แชร์

บทที่ 2 ชื่อเสียงที่ไม่ดี

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-30 14:42:46

บทที่ 2

ชื่อเสียงที่ไม่ดี

แสงอาทิตย์สาดส่องทะลุผ้าม่านเข้ามาจนแยงตา จ้าวเยว่ที่­กำลังนอนอย่างมีความสุขอยู่บนเตียงขยี้ตาเล็กน้อย ก่อนจะลุก­ขึ้นมานั่งอย่างเหนื่อยหน่าย ปากก็ร้องตะโกนเรียกสาวใช้

“ผิงผิง ๆ”

“ผิงผิงมาแล้วเจ้าค่ะ”

ผิงผิงเดินกึ่งวิ่งเข้ามายังห้องนอนของจ้าวเยว่ ในมือของนางมีอ่างใส่น้ำใบหนึ่งกับผ้าสีขาวสำหรับเช็ดหน้า

“ข้าขอท่านแม่ไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว ว่าอยากเปลี่ยนผ้าม่านใน­ห้องของข้าให้เป็นสีดำ ยามเช้าแดดจะได้ไม่ส่องเข้ามากระทบตาข้า” จ้าวเยว่บ่นพึมพำ

“ได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ จวนเรือนจะใช้ผ้าสีดำก็ต่อเมื่อเป็น­งานศพเท่านั้น ถ้าเอามาใช้ในห้องนอน มันจะไม่เป็นมงคล”

ผิงผิงแย้ง เรื่องนี้นางเห็นด้วยกับมารดาของอีกฝ่าย

“ช่างเรื่องมงคลไม่มงคลนั่นปะไร ข้าอยากได้แบบที่สะดวกต่อข้า” จ้าวเยว่ยังยืนยันความคิดของตน

นางไม่เคยใส่ใจเรื่องมงคลหรือไม่มงคล เพราะเชื่อว่าทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นจากผลของการกระทำมากกว่า

ผิงผิงถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะนำอ่างล้างหน้ามาวางบน­โต๊ะเครื่องแป้ง จ้าวเยว่ก้มหน้าลงไปใช้สองมือวักน้ำขึ้นมาล้าง­หน้าเล็กน้อย และรับผ้าสีขาวมาเช็ดหน้าอย่างเบามือ

“งานเลี้ยงที่จวนของท่านโหวในช่วงเย็นวันนี้ คุณหนูจะไม่ไปจริง ๆ หรือเจ้าคะ” ผิงผิงถาม

“ไม่ไป” จ้าวเยว่ตอบเสียงราบเรียบ ราวกับว่าไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย

ผิงผิงเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี คำสั่งของจ้าวฮูหยินที่ให้นาง­มาเอ่ย นางก็ได้เอ่ยแล้ว เพราะฉะนั้นหากว่าคุณหนูไม่ทำตามก็­คงจะไม่ใช่ความผิดของนาง

แต่ถึงอย่างไรหญิงสาวก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

“คุณหนูลองคิดดูอีกทีเถอะเจ้าค่ะ ดีไม่ดีในงานอาจจะมี­ขนมกุ้ยฮวาหิมะที่คุณหนูชอบก็ได้”

“มีแล้วจะอย่างไร แค่ขนมกุ้ยฮวาหิมะ ข้าแค่สั่งให้เจ้าไปซื้อ­มาให้ข้า ก็ได้นี่”

“ถ้าคุณหนูไม่ไป นายท่านกับฮูหยินจะเสียหน้าได้นะเจ้าคะ”

“ไม่มีวันเสียหน้าหรอก เจ้าอย่าลืมสิว่าข้าคือสตรีที่เกียจคร้านที่สุดของเมืองนี้ ต่อให้ข้าไม่ไปงานเลี้ยงในครั้งนี้ คงไม่มีใครตำหนิท่านพ่อกับท่านแม่ได้หรอก เจ้าเชื่อข้าสิ” จ้าวเยว่ตอบกลับอย่างไม่ทุกข์ร้อน

