LOGINเสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งผับ เรียกให้คนหนุ่มสาวที่เข้ามาใช้บริการสถานบันเทิงลุกขึ้นเต้นสนุกไปกับเสียงเพลง เว้นก็แต่ขนิษฐาที่ขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำจากเพื่อนๆ เมื่อรู้สึกว่าตนดื่มเยอะจนอยากเข้าห้องน้ำ หญิงสาวเดินเบียดผู้คนจนหลุดออกมาในที่โล่งก่อนจะก้าวเดินตรงไปยังทางไปห้องน้ำ แม้จะรู้สึกว่าตนเดินโซเซเล็กน้อยแต่ก็พอจะพาตัวเองเดินไปถึงห้องน้ำได้ ทว่าระหว่างที่เธอกำลังเดินไปตามทางที่ตรงไปยังห้องน้ำก็ถูกผู้ชายคนหนึ่งเดินชนเข้าจนเซถอยหลังไปชนกับกำแพงติดกับทางเดิน ตามมาด้วยร่างสูงของชายหนุ่มที่เดินชนคร่อมไว้เพื่อล็อกไม่ให้เธอเดินหนี ไม่รีรออีกฝ่ายพยายามก้มจูบ เธอเบี่ยงหน้าหลบด้วยความไม่พอใจแกมรังเกียจยิ่งหนักขึ้นก็เมื่ออีกฝ่ายใช้มือดันขาของเธอให้เกี่ยวกับต้นขาของเขาพลางถกปลายกระโปรงเดรสที่มันสั้นอยู่แล้วขึ้นจนเผยเห็นบิกินีสีดำ มืออีกข้างรั้งเอวพลางลูบไล้แผ่นหลังเนียนที่เผยพ้นจากชุดที่แหวกลึกเกือบถึงสะโพก
“ปล่อย”
ขนิษฐาพยายามออกแรงผลักอีกฝ่ายก่อนที่มือของเขาจะสัมผัสโดนโหนกนูน แต่แล้วอยู่ๆ ชายหนุ่มที่พยายามลวนลามก็ถูกกระชากออกไปอย่างรุนแรงจนล้มลงไปอยู่บนพื้น ส่วนเธอก็ถูกคนร่างสูงที่มาใหม่ใช้เสื้อสูทคลุมทับหัวไหล่พลางโอบเธอเอาไว้
“ไอ้ธี ฝากจัดการมันด้วย”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นด้วยความหงุดหงิดจึงทำให้หญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้นไปมองว่าเขาเป็นใคร แต่เพราะความมืดทำให้ไม่สามารถมองคนร่างสูงได้อย่างชัดเจนแม้จะหรี่ตามองก็ตาม พลันก็ต้องก้มลงใช้มือปิดหว่างขาของตัวเองก่อนจะพึมพำออกมา
“ปวดฉี่” แม้หญิงสาวจะพึมพำก็ตามแต่มันก็ทำให้อัฐพลได้ยินชัดเจนด้วยเพราะตนกำลังโอบเธออยู่จึงทำให้เขาหันกลับมามองด้วยสายตาเอ็นดู
“ก่อนฉันจะจัดการคุณลูกค้าให้แก ขอถามหน่อย สาวน้อยคนนี้เป็นใคร”
ธีรภพมองการ์ดของผับที่หิ้วปีกลูกค้าหื่นกามออกไปจนลับตาจึงหันกลับมาถามเพื่อนที่ยังคงยืนโอบหญิงสาวด้วยความแปลกใจ ตั้งแต่รู้จักกับอัฐพลมาก็ไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้ดูเป็นห่วงและปกป้องใครจนดูน่ากลัวเท่าตอนนี้มาก่อน ยกเว้นก็แต่หลานสาวที่เคยเกือบถูกคนเมาลวนลาม
“หนูนิด เพื่อนยายเอม”
“เพื่อนของหลาน! เฮ้ย นี่แกเป็นห่วงเพื่อนของหลานด้วยเหรอวะ”
