ลู่มู่เฉินหลับตา พยายามควบคุมความรู้สึกและความปั่นป่วนที่ท้องน้อย ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเพื่อให้ลมหายใจตัวเองสั่นน้อยลง จากนั้นค่อยๆ ใช้สองมืออุ้มหลี่เฟิ่งเซียนขึ้นเพื่อเอานางไปวางนอนบนเตียงอย่างทะนุถนอม แต่ทุกสิ่งไม่ได้เป็นดั่งที่เขาคาด มือข้างซ้ายของเขาใช้การไม่ได้ดั่งใจคิด เขาทำสะโพกของนางหล่นบนเตียง!
“โอะ!..” หลี่เฟิ่งเซียนส่งเสียงร้อง รีบใช้สองมือโอบคอเขาไว้
ทั้งสองคนล้มไปบนที่นอนแข็งๆ เขาลนลานรีบชันตัวขึ้น แต่ติดสองแขนบอบบางที่คล้องคอของเขาเอาไว้ ลู่มู่เฉินจึงต้องอยู่ในท่านั่งชันเข่าหลังโค้ง
“เจ็บหรือไม่ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” เขาถาม แม้เขาจะพยายามปรับอารมณ์แล้ว แต่เสียงของเขาก็ยังแหบพร่าเล็กน้อย
“ไม่เจ็บ” หลี่เฟิ่งเซียนทำเสียงเล็กเสียงน้อยตอบ ดึงเขาลงมากอดอย่างเขินอาย แม้นางจะชื่นชอบและเชี่ยวชาญการวิ่งไล่ตามบุรุษรูปงาม แต่ความรู้สึกเช่นเมื่อครู่ นางยังไม่เคยพานพบมาก่อน จึงยังไม่รู้จะรับมืออย่างไร
คนตัวสูงที่ถูกนางกอดเก้งก้างทำอะไรไม่ถูก แต่เขาไม่สามารถอยู่ห้องเดียวกับนาง กอดจูบดังใจคิดได้อีก เขาเกรงว่าคนเช่นเขาจะทำให้นางเสียเวลาชีวิตกับเขามากเกินความจำเป็น
“ข้าต้องออกไปดูอาการของจ้าวเหลียง” เขาพูดขอร้องทั้งที่ไม่จำเป็น
“ไม่เอา ..” หลี่เฟิ่งเซียนกอดเขาไว้แน่นขึ้น สูดกลิ่นเปลือกไม้จากเขาอย่างเมามาย
“อย่าเหลวไหล วันนี้เจ้าดื้อมากพอแล้ว ข้าต้อง..ต้องไปดูว่าเขายังไม่ตาย เจ้า นอนพักที่ห้องนี้ อีกเดี๋ยวข้าจะกลับมา” เขาต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่ง แทบจะกัดฟันพูด เพราะยามนี้ ริมฝีปากของเขาอยู่ใกล้กับติ่งหูที่เขาหลงใหลอย่างช่วยไม่ได้
หลี่เฟิ่งเซียนนึกถึงร่างคนที่ปล่อยให้นางทั้งชกทั้งเตะต่อยโดยไม่ตอบโต้ นางจึงค่อยๆ คลายอ้อมแขนออก ปล่อยให้ลู่มู่เฉินได้ชันตัวลุกขึ้น
เขาลงจากเตียง ถอดรองเท้าให้นาง ถอดถุงเท้า พยายามไม่มองเท้าน่ารักนั้นและรีบห่มผ้าให้หลี่เฟิ่งเซียน จากนั้นก็รีบออกจากห้องนอนของตัวเอง ไม่ยอมหันไปมองนางด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่หลี่เฟิ่งเซียนกำลังเมามายกลิ่นเปลือกไม้จากที่นอนของเขา นางจึงไม่ได้สังเกตเห็นความรีบร้อนนั้น
เขาไปแล้ว หลี่เฟิ่งเซียนมองตามหลังที่ค้อมงอของเขา แต่ในหัวว่างเปล่าคิดสิ่งใดไม่ออก นางพลิกตัวตะแคงเพื่อมองแสงโคมไฟในห้องของเขา สูดกลิ่นหอมเปลือกไม้ของเขา ไล่สายตามองไปทั่วห้องของเขา ความปั่นป่วนยามที่เขาสัมผัสกอดจูบยังคงอยู่จนนางไม่รู้จะทำอย่างไร ยังคงเมามายไม่จบสิ้น
ครู่ต่อมานางรู้สึกเปียกเย็นชื้นที่ด้านในต้นขา นางตกใจรีบลุกขึ้นมานั่งสำรวจตัวเอง นางนึกว่าเพราะเมามายจนควบคุมไม่อยู่ทำให้นางแอบฉี่เล็ดโดยไม่รู้ตัวเหมือนตอนสมัยเด็กๆ ในใจกลัวว่าถ้าเขากลับมาแล้วพบนางฉี่บนที่นอนเขาอาจรังเกียจนางได้
นางใช้มือคลำแล้วแต่ตรงเป้ากางเกงก็ไม่ได้เปียก บนฟูกบางๆ ก็ไม่มีรอยเปียก หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกสับสน นางไม่ได้ฉี่ แต่นางรู้สึกจริงๆ ว่าขาเปียก..