ผู้คนต่างก็รู้กันทั่ว ว่าคุณหนูของเจ้ากรมการคลังผู้นี้เกียจ­คร้านถึงเพียงไหน บางคนถึงขั้นเอาไปนินทาว่าครอบครัวท่าน­เจ้ากรมตามใจนางนี้มากเกินจนเสียผู้เสียคน เป็นสตรีเสียเปล่ากลับทำตัวเกียจคร้าน เป็นที่ขายหน้าบิดามารดาไปทั่ว แต่ว่าจ้าวเยว่กลับไม่สนใจคำนินทาพวกนั้น และยังคงทำตัวเกียจคร้านเหมือนเดิม

ด้วยชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีของนาง จึงทำให้ไม่เป็นที่หมายปองของบุรุษใดในฉางอันเลย

จ้าวเยว่ผู้เลยวัยปักปิ่นมาร่วมปีกว่าแล้ว จึงยังไม่ได้ออกเรือนกับเขาเสียที

เอ่ยถึงขนมกุ้ยฮวาหิมะแล้ว จ้าวเยว่ก็รู้สึกอยากกินขึ้นมา

­นี่เป็นระยะเวลาถึงสามเดือนแล้ว ที่นางนั้นไม่ได้ลิ้มรสขนมกุ้ยฮวาหิมะที่ตนเองโปรดปราน เนื่องจากร้านเหลาเสี่ยวชื่อที่ทำ­ขนมชนิดนี้ จะทำเพียงแค่ปีละสี่ครั้ง เพราะดอกไม้ที่ใช้ในการทำ­ขนมชนิดนี้ จะบานเพียงแค่สามเดือนครั้งเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็­ครบรอบสามเดือนพอดี ซึ่งที่จริงนางลืมไปแล้วด้วยซ้ำ แต่เพราะผิงผิงเอ่ยขึ้นมา จึงนึกขึ้นได้

“ผิงผิง พวกเราไปซื้อขนมกุ้ยฮวาหิมะกัน” จ้าวเยว่เอ่ยชวน

“คุณหนูจะออกไปข้างนอกหรือเจ้าคะ เอ่อ...ผิงผิงออกไปซื้อ­ให้ก็ได้เจ้าค่ะ” ด้วยความเกียจคร้านของผู้เป็นนาย ผิงผิงจึงไม่คิดว่าจ้าวเยว่จะออกไปข้างนอกด้วยตนเอง

จ้าวเยว่หันมาเอ่ยกับสาวใช้ของตน

“วันนี้ข้าอยากออกไปด้วยตนเอง ข้าออกจากจวนครั้งที่แล้วก็เมื่อสองเดือนก่อน ตอนแอบไปซ้อมยิงธนูที่สนามฝึกของกองทัพ ไม่รู้ว่าข้างนอกเป็นอย่างไรบ้างแล้ว แคว้นฉางอันตอนนี้ครึกครื้นกว่า­แต่ก่อนหรือไม่ อีกอย่าง ข้าอยากกินขนมอย่างอื่นด้วยจึง­อยากจะไปเลือกดู”

“ไปขออนุญาตฮูหยินก่อน ดีหรือไม่เจ้าคะ”

จ้าวเยว่ขยิบตาใส่ผิงผิงหนึ่งที่

“ถ้าไปขอ มีหรือท่านแม่จะให้ไป ข้าว่าพวกเราแอบออกไปทางประตูหลังดีกว่า”

“ไม่ได้นะเจ้าคะ หากถูกจับได้ขึ้นมา คุณหนูอาจจะถูกกักบริเวณอีก” ผิงผิงค้าน

ให้อย่างไรนางก็มองว่าคุณหนูของนาง สมควรไปรายงานให้ฮูหยินทราบเสียก่อน

“แต่ปกติข้าก็ทำตัวเหมือนกักบริเวณตนเองอยู่แล้วนี่นา”

จ้าวเยว่แย้งอย่างขบขัน ตัวนางไม่ได้ออกไปนอกจวนบ่อย ๆ สักหน่อย หากถูกลงโทษก็คงไม่ต่างจากทุกวันนี้ ที่ต้องเก็บตัวอยู่แต่­ในจวนหรอก

