ตอนที่5 ไร้เดียงสา
ทั้งสองต่างแยกย้ายออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง ณิชาเดินออกไปหน้าปากซอยเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อเดินทางไปเรียน ส่วนซันเดย์ก็ขับรถไปทำงานตามปกติ
“วันนี้ช่วงบ่ายนายจะออกไปตรวจไซซ์งานไหมครับ” เตมินเอ่ยถามเมื่อทั้งสองเดินออกจากห้องประชุมหลังจากประชุมความคืบหน้าของโครงการเสร็จ
“ไป เตรียมแปลนที่ฝ่ายสถาปนิกแก้ไขไปด้วย”
“ครับ”
ซันเดย์เดินตรวจสอบความเรียบร้อยของโครงสร้างด้วยตัวเองทั้งที่มีวิศวกรรับผิดชอบโครงการนี้อยู่แล้ว แต่ชายหนุ่มก็มาตรวจความเรียบร้อยด้วยตัวเองทุกครั้ง
“โซนโน้นช่างกำลังขึ้นโครงสร้างคุณซันเดย์อย่าเดินเข้าไปเลยครับมันอันตราย” วิศวกรหนุ่มเอ่ยเตือนซันเดย์ถึงพื้นที่ด้านในที่เป็นพื้นที่อันตราย
“ฉันเข้าไปดูแป๊บเดียว ตรงนั้นสถาปนิกเปลี่ยนแปลนใหม่แก้ไขเรียบร้อยหมดทุกจุดหรือยัง”
“เรียบร้อยครับ”
“ฉันเข้าไปดูหน่อย” พูดจบเท้ายาวก็สาวเท้าเดินดุ่ม ๆ เข้าไปยังโซนพื้นที่ก่อสร้างที่ขึ้นป้ายเตือนชัดเจนว่าตรงนี้เป็นเขตก่อสร้างผู้ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า
“กำชับคนงานด้วยว่าอย่ามักง่ายหรือหละหลวมในการทำงาน เพราะบ้านคนไม่ได้อยู่แค่ห้าปีสิบปี บางคนใช้เงินเก็บทั้งชีวิตเพื่อซื้อบ้านสักหลังไว้อยู่อาศัยช่วงบั้นปลายสุดท้ายของชีวิต เพราะฉะนั้นให้คิดเสมอว่าบ้านที่กำลังสร้างอยู่นั้นเป็นบ้านของตัวเอง” ซันเดย์มักจะย้ำคำนี้กับลูกน้องเสมอเพราะเขาให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง
“นายระวังครับ” เตมินร้องตะโกนขึ้นเสียงดังกระชากดึงคนเป็นนายหลบท่อนไม้ที่ใช้เป็นไม้นั่งร้านหล่นลงมาจากชั้นสอง
“โอ๊ย!” แขนด้านซ้ายของซันเดย์โดนท่อนไม้หล่นใส่ที่หัวไหล่ เสื้อเชิ้ตฉีกขาดเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา
“นายเป็นยังไงบ้างครับ เอารถออกพานายไปโรงพยาบาล” เตมินรีบลุกขึ้นมาดูคนเป็นนาย และตะโกนสั่งคนงานที่อยู่ละแวกนั้นเสียงนั้น
ปี๋ป่อ ปี๋ป่อ ปี๋ป่อ
เสียงรถพยาบาลฉุกเฉินที่ซันเดย์เตรียมสแตนด์บายตลอดที่ไซซ์งานกำลังพาตัวเองไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดตอนนี้
“คนไข้เป็นอะไรมาคะ”
“ไม่หล่นใส่แขนที่ไซซ์งานก่อสร้างครับ” พยาบาลประจำรถฉุกเฉินรายงานอาการบาดเจ็บของชายหนุ่ม
“เข็นคนป่วยเข้าไปด้านในเลยค่ะ”
ซันเดย์ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนที่เตมินจะทำเรื่องย้ายไปยังโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ซันเดย์เป็นหมออยู่ที่นั่นเพื่อรักษาตัวต่อ