หลี่เฟิ่งเซียนล้วงมือเข้าไปด้านในกางเกง ลูบไล้สำรวจขาด้านในที่รู้สึกเย็นๆ นางพบว่าเป็นเมือกเหนียวๆ มันไม่ใช่เปื้อนเพียงต้นขา แต่ตรงสองกลีบลูกท้อก็เหนอะหนะเปียกชุ่ม คล้ายว่าเมือกเหนียวนี้จะออกมาจากผลท้อของนางเอง นางล้วงจับเมือกนั้นขึ้นมาดู มันไม่มีกลิ่นแปลกๆ แต่เป็นสีใสๆ ทั้งนุ่มทั้งลื่น
หลี่เฟิ่งเซียนไม่รู้จะทำอย่างไร เสื้อที่สวมอยู่ก็เป็นเสื้อของลู่มู่เฉิน นางรีบลุกขึ้นไปหาเสื้อผ้าชุดใหม่ของเขาเพื่อเปลี่ยน แต่เปิดดูในตู้ไม้แล้ว เขามีเสื้ออยู่อีกเพียงสองชุด ตัวที่นางใส่อยู่เป็นชุดที่ใหม่ที่สุด นางรู้สึกสงสารสามีของตัวเองจับใจ นางเป็นภรรยาไม่ได้เรื่องที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องความเป็นอยู่ของเขาเลย
หลี่เฟิ่งเซียนจึงมองหาเศษผ้ามาใช้เช็ด โชคดีที่เขาเป็นหมอ จึงมีเศษผ้าสีขาววางเป็นชั้นๆ อยู่ในตู้ไม้มากมาย นางหยิบมาผืนหนึ่งใช้เช็ดคราบเหนียวใสตรงระหว่างขา และรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็มองสำรวจไปทั่วห้อง
ห้องของลู่มู่เฉินเล็กมากเมื่อเทียบกับห้องของนาง ทั้งห้องมีโคมไฟแค่ที่เดียวตั้งอยู่บนโต๊ะกลางห้อง ผ้าม่าน ผ้าห่ม ผ้าปูและฟูกก็เป็นของเก่า ทั้งยังบางจนให้ความอบอุ่นได้เล็กน้อยเท่านั้น ยังดีไม่เท่าห้องเก่าของเขาที่ชายแดนเลย หากเขาไม่ได้วางสมุนไพรหอมตามจุดต่างๆ ในห้องนี้อาจจะเหม็นกลิ่นอับจนนอนไม่ได้ นางรู้สึกปวดหัวใจในความโง่เขลาของนาง
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกได้แล้วว่าท่านย่าไม่ชอบลู่มู่เฉินเอามากๆ เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นความคิดของฮูหยินรอง เพราะนางอ่อนแอเกินไป ไม่มีทางกล้าทำเช่นนี้กับคนที่คุณหนูใหญ่รัก ตั้งแต่วันแรกท่านย่าก็สั่งให้ลู่มู่เฉินไปนั่งคุกเข่าในศาลบรรพชน นางเริ่มหวาดกลัวว่าที่เขาต้องแยกห้องนอนก็อาจจะเป็นเพราะถูกท่านย่าบีบบังคับ
‘ข้ามันโง่จริงๆ เป็นภรรยาที่ไม่ได้เรื่องยิ่งนัก ข้าเป็นคนผิดเอง’ นางก่นด่าตัวเองในใจ ก่อนจะค่อยๆ ขยับกลับขึ้นไปนอนบนเตียงแข็งๆ ของเขา
หลี่เฟิ่งเซียนตั้งใจจะรอเขากลับมาก่อนค่อยกอดเขานอนด้วยกัน แต่รออยู่นานเขาก็ยังไม่กลับเข้ามา นางนอนในที่นอนของเขา แม้ผ้าห่มและฟูกจะบางไปหน่อย แต่ยังให้ความอบอุ่นได้ ทั้งยังเป็นที่นอนของลู่มู่เฉินที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมเปลือกไม้จางๆ ของเขา
นางมองโคมไฟรอเขาไปเรื่อยๆ ด้วยเวลาที่ล่วงเลยจนดึก ตัวนางที่ใช้แรงมากมายไปกับการทุบตีจ้าวเหลียง กลิ่นหอมเปลือกไม้อ่อนๆ ความเมามายกับรสจูบที่ไม่เคยรู้จัก และคิดถึงความใจสั่นจนร่างกายแปลบปลาบในรสสัมผัสที่สามีมอบให้ นางเริ่มง่วงนอนและหลับไป..