บทสนทนาของชายหนุ่มทั้งสองทำให้ขนิษฐาขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดเมื่อได้ยินคนร่างสูงเรียกชื่อเล่นของเธอและเพื่อนสนิทอย่างเชอเอม แต่แล้วก็ต้องหยุดครุ่นคิดถึงตัวตนชายหนุ่มทั้งสองเพราะกระเพาะปัสสาวะของเธอกำลังจะกักเก็บน้ำเอาไว้ไม่ได้แล้ว
“ปวดฉี่ ปล่อย” ขนิษฐาพูดพลางสะบัดตัวให้หลุดออกจากแขนแกร่งที่ยังโอบเธอไม่ยอมปล่อยทั้งที่ผู้ชายอีกคนถูกหิ้วปีกออกไปแล้วแต่ก็ไร้ผลเมื่อแรงของเขามีเยอะกว่า
“แกกลับไปทำงานไป ฝากดูยายเอมด้วย อ้อ ฝากบอกยายเอมว่าฉันพาหนูนิดกลับก่อน” อัฐพลก้มมองขนิษฐาอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปพูดกับเพื่อนที่มองมายังหญิงสาว
“เออ ไม่มีปัญหา แต่ติดอยู่นิดหน่อย” ธีรภพพยักหน้าก่อนจะรั้งเพื่อนที่จะพาสาวน้อยในอ้อมกอดเดินไปเข้าห้องน้ำ อัฐพลเพียงหันหน้ากลับมาพลางเลิกคิ้วเชิงถาม เขาจึงพูดขึ้นทันที “ฐานะไหน พิเศษหรือแค่หลง”
อัฐพลก้มมองหญิงสาวที่เริ่มโวยวายเพราะปวดปัสสาวะอยากเข้าห้องน้ำก่อนจะดึงสายตากลับไปที่เพื่อนเพื่อตอบคำถาม
“ทั้งสอง”
ชายหนุ่มตอบคำถามจบก็พาหญิงสาวเดินตรงไปยังห้องน้ำหญิงทันที ทิ้งให้เพื่อนมองตามด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเดินไปยังทิศทางที่การ์ดพาลูกค้าไปเพื่อทำตามที่เพื่อนขอ แต่แล้วอัฐพลจำต้องพาขนิษฐาเข้าห้องน้ำชายแทนเมื่อเขาพบว่าห้องน้ำหญิงมีผู้หญิงมากมาย จะปล่อยให้สาวเจ้าเข้าไปเพียงคนเดียวก็อดห่วงไม่ได้ หนำซ้ำเจ้าตัวก็เอาแต่โวยวายจะเข้าเดี๋ยวนั้น ชายหนุ่มจึงตัดสินใจพาเธอเข้ามายังห้องน้ำชายอย่างเลี่ยงไม่ได้ โชคดีที่ไม่มีคน เมื่อเข้ามาแล้วเขาก็พาเธอเดินไปยังห้องในสุดก่อนจะเปิดประตูให้เธอเข้าไป
ทว่า จังหวะนั้นเองที่มีคนอื่นเดินเข้ามาพอดีจึงทำให้เขารีบก้าวเท้าเดินตามเข้าไปเพราะกลัวว่าคนที่เดินเข้ามาทีหลังจะเห็นหญิงสาว แต่เหมือนเป็นจังหวะที่ไม่ดีนัก เมื่อเขาปิดประตูหันหลังพิงกำแพงก็พบว่าเธอถอนบิกินีนั่งลงปลดปล่อยพลางหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ
คออ่อนแล้วยังจะดื่มเยอะอีก
ชายหนุ่มบ่นหญิงสาวอุบอยู่ในใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายดื่มแอลกอฮอล์จนไม่มีสติเช่นนี้ พลันมือใหญ่ที่ทิ้งอยู่ข้างตัวก็ต้องกำแน่นเมื่อสายตาสำรวจเรือนร่างของเธอที่แม้จะยังอยู่ภายใต้ชุดเดรสสีเงินคอลึกแหวกหลังก็ตาม แต่การที่เธอก้มลงเล็กน้อยก็ทำให้เห็นทรวงอกอวบที่ไม่ได้สวมใส่อะไร ปิดเพียงยอดปทุมถันเท่านั้นและยิ่งสาวเจ้าอ้าขาออกเพื่อชำระล้างจนเห็นอะไรต่อมิอะไรที่นูนเนิน แม้จะมีไรขนเล็กน้อยปกปิดก็ตาม ทันทีที่เธอชำระล้างเสร็จ กดชักโครกก่อนจะยื่นมือมาควานหากระดาษทิชชู แต่สาวเจ้ากลับไม่คิดหุบขาเสียนั่น ครานี้คนที่มีความอดทนสูงก็ถูกกรรไกรตัดเส้นความอดทนบางๆ ขาดออกทันที