“อีกห้านาทีคุณหมอจะเข้ามาตรวจอาการนะคะ” พยาบาลหน้าห้องแจ้งชายหนุ่มที่นั่งหน้าซีดอยู่บนรถเข็นคนไข้ สีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
“ลีลาแม่งฉิบหาย” เสียงเรียบกล่าวทักทายหมอหนุ่มที่สวมชุดกาวน์สีขาวเดินเข้ามา
“รอนิดรอหน่อยทำเป็นจะตาย ไหนกูดูแผลหน่อยต้องตัดแขนทิ้งไหม ศัลยแพทย์ประสาทมือหนึ่งของโรงพยาบาลจะหมดอนาคตเพราะความบ้าคลั่งไม่เข้าเรื่องเดินเข้าไปในไซต์งานแบบนั้นไหม” โดเมนแกะผ้าพันแผลที่เจ้าหน้าที่พันไว้ตอนปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่โรงพยาบาลต้นทางออก
“ตัดแขนมึงสิไอ้ห่า ไอ้หมอไม่มีจรรยาบรรณ” ซันเดย์ว่าสวนกลับทันที
“เอ๋าไอ้ห่าด่ากูเฉย เตมินฉันว่าไม้มันหล่นใส่ผิดที่ไปหน่อยนะ” หมอหนุ่มหันไปพูดกับเตมินที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ
“ผิดที่ยังไงครับ โดนเส้นสำคัญเหรอครับ” เตมินถามขึ้นด้วยความตกใจนึกว่าเจ้านายตัวเองจะแขนหักหรือพิการ อาชีพหมอที่ซันเดย์รักไม่ต่างจากอาชีพวิศวกรต้องจบลงหรือไม่
“เปล่า น่าจะโดนปากมันมากกว่า เดี๋ยวให้คนพาไปเอกซเรย์ไม่แน่ใจว่าหัวไหล่หลุดหรือเปล่า” หลังจากตรวจดูโดยละเอียดก็ต้องส่งไปเอกซเรย์อีกรอบเพื่อความมั่นใจ
“ทำไมต้องเอกซเรย์มึงตรวจเองไม่รู้หรือไงว่าหลุดหรือไม่หลุด อย่างนี้ไม่ต้องเรียนหมอก็ได้แค่ส่งไปเอกซเรย์ทั้งหมดก็จบ” ซันเดย์พูดขึ้นด้วยความหงุดหงิดหลังจากที่เสียเวลาหลายชั่วโมงกับการตรวจร่างกายแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่นอนว่าแขนเขานั้นได้รับบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน หลายครั้งที่เขารบเร้าขอดูผลตรวจเองก็โดนบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง
“กูเป็นหมอไม่ได้มีพลังวิเศษสามารถมองทะลุเนื้อหนังมังสาคนได้ ถ้าเกิดกระดูกร้าวแค่จับดูมันบอกไม่ได้ว่าร้าวหรือไม่ร้าว ถ้าไม่งั้นเขาจะคิดค้นเครื่องเอกซเรย์ขึ้นมาทำไม แล้วทำไมกูต้องมาอธิบายเรื่องปัญญาอ่อนพวกนี้กับมึงด้วยนี่ มึงเองก็เป็นหมอ หรือไม้หล่นใส่แขนแต่กระทบถึงสมอง” โดเมนอธิบายออกไปอย่างใจเย็น ในความเป็นหมอก็พอเข้าใจว่าเพื่อนอาจจะวิตกกังวลและอยากรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก่อนที่จะบอกอาการแน่ชัดแก่คนไข้ได้คนเป็นหมอก็ต้องตรวจดูให้ละเอียดจนแน่ใจเสียก่อน
