แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: หรงหรงจื่ออี
โจวอวี๋ชูผละตัวออกจากฟู่ซืออวี่ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบของขวัญมากมายจากข้างโซฟามา

“ของพวกนี้เป็นของที่แม่ซื้อให้ลูกหมดเลยนะ ลูกดูสิว่ามีที่ชอบบ้างไหม?”

ฟู่ซืออวี่ดวงตาเป็นประกายวาววับ “หุ่นไอรอนแมนนี่!”

“ซืออวี่ชอบหรือเปล่าจ๊ะ?” โจวอวี๋ชูลูบศีรษะเขาเบา ๆ “นี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันเลยนะ แม่วานให้เพื่อนตั้งหลายคนช่วยหาให้ กว่าจะซื้อมาได้”

“ขอบคุณครับแม่!” ฟู่ซืออวี่รับหุ่นไอรอนแมนมา เสียงสดใสของเด็กน้อยดังกังวานไปทั่วทั้งคฤหาสน์ “แม่ใจดีจังเลย!”

โจวอวี๋ชูเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะ “ลูกรัก ในที่สุดลูกก็ยอมเรียกแม่ว่าแม่แล้ว”

“เมื่อกี้พ่อบอกกับผมแล้วว่า แม่ต้องลำบากมากกว่าจะคลอดผมออกมาได้”

ฟู่ซืออวี่วางหุ่นไอรอนแมนลง ก่อนจะดึงกระดาษทิชชูแผ่นหนึ่งมาซับน้ำตาให้โจวอวี๋ชู “ขอโทษนะครับแม่ เมื่อเช้าผมไม่ควรใจร้ายกับแม่เลย ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนั้นกับแม่อีกแล้วครับ”

โจวอวี๋ชูได้ยินดังนั้นน้ำตาก็ไหลพรากยิ่งกว่าเดิม เห็นแล้วน่าสงสารมากขึ้นอีก

“ลูกรัก ลูกไม่ผิดหรอก เป็นแม่เองที่ไม่ดีเอง ต่อจากนี้ไปแม่จะพยายามเป็นแม่ที่ดีคนหนึ่งอย่างสุดความสามารถแน่นอน”

“แม่ไม่ได้ไม่ดีเลยครับ!” ฟู่ซืออวี่เป็นฝ่ายเข้ามาสวมกอดโจวอวี๋ชู “พ่อบอกแล้วว่าแม่รักผมมากมาโดยตลอด ต่อไปผมก็จะรักแม่ให้มาก ๆ เหมือนกันครับ!”

โจวอวี๋ชูมองไปยังฟู่ซือเหยียน น้ำตาไหลเป็นสายยิ่งกว่าเก่า “ขอบคุณนะ ซือเหยียน”

ฟู่ซือเหยียนเดินเข้ามา ยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้เธอ “มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว ไม่ร้องแล้วนะ เดี๋ยวซืออวี่จะปวดใจเอาได้”

“ใช่ครับแม่ แม่ออกจะสวยขนาดนี้ อย่าร้องไห้ไปเลยนะครับ ร้องไห้แล้วเดี๋ยวไม่สวยนะ!”

พอโจวอวี๋ชูได้ยินก็รับผ้าเช็ดหน้าจากฟู่ซือเหยียนมาซับน้ำตา “จ้ะ แม่ไม่ร้องแล้ว”

แม่ลูกยอมรับกันแล้ว ช่างอบอุ่นหวานชื่นยิ่งนัก

ฟู่ซืออวี่ได้รับของขวัญมากมายก่ายกอง จึงหอบของขวัญขึ้นไปนั่งเล่นบนโซฟา

โจวอวี๋ชูนั่งมองอยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาอ่อนโยน

ฟู่ซือเหยียนนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวด้านข้าง ก้มหน้าใช้โทรศัพท์สะสางงาน

โจวอวี๋ชูหันมามองเขา คล้ายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดเสียงแผ่ว “ทางด้านคุณเสิ่น คุณคิดจะทำยังไงคะ?”