คืนนั้นหลี่เฟิ่งเซียนนอนหลับไม่สนิท เพราะเตียงของลู่มู่เฉินแข็งมาก แข็งไม่ต่างจากพื้นเปียกแฉะในคุกใต้ดิน นางจึงฝันถึงเรื่องเลวร้ายที่นางไม่อยากจดจำอีกครั้ง ค่ำคืนที่นางถูกปิดปากด้วยยาสลบแสบจมูก เสียงของนางแหบแห้งพูดไม่ได้แม้จะตะโกนสุดเสียง
“ข้าเป็นผู้ชายเหตุใดจะมองไม่ออกว่าเขาหวั่นไหวกับท่านแทบแย่ แต่พยายามเก็บอาการ ข้าไม่รู้ว่าท่านกับเขาผิดใจอันใดกัน แต่ลองพูดคุยกับเขาตรงๆ เขาย่อมต้องเข้าใจท่านอยู่แล้ว” จ้าวเหลียงให้คำแนะนำหลี่เฟิ่งเซียนหัวใจระส่ำไม่เป็นจังหวะ นางทำเรื่องเลวร้ายไปมากมายเช่นนั้น ยังจะมีเรื่องเข้าใจผิดอันใดอีก แต่หากเป็นดั่งที่จ้าวเหลียงพูดจริง นางควรทำเช่นไรดี อยากลองพูดคุยจริงจังกับเขาสักครั้ง แต่ก็กลัวว่าหากเขาตอบว่าชื่นชอบหญิงในชุดขาวผู้นั้น นางควรทำอย่างไร แต่หากเขาชอบนางอย่างที่จ้าวเหลียงพูดจริงๆ และนางปล่อยไปเช่นนี้ ดีแล้วแน่หรือ“ข้าต้องไปก่อนนะ” พูดแล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็เดินออกจากห้องพักของจ้าวเหลียงทันที อยากรีบไปหาสามีของตัวเองเพื่อพูดคุยให้รู้เรื่องนางไปรอเขาที่หน้าประตูจวน เพียงไม่นานก็เห็นรถม้ากำลังใกล้เข้ามา นางรอจนกระทั่งรถม้าจอด เขาเปิดประตูออกมา นางคล้ายว่าไม่ได้เห็นเขามาหลายวันมาก คิดถึงเขาจนอยากวิ่งเข้าไปกอด แต่นางไม่กล้าหลี่เฟิ่งเซียนพบว่าเขากำลังมองมาที่นางเช่นกัน คล้ายว่าเขาจะขมวดคิ้วและทำหน้าโกรธ จู่ๆ นางก็กลัวที่จะเข้าไปหาเขา จึงเลือกที่จะหนีออกมาอย่างรวดเร็วลู่มู่เฉินรู้สึกเจ็
หลี่เฟิ่งเซียนเดินออกไปจากห้องนานแล้ว แต่เขายังคงนั่งมองมือซ้ายของเขา เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่วันนั้นตัดสินใจหักมือข้างนั้น คิดอีกที หากเขาไม่ทำเช่นนั้นคงไม่สามารถรอดมามีความสุขเช่นนี้ได้ แต่ความสุขเช่นนี้ดีแน่แล้วหรือ เขาคิดกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้นทั้งคืน บ่าวชายที่มาช่วยเขาเช็ดตัว เขาก็จำหน้าไม่ได้หลังจากเรื่องวันนั้น หลี่เฟิ่งเซียนก็หลบหน้าเขา แต่มีหยวนหยวนส่งน้ำแกงปลาและน้ำแกงไก่มาให้เขาทุกเช้า เขาเองแม้จะเริ่มคิดถึงนางมากแต่ไม่กล้าไปหานางที่ห้อง เพราะความอับอายที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งต้องถูกจู่โจมอย่างสิ้นท่า ไร้การต่อต้านแม้นางจะพูดว่านางเป็นคนผิด แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่ หากวันนั้นเขาไม่ยินยอมจริงๆ นางตัวเล็กเพียงนั้นจะถึงขั้นขืนใจเขาได้หรือ เขาประเมินความต้องการของเขาผิดไป ไม่นึกว่าจะต้องการนางมากถึงขั้นขาดสติ ปล่อยให้เรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้นต่อมาลู่มู่เฉินยังได้ยินพ่อบ้านพูดว่านายหญิงผู้เฒ่าร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะจู่ๆ หลี่เฟิ่งเซียนก็กลับไปเที่ยวหอเข่อซินอีกแล้ว ท่านพ่อบ้านขอให้เขาช่วยพูดกับคุณหนูใหญ่ว่าไม่ควรไปเที่ยวสถานที่เช่นนั้นอีกเพราะนางแต่งงานแล้วแต่เมื่อเขาเดินไปถึงหน้า
