว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

"แล้วที่เหลือจะทำเช่นใด เก็บในบ้านพ่อก็กลัวชาวบ้านจะรู้ แล้วโจรจะเข้ามาปล้น" มู่หลินรู้สึกว่านางต้องบอกความลับกับครอบครัวแล้ว ก่อนที่ทุกคนจะหวาดระแวงกับเห็ดหลินจือกองนี้ พอจะรวยก็มีเรื่องเครียดของคนรวย มู่หลินได้แต่ถอนหายใจ

"ทุกท่านดูนี้นะเจ้าค่ะ" มู่หลินที่ยื่นมือข้างที่มีกำไลไปที่กองเห็ดแล้วพูดเบาๆว่าเก็บ กองเห็ดตรงหน้าหายไปทันที บุรุษทั้งสามเมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็สะดุ้งตกใจ พี่รองถึงกลับล้มจากเก้าอี้ มีท่านแม่ถึงจะตกใจแต่ก็รักษากิริยาไว้ได้ 

"หลินเออร์/หลินเออร์" 

"น้องเล็ก/เจ้า" แต่ละคนกว่าจะหาเสียงเจอก็ได้แต่เรียกชื่อมู่หลินเท่านั้น

พี่ใหญ่ที่ได้สติเร็วที่สุด วิ่งออกไปนอกห้องโถงแล้ววนดูรอบบ้านว่ามีใครแอบมามองหรือไม่ พอกลับมาทุกคนก็เริ่มกลับมามีสติแล้ว

"นี่คือสิ่งที่ข้าได้บอกท่านพ่อกับท่านพี่ตอนอยู่บนเขาว่ากลับถึงบ้านข้ามีเรื่องจะบอก" จากนั้นมู่หลินก็เล่าเหตุการณ์ว่าตั้งแต่ที่นางหลับไปสามวัน เหมือนฝันไป เป็นฝันที่เลวร้ายแต่ก็เหมือนจะดี ที่นางเป็นเด็กกำพร้า แล้วมีคนรับเลี้ยงแต่ก็เลี้ยงแบบหวังผล(ไม่ได้บอกเรื่องเป็นนักฆ่า) สอนให้รู้จัดการเอาตัวรอด การต่อสู้ วิชาการแพทย์ของโลกนั้น และการแพทย์แบบในยุคนี้ (ที่นางยอมเล่าเกือบหมดเพราะถ้าวันไหนเก่งขึ้นมาจะได้ไม่ต้องนั่งถามหรือสงสัยอีก)

มู่หลินบอกทุกคนว่านางทั้งเหงาและคิดถึงทุกคนแต่ไม่ตื่นสักที จนวันที่นางถูกรถชน ก็เหมือนรถม้าแต่เป็นเหล็กมู่หลินอธิบายแบบนี้ นางถึงได้ฟื้นมาพบทุกคนอีกครั้ง ระหว่างที่มู่หลินเล่านั้นทุกคนหลั่งน้ำตาตลอดเวลาเพราะเกือบจะเสียลูกสาวเสียน้องเล็กไป มู่หลินบอกทุกคนว่ามีท่านยายใจดีให้กำไลมา บอกว่าให้มู่หลินเตรียมตัวเพื่อกลับบ้าน มู่หลินจึงพาทุกคนเข้าไปในมิติเพื่อดูของที่นางซื้อมา

เมื่อทุกคนได้เห็นทุกอย่างในมิติพร้อมทั้งข้าวของต่างๆก็ยิ่งตกใจ มู่หลินเลยให้ทุกคนนั่งพักเพื่อสงบสติก่อน นางจะเป็นคนทำอาหารเอง ก็คือทำในมิติให้ทุกคนกินในนั้น แต่ท้องอิ่มอาจจะมีสติเพิ่มขึ้น

หลังกินอาหารกันแล้ว ทุกคนกินข้าวได้เยอะขึ้น เพราะเป็นข้าวสวยที่เม็ดข้าวเต็ม ไม่ใช่ปลายข้าวกับน้ำข้าว หลังมื้ออาหารทุกคนลงความเห็นกันว่าพรุ่งนี้ค่อยไปขายเห็ดแล้วเก็บที่เหลือไว้ในมิติของมู่หลิน 

ค่ำคืนนั้นคนบ้านหวังของเจียวจิ้นก็มีปฏิญาณเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคือเรื่องของมู่หลินจะต้องเป็นความลับของครอบครัวการปกป้องดูแลมู่หลินนั้นทุกคนปกป้องมาตลอดอยู่แล้ว