ฟู่ซือเหยียนได้ยินก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าเฉยชา “ผมจะจัดการให้เรียบร้อย”

“หลายปีมานี้คุณเสิ่นดูแลซืออวี่ได้ดีมากนะคะ บอกตามตรง ในใจฉันมักรู้สึกผิดกับเธอ”

“นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ” ฟู่ซือเหยียนน้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่น “ซืออวี่เป็นลูกของคุณอยู่แล้ว”

“ใช่ครับแม่!” ฟู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นมาจากกองของขวัญ ปากน้อย ๆ หวานราวกับเคลือบด้วยน้ำผึ้ง “แม่คลอดผมออกมา เราจะนับแม่นับลูกกันก็สมควรอยู่แล้ว! อีกอย่างแม่สวยขนาดนี้ พ่อบอกว่าที่ผมน่ารักแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าแม่หน้าตาดี!”

“เด็กขี้ประจบ!” โจวอวี๋ชูแตะปลายจมูกของเขาเบา ๆ “ลูกอย่าไปพูดแบบนี้ต่อหน้าแม่ชิงซูเชียวล่ะ เดี๋ยวเธอจะโกรธเอา”

“ไม่หรอกครับ!” ฟู่ซืออวี่มั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมาก “เธอโกรธผมไม่ลงหรอก!”

มีสายหนึ่งโทรเข้ามาหาฟู่ซือเหยียนด้วยเรื่องงาน

เขาลุกขึ้น “ผมขอตัวกลับสำนักงานก่อนนะครับ”

“ค่ะ คุณไปทำงานเถอะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนซืออวี่เอง” โจวอวี๋ชูชะงักไปเล็กน้อยก่อนถาม “แล้วคุณจะกลับมากินข้าวเย็นไหมคะ?”

ฟู่ซือเหยียนเม้มริมฝีปากครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนกล่าวตอบ “ผมเสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณขับรถดี ๆ นะคะ”

“ไว้เจอกันครับพ่อ!”

ฟู่ซือเหยียนตอบรับเสียงเรียบ ก่อนจะหมุนกายจากไป

……

เวลากลางดึก ห้องบูรณะในสตูดิโอยังเปิดไฟสว่างจ้า

ผมยาวถึงเอวของหญิงสาวถูกรวบขึ้นด้วยปิ่นปักผม เผยลำคอยาวขาวนวล แว่นตานิรภัยวางคาดอยู่บนสันจมูก มือสองข้างที่สวมถุงมือสีขาวถือเครื่องมือเอาไว้

เธอก้มหน้าลง แววตาจดจ่อ กำลังทำการบูรณะวัตถุโบราณในขั้นตอนสุดท้าย

คนอื่น ๆ กลับไปกันหมดแล้ว อาคารทั้งชั้นเงียบสงัดเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงเสียงเบา ๆ ดังขึ้นระหว่างที่เสิ่นชิงซูลงมือบูรณะ

ยิ่งชีวิตไม่ได้ดั่งใจ ก็จะยิ่งหย่อนยานเรื่องงานไม่ได้

หลายปีมานี้ ได้เห็นทั้งด้านอบอุ่นและเย็นชาของมนุษย์มาหมดแล้ว เสิ่นชิงซูจึงค่อย ๆ เข้าใจเหตุผลข้อหนึ่งที่ว่า... นิสัยมนุษย์ยากจะแยกแยะ ใจคนยากจะคาดเดา มีเพียงเงินกับงานเท่านั้นที่เธอแค่พยายามก็จะคว้าไว้อย่างมั่นคงได้

ห้าปีที่แล้วเธออยู่ต่อที่เมืองเป่ยเพื่อดูแลฟู่ซืออวี่ เธอยอมทิ้งโอกาสที่อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำให้ อาจารย์จึงตัดการติดต่อกับเธอด้วยความโมโหชั่วขณะ

นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เสิ่นชิงซูเสียใจมากที่สุดจนถึงตอนนี้