ซันเดย์ถูกเจ้าหน้าที่พาไปยังห้องเอกซเรย์ที่อยู่ชั้นสามของโรงพยาบาล เมื่อตรวจทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ถูกพามายังห้องพักผู้ป่วยVIP ที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงพยาบาล ทั้งที่หลังจากเอกซเรย์เสร็จเขาก็ขอดูผลทันทีแต่โดนปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ห้องเอกซเรย์เพราะผลตรวจคนไข้ต้องเป็นหมอประจำตัวคนไข้เท่านั้นที่สามารถดูได้
“นายอยู่คนเดียวได้ไหมครับผมต้องเข้าไปเคลียร์งานด่วนที่บริษัท อีกครึ่งชั่วโมงณิชาจะมาอยู่เป็นเพื่อนครับ” เตมินเดินเข้ามาสีหน้าไม่ค่อยดีนักหลังจากได้รับโทรศัพท์จากพนักงานที่บริษัทว่าโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่มีปัญหาเขาต้องเข้าไปจัดการด้วยตัวเอง
“มึงบอกเธอเหรอว่ากูอยู่ที่โรงพยาบาล”
“ครับ ผมพึ่งโทรบอกเธอเมื่อกี้เพราะผมอาจจะอยู่เคลียร์งานดึก เลยขอให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนนายก่อนครับ”
“กูไม่ใช่เด็กที่ต้องมีคนคอยเฝ้าตลอดเวลา” ซันเดย์ตอบกลับน้ำเสียงไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไป
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“แล้วไอ้โดเมนมันจะขึ้นมาตอนไหน” ก่อนที่เตมินจะหันหลังเดินออกไปซันเดย์ก็ถามขึ้น
“คุณโดเมนแจ้งว่าอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ ตอนนี้ติดประชุมด่วนอยู่ครับ”
“ลีลาแม่งจริง ๆ เป็นหมอภาษาอะไรปล่อยให้คนไข้รอนานขนาดนี้”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ซันเดย์เหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังและคำนวณเวลาหลังจากที่เตมินออกไปก็เกือบจะครึ่งชั่วโมงพอดี คนที่กำลังเคาะประตูอยู่ที่หน้าห้องนั้นคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเด็กในการปกครองของเขา
“สวัสดีค่ะ คุณเป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่ได้เป็นอะไรมากไม่ต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้น ฉันยังไม่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระง่ายขนาดนั้นหรอก ยังไงก็ต้องได้ผลตอบแทนกับเงินที่จ่ายไป” คำพูดร้ายกาจพ่นออกจากปากชายหนุ่ม อาการหงุดหงิดที่ต้องมานั่งรอนอนรอนานหลายชั่วโมงส่งผลให้ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จึงพ่นคำร้ายกาจพวกนั้นใส่เด็กสาว
“หนูแค่ถามดูเพราะความเป็นห่วงค่ะ” เด็กสาวน้ำตาคลอเบ้าเบนหน้ามองไปทางอื่นไม่กล้าสบตากับชายหนุ่ม
“ฉันหิวน้ำ รินน้ำมาให้หน่อย”
“นี่คะ” แก้วน้ำพร้อมหลอดดูดส่งไปตรงหน้าชายหนุ่มแต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในระดับพอดีที่ชายหนุ่มจะก้มลงดูดได้