หลี่เฟิ่งเซียนหันไปมองแท่งหยกที่นางกำไม่มิดนั้น กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ตัดสินใจยกก้นขึ้นและจับท่อนหยกร้อนของเขาถูไปมา ยามนี้ผลท้อของนางเต็มไปด้วยน้ำแห่งความสุขแล้ว‘เพียงลูบคลำเจ้านี่ ข้าก็สามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้แล้วหรือ’ นางสงสัย จำได้อาหงบอกว่าเช่นนี้นางจะเจ็บน้อยลงลู่มู่เฉินรู้ทันทีว่านางคิดจะทำอะไร ถึงเขาจะอยากให้นางทำ และต้องการมากเพียงใด แต่มโนสำนึกของเขาและความตั้งใจของเขายังคงทำให้เขามีแรงจะดึงสติกลับมาได้“อย่า อย่าทำเช่นนี้” เขาขอร้องอย่างร้อนรน“เจ้าไม่อยากเสียใจภายหลังหรอกนะ เชื่อข้าเถิด เฟิ่งเอ๋อร์” เขาอ้อนวอนนาง แต่หลี่เฟิ่งเซียนใช้มือข้างหนึ่งยันเขาไว้ บังคับไม่ให้เขาลุกขึ้นหนีไปไหน มืออีกข้างของนางก็จับแท่งหยกร้อนนั่นถูไปมาที่ร่องกลีบดอกไม้ของนาง ก่อนที่นางจะออกแรงดันตัวเองลงไป หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกได้ถึงความดุดันของท่อนหยางร้อนลวกของเขาที่กำลังดุนดันเข้าไปในร่องกลีบดอกท้อ“พอแล้ว ขอร้อง อย่าทำเช่นนี้ อย่า” เสียงต่ำแหบพร่าของเขาขอร้องให้นางหยุด ในขณะที่อีกใจหนึ่งของเขากำลังรอให้นางดันตัวลงมากอดรัดเอ็นอุ่นนั้นไว้ เพียงแค่นางถูไถโลมเล้าเคล้าคลึงไปมา ความนุ่มลื่
เขาพลิกตัวอยากจะกระโดดหนีลงไปด้านล่าง แต่เพียงแค่เขาเอียงตัวนางก็ใช้เท้าเล็กๆของนางเหยียบลงมาที่ไหล่ของเขา ดันให้เขาพลิกตัวประชันหน้ากับนางตรงๆ เขาอยากมีแรงมากกว่านี้เพื่อดันเท้านั้นให้หลุด น่าเสียดายที่วันนี้เขาอ่อนแอมากกว่าทุกที เขายังได้รับบาดเจ็บจากการทดลองยาอยู่ และภาพภรรยาตัวเปลือยเปล่า งดงามจนเขาตกตะลึง ลืมว่าต้องหนีสองมือถูกมัดไว้พ่ายหลัง ยิ่งดันให้ช่วงสะโพกแอ่นขึ้น ท่อนหยกร้อนของเขาชูชันแสดงตัวอย่างกับต้องการบอกให้นางรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร มันชูชันสูงใหญ่ดั่งเสาค้ำสวรรค์ก็ไม่ปาน หลี่เฟิ่งเซียนตาโต จ้องมองหัวใจสั่นไหว ลู่มู่เฉินงอขาและพยายามหนีบเจ้านั่นเอาไว้ แต่ยามนี้มันขยายใหญ่จนปิดไม่มิด ภาพที่นางอ้าขาเหยียบไหล่เขาเอาไว้ แม้งดงามจนเขาถอนสายตาไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในฐานะบุรุษผู้หนึ่ง อย่างไรเขาก็ไม่อาจรับตัวเองได้ เขาอ้าปากเพื่อหายใจ หลับตาแน่นเพื่อลดทอนความอับอายในใจหลี่เฟิ่งเซียนมองดูเจ้าสิ่งนั้นแล้วตกใจไม่น้อย ในใจนางนึกถึงตอนเขาป่วยและนางเช็ดตัวให้เขา มันยังเล็กมากเท่านิ้วเท้าหัวแม่โป้ง แต่ยามนี้มันชูชันจนแทบจะใหญ่เท่าข้อมือของนาง! หลี่เฟิ่งเซียนเริ่มหายใจไม