เนื่องจากรู้สึกละอายใจต่ออาจารย์ที่ปรึกษาที่ทั้งคอยบ่มเพาะและให้ความสำคัญ ดังนั้นเธอจึงยังคงหาซื้อหนังสือมาศึกษาเพื่อพัฒนาตัวเองในยามว่างมาตลอดห้าปีนี้

หลังเรียนจบก็กู้เงินมาเปิดสตูดิโอ

เวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ สตูดิโอก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ค่าตอบแทนที่เธอได้จากการรับงานก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ

เงินเก็บส่วนตัวของเธอเพียงพอให้เธอกับแม่ใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างไร้ความกังวล

ความจริงทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี

ส่วนพวกคนที่ไม่อาจไขว่คว้าหรือเหนี่ยวรั้งไว้ได้ ถ้ารู้จักอยู่ให้ห่างได้ก็นับว่าเติบโตแล้ว…

พอทำงานบูรณะในส่วนสุดท้ายเสร็จ เสิ่นชิงซูก็นำวัตถุโบราณไปเก็บไว้ในกล่องบรรจุภัณฑ์

กลับมายังห้องทำงานส่วนตัว เธอตวงน้ำอุ่นแก้วหนึ่งมาดื่มจนหมดในรวดเดียว

เธอวางแก้วน้ำลง ก่อนจะเหลือบมองปฏิทินบนโต๊ะแวบหนึ่ง

หยิบปากกาขึ้นมาทำเครื่องหมายกากบาทลงบนวันที่ของวันนี้ในปฏิทิน

ยังเหลืออีกแปดวัน ก็จะถึงวันที่แม่ออกจากเรือนจำแล้ว

พยากรณ์อากาศรายงานว่าวันนั้นจะเป็นวันที่อากาศสดใส

ครืด ๆ…

มือถือในกระเป๋าสั่นขึ้น

เป็นฟู่ซือเหยียนที่โทรมา

เสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที ก่อนจะกดรับสาย

“จะกลับเมื่อไร?” เสียงทุ้มต่ำของฟู่ซือเหยียนดังมาจากปลายสาย

เสิ่นชิงซูเหลือบมองเวลาแวบหนึ่ง ตีสองแล้ว

เธอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ไม่อยากขับรถกลับไปอีกครึ่งชั่วโมงแล้ว

นวดหลังคอที่ปวดเมื่อยเบา ๆ เสียงของเธอแผ่วเบาและเย็นชา “มีเรื่องอะไรคะ?”

“ซืออวี่รอให้คุณกลับมาเล่านิทานให้เขาฟังก่อนนอนอยู่”

มือข้างที่นวดคออยู่ของเสิ่นชิงซูถึงกับหยุดชะงัก

นึกถึงเรื่องตอนกลางวันที่ฟู่ซือเหยียนอุ้มฟู่ซืออวี่ไปปลอบใจโจวอวี๋ชูขึ้นมา ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างเลี่ยงไม่ได้

“วันนี้ฉันไม่กลับไปแล้วค่ะ” เสียงของเธอราบเรียบยิ่งนัก ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ “คุณกล่อมเขาเถอะ”

พอกล่าวจบ เสิ่นชิงซูก็วางโทรศัพท์ทันที

ทว่าวินาทีต่อมาฟู่ซือเหยียนก็โทรกลับมาอีก

เสิ่นชิงซูนึกรำคาญใจขึ้นมาบ้างแล้ว จึงปิดเครื่องแล้วโยนมือถือไว้บนโต๊ะ ก่อนจะผลักเปิดประตูห้องพักผ่อนแล้วเดินเข้าไป

นักบูรณะศิลป์โต้รุ่งทำโอทีเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย ดังนั้นในตอนแรกที่ทำสตูดิโอ เธอจึงกั้นห้องทำเป็นห้องพักผ่อนในห้องทำงานส่วนตัว

ในห้องพักผ่อนมีห้องอาบน้ำ ของใช้ในชีวิตประจำวันตลอดจนผลิตภัณฑ์ซักล้างเสื้อผ้า

ในบางครั้งที่งานยุ่งมาก เธอก็จะพาฟู่ซืออวี่มาด้วย กล่อมฟู่ซืออวี่นอนก่อน แล้วเธอค่อยไปทำงานต่อ