อัฐพลย่อตัวนั่งลงตรงหน้าหญิงสาวก่อนจะคว้ามือของเธอมากุมไว้ จึงทำให้เธอเปิดเปลือกตาหรี่มองเขาพลางขมวดคิ้ว
“คุณ...คุณอา”
ขนิษฐาหรี่ตามองพึมพำเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยมีสติครบถ้วน คิดว่าตนตาฝาดจึงไม่ได้ใส่ใจมาก แม้อีกฝ่ายจะยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้พลางกระซิบเสียงแหบพร่า
“เดี๋ยวอาช่วยเช็ดเอง หนูนิด”
อัฐพลไม่เพียงพูดแต่ชายหนุ่มยังพยุงร่างบางลุกขึ้นจนทำให้บิกินีตัวจิ๋วหล่นลงไปที่ข้อเท้าก่อนจะดึงกระดาษทิชชูมาวางทาบที่กลีบเนื้อนุ่มของกุหลาบพลางเช็ดเบาๆ การถูกสัมผัสอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ขนิษฐารู้สึกวาบหวามไปทั่วกาย หัวใจสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่ มือเล็กยกขึ้นมาเกาะที่เอวชายหนุ่มเมื่อร่องเนื้อนุ่มสัมผัสได้ถึงมืออุ่นไร้กระดาษทิชชูกั้นกลางอีกต่อไป
มืออุ่นลูบวนแผ่วเบาบนกลีบแคมอ่อนนุ่มสลับลูบร่องเนื้อ ไม่นานน้ำหวานช่ำก็ปริ่มออกมา หญิงสาวซาบซ่านจนต้องปิดเปลือกตาเงยใบหน้าขึ้น เขาจึงก้มลงจุมพิตที่คอขาวก่อนจะดูดเป็นรอยแดงพลางสอดนิ้วเข้าสู่โพรงถ้ำคับแคบที่ชุ่มช่ำไปด้วยน้ำหวาน ถอดถอนเข้าออกช้าบ้างเร็วบ้างจนเธอต้องกัดริมฝีปากล่างกันไม่ให้ร้องครางออกมา เขาจึงเลื่อนใบหน้าขึ้นไปกระซิบเสียงกระเส่า
“ครางออกมาสิหนูนิด อาอยากฟังเสียงของหนู”
“อื๊อ...อะ! อ๊า”
สิ้นคำสั่ง เสียงครางหวานก็เปล่งออกมาเมื่อถูกนิ้วอุ่นชักเข้าออกพลางใช้นิ้วหัวแม่มือที่ยังว่างบดคลึงเม็ดเสียวอ่อนไหวจนร่างเธอกระตุกในเวลาต่อมา พร้อมกับปลดปล่อยน้ำใสออกมาเลอะเต็มมือของชายหนุ่ม แม้เขาจะทำให้เธอถึงฝั่งฝันแล้ว แต่มันยังไม่เพียงพอเพราะคนตรงหน้าทำให้ความอดทนของเขาขาดผึง
แสงแดดยามสายของวันสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนปลุกให้เชอเอมตื่นจากภวังค์เมื่อแสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องกระทบลงบนเปลือกตา หญิงสาวยกมือขึ้นมาบังแสงแดดพลางขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดใจก่อนเปลี่ยนมากุมขมับฉับพลันเมื่ออาการปวดศีรษะแล่นปราดขึ้นมาจนต้องร้องโอดครวญออกมาก่อนพลิกตัวนอนตะแคงข้างกุมขมับ “ปวดหัวชะมัด ไม่น่าดื่มเข้าไปเยอะเลยเรา” เสียงหวานบ่นอุบกับตนเองก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งอย่างยากลำบากเมื่ออาการปวดศีรษะยิ่งทวีคูณขึ้น