“แขนฉันเจ็บอยู่ ยกขึ้นมาสูงกว่านี้”
“เจ็บแค่ข้างเดียว อีกข้างก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ หรืออยากให้เป็นเหมือนกันทั้งสองข้างกูช่วยสนองให้ได้นะ” เสียงทุ้มของโดเมนดังมาจากหน้าประตู คุณหมอหนุ่มในชุดกาวน์ยาวสีขาว มี Stethoscope (หูฟังหมอ) คล้องอยู่ที่คอเดินตรงเข้ามายังเตียงคนไข้
“กว่าจะเสด็จมาได้นะ นึกว่าต้องจัดพานดอกไม้ธูปเทียนไปอัญเชิญ” สายตาคมตวัดตำหนิเพื่อนรัก
“ก็มาแล้วนี่ไง อย่ามาทำเป็นงอนเหมือนเด็ก มึงไม่ใช่สาว ๆ ที่กูต้องตามง้อ” โดเมนว่ากลับอย่างคนอารมณ์ดี สายตามองเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังซันเดย์
“แขนกูอยู่ตรงนี้จะมองห่าอะไรด้านหลัง”
“เด็กคนนี้ใคร”
“เด็กในการปกครอง” ซันเดย์ให้คำตอบเพื่อนโดยไม่มีอะไรต้องปกปิด เขาไม่ได้บังคับเด็กสาวมาแต่ทั้งสองมีการทำข้อตกลงและยอมรับกันทั้งสองฝ่าย และอีกอย่างณิชาก็ใกล้จะบรรลุนิติภาวะในอีกไม่กี่วัน
“เด็กมันอายุเท่าไหร่” โดเมนละสายตาจากเด็กสาวมารอคำตอบจากเพื่อนรัก เพราะดูจากหน้าตาแล้วยังไงอายุก็ยังไม่ถึงยี่สิบถึงจะดูโตเป็นสาวแล้วก็เถอะ
“ยังไม่ยี่สิบ” ซันเดย์ตอบออกไปสั้น ๆ
“ไอ้ห่าซัน อย่าบอกนะว่ามึงไปหลอกเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบแปดมา” โดเมนถามกลับเสียงดัง
“กูไม่ได้บ้ากามขนาดนั้น อีกไม่กี่วันเด็กนี่ก็ยี่สิบแล้ว มึงจะโวยวายทำไม” ซันเดย์ส่ายหัวอย่างเอือมระอากับความขี้โวยวายของเพื่อน
“แล้วไป แล้วนี่เตมินไปไหน ปกติตัวติดกับมึงตลอด”
“งานที่บริษัทมีปัญหา” ตอบเพียงแค่นั้นโดเมนก็พอเข้าใจได้
“แล้วคืนนี้จะให้พยาบาลเข้ามาเฝ้าไหม”
“ไม่ต้อง”
“หนูชื่ออะไรครับ” โดเมนหันไปถามเด็กสาวที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังซันเดย์
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อณิชาค่ะ” เด็กสาวกล่าวทักทายคนที่อาวุโสกว่าอย่างมีมารยาท
“สวัสดีครับ พี่ชื่อหมอโดเมนนะครับเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้และเป็นเพื่อนรักกับไอ้ซันเดย์ด้วย” โดเมนแนะนำตัวกับเด็กสาวด้วยถ้อยคำสุภาพและให้เกียรติกับอีกฝ่ายโดยไม่เลือกว่าเธอจะเป็นใคร
“แนะนำตัวกันพอหรือยัง สรุปแขนกูเป็นอะไร” ซันเดย์พูดขัดขึ้น
“กระดูกร้าว เดี๋ยวให้หมอมาเข้าเฝือกให้ วันหลังอย่าเสือกเข้าไปตรงที่เขาทำงานกันอยู่อีก”
“แล้วทำไมมึงไม่ทำให้กูตอนนี้” น้ำเสียงไม่พอใจถามขึ้นอีกครั้ง