ดังนั้นในห้องพักผ่อนนี้จึงมีของใช้ในชีวิตประจำวันของฟู่ซืออวี่อยู่ด้วย

หลังอาบน้ำเสร็จ เสิ่นชิงซูเปลี่ยนมาสวมชุดนอน ขณะกำลังตั้งท่าจะนอนลงก็มีเสียงร้องไห้โวยวายของเด็กดังมาจากด้านนอก

“แม่ครับ! แม่ แม่เปิดประตูสิครับ…”

เสิ่นชิงซูอึ้งงัน

ฟู่ซืออวี่?

เธอออกมาจากห้องทำงาน รีบเดินไปยังประตูบานใหญ่ของสตูดิโอ

อีกฝั่งหนึ่งของประตูกระจก ฟู่ซือเหยียนอุ้มฟู่ซืออวี่ที่กำลังร้องไห้โวยวายไม่หยุดพลางมองเธอ

ฟู่ซืออวี่อยู่ในชุดนอนที่สวมทับไว้ด้วยเสื้อกันหนาวขนเป็ดแค่ตัวเดียว

เท้าเล็กคู่นั้นว่างเปล่า ไม่ได้สวมแม้กระทั่งถุงเท้า

อุณหภูมิข้างนอกในคืนฤดูหนาวในเมืองเป่ยติดลบเกือบสามสิบองศา

ฟู่ซืออวี่ภูมิต้านทานต่ำขนาดนั้น เกิดเป็นหวัดขึ้นมาจะทำอย่างไร!

เสิ่นชิงซูเริ่มรู้สึกฉุนเฉียว เธอเดินเข้าไปเปิดประตู “ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมยังต้องพาเขาออกมา…”

“แม่ครับ!”

ฟู่ซืออวี่ผละตัวออกจากฟู่ซือเหยียนแล้วกระโจนเข้ามาหาเสิ่นชิงซูทันที

เสิ่นชิงซูเอื้อมมือออกไปรับตัวเขาตามจิตใต้สำนึก

ฟู่ซืออวี่กอดคอเสิ่นชิงซูไว้แน่น มุดหน้าไว้ในซอกคอเธอพลางร้องไห้ยกใหญ่

“แม่ครับ แม่ไม่ต้องการผมแล้วใช่ไหม! ฮือ ๆ ๆ แม่จะทิ้งผมไม่ได้นะ…”

หัวคิ้วของเสิ่นชิงซูขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าดูซีดขาวอยู่บ้าง

ท้องน้อยที่เดิมทีหายเจ็บแล้วปวดหน่วงขึ้นมาทันใด…
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
วนิดา ศรีรัตนกูล
เด็กผีเลียงไม่เชื่อง
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 426

    “เพื่อที่จะรักษาตำแหน่งลูกนอกสมรสของตัวเองในตระกูลฟู่ให้มั่นคง เธอได้ยุยงส่งเสริมให้เด็กไปทำร้ายคุณนายฟู่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ในขณะนั้นหลายครั้ง! ต่อมาเรื่องที่คุณนายฟู่คลอดยากนั้น ถึงแม้ฉันจะไม่มีหลักฐาน แต่ฉันจำได้ว่าวันที่คุณนายฟู่คลอดยาก เธอก็กำลังถ่ายทำละครอยู่ที่เมืองซิงพอดี หลังจากที่คุณนายฟู่เกิดเรื่อง เธอก็เดินทางไปต่างประเทศทันที ทั้งหมดนี้มันบังเอิญเกินไปไม่ใช่เหรอ?”“โลกออนไลน์มีความทรงจำ พวกคุณน่าจะยังจำคุณเสิ่นที่ถูกแฟนคลับของโจวอวี๋ชูรุมถล่มเมื่อสี่ปีก่อนได้ นั่นก็คือคุณนายฟู่ แต่ในตอนนั้นคุณนายฟู่ถูกฟู่ซือเหยียนกับโจวอวี๋ชูบีบบังคับให้ออกมาชี้แจง หลายปีมานี้ได้ยินมาว่าคุณนายฟู่หลบไปอยู่ต่างเมืองตลอด พยายามทุกวิถีทางที่จะหย่ากับฟู่ซือเหยียน แต่ฟู่ซือเหยียนก็ไม่ยอมเซ็นใบหย่าเสียที...”“เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันได้รู้โดยบังเอิญว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของฟู่ซือเหยียน ฉันเคยถามโจวอวี๋ชูแล้ว แต่โจวอวี๋ชูก็ไม่ยอมพูดความจริงกับฉัน...”“ยังไงฉันก็เป็นมะเร็งใกล้จะตายแล้ว ก่อนตายฉันขอคืนความจริงให้กับทุกคนด้วยตัวเอง หวังว่าสังคมจะแบนโจวอวี๋ชู อย่าปล่อยให้เธอหลอกลวงแฟนคลับและประชา