หลังจากนั้นจ้าวเยว่ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินฉับ ๆ ไปที่ประตูด้านหลังของจวน ผิงผิงที่พยายามเอ่ยห้ามแล้วห้ามอีกได้­แต่­เดินตามไป สายตาสอดส่องมองหน้าหลัง ด้วยเกรงว่าจะมีใครมาเห็นเข้า และในที่สุดทั้งสองก็ออกมาอยู่บนถนนสายเล็ก ๆด้านหลังจวน

จวนของท่านเซียวโหว

งานเลี้ยงที่จวนของท่านเซียวโหวเริ่มตั้งแต่ยามโหย่ว งาน­เลี้ยงจัดขึ้นอย่างใหญ่โตที่ลานกว้างภายในจวน ทางเดินเข้าไปก่อนจะถึงหน้างาน มีสะพานไม้ทอดผ่านลำคลองขนาดเล็กที่มีฝูง­ปลาสีสันสวยงามแหวกว่าย

ราวสะพานประดับประดาด้วยบุปผาสีม่วง ขาว และชมพู  ตามเสาก็ตกแต่งด้วยผ้าสีม่วงขาวพลิ้วไหวเต็มไปหมด โต๊ะถูกจัดเป็นสองฝั่ง โดยไล่เรียงตามตำแหน่งของผู้มาร่วมงาน มีเพียงโต๊ะของ­ท่านเจ้าเมืองเท่านั้น ที่จัดตั้งไว้ตรงกลางชั้นบนสุด

อากาศเริ่มเย็นลงในทุกขณะตามช่วงเวลาที่ล่วงผ่าน อาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าส่องแสงสีส้ม ขับให้ภาพงานเลี้ยงดูอบอุ่นและ­ครึกครื้น แขกเหรื่อเริ่มทยอยเข้ามาในงาน ทั้งเหล่าบัณฑิต คน­ของ­ทางการ รวมถึงคหบดีต่าง ๆ เริ่มหลั่งไหลเข้ามา งานเลี้ยงครั้งนี้เชิญแขกร่วมร้อยคน ภายในงานจึงดูวุ่นวายยิ่ง

เจ้ากรมการคลังจ้าวฝู่กับฮูหยิน นั่งอยู่ตำแหน่งขวามือ ใกล้­กับท่านโหวที่สุด

ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติมาก ต้องเป็นคนที่ท่านโหวสนิทและไว้เนื้อเชื่อใจเท่านั้น จึงจะสามารถนั่งได้ ส่วนบุตรชายทั้งสองของจ้าวฝู่นั้น นั่งที่ตำแหน่งไกลออกไป ซึ่งมีแต่บุรุษนั่งอยู่ด้วยกัน

ฝั่ง­ตรงข้ามจ้าวฝู่เป็นซูม่อเยี่ย เจ้ากรมทะเบียนราษฎร์ ผู้ซึ่งไม่ค่อยชอบพอจ้าวฝู่สักเท่าไร

แล้วการที่จ้าวเยว่ไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ ก็ไม่อาจหลุดรอดสายตาของซูม่อเยี่ยไปได้

“บุตรสาวของท่านเจ้ากรมการคลังไม่ได้มางานเลี้ยงด้วย­อย่างนั้นหรือ ทำเช่นนี้ มิเป็นการไม่ให้เกียรติท่านโหวหรอกรึ” ซูม่อเยี่ยเอ่ยขึ้นต่อหน้าจ้าวฝู่และท่านโหว

จ้าวฝู่ที่อุตส่าห์เงียบมานาน และคิดว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นแล้วถึงกับหน้าชา เขาไม่คาดคิดว่าซูม่อเยี่ยจะใช้เรื่องนี้มาเล่นงานตนจึงรีบแก้ตัวออกมาว่า

“วันนี้จ้าวเยว่ไม่สบาย ข้าจึงให้นางพักผ่อนอยู่ที่จวน ต้องขอ­อภัยท่านโหวด้วย”