“กูไม่ว่าง อีกครึ่งชั่วโมงกูมีผ่าตัด” โดเมนให้คำตอบที่คนฟังไม่พอใจเอาเสียเลย
“กูนั่งรอมึงมาเป็นชั่วโมง มึงแค่เดินมาบอกว่ากูแค่กระดูกร้าว แล้วยังจะให้หมอคนอื่นมาเข้าเฝือกให้กูเนี่ยนะ กูขอย้ายโรงพยาบาลตอนนี้เลย” เสียงเข้มบอกออกไปสีหน้าไม่พอใจเอามากที่เพื่อนเห็นความกังวลของเขาเป็นเพียงเรื่องสนุก
“กูติดประชุมด่วน อีกอย่างกูก็บอกเตมินมันไปแล้วว่ามึงไม่ได้เป็นอะไรมาก ประชุมเสร็จกูจะเดินมาหาอีกทีมึงจะน้อยใจอะไรนักหนา ผ่าตัดเสร็จกูมาใส่ให้ก็ได้แต่กูกลัวว่ามันจะดึกไม่อยากกวนเวลาพักผ่อนของมึง” โดเมนพยายามอธิบายเหตุผลให้เพื่อนฟังอย่างใจเย็น
“ไม่ต้อง! ถ้ามีผ่าตัดก็ให้หมอคนอื่นมาทำ ชีวิตคนสำคัญกว่า” ซันเดย์ตอบกลับมาเสียงเรียบ เข้าใจทุกอย่างตามที่โดเมนบอก
“งั้นระหว่างนี้ก็ให้ณิชาเช็ดตัวให้ก่อน อีกครึ่งชั่วโมงกูจะให้หมอเข้ามาเข้าเฝือกให้ กูขอไปเตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัดก่อน ฝากดูแลไอ้ซันด้วยนะณิชา” ประโยคแรกพูดกับซันเดย์ประโยคหลังหันไปบอกกับณิชา
“ค่ะ”
“คุณจะเช็ดตัวตอนนี้เลยไหมคะ”
“จะรออะไรล่ะ”
“เดี๋ยวหนูไปเตรียมน้ำใส่กะละมังมาก่อนนะคะ คุณรอแป๊บหนึ่ง”
“ไม่ต้อง เข้าไปเช็ดในห้องน้ำเลย ฉันอยากล้างตัวด้วย” เสียงเข้มออกคำสั่งก่อนขายาวจะเดินดุ่ม ๆ ไปยังห้องน้ำโดยมีเด็กสาวเดินตามหลังไปติด ๆ
“ถอดเสื้อออกสิ ถ้าไม่ถอดจะเช็ดยังไง” ณิชายื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด เผยให้เห็นอกแกร่งที่มีรอยช้ำอยู่ข้างอกด้านซ้าย ณิชาไล่สายตาสำรวจว่ามีจุดไหนที่โดนกระแทกอีกบ้าง
“มัวแต่มองเมื่อไหร่จะเสร็จ อย่ามาหื่นตอนนี้มันใช่เวลาไหม”
“เปล่านะคะ หนูแค่ดูว่าแขนคุณมีตรงไหนที่ช้ำอีกบ้าง หนูจะได้ระวัง” ณิชารีบปฏิเสธออกไปทันที
“แต่ที่เธอกำลังมองอยู่ เขาเรียกว่าหน้าอก”
“ตรงนี้ค่ะ ตรงนี้ของคุณมีรอยช้ำอยู่” นิ้วเรียวเล็กสัมผัสไปตรงหน้าอกด้านข้างที่มีรอยช้ำขนาดใหญ่
“อย่าจับณิชา ถ้าไม่อยากจบแค่เช็ดตัว”
ตอนพิเศษ 3เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นพร้อมแสงแดดอ่อนที่สาดผ่านผ้าม่านบางเบาในห้องนอน ซันเดย์ยังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิงจากเมื่อคืนที่เขาทุ่มพลังงานไปหมดทุกหยดเพื่อกิจกรรมสร้างครอบครัว แต่แทนที่ร่างกายจะได้พักเต็มที่ กลับต้องรู้สึกตัวตื่นเพราะความเคยชิน และความเงียบผิดปกติของเตียงข้างกายมือหนาควานหาคนรักอย่างเชื่องช้า ทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตา แต่ความว่างเปล่าบนผืนเตียงกลับเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าเมียตัวน้อยไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น กะพริบถี่ ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสลัวในห้อง ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาดิจิทัลที่หัวเตียง"ตีห้าห้าสิบแปด..." เสียงทุ้มสบถแผ่วเบาในลำคอ พร้อมขมวดคิ้วอย่างหัวเสีย“ตื่นไปทำบ้าอะไรแต่เช้าวะ...” เขาพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ ดันตัวลุกขึ้นช้า ๆ กล้ามเนื้อยังปวดระบมจากเมื่อคืน หัวคิ้วเข้มยังคงขมวดแน่น"เมื่อคืนยังทำท่าจะหมดแรงอยู่เลย ไม่รู้จักนอนพักให้เต็มอิ่มบ้างหรือไง..." น้ำเสียงขุ่นเคืองแต่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงเขาเอื้อมหยิบเสื้อคลุมมาสวมลวก ๆ เดินเซ ๆ ออกไปทางประตู ระหว่างนั้นก็ยังบ่นกับตัวเองไม่หยุด เห็นณิชาใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสั้นกำ
ตอนพิเศษ 2“ไปอาบน้ำกัน” ซันเดย์อุ้มณิชาในท่าเจ้าสาวเข้าไปในห้องน้ำ ค่อย ๆ วางหญิงสาวลงอย่างเบามือ ขาเล็กยังมีอาการสั่นพยายามยืนประคองตัวเองใต้ฝักบัว“ยืนไหวหรือเปล่า” ซันเดย์เอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นภรรยาตัวน้อยมีอาการขาสั่นเล็กน้อย“ไหวค่ะ”“ยืนเฉย ๆ ฉันอาบให้” ฝ่ามือหนาชโลมครีมอาบน้ำลงไปบนตัวหญิงสาว ค่อย ๆ ลูบไล้ทั่วตัวอย่างอ้อยอิ่ง“รีบอาบเถอะค่ะ มัวแต่ลูบอยู่นั่นแหละเมื่อกี้ยังกินไม่อิ่มหรือไง” เสียงเล็กดุออกไป ฝ่ามือหนากำลังนวดคลึงอยู่เต้าอวบต้องหยุดชะงัก“ถ้าตอบว่าไม่จะให้กินต่ออีกรอบหรือไง” ซันเดย์แกล้งโยนหินถามทาง“ได้ค่ะ แต่เสร็จจากนี้ช่วยไปเซนต์ใบหย่ากับหนูที่อำเภอด้วยนะคะ” ณิชาตอบกลับเสียงแข็ง“รีบอาบน้ำแล้วไปกินข้าวดีกว่านะ สายมากแล้วเธอคงจะโมโหหิว”“น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วนะคะ มัวแต่หื่นอยู่ได้ตั้งแต่เช้า” ณิชาว่ากลับ ซันเดย์รีบเปิดน้ำล้างตัวให้หญิงสาว ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ถูกหยิบมาพันรอบตัวหญิงสาว จากนั้นอุ้มออกไปห้องแต่งตัวห้องอาหาร“มากันแล้วเหรอลูก แม่กำลังจะให้เตมินไปตามพอดีเลย เป็นไงบ้างเมื่อวานเหนื่อยไหม” สไมล์เอ่ยถามทั้งสองเมื่อเดินมานั่งลงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ โดยทุกคน