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 425

    คืนแห่งการคว้าแชมป์ของเสิ่นฉู่ซีก็มาถึงตามกำหนดเช่นเดียวกับผลที่ถูกกำหนดไว้แต่แรก เสิ่นฉู่ซีคว้าแชมป์ไปด้วยคะแนนโหวตที่สูงลิ่วทีมงานรายการเพื่อที่จะดึงกระแสของรายการให้สูงที่สุด ยังได้เชิญโจวอวี๋ชูมาร่วมในพิธีมอบรางวัลเป็นพิเศษด้วยโจวอวี๋ชูในชุดราตรีหรูหรา ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนคลับ เธอสวมรองเท้าส้นสูง เดินอย่างสง่างามมาอยู่ตรงหน้าเสิ่นฉู่ซีสองพี่น้อง สวมกอดกันบนเวทีแห่งชัยชนะ ทั้งคู่ต่างก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจฉากนี้ทำให้แฟนคลับมากมายประทับใจเสียงปรบมือในงานดังสนั่นหวั่นไหว เพลงของผู้ชนะดังคึกคักฮึกเหิมรายการกำลังถ่ายทอดสดอยู่ ในขณะนี้ที่บ้านอวิ๋นกุย ในห้องทำงานชั้นสอง เสิ่นชิงซูกับเวินจิ่งซีกำลังชมการถ่ายทอดสดอยู่ในมือของเวินจิ่งซีกำลังถือถุงมันฝรั่งทอดอยู่ บนโต๊ะยังมีน้ำอัดลมวางอยู่ด้วยเพื่อให้ได้อรรถรสในการชม เวินจิ่งซียังได้ติดตั้งโปรเจคเตอร์เป็นพิเศษด้วยเมื่อเห็นท่าทางที่เสิ่นฉู่ซีกับโจวอวี๋ชูกอดกันร้องไห้ เวินจิ่งซูก็กลอกตาอย่างแรง “ตอนนี้ร้องไห้ปลอม ๆ เดี๋ยวก็ได้ร้องไห้จริง ๆ แล้ว”เสิ่นชิงซูเม้มปากยิ้มในที่สุดก็ถึงช่วงมอบรางวัล โจวอวี๋ชูรับถ้วยรางวั