“หึ! ไม่ใช่เพราะความเกียจคร้านหรอกหรือ จึงไม่อยากมา” ซูม่อเยี่ยเอ่ยพร้อมแสยะปากใส่

“เอาเถอะ ๆ นางไม่สบายก็อย่ารบกวนเลย พวกเราสนใจกับ­งานเลี้ยงตรงหน้าจะดีกว่า” ท่านโหวตัดบท

ถึงแม้ว่าพวกขุนนางทั้งหลายจะรู้อยู่แล้ว ว่าจ้าวเยว่นั้นเป็น­สตรีเกียจคร้าน และเดิมทีก็ไม่ได้สนใจอะไร ทว่าการปฏิเสธงาน­เลี้ยงครั้งนี้ ได้ทำให้ชื่อเสียงของนางย่ำแย่หนักขึ้นกว่าเก่า เพราะว่างานเลี้ยงนี้ ถือเป็นงานสำคัญ ท่านโหวเป็นถึงขุนนางใหญ่ของฉางอัน และตำแหน่งโหวนั้น ถือว่าเป็นผู้มีอำนาจรองจากฮ่องเต้กับท่านอ๋องเลยทีเดียว

 ณ ศาลาชมดาว

ศาลาชมดาวเป็นที่นั่งของบรรดาหญิงสาวที่มาจากตระกูลขุนนางต่าง ๆ พวกนางถูกจัดให้นั่งที่ตรงนี้โดยเฉพาะ เพราะเป็นจุด­ที่ชายหนุ่มในงานสามารถมองเห็นพวกนางได้ถนัด ถ้าหากต้องตาต้องใจสตรีนางใด ก็จะสามารถเข้ามาสนทนาด้วยได้

“นี่..เจ้าว่าจ้าวเยว่นางป่วยจริงหรือไม่” สตรีสูงศักดิ์นาง­หนึ่งเอ่ยขึ้น

“หึ..ข้าว่านางไม่ได้ป่วยหรอก หญิงเกียจคร้านอย่างนั้นคง­ไม่­อยากจะมางานเลี้ยงกระมัง” เสียงเอ่ยดังมาจากทางด้านหลัง

เป็นเสียงของซูหลิงเจียว บุตรีของซูม่อเยี่ยเจ้ากรมทะเบียนราษฎร์นั่นเอง

สตรีนางเดิมหันหลังกลับมาถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร ถึงแม้ว่านางจะเกียจคร้าน แต่ครั้งนี้อาจจะป่วยจริง ๆ ก็ได้”

ซูหลิงเจียวส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนเอ่ยขึ้น “ฟ่านถงถง เจ้านี่ช่างไร้­เดียงสาเกินไปแล้ว เจ้าว่าที่บิดานางเอ่ยนั้นเชื่อถือได้อย่างนั้นหรือ ผู้เป็นบิดาย่อมปกปิดความผิดของลูกตัวเองอยู่แล้ว แล้วทำไมข้าถึงรู้น่ะหรือ...ก็เพราะว่าเมื่อยามเว่ย ข้ายังเห็นนางออกมาซื้อขนมที่­ตลาดอยู่เลย”

“หรือที่นางไม่ยอมออกมาพบผู้คน เป็นเพราะว่านางมีรูป­โฉมที่ไม่งดงาม จึงไม่อยากมารวมกลุ่มกับพวกเรา ด้วยกลัวว่าจะ­อับอาย” หวังเว่ยเถียนบุตรีของหวังรั่วคหบดีผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

เมื่อทุกคนได้ยินประโยคนี้ของนาง ก็พากันหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนาน และเชื่อกันไปว่าจ้าวเยว่นั้น น่าจะมีรูปโฉมที่ไม่งดงาม จริง ๆ

“ที่เจ้าเอ่ยนั้นไม่ถูกต้อง ถ้าเจ้าได้เห็นนาง เจ้าจะต้องตะลึงเพราะว่าจ้าวเยว่นั้นมีรูปโฉมที่งดงามยิ่ง” ฟ่านถงถงบอก