ตอนพิเศษ 1คืนส่งตัวเข้าหอเป็นคืนที่เหน็ดเหนื่อยมากที่สุดคืนหนึ่งของณิชา ครั้งสุดท้ายที่เธอดูนาฬิกาคือเวลาเที่ยงคืน หลังจากนั้นเธอทำได้เพียงร้องครางออกมาแค่นั้น“คุณไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนคะ หนูจะไม่ไหวแล้วนะคะ” หญิงสาวบอกเจ้าบ่าวหมาด ๆ ของเธอออกไปเสียงเหนื่อยอ่อน“หนึ่งปี ฉันอดอยากมาหนึ่งปีเต็ม” เสียงเข้มตอบกลับขณะที่สะโพกสอบยังขยับเข้าออกไม่หยุด“หนูยังอยู่เป็นเมียคุณอีกนานนะคะ” ณิชาไม่รู้จะหาคำไหนมาบอกชายหนุ่มให้เข้าใจ“เสร็จครั้งนี้ฉันจะปล่อยให้นอนพัก”“นอนพัก คุณยังจะทำต่ออีกเหรอคะ” ณิชาถึงกับต้องทวนคำพูดของซันเดย์อีกครั้ง“ฉันยังไม่อิ่ม อ่าส์..”“หนูสามารถตายได้เลยนะคะ ถ้าคุณจะใช้งานร่างกายหนูหนักขนาดนี้”“แค่นอนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ออกแรงอะไร และฉันเป็นหมอฉันไม่ปล่อยให้เธอตายหรอก ถึงจะตายคาอกฉันก็ตาม” ซันเดย์ยังเมินเฉยต่อคำขอร้องของณิชา ขณะที่นอนพักเหนื่อยอยู่ฝ่ามือหนาไม่วายบีบจับตามตัวของเธอ“หนูให้คุณทำอีกแค่ครั้งเดียวนะคะ ถ้าคุณยังไม่ยอมหยุดพรุ่งนี้เราไปอย่ากันที่อำเภอ” ณิชาจำต้องขู่ชายหนุ่มออกไปแบบนั้น เพราะแขนขาเธออ่อนแรงและสั่นเทา คอแหบแห้งเพราะครวญครางมานานต่อกันหลายชั่วโมง“เ
ตอนที่49 งานแต่งในฝัน“ตกลงค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ”“อื้อ..” ร่างบางถูกอุ้มลอยขึ้นจากพื้นถูกวางลงบนเตียงนอนอย่างเบามือชุดนอนตัวบางถูกถอดออกด้วยฝีมือของชายหนุ่ม อกอวบนุ่มเด้งสีขาวเนียน ยอดอกสีชมพูเข้มชูชันยั่วยวนอยู่ตรงหน้าจ๊วบ!“อือ..คิดถึง ตรงนี้ก็ของฉัน จ๊วบ! ตรงนี้ก็ของฉัน ร่างกายเธอเป็นของฉัน” เสียงกระเส่าพร่ำบอกขณะที่ลิ้นสากโลมเลียไปทั่วร่างกาย“อื้อ..คุณ” ณิชาร้องเสียงหลงเมื่อลิ้นสากลากผ่านตรงกลางกลีบอวบนูนจากล่างขึ้นบน ไปหยุดที่ตรงติ่งเกสร“ตรงนี้เธอแฉะหมดแล้ว จ๊วบ” ซันเดย์ตวัดลิ้นเลียตรงรูแคบที่ปิดสนิทเพราะไม่ได้ใช้งานมานานอย่างไม่นึกรังเกียจ ดูดเลียน้ำหวานที่ไหลซึมออกมาไม่ขาดสาย“ฉันจะสอดนิ้วเข้าไปแล้วนะ” ซันเดย์เอ่ยบอกหญิงสาว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาสอดเข้าไปไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเธอจะเจ็บหรือตกใจหรือไม่“อื้อ..คุณ หนูเสียว มันเสียวมากหนูจะทนไม่ไหว ขยับที” ทันทีที่นิ้วเรียวสอดเข้าไปจนสุด สะโพกกลมมนก็บิดเร้าด้วยความเสียว ช่องทางคับแคบขมิบตอดรัดนิ้วถี่ขึ้นเรื่อย ๆ“อื้อ..เร็ว ๆ หนูต้องการเร็ว ๆ” ณิชาร้องขออย่างไม่นึกอายเมื่อโดนความเสียวซ่านครอบงำแจ๊ะ! แจ๊ะ! แจ๊ะ!“อือ..อ่าส์”“ฉันขอใส