เจียวจิ้นกับเหมยฮวาถึงกลับนอนไม่หลับเพราะฟังเรื่องวิญญาณของมู่หลินหลุดออกไปที่อื่น ถ้าลูกสาวกลับมาไม่ได้จะเป็นเช่นไร เจียวจิ้นถึงกับคิดว่าถ้านางจางซิงกับนางจางชุนมาหาเรื่องอีกเขาจะจัดการขั้นเด็ดขาด นางเหมยฮวาก็คิดว่าตนเองต้องเข้มแข็งกว่านี้เพื่อต่อต้านคนที่คิดร้ายกับลูกสาวเพราะนางไม่ต้องการเสียลูกสาวไปอีกแล้ว

พี่ใหญ่กับพี่รองก็คิดว่าต่อจากนี้ไปต้องให้น้องเล็กฝึกการต่อสู้ให้ตนเองเพื่อจะได้ปกป้องน้องเล็กและครอบครัวได้ อีกสิ่งหนึ่งที่สองพี่น้องต้องทำให้ได้คือ น้องเล็กต้องการให้ทั้งคู่เข้าสำนักศึกษาถึงจะสอบไม่ได้แต่ต้องมีความรู้ติดตัว ทุกคนมีความคิดที่ต่างกันแต่จุดหมายที่เหมือนกันคือปกป้องความลับและดูแลมู่หลิน แต่มู่หลินนั้นนอนหลับฝันดีไปแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   ตอนจบ

    ห้าปีผ่านไปชายแดนประจิมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ชาวเมืองแคว้นฉีเริ่มเข้ามาทำการค้ามากขึ้น ถึงกับมีตลาดชายแดนที่ทั้งสองแคว้นจะนำสินค้าของตนมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน ชีวิตชาวบ้านจึงดีขึ้นมู่หลินได้หาพืชผักที่ทนต่อสภาพอากาศหนาวเข้ามาปลูก นางยังค้นพบภูเขาที่มีดินเค็ม เมื่อถวายฎีกาถึงฮ่องเต้ให้ทราบเรื่องแล้ว พระองค์ได้ช่วยส่งเสริมให้ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงภูเขาผลิตเกลือออกมาจำหน่าย โดยหักภาษีเข้าคลังเพื่อพัฒนาพื้นที่เมืองอื่นต่อไปฮ่องเต้ฉู่เฟยหลางสละราชบัลลังก์ให้กับองค์รัชทายาทขึ้นปกครองตอนนี้เจ้าลูกเต่าทั้งสามติดตามบิดาเข้าไปฝึกวรยุทธ์ในค่ายทหาร เพราะไป๋เฟยหรงหมั่นไส้บุตรชายทั้งสามที่เกาะติดมู่หลินมากเกินไปไป๋หมิงยู่ ไป๋หรงซิ่ง ไป๋เฉินกง เวลาอยู่กับบิดาทั้งสามจะทำตัวนิ่งขึม เหมือนเช่นบิดา พอลับหลังบิดา ทหารที่เป็นพี่เลี้ยงทั้งหลายล้วนปวดหัวกันเป็นแทบ เด็กชายทั้งสามพี่ใหญ่วางแผน พี่รองดูต้นทาง น้องเล็กหลอกล่อ กลยุทธ์ที่ร่ำเรียนมาจากกงหยวนนั้นเรียกได้ว่าตอนนี้เก่งเกินอาจารย์เสียแล้วแม้แต่กงหยวนยังเจ้าเล่ห์ไม่ได้เท่าไป๋หรงซิ่งเลย หากหนีเรียนวันใดแล้วโดนจับได้ ไป๋เฉินกงจะทำหน้าที่เรียกร

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   บทส่งท้าย

    ใช้เวลาเดินทางครึ่งเดือนก็มาถึงแดนประจิม จวนท่านแม่ทัพนั้นไม่มีอะไรให้มู่หลินปรับปรุงแก้ไขนอกจากห้องน้ำ นางอยากจะเอาที่นอนออกมาใช้ใจจะขาด แต่ยังไม่ได้บอกกล่าวเรื่องมิติที่มีให้กับเฟยหรงได้รู้มู่หลินที่นอนไม่สบายตัวก็ขยับไปมาจนเฟยหรงรู้สึกตัว“น้องหญิง นอนไม่หลับหรือ” เฟยหรงดึงตัวมู่หลินมา กอด“ท่านพี่ข้าจะพาท่านไปที่แห่งหนึ่ง” พูดจบมู่หลินก็พาเฟยหรงเข้าไปในมิติของตน“ที่นี่คือที่ใด” เฟยหรงมองรอบๆ อย่างโง่งม ที่นี้สวยมากจริงๆ ลำธารที่น่าลงไปแช่ ภูเขาด้านหลังก็ดูอุดมสมบูรณ์ ไหนจะแปลงสมุนไพรหลากหลายชนิด พืชผักผลไม้เต็มไปหมด ทุ่งข้าวที่เหลืองอร่ามพร้อมเก็บเกี่ยว กระท่อมหลังน้อยที่อยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้“ที่นี่คือมิติของข้าเจ้าค่ะ” มู่หลินพาเฟยหรงเข้าไปในกระท่อม ด้านในเครื่องเรือนของใช้ไม่เหมือนที่เขาเคยเห็น นางจึงเล่าเรื่องทั้งหมดของนางตั้งแต่แรกให้ฟัง ก็เหมือนสิ่งที่นางเล่าให้ครอบครัวฟังเฟยหรงกอดมู่หลินยิ่งนึกถึงว่านางเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่งใจเขาก็ยิ่งปวด“หากเจ้าไม่อยากนำที่นอนออกไปด้านนอก เจ้าจะบอกพี่เรื่องนี้หรือไม่” เฟยหรงเอ่ยอย่างน้อยใจ มู่หลินจึงจูบไปที่มุมปากเพื่อเอาใจ“ย่อมต้อง