“ข้าก็เห็นเช่นเดียวกันกับพี่ถงถง ข้าเคยเห็นนางครั้งหนึ่งที่­ร้านขายภาพวาด” ซูหนิงน้องสาวของซูหลิงเจียวเอ่ย

ซูหลิงเจียวส่งสายตาดุน้องสาวของตน

“ซูหนิง เจ้าหยุดเอ่ยเดี๋ยวนี้”

“จริงสิ ในฉางอันนี่จะมีใครงามเท่าคุณหนูซูหลิงเจียวอีกล่ะ ต่อให้เป็นจ้าวเยว่ก็เถอะ จะอย่างไรก็สู้พี่หลิงเจียวของพวกเราไม่ได้แน่นอน” หวังเว่ยเถียนเอ่ยยกยอ

ซูหลิงเจียวยิ้มรับอย่างพึงพอใจ ก่อนจะลอยหน้าลอยตาส่ง­สายตาไปทางกลุ่มของบุรุษ ที่กำลังยืนสนทนากันอยู่ที่ลานฝั่ง­ตรง­ข้าม

ที่จริงแล้วจ้าวเยว่ ผู้ซึ่งไม่สนใจเรื่องของความงามนั้น มีรูป­โฉมที่งดงามมาก จนมิอาจหาสตรีใดในฉางอันเทียบเทียมได้ด้วย­รูปร่างแบบบางอ่อนช้อย ทำให้นางดูเป็นหญิงสาวที่หวานหยด­ย้อย ขัดกับกิริยาที่ซุกซนของนาง

ผิวพรรณที่ขาวผุดผ่องจากการขัดถูทุกวัน ใบหน้าที่มีเลือด­ฝาดดั่งสาวแรกรุ่น โดยที่ไม่ต้องแต่ง­แต้มชาดให้แดงเหมือนกับสตรีนางอื่น ใบหน้ารูปไข่ที่สมมาตรตามแบบของหญิงงาม ทำให้นางดูเพียบพร้อม ราวกับโฉมสะคราญที่เดินออกมาจากภาพวาดของจิตร­กรเลื่องชื่อ

งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างครึกครื้น ขุนนางผู้ใหญ่สนทนาถึงเรื่องจวนเมือง หรือไม่ก็ครอบครัวของตนอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เหล่า­บุรุษต่างก็สนทนาเกี่ยวกับเรื่องการฝึกฝนวรยุทธ์ หรือไม่ก็พวก­ตำราความรู้ต่าง ๆ ส่วนสตรีเองก็สนทนากันถึงเรื่องความงามและเรื่องออกเรือน

เหล่าสตรีส่วนใหญ่ที่มาในงานนี้ ต่างก็หมายปองเซียวเฟิง บุตรชายของท่านเซียวโหวกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ซูหลิงเจียว เมื่อเซียวเฟิงปรากฏกายขึ้นท่ามกลางหมู่บุรุษ รูปโฉมที่หล่อเหลาของ­เขา ก็เป็นที่สะดุดตาของบรรดาหญิงสาวในงานยิ่งนัก

ซูหลิงเจียวพยายามส่งสายตาให้เขาไม่หยุด แต่ชายหนุ่มก็­มิได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

เนื่องจากคนที่เขากำลังมองหาคือจ้าวเยว่ต่างหาก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 6 จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้น ครอบครัว