แต่แล้วความรู้สึกเย็นวาบทั่วทั้งตัวส่วนบนก็ทำให้หญิงสาวชะงัก อาการปวดศีรษะทุเลาลงลืมตาขึ้นด้วยความฉงนก่อนมองไปรอบๆ จึงพบว่าตนไม่ได้นอนอยู่ในห้องนอนตัวเอง แต่แล้วสายตาไปสะดุดลงที่กรอบรูปหัวเตียงของอัฐพลจึงรับรู้ได้ว่าตนค้างคืนที่ห้องของผู้เป็นอา ทว่า ขณะที่เชอเอมกำลังเรียบเรียงสติและความทรงจำเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อคืนก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีแขนหนักๆ ของใครบางคนมาพาดลงบนหน้าตักของตัวเอง หญิงสาวจึงก้มลงมองแขนแกร่งที่อยู่บนตักแต่ไม่เท่ากับความน่าตกใจที่ได้พบว่าตัวเองกำลังเปลือยเปล่า เธอรีบปัดแขนแกร่งออกจากตักพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาห่อ
เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่งไพเราะรับเข้ากับเสียงลมและเสียงธรรมชาติชวนให้ขนิษฐาที่นั่งอยู่บนผ้าปูริมชายหาดระบายยิ้มรับสายลมอย่างมีความสุขพลางหลับตาพริ้มสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ยิ่งเพิ่มรอยยิ้มยิ้มให้กว้างขึ้นเมื่อเวลานี้เธอสามารถยิ้มได้อย่างไม่ติดขีดใดๆ ได้อีกเมื่อความสุขที่แท้จริงได้ก่อเกิดขึ้นในชีวิตของเธอแล้ว เมื่อเสียงหัวเราะใสอย่างสนุกสนานของลูกชายวัยห้าขวบที่กำลังวิ่งหยอกล้อกับผู้เป็นพ่ออยู่เบื้องหน้า ขนิษฐาเปิดเปลือกตาขึ้นมามองภาพอัฐพลกำลังวิ่งไล่จับลูกชายก่อนจะจับได้พลางยกขึ้นจากพื้นทรายเพื่อเล่นให้ลูกชายรู้สึกหวาดเสียวอย่างสนุกสนานและชอบใจ มือเล็กที่เท้ากับพื้นยกขึ้นมาเพียงหนึ่งข้างเพื่อลูบวนเบาๆ ที่หน้าท้องนูนของตนที่มีอายุครรภ์ในหกเดือน หญิงสาวมองสามีและลูกชายอย่างมีความสุขอย่างเต็มความรู้สึกหลังเหตุการณ์มากมายผ่านพ้นไป พลันฉุกคิดถึงตนเองที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลอีกครั้งแม้จะพบว่าลูกของหญิงสาวปลอดภัยแต่ก็ควรระวังไม่ให้ออกแรงด้วยเพราะเจอเหตุการณ์และการกระทบกระเทือนมา จนคนเป็นพ่อลูกชายวัยห้าขวบกังวลจนเธอแทบทำอะไรเองไม่ได้จัดการให้ทุกอย่างจนแพทย์สั่งให้กลั
“นี คุณหยุดเถอะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา” จิระภัทรพูดเตือนสติบ้าง“ไม่ต้องพูด คุณบอกฉันว่าเป็นศัตรูกับอัฐไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ดูสนิทสนมกันล่ะคะ” เสาวนีหันมาพูดพลางเล็งปืนออกมาที่ทุกคน“ผมเป็นคนส่งเพื่อนผมเข้าหาคุณเอง ผมผิดเอง...