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   งานมงคล

    ไป๋เฟยหรงกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ตัวแทบจะติดกับมู่หลินเลยทีเดียว ยิ่งมู่หลินออกไปข้างนอกเฟยหรงแทบจะให้นางใส่ผ้าคลุมทั้งตัวไม่ใช่ว่าไม่มีสตรีเข้าหาเฟยหรงนะ มีมากเลยทีเดียว สาวใช้ที่มาใหม่ในจวนไป๋ที่คิดจะปีนเตียงเฟยหรง โดนเฟยหรงถีบออกมาจากห้องรักษาตัวอยู่ห้าวันกว่าจะลุกขึ้น เมื่อมีตัวอย่างให้เห็นใครจะกล้าเสี่ยงขุนนางที่ใจกล้าก็อยากจะยกบุตรสาวให้เป็นอนุ ตอนเช้ามาทหารเข้ามาจับกุมโดนขุดความผิดที่ตนก่อไว้ตั้งแต่เริ่มเป็นขุนนาง แม้จะเล็กน้อยไม่โดนตัดสินโทษหนักก็ย่อมต้องโดนลดขั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ขุนนางทั้งหลายเลยเลิกยุ่งกับแม่ทัพไป๋ไปโดยปริยาย“หลินเออร์ แม่ว่าเจ้าแต่งให้ท่านแม่ทัพเสียเลยเถิด ตอนนี้เจ้าก็ 17 หนาว แล้ว พ่อกับแม่มีพี่รองของเจ้าอยู่ด้วย เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” เหมยฮวาเรียกมู่หลินมานั่งพูดคุย เพราะนางก็เห็นใจว่าที่ลูกเขยเช่นกัน“ข้าแล้วแต่ท่านพ่อท่านแม่เจ้าค่ะ” มู่หลินยอมตกลงเฟยหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะวิ่งไปป่าวประกาศให้คนทั้งเมืองหลวงได้รู้กันทั่ว เฟยหรงรีบเข้าวังหลวงไปขอฤกษ์มงคลที่เร็วที่สุด แล้วก็เร็วจริงๆ งานจะจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้ามู่หลินขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างโมโห สั

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   แต่งเลยมิได้หรือ

    แล้วก็ถึงวันสอบเตี้ยนซื่อ หน้าพระที่นั่ง โดยวันสอบจะมีฮ่องเต้เป็นผู้คุมสอบและออกข้อสอบ ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดอันดับหนึ่งจะได้เป็น จอหงวน อันดับที่สอง ปั๋งเหยี่ยน อันดับที่สาม ทั่นฮวาครอบครัวหวังมาส่งเจียวโจวกับเจียวจ้านหน้าสนามสอบ“ตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดพอ พ่อไม่คาดหวังว่าเจ้าทั้งสองจะติดสามอันดับ” เจียวจิ้นให้กำลังใจบุตรชาย“แต่ข้าคาดหวังว่าท่านพี่ทั้งสองจะได้จอหงวนเจ้าค่ะ”เจียวโจวดีดหน้าผากมู่หลิน เจียวจ้านตบอกให้น้องเล็กรอดูได้เลยเมื่อทั้งสองเดินเข้าสนามสอบแล้ว เจียวจิ้น เหมยฮวา มู่หลินจึงกลับไปรอที่จวนระหว่างรอผลสอบ ข่าวที่ส่งจากโยวโจวทำให้เฟยหรงถึงกับนั่งไม่ติด ต้องรีบควบม้าออกมาจากค่ายทหารนอกเมืองเพื่อขอความเห็นใจจากมู่หลินทันที่“หลินเออร์” เฟยหรงเอ่ยเสียงอ่อยเรียกมู่หลินมู่หลินเลิกคิ้วรอฟังว่าพ่อตัวดีจะพูดสิ่งใด"เยว่เออร์ตั้งครรภ์แล้ว""อืม" ใช่เรื่องนี้นางรู้แล้ว เพราะห่าวหรานส่งข่าวมาเช่นกัน"หลินเออร์ แต่งเลยมิได้หรือ" มู่หลินหรี่ตามองเฟยหรง"กลับค่ายไปเลย" นางกัดฟันพูดผลการสอบเตี้ยนซื่อ ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เจียวโจวได้เป็นปั๋งเหยี่ยน เจียวจ้านได้อันดับที่ห้า เด็กๆ