    ตอนพิเศษ 6จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้นครอบครัวคุณชายเสวี่ยชางเยว่อายุได้สิบหกหนาวแล้ว เขาเพิ่งเรียนจบชั้นปีสุดท้ายจากสำนักศึกษา อีกทั้งยังได้รับตำแหน่งในกองทัพ เป็นถึงหัวหน้าหน่วยพลทหารราบถือทวนอีกด้วย ผลจากการฝึกฝนตั้งแต่ยังเด็ก จึงทำให้ฝีมือทวนของเขาเป็นรองเพียงแค่บิดาเท่านั้น นอกจากนั้นต่างก็ประลองแพ้เขาราบคาบ พลทหารทุกคน จึงยอมรับในฝีมือที่เก่งกาจเกินอายุของเขาเสวี่ยชางเยว่มีน้องสาวคนหนึ่ง ปีนี่ก็อายุย่างเข้าเก้าหนาวแล้ว มีนามว่าเสวี่ยหรูหราน เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ชอบเล่นซุกซนเหมือนบุรุษ ดูไปแล้วทั้งหน้าตาและนิสัยเหมือนกับจ้าวเยว่ไม่มีผิด นางชอบฝึกยุทธ์กับพี่ชาย และที่แตกต่างจากจ้าวเยว่อย่างหนึ่ง ก็คือนางมีฝีมือในเรื่องของศาสตร์ของสตรี ทั้งการเย็บปักถักร้อย เขียนอักษร วาดภาพ ทำอาหาร นางล้วนทำได้ดีเป็นอย่างยิ่งด้วยความที่เป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปหน้างามประดุจสตรีเหมือนบิดาไม่มีผิด อีกทั้งยังอัธยาศัยดี วาจาไพเราะ บุตรสาวตระกูลต่างๆ จึงพากันหมายปอง ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดในเมืองผานหยาง ย่อมมีหญิงสาวมองตามเขาอยู่เป็นประจำ บางคนถึงกับโยนผ้าเช็ดหน้าให้กลางถนนเลยก็มีและเสวี่ยชางเยว

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 5 จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้น ปกป้องเมือง

    ตอนพิเศษ 5จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้นปกป้องเมืองเซียวเฟิงกับซูหนิงได้รับการต้อนรับอย่างดี วันแรกที่พวกเขามาถึงเสวี่ยช่างเจิ้นก็จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ให้อย่างอบอุ่น อีกทั้งยังให้รองแม่ทัพเว่ยเป็นผู้พาทั้งสองทั้งสองเที่ยวที่เมืองผานหยางซึ่งเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า ฟ่านตวนคงจะให้ฟ่านหลินหลินเป็นคนตามไปด้วย ในเมื่อบุตรชายของท่านมหาเสนาบดีมาเมืองผานหยางทั้งที เจ้าเมืองอย่างเขา จะไม่เอาอกเอาใจได้อย่างไร“รองแม่ทัพเว่ย ท่านเห็นว่าข้าควรจะซื้อสิ่งใดไปฝากท่านพ่อกับท่านแม่ดี ที่เมืองผานหยางมีสิ่งใดน่าสนใจหรือไม่”เซียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น พลางสายตาก็กวาดมองไปบนถนนกลางเมือง ที่มีของขายมากมายอยู่เต็มไปหมด มากมายเสียจนไม่รู้ว่าจะซื้อสิ่งใดกลับไปฝากทุกคนที่จวนดีฟ่านหลินหลินที่มีนิสัยขี้ประจบเอาใจไม่ต่างจากบิดา มีดีก็ตรงที่นางฉลาดกว่า และรู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ จึงได้แนะนำไปว่า“ถ้าหากสำหรับบุรุษแล้วล่ะก็ จำพวกแผ่นป้าย หรือว่าตราสัญลักษณ์ที่ทำจากหยกของช่างที่นี่ฝีมือดีอย่างยิ่ง หากว่าท่านราชบัณฑิตอยากจะสั่งทำ ก็ใช้เวลาเพียงแค่สี่ห้าวันเท่านั้นเจ้าค่ะ แต่หากสำหรับสตรีแล้ว แป้งผัดหน้าที่นี่มีคุณภาพสูงไม่

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 4 จ้าวเยว่ - เสวี่ยช่างเจิ้น เสวี่ยชางเยว่