นี ผมขอโทษ คุณยังมีโอกาสที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นนะ” อัฐพลตอบพลางขยับเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ พร้อมจิระภัทรอย่ารู้กันดีเมื่อเห็นเสาวนีไม่ทันตั้งตัวเซนโซก้าซึ่งเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองกำลังเข้ารวบตัวเสาวนีจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังเผลอ เขาจึงคิดเข้าไปช่วยน้องสาวแต่แล้วความเคลื่อนไหวของเขากลับทำให้เสาวนีจับได้จึงบันดาลโทสะออกมา“หยุดนะ! อย่าคิดเข้ามาแม้แต่คนเดียว ฉันยิงนังนี้กับลูกในท้องแน่” เสาวนีตวาดลั่นพลางเล็งปืนสะเปะสะปะไปมาในจังหวะนั้นเองที่อัฐพลตัดสินใจชำเลืองตามองจิระภัทรพลางพยักหน้าอย่างรู้กันก่อนก้าวเท้าเข้าไปล็อกตัวหญิงสาวทันทีให้ออกห่างจากขนิษฐาอย่างไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวจนสำเร็จ ทว่าปืนกลับลั่นขึ้นหนึ่งนัดสร้างความตกใจแก่ทุกคน ต่างพากันมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองที่กกำลังกอดรัดหญิงสาวเพียงคนเดียวล้มลงไปนอนกับพื้นปัง!ทุกคนให้ความสนใจที่คนทั้งสามโดนไม่ทันสังเกตขนิษฐ
“คุณแค่จะใช่เธอเป็นตัวประกันต่อกรกับมันหมอนั่นไม่ใช่เหรอนี” “ใช่ค่ะ แต่บังเอิญมันท้องฉันเลยต้องทำหลักประกันให้ไม่มีข้อบกพร่องยังไงล่ะคะ คนอย่างอัฐไม่มีทางปล่อยให้ลุกในท้องนังเด็กนั่นเป็นอะไรแน่...หลักประกันชิ้นดีเลยนะคะ” “แต่นั่นเด็กนะนี เด็กทียังไม่...” “เด็กแล้วยังไงล่ะคะ เจตน์ ความจริงตอนนี้คุณไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว หน้าที่ของคุณแค่ทำให้ไฟที่งานดับและพาตัวมันมาให้ฉันที่นี่เท่านั้น!” เสียงคนกำลังมีปากเสียงกันปลุกให้ขนิษฐารู้สึกตัวตื่น ไม่เพียงเสียงผู้คนแต่ยังมีลมเย็นที่ปะทะผิวกายจึงทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวจนเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันพลางค่อยๆ ไล่เรียงความทรงจำหลังไฟดับสาวเจ้าผละออกจากอัฐพลพลางหันมองซ้ายขวาท่ามกลางความมืดด้วยความตกใจก่อนจะรู้สึกมีคนเข้ามาประชิดจากด้านหลังพร้อมกับใช้บางอย่างประกบลงที่จมูกและปากของตนก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป จนกระทั่งตอนนี้ เธอเปิดเปลือกตาขึ้นจึงพบว่าตนกำลังถูกมัดกับเสาบางอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคือเสาอะไรและไม่เพียงรู้ว่าตนถูกมัดติดเอาไว้แน่น แต่ยังรับรู้ว่าตนกำลังอยู่บนดาดฟ้าของบริษั