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   งานปักปิ่นมู่หลิน

    ท่านผู้เฒ่าเซี่ยมาถึงก็เมืองหลวงพักผ่อนเพียงหนึ่งวันก็พาคนทั้งตระกูลเดินทางเข้าสู่วังหลวง"ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี""ลุกขึ้น ไม่ต้องมากพิธี" ฮ่องเต้มองสหายต่างวัยด้วยความคิดถึง"เซี่ยหลี่เฉียงรับราชโองการ ตระกูลเซี่ยจงรักภักดีต่อราชวงศ์ มีความดีความชอบร่วมปราบกบฏองค์ชายใหญ่ในครั้งนี้ ฮ่องเต้ทรงพระราชทานตำแหน่งกั๋วกง ขั้นหนึ่ง ประทานจวนหน่งหลัง เงินรางวัล 50,000 ตำลึงทอง ผ้าไหม 20 พับ เครื่องประดับ 5 หีบ จบราชโองการ " ขันทีประกาศราชโองการแม้ของรางวัลที่ได้จะไม่อาจเทียบเท่ากับของที่เคยโดนยึดไป แต่ตระกูลเซี่ยก็ไม่เสียดาย เพราะทรัพย์สินของตระกูลตอนนี้มีมากมายเทียบเท่าเงินในคลังหลวงได้ฮ่องเต้ยังคงต้องใช้เงินเยี่ยวยาชาวเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการก่อกบฏขององค์ชายใหญ่ในครั้งนี้อีกมากตระกูลเซี่ยเข้าพักในจวนหลังใหม่ ท่านตาท่านยายยังบ่นกับมู่หลินเรื่องที่นอนนั้นนอนไม่สบายเท่าที่หมู่บ้านชุนหง ห้องน้ำก็ไม่สะดวกสบาย หลานสาวแสนดีจึงเอาใจด้วยการเอาที่นอนของใช้ออกมาให้ทุกคน ท่านตาท่านยายเลยได้ยิ้มหน้าบานครอบครัวหวังเจียวจิ้นนั้นแยกตัวไปอยู่จวนที่ห่าวหรานซื้อไว้ หากให้นั

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   บทลงโทษของกบฏ

    เซี่ยซีห่าวนำทัพพร้อมพวกกบฏเดินทางถึงเมืองหลวงหลังจากที่ไป๋เฟยหรงถึงเกือบสิบวันฮ่องเต้สังประหารขุนนางฝ่ายกบฏทั้งหมด ขุนนางคนใดที่โทษไม่หนักก็เนรเทศออกไปใช้แรงงานที่ชายแดน ส่วนองค์ชายใหญ่นั้นทดพิษบาดแผลไม่ไหวชิงตายไปเสียก่อนวันตัดสินโทษเพียงแค่สองวัน หวงกุ้ยเฟย เสนาบดีเว่ย เว่ยซูเหิง โดนตัดสินให้แล่เนื้อเถือหนังจนกว่าจะสิ้นใจตายส่วนคนในจวนตระกูลเว่ยและตำหนักขององค์ชายใหญ่ที่ตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดก็โดนเนรเทศสั่งห้ามทั้งหมดกลับเข้าเมืองหลวงและหมดสิทธิ์เข้าสอบขุนนางตลอดชีวิตเว่ยซูเม่ยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏครั้งนี้ แต่นางมีความผิดที่ส่งนักฆ่าไปลอบสังหารมู่หลินหลายครั้ง จึงโดนตัดสินให้ประหารชีวิตด้วย ถึงแม้มู่หลินจะเสียดายที่นางไม่ได้เป็นคนจัดการเอง แต่ก็ไม่ได้ติดใจเพราะโทษตายที่นางได้รับนั้นสมควรแล้วขุนนางกว่าครึ่งในท้องพระโรงที่โดยตัดสินโทษครั้งนี้ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ทรงร้อนใจเท่าใด เพียงแต่ตั้งขุนนางตงฉินเข้ามาแทนในตำแหน่งสำคัญที่หายไป ส่วนในตำแหน่งอื่นนั้น ทรงรอการสอบหน้าพระที่นั่งในอีกหกเดือนที่จะถึงนี้ คงเติมเต็มท้องพระโรงได้ครบทุกตำแหน่งเวลาที่ครอบครัวบ้านหวังรอก็มาถ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status