    ตอนพิเศษ 4จ้าวเยว่ - เสวี่ยช่างเจิ้น เสวี่ยชางเยว่จวนแม่ทัพใหญ่เสวี่ยที่เมืองผานหยางในคืนหิมะตกหนัก จวนแม่ทัพก็วุ่นวายเป็นการใหญ่ สาวใช้วิ่งวุ่นไปทั่วจวน เพื่อเตรียมของไว้รอหมอตำแยที่กำลังเดินทางมา ภายในห้องมีทั้งเสวี่ยฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า แล้วก็เสวี่ยช่างเจิ้น ที่กำลังกุมมือของจ้าวเยว่ไว้­แน่น และคอยบอกนางว่า ให้อดทนอีกสักหน่อย“ประเดี๋ยวหมอตำแยก็มาแล้ว เจ้าอดทนอีกหน่อยเถิดนะ”เสวี่ยช่างเจิ้นบอกกล่าวกับภรรยา พร้อมกับกระชับมือบางไว้แน่นจ้าวเยว่ที่เพิ่งจะเคยคลอดลูกเป็นครั้งแรกก็หวั่นใจเล็กน้อย นางหันไปถามเสวี่ยฮูหยินว่า “ท่านแม่ ตอนที่ท่านคลอดท่านพี่นั้น เจ็บปวดเพียงใดเจ้าคะ”“เจ็บปวดเพียงชั่วครู่ เมื่อเจ้าได้ยินเสียงลูกก็จะหายเจ็บปวดเอง”เสวี่ยฮูหยินตอบพร้อมกับให้กำลังใจลูกสะใภ้ที่กำลังมอบทายาทให้ตระกูลเสวี่ยคนแรกน้ำร้อนสองอ่างถูกนำมาวางไว้ที่โต๊ะด้านข้างเตียง ฤดูเหมันต์อากาศหนาว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้ทารกที่คลอดออกมาได้รับความอบอุ่น และยังต้องให้ความอบอุ่นแก่ผู้เป็นแม่เช่นกัน ผิงผิงจึงน้ำผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตามใบหน้าและแขนขา ให้คุณหนูของตนรถม้าของจวนแม่ทัพที่ส่งให้ไปร

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 3 ซูหนิง - เซียวเฟิง แต่งงาน

    ตอนพิเศษ 3ซูหนิง - เซียวเฟิงแต่งงานเมื่อเซียวเฟิงกลับมาถึงจวน ก็เดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ทันที แต่ทว่าบิดาและมารดากลับไม่มีใครอยู่ที่จวน ท่านเซียวโหวมีงานที่ต้องหารือกับฮ่องเต้เรื่องการสร้างเขื่อนเก็บน้ำที่เมืองต้าข่าย เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมอยู่ทุกปี ส่วนเซียวฮูหยินนั้นไปงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนชินอ๋อง เขาจึงตัดสินใจกลับเข้าเรือนของตนเองไปก่อน ให้ท่านทั้งสองกลับมาก่อน ค่อยนำเรื่องที่เขาตั้งใจไว้ ไปแจ้งให้พวกท่านทราบวันนี้เซียวเฟิงรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ความจริงที่เขาแอบชอบซูหนิงมาตั้งนานแล้วนั้นได้เปิดเผยออกไปเสียที เมื่อก่อนเขายังสับสนว่า รักนางเหมือนน้องสาวหรือว่ารักนางเหมือนคนรักกันแน่ มาวันนี้ก็ได้เข้าใจตัวเองแล้ว อีกทั้งยังเป็นที่น่ายินดีอย่างมากที่นางตกลงแต่งให้เขา ความสุขกายสบายใจเช่นนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นในรอบปี ทำเอาเขายิ้มหน้าบานตลอดทั้งวัน“นายน้อยจะแช่น้ำหรือไม่ขอรับ”หวังเหมิงบ่าวรับใช้ประจำกายของเซียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น เขาเห็นนายน้อยดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก็คิดว่านายน้อยคงอยู่ในช่วงเวลามีความสุขเป็นแน่ ช่วงเวลาที่มีความสุขเช่นนี้ เหมาะแก่การแช่น้ำเป็นท

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 2   ซูหนิง - เซียวเฟิง ข้าจะแต่งกับท่าน