ตอนที่48 ขอแต่งงาน“ช่วยด้วย ช่วยด้วย คนเป็นลม” เสียงตะโกนดังลั่นมาจากหลังซอยด้านใน สายตาคมมองขวับตามสัญชาตญาณความเป็นหมอตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของทั้งสองวิ่งไปทิศทางที่คนมุงอยู่ด้วยความเร็ว“ขอทางหน่อยครับ ผมเป็นหมอ” เสียงเข้มพูดขึ้นเดินแทรกเข้าไปหาคนป่วยที่นอนเป็นลมหมดสติอยู่บนพื้น โดยมีผู้เป็นสามีนั่งประคองศีรษะหนุนไว้ที่ตักพรึบ!แจ็กเกตราคาครึ่งแสนถูกถอดออกและปูลงกับพื้นไม่กลัวเปื้อนแม้แต่น้อย“วางศีรษะคนป่วยนอนราบกับพื้นครับ เอากระเป๋ามารองเท้าให้ยกสูงขึ้น” ซันเดย์จัดการทุกอย่างด้วยความชำนาญ มือหนาคลำชีพจรที่คอเมื่อรับรู้ว่าชีพจรคนป่วยนั้นเริ่มเต้นอ่อนจึงรีบคลายเสื้อเพื่อให้หายใจสะดวกและเช็กชีพจรเป็นระยะระหว่างที่รอรถพยาบาลมาถึง“ณิชาโทรเรียกรถพยาบาล ทุกคนอย่ามุงครับคนป่วยไม่มีอากาศหายใจช่วยถอยออกไปก่อนครับ”“ถอดรองเท้าคนป่วยออกให้หมด ใครมีน้ำเปล่าบ้างครับ” ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กสีเทาเข้มถูกล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง น้ำเปล่าถูกเทราดจนเปียกชุ่ม และเช็ดบริเวณต้นคอและตามใต้ข้อพับของคนป่วยปี๋ปอ ~ ปี๋ปอ ~ ปี๋ปอ ~“ขอทางให้เจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่พยาบาลประจำรถฉุกเฉินเดินเ
ตอนที่47 ไฮโซขายผักที่ว่างเปล่าผืนใหญ่แปลงติดกับบ้านณิชาถูกกว้านซื้อโดยเศรษฐีหนุ่มจากกรุงเทพฯ และในช่วยบ่ายวันเดียวกันบ้านน็อกดาวน์พร้อมเข้าอยู่ก็ถูกยกมาติดตั้งและเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาติดตั้งหม้อไฟและเดินสายเมนเข้าบ้านให้เรียบร้อย เครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นถูกติดตั้งทั่วทั้งหลังพร้อมเข้าอยู่ภายในหนึ่งวัน จนชาวบ้านแถวนั้นต่างตะลึงที่ซันเดย์สามารถเนรมิตบ้านหนึ่งหลังขึ้นมาได้ภายในวันเดียว“โอ้โห คนมีเงินเขาสามารถเนรมิตได้ทุกอย่างจริง ๆ” เสียงของชาวบ้านในหมู่บ้านที่มายืนดูบ้านหลังใหม่ของซันเดย์ที่มีขนาดไม่เล็กมาก ถ้าเทียบกับบ้านของชาวบ้านแถวนี้บ้านของชายหนุ่มนั้นดูใหญ่กว่าด้วยซ้ำ“ได้ข่าวว่าที่แปลงนั้นยี่สิบกว่าไร่เขากว้านซื้อคนเดียวหมด แถมให้ราคาสูงกว่านายทุนที่มาขอซื้อวันก่อนหลายเท่าตัวเลยนะ”“ใช่สูงกว่าราคากลางที่กรมที่ดินประเมินให้ด้วย พ่อหนุ่มคนนั้นไม่ได้เป็นเศรษฐีหน้าเลือดเหมือนพวกนายทุนที่มากว้านซื้อที่ดินเพื่อเอาไปเก็งกำไรขายต่อเลย”“ใช่ ๆ ๆ เขายังบอกอีกว่าจะซื้อที่ดินแปลงนี้ไปทำฟาร์มผักปลอดสารพิษและจะจ้างพวกเราไปทำงานในฟาร์มอีกด้วยนะ” เสียงของชาวบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าชายหนุ่