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 424

    เมื่อเข้าไปในบ้าน ก็พบว่าฟู่ซือเหยียนไม่ได้อยู่ที่ชั้นหนึ่ง“ซืออวี่ กลับไปทำการบ้านที่ห้องก่อนนะ”“ครับ” ฟู่ซืออวี่สะพายกระเป๋าแล้วเดินขึ้นชั้นบนไปอย่างซึม ๆหนีอวี่เถียนรู้สึกตื่นเต้นมาก เธอจึงกลับไปที่ห้องเพื่อเติมหน้า และฉีดน้ำหอมพอเธอออกมาจากห้อง ฟู่ซือเหยียนก็ออกมาจากห้องหนังสือพอดี“คุณฟู่คะ” หนีอวี่เถียนเห็นเขาก็เดินเข้าไป “คุณเพิ่งทำงานเสร็จเหรอคะ?”พอผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา กลิ่นดอกไม้ที่ฉุนจนแสบจมูกก็โชยมาปะทะหน้าฟู่ซือเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถามเสียงเรียบว่า “ซืออวี่ล่ะ?”หนีอวี่เถียนยิ้มหวาน “ซืออวี่กำลังทำการบ้านอยู่ในห้องค่ะ!”เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่ซือเหยียนก็เดินตรงไปที่ห้องของฟู่ซืออวี่ทันทีหนีอวี่เถียนเห็นดังนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ เดินตามเขาไปฟู่ซือเหยียนหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของฟู่ซืออวี่ แล้วหันมามองเธอเล็กน้อย “ผมยังไม่ได้กินข้าวเย็น คุณลงไปต้มบะหมี่ให้ผมชามหนึ่ง เอาแบบรสจืด ๆ ก็พอ”“ได้ค่ะ!” หนีอวี่เถียนรู้สึกหวานชื่นในใจ เธอจึงหันหลังเดินลงไปชั้นล่างฟู่ซือเหยียนละสายตากลับมา แววตาของเขามืดครึ้มลงจากนั้นเขาก็ผลักประตูห้องแล้วเดินเข้าไปฟู่ซือ

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 423

    หลังจากที่หนีอวี่เถียนกับฟู่ซืออวี่กลับมาจากโรงพยาบาล เธอก็ครุ่นคิดเรื่องชาติกำเนิดของฟู่ซืออวี่อยู่ตลอดเวลาพูดตามตรง ตั้งแต่ที่ได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของฟู่ซืออวี่ ความรู้สึกของหนีอวี่เถียนก็ค่อนข้างซับซ้อนด้านหนึ่งคือดีใจที่ฟู่ซืออวี่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของฟู่ซือเหยียน แบบนี้ในอนาคตถ้าเธอได้แต่งงานกับฟู่ซือเหยียน ลูกที่เธอคลอดออกมาก็จะเป็นทายาทของตระกูลฟู่อย่างชอบธรรมลูกเลี้ยงซึ่งมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนอย่างฟู่ซืออวี่จะต้องถูกทอดทิ้งสักวัน!แต่อีกด้านหนึ่ง เธอก็กังวลอยู่บ้าง กลัวว่าหลังจากที่ฟู่ซือเหยียนรู้ความจริงแล้ว จะทอดทิ้งฟู่ซืออวี่ไปเลยทันทีถ้าเป็นเช่นนั้น คุณค่าของเธอในบ้านหลังนี้ก็จะหมดไปโดยสิ้นเชิง!ดังนั้น ก่อนที่เธอจะได้เป็นผู้หญิงของฟู่ซือเหยียน เรื่องชาติกำเนิดของฟู่ซืออวี่ยังต้องถูกปิดบังต่อไป!หลังจากที่หนีอวี่เถียนชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว ก็ตัดสินใจที่จะเสี่ยงดูสักครั้ง!วันรุ่งขึ้นหลังเลิกเรียน หนีอวี่เถียนพาฟู่ซืออวี่ไปทานอาหารข้างนอกเธอจองห้องวีไอพีไว้เป็นพิเศษหลังจากที่อาหารมาเสิร์ฟครบแล้ว พนักงานก็ถอยออกไปประตูห้องวีไอพีถูกปิดลงหนีอวี่เถียนมองฟู่ซื