    ตอนพิเศษ 2 ซูหนิง - เซียวเฟิงข้าจะแต่งกับท่านคำตอบของซูหนิงทำให้เซียวเฟิงรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง จนเขาแทบอยากจะถามคำถามนางต่อ แต่ก็ข่มใจไว้ และห้ามตนเองว่า อย่าได้ตื่นเต้นจนเสียอาการ มิเช่นนางอาจจะรู้สึกกลัวหรือระมัดระวังตัวอย่างมากจนไม่เป็นตัวของตัวเองก็เป็นได้“แล้วลักษณะของบุรุษที่เจ้าชมชอบเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ต้องแข็งแกร่งเก่งกาจถึงขั้นเป็นแม่ทัพเลยหรือไม่” เซียวเฟิงหยั่งเชิงถามออกมา และรอคอยคำตอบอย่างมีหวังการที่ได้รู้ว่าบุรุษในใจของซูหนิงเป็นอย่างไรนั้น ส่งผลต่อการสนทนาของทั้งสองเป็นอย่างมาก หากว่าคำตอบของซูหนิงเป็นเหมือนกับที่เขาคาดคิดไว้ การสนทนานี้จะดำเนินต่อไปอย่างมีความหวัง แต่ถ้าหากว่าคำตอบของนางไม่ได้เป็นดังที่คาด บทสนทนาก็อาจจะสะดุดลงได้ หรือถึงขั้นมีผู้ใดผู้หนึ่งต้องเสียใจ เซียวเฟิงจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยคำตอบนี้จากปากนางซูหนิงวางถ้วยน้ำชาในมือลง แล้วแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ราวกับว่าบนท้องฟ้าจะมีใบหน้าของบุรุษผู้นั้นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายแล้วนางก็หันมามองเซียวเฟิง ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ข้าชมชอบบุรุษที่ใจดีและเข้าใจข้าเป็นที่สุด” นี่คือคำตอบที่มาจาก

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 1 ซูหนิง - เซียวเฟิง ข้าอยากอยู่เคียงข้างสามีเช่นกัน

    ตอนพิเศษ 1 ซูหนิง - เซียวเฟิงข้าอยากอยู่เคียงข้างสามีเช่นกันขบวนรถม้าของตระกูลเสวี่ยเคลื่อนออกจากหน้าจวนไปแล้ว บริเวณด้านหน้าของจวนตระกูลเสวี่ยเวลานี้จึงเหลือเพียงคนตระกูลจ้าวที่มองขบวนรถม้าของจ้าวเยว่ด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ อีกทั้งยังมีเซียวเฟิงและซูหนิงที่ยังคงไม่ไปไหน ทั้งสองมองตามหลังรถม้าไปด้วยความเศร้าสร้อย ราวกับว่าทุกอย่างจะหยุดหมุน เมื่อพวกเขาทั้งสามคนไม่ได้อยู่ด้วยกันเมื่อรถม้าของตระกูลเสวี่ยพ้นสายตา คนตระกูลจ้าวจึงเดินทางกลับจวนตนเอง แม้จะมีสายตาอาลัยอาวรณ์ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เสียใจที่บุตรสาวของตนเองต้องไปอยู่ที่เมืองอื่นเลย นี่อาจจะเป็นเพราะว่า เขยขวัญได้เลื่อนยศเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของกองกำลังปกป้องดินแดนเหนือ ดังนั้นแม้จะจากลา แต่ควรดีใจจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่สำหรับเซียวเฟิงและซูหนิงนั้นไม่ใช่เลย พวกเขารู้สึกราวกับว่าขาดคนสำคัญไป เนื่องจากทั้งสามเป็นสหายกันมานาน ไม่ว่าเรื่องราวอันใดก็จะร่วมทำด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่จ้าวเยว่แต่งงาน พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกห่างเหินกันเลยสักครั้งเดียว ทั้งสองยังคงจำได้ถึงวันที่ชักชวนกันปีนหลังคาของจวนตระกูลจ้าว ในคืนหนึ่งก่อนที่จ้า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status