แต่ครั้งเข้าไปในห้องของตัวเองและเห็นพวกรูปต่างๆ ที่อาหงวาดขึ้นเพื่อการเรียนรู้เหล่านั้น ในใจนางเกิดความรู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมเข้าหอกับนาง เพราะหญิงแพศยานั่น!!...พวกเขาไปถึงไหนกันแล้ว!! มิน่าเขาถึงได้เชี่ยวชาญมาก เพียงจูบก็ทำให้นางสามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้ เขาอาจจะเคยทำกับผู้อื่นมาก่อน เขาถึงทำเช่นนั้นได้อย่างเชี่ยวชาญ นางยอมไม่ได้ นางต้องรีบรวบหัวรวบหางเขา!! ทนรอให้เขายินยอมด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว!!หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปถึงหน้าห้องของเขา เห็นว่าด้านในยังมีแสงไฟอยู่ นางผลักประตูเข้าไปไม่บอกกล่าวไม่เคาะประตู“เจ้า เจ้าเข้ามาได้อย่างไร” ลู่มู่เฉินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขากำลังใส่เสื้อผ้า นางก็ผลีผลามเข้ามา เขาตกใจ รีบร้อนใส่เสื้อให้เรียบร้อย แต่เชือกผูกเอวอยู่บนโต๊ะ เขายืนอยู่ใกล้เตียงนอน จึงทำได้เพียงใช้มือจับสาบเสื้อคลุมตัวยาวเอาไว้หลี่เฟิ่งเซียนเห็นว่าเขายังแต่งตัวไม่เรียบร้อย แผนในใจของนางผุดขึ้นมาเป็นร้อยแผน คำพูดของอาหงดังก้องอยู่ในหู‘หากเจ้าทำให้เขาภูมิใจมากพอ เขาจะเอ็นดูเจ้ามากขึ้น’นางหันไปปิดประตูลงกลอน ยังเดินไปปิดหน้าต่างที่เขาแง้มเอาไว้รับลมด้วย“เจ้า เจ้า
เรื่องราวในคืนนั้น ความหอมหวานที่เขากอดกกนาง รสจูบ ความนุ่มนิ่มนุ่มนวล ทุกอย่างทำให้เขาไม่กล้าเดินไปที่เตียงนั่น แม้บนเตียงนั้นจะเปลี่ยนผ้าปูผ้าห่มใหม่ทั้งหมดแล้วก็ตาม เขายังคงรู้สึกว่ากลิ่นหอมหวานจากตัวนางยังคงติดอยู่ที่จมูก'ตัวเจ้าหอมมาก' คำพูดของหลี่เฟิ่งเซียนลอยมา นางเคยพูดชมเขาเช่นนั้นหลายครั้งแล้ว เขาไม่แน่ใจว่านางได้กลิ่นอันใดทั้งที่บนตัวเขามีแต่กลิ่นยา เขาเองก็อยากจะบอกกับนางว่า 'ตัวเจ้าหอมน่ากินมาก' เพราะบนตัวของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกไม้ผสมกลิ่นบางอย่างคล้ายหนิวหน่าย[1] ต้มผสมน้ำผึ้ง เป็นอาหารของชาวอิ่นตู้ที่เขาเคยได้ลิ้มลองเมื่อครั้งยังท่องเที่ยวไปทั่ว มันอร่อยและหอมติดจมูก ดังนั้นเมื่อเขาได้กลิ่นนี้จากตัวนาง เขาจึงรู้สึกน้ำลายสอ อยากจะกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า เสียดายก็แต่เขาพูดออกไปเช่นนั้นไม่ได้ ในที่สุดลู่มู่เฉินก็ดึงผ้าห่มจากเตียงและลงไปนอนบนพื้นแทน เขาไม่รังเกียจที่จะนอนบนพื้นเพราะเขาเคยนอนในที่ที่ลำบากมากกว่านี้ พื้นแข็งๆที่ทำจากไม้ขัดมันอย่างดี ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับของเขาลู่มู่เฉินนอนหลับด้วยความยากเย็นเพราะมัวแต่คิดถึงนาง ในขณะที่หลี่เฟิ่งเซียนแทบ