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 422

    ส่วนเธอในฐานะแม่ผู้ให้กำเนิดของฟู่ซืออวี่ ไม่ว่าอนาคตจะตกต่ำเพียงใด อย่างน้อยเธอก็ยังสามารถพึ่งฟู่ซืออวี่ เพื่อมีชีวิตที่สุขสบายร่ำรวยได้!เมื่อคิดได้ดังนี้ โจวอวี๋ชูก็พูดกับฟู่ซืออวี่ว่า “ซืออวี่ ลูกออกไปก่อนนะ แม่ยังมีเรื่องจะคุยกับครูของลูก”พยาบาลเห็นว่าโจวอวี๋ชูไม่เป็นอะไรมากแล้วจึงออกไปฟู่ซืออวี่มองไปที่หนีอวี่เถียนหนีอวี่เถียนลูบหัวของเขา “ซืออวี่เด็กดี ครูกับแม่มีเรื่องจะคุยกัน หนูออกไปรอข้างนอกก่อนนะจ๊ะ”“ครับ” ฟู่ซืออวี่เดินออกจากห้องพักไปอย่างว่าง่าย แถมยังช่วยปิดประตูให้พวกเธอด้วยในห้องพัก หนีอวี่เถียนยกเก้าอี้มาตัวหนึ่ง แล้วนั่งลงข้างเตียงเธอมองโจวอวี๋ชูอย่างหยิ่งผยอง “พูดมาสิ”โจวอวี๋ชูหลับตาลง ราวกับยอมรับชะตากรรม “ฟู่ซืออวี่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของซือเหยียน”หนีอวี่เถียนเดาได้อยู่แล้ว เธอถามว่า “แล้วพ่อแท้ ๆ ของเขาคือใคร?”“ซือเหยียนคิดว่าเป็นลูกของเคออวี่หาง เพื่อนร่วมรบที่ตายไปแล้ว แต่จริง ๆ แล้ว...” โจวอวี๋ชูหลับตาลง “จริง ๆ แล้วพ่อแท้ ๆ ของซืออวี่คือคนอื่น”หนีอวี่เถียนตกใจอย่างยิ่ง “คุณจะบอกว่า คุณฟู่คิดมาตลอดว่าซืออวี่เป็นลูกชายของเคออวี่หาง แต่ว่าคุณ คุณ

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 421

    “ซืออวี่” หนีอวี่เถียนมองฟู่ซืออวี่ “แม่เธอเหมือนจะมีอาการผิดปกติ ไปเรียกพยาบาลที่เคาน์เตอร์พยาบาลทีสิ”ฟู่ซืออวี่เป็นห่วงโจวอวี๋ชูจึงพยักหน้าทันที แล้ววิ่งออกจากห้องพักไปตามพยาบาลหลังจากที่ฟู่ซืออวี่ออกไป หนีอวี่เถียนก็ล็อกประตูห้องพักทันทีจากนั้นเธอก็เดินเข้าไป ตบหน้าโจวอวี๋ชูเบา ๆโจวอวี๋ชูขมวดคิ้วเล็กน้อย ยังคงดิ้นรนอยู่ในฝันร้าย ไม่ยอมตื่นหนีอวี่เถียนลงแรงที่มือ “คุณโจว!”ความเจ็บปวดบนแก้มทำให้โจวอวี๋ชูสะดุ้งตื่นในทันที!เมื่อสบตากับหนีอวี่เถียน โจวอวี๋ชูยังคงมีอาการมึนงงอยู่บ้าง“ตื่นแล้วเหรอคะ คุณโจว” หนีอวี่เถียนมองเธอพลางยิ้มหวาน “ในเมื่อตื่นแล้วก็ดีเลยค่ะ ถือโอกาสที่ตอนนี้ไม่มีใคร เรามาคุยกันเรื่องซืออวี่หน่อยดีไหมคะ”โจวอวี๋ชูขมวดคิ้ว “ซืออวี่ทำไมเหรอ?”“เรื่องชาติกำเนิดของซืออวี่ไงคะ!” หนีอวี่เถียนมองเธอแล้วยิ้ม “เมื่อกี้คุณฝันไปรู้ตัวไหมคะ? คุณพูดว่าจะให้คุณฟู่รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของซืออวี่ไม่ได้ ฉันสงสัยจังเลยค่ะ ว่าชาติกำเนิดที่แท้จริงของซืออวี่คืออะไรกันแน่?” สีหน้าของโจวอวี๋ชูเปลี่ยนไปอย่างมาก “ฉันไม่ได้พูด คุณฟังผิดแล้ว!”“ฉันอัดเสียงไว้แล้ว” ในแววต

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status