“สาวน้อยของแม่ ยังไม่ได้มีแค่คำอวยพรจากพ่อแต่ยังมีจากแม่ด้วยนะ...แม่ไม่มีคำพูดอวยพรอะไรมากมายแต่แม่จะขอให้ลูกพบกับสิ่งล้ำค่าอีกชิ้นที่กำลังมีหัวใจดวงน้อยในท้องของหนู ต่อจากนี้ก็เป็นข่าวดีที่จะบอกว่าแม่จะอยู่ที่ไทยจนกว่าหลานแม่จะคลอด” เขมมิกามองสามีและลูกสาวด้วยรอยยิ้มก่อนพูดออกไป ยื่นมือไปลูบศีรษะลูกสาวด้วยความรัก“มาพูดกันแบบนี้ ทำให้หนูไม่อยากให้พ่อกับแม่กลับกันเลยนะคะ” ขนิษฐาพูดขึ้นอย่างออดอ้อนเมื่อได้รับความรักจากพ่อและแม่ของตนท่านทั้งสองส่งยิ้มให้กับลูกสาวก่อนจะหันไปมองทางประตูห้องเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น ขนิษฐาอาสาเดินไปดูบุคคลที่มาเยือนในเวลา พลันฉุกคิดได้ว่าอาจเป็นเซนโซก้าที่กลับจากฮ่องคนแต่แล้วก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปหากเป็นพี่ชายก็คงไม่กดกริ่งเช่นนี้ทั้งที่เธอเคยบอกพร้อมยื่นกุญแจห้องสำรองเอาไว้แล้วก่อนอีกฝ่ายเดินทาง แต่แล้วเมื่อหญิงสาวเปิดประตูจึงพบกับอัฐพลที่กำลังยืนถือกล่องสีดำกำมะหยี่พร้อมรอยยิ้มทันทีที่เห็นเธอ“คุณอาไม่ได้เข้าบริษัทไปเตรียมงานเหรอคะ” สาวเจ้าถามหลังหันกลับมาจากหันไปมองพ่อและแม่ของตน“ไปมาแล้วและกลับมาเพื่อเอาสร้อยข้อมือมาให้หนูนิดใส่กับชุด” ชายหนุ่มตอบพล
ขนิษฐานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นแม่และพ่อขงอตนด้วยความรู้สึกผิดหลังเล่าทุกอย่างให้พวกท่านได้รับรู้ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่ตนกำลังตั้งครรภ์ลูกของอัฐพล ปฏิกิริยาตกใจแกมนิ่งอึ้งของท่านทั้งสองไม่ได้ผิดคาดไปจากที่ครุ่นคิดเอาไว้ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องผิดอย่างไม่น่าให้อภัยในฐานะลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว “หนูขอโทษพ่อกับแม่นะคะกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น” หญิงสาวกระพุ่มมือขึ้นมาก้มลงกราบลงที่ตักผู้เป็นพ่อก่อนก้มลงกราบผู้เป็นแม่ตาม ผละออกห่างมองพวกท่านทั้งสองอีกครั้ง สาวเจ้ารู้ตัวเองว่าตนทำผิดและทำตัวให้พวกท่านทั้งสองผิดหวังในตัวเธอโดยเฉพาะกับผู้เป็นแม่ที่แสดงสีหน้าราบเรียบจนเธอดูไม่ออกว่าทันกำลังคิดหรือกำลังรู้สึกเช่นไร ต่างจากผู้เป็นพ่อที่แม้จะแสดงสีหน้าตกใจแกมเสียใจอยู่น้อยๆ แต่ท่านยังมีสีหน้าให้พอเดาออกว่ากำลังรู้สึกเช่นไร “พ่อผิดหวังในตัวลูกที่มีความคิดอะไรก็ไม่รู้ไม่ยอมบอกเขาเสียที” ซานเซสชำเลืองมองภรรยาที่รักก่อนพ่นลมหายใจออกมาเพื่อรวบรวมสติให้มั่นก่อนตัดสินใจพูดออกมาเมื่อภรรยาเอาแต่นั่งนิ่งมองหน้าลูกสาว ด้วยเพราะตนนึกเป







