จ้าวจิ้งเทียนหันไปมองหญิงสาวผู้ยื่นข้อเสนอให้กับเขา
หึ! หนึ่งพันตำลึงงั้นรึ เขาที่เห็นเงินมากมายจนนับไม่ถ้วนไม่ได้สนใจกับข้อเสนอของนางสักเท่าใดนัก จึงหันหลังเดินออกมา แต่ทว่าหญิงสาวผู้นั้นช่างดื้อดึงนัก นางตามเขามาอย่างไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะมาหยุดตรงหน้าเขา
จ้าวจิ้งเทียนพิจารณามองใบหน้าของหญิงสาว ใบหน้าเรียวขาวอมชมพูเหมือนดอกเหมยแรกแย้ม ดวงตากลมโตเหมือนไข่หงส์ ผิวเนียนละเอียดราวกับหิมะ ทำให้เขาจิตใจหวั่นไหวไม่น้อย
เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับสตรีนางใดมาก่อน จ้าวจิ้งเทียนจึงหยุดและชำเลืองมองหลิวลี่เซียนเล็กน้อย
"ว่าอย่างไร ข้าซื้อต่อหนึ่งพันตำลึงขายรึไม่ ทำไมต้องเดินหนีข้าด้วย"
แววตาที่แฝงด้วยความดื้อรั้นและเอาเรื่องของหลิวลี่เซียน ทำให้จ้าวจิ้งเทียนเผลอยกยิ้มที่มุมปาก
"ไม่ขาย ข้าจำเป็นต้องใช้มัน"
จ้าวจิ้งเทียนตอบเสียงเรียบ ที่เขาออกมานอกวังวันนี้เพราะองครักษ์มารายงานเขาว่าไข่มุกสุยโหวมีขายที่หอเป่าชิง มันเป็นไข่มุกหายากยิ่งนัก และสรรพคุณของมันสามารถรักษารอยแผลเป็นบนใบหน้าเขาได้อีกด้วย
หลิวลี่เซียนมองจ้าวจิ้งเทียนด้วยแววตาครุ่นคิดเล็กน้อย อีตาคนนี้จะเอาไข่มุกสุยโหวไปทำไมกันนะ หรือว่าเอาไปให้ภรรยาของเขา
จ้าวจิ้งเทียนเดินหนีหลิวลี่เซียน แต่นางยังคงไม่ละความพยายามยังคงเดินตามเขาไม่หยุด จนกระทั่งเดินออกมาไกลจากตลาดมากแล้ว
นางแยกตัวออกมาจากไป๋หลางอย่างลืมตัว ก่อนจะพบว่าชายผู้นั้นได้เดินไปแล้ว
หลิวลี่เซียนเหมือนได้สติ นางหยุดเดินก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย น่าเสียดายนัก!
ในระหว่างที่หลิวลี่เซียนกำลังจะหมุนตัวกลับสายตาของนางก็มองไปรอบๆ ให้ตายสิ! เดินมาทางไหนล่ะเนี่ย แล้วจะกลับทางใดกันเล่า!!! หลิวลี่เซียนยกมือขึ้นกุมหน้าผากตนอย่างคิดไม่ตก
"เจ้าต้องการไข่มุกสุยโหวไปทำไม?"
หลิวลี่เซียนตกใจจนต้องรีบหันกลับไปมอง ก็พบกับชายคนเดิมที่นางตามตื๊อขอซื้อไข่มุกสุยโหวต่อจากเขา อะไรกัน! เมื่อกี้เห็นเดินหายไปไกลแล้วแท้ๆ
"ข้าชอบ ข้าอยากได้ ตกลงท่านจะขายให้ข้าใช่หรือไม่?"
หลิวลี่เซียนแบมือไปตรงหน้าจ้าวจิ้งเทียน เขาชักกล่องไข่มุกกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำให้หญิงสาวตรงหน้าคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
จ้าวจิ้งเทียนมองหน้าหลิวลี่เซียนอย่างพิจารณา ในใต้หล้านี้มีไม่กี่คนที่รู้จักไข่มุกสุยโหวนี่ เพราะถ้าไม่พิจารณาดีๆ ก็จะมองมันเป็นเพียงแค่ไข่มุกไร้ค่าเม็ดหนึ่งเท่านั้น นอกจากว่าคนผู้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่เชื่อว่านางจะแค่ชอบมันเท่านั้น!
"ท่านจะโก่งราคากันหรือไง ข้าให้ได้แค่หนึ่งพันตำลึงเท่านั้น หากท่านไม่เชื่อว่าข้ามีตำลึงให้จ่าย งั้นข้ามัดจำไว้ก่อนห้าร้อยตำลึง อีกห้าร้อยตำลึงข้าจะกลับไปเอาที่จวนแล้วให้คนส่งไปให้ท่าน ว่าแต่ท่านเป็นบุตรชายจวนใดหรือ?" หลิวลี่เซียนพยายามต่อราคากับจ้าวจิ้งเทียน ยังไงซะท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าของร่างเดิมก็มีทรัพย์สินมากมาย นางขอมาใช้สักนิดหน่อยจะเป็นไรไป
"เจ้าเป็นบุตรสาวตระกูลใด?"
"ตระกูลหลิว พ่อข้าเป็นท่านเสนาบดี"
จ้าวจิ้งเทียนพยักหน้าเล็กน้อย บุตรสาวฝาแฝดของท่านเสนาบดีหลิวเทียนเฉิงนี่เอง ที่เขารู้ว่าเสนาบดีหลิวมีบุตรสาวฝาแฝดเพราะเสด็จพ่อเคยกล่าวว่า เสียดายที่เสด็จแม่หมายมั่นเจินเซียงไว้ให้เขาแล้ว มิฉะนั้นคงจะทาบทามสู่ขอบุตรสาวฝาแฝดของเสนาบดีหลิวคนใดคนหนึ่งให้แก่เขา
หญิงงามตรงหน้า เจ้าอยากเป็นชายารองของข้าหรือไม่?
จ้าวจิ้งเทียนสะบัดศีรษะไปมาไล่ความคิดพิลึกในหัวของเขาออกไป
ฟิ้ว! พรึ่บ!
จ้าวจิ้งเทียนรีบดึงตัวของหลิวลี่เซียนเข้ามาแนบกับตัวเขา นางมีสีหน้าตกใจพร้อมกับหันซ้ายหันขวาหาต้นต่อของธนูดอกนั้น
เจ็บใจนัก!!! วันนี้เขาไม่ได้ให้องครักษ์ลับตามมาด้วย แม้แต่ทหารรักษาพระองค์ก็ยังไม่มี ใครกันมันกล้าติดตามมาเล่นงานเขา
"นะ นั่นมันใช่ธนูรึเปล่า!!!"
"ตามข้ามาถ้ายังไม่อยากตาย"
หลิวลี่เซียนวิ่งตามจ้าวจิ้งเทียนที่จับมือนางวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เสียงธนูยังคงไล่ตามมาไม่หยุด นางรีบหันไปมองจ้าวจิ้งเทียนแล้วต้องเบิกตากว้าง แขนขวาของเขาที่จับมือนางไว้มีบาดแผลที่เกิดจากของมีคม ถ้าให้นางเดาน่าจะเป็นธนูนั้น
"หลบไปตรงนั้น ห้ามออกมาจนกว่าข้าจะสั่ง!"
จ้าวจิ้งเทียนผลักหลิวลี่เซียนให้ไปหลบที่หลังกิ่งไม้ใหญ่ ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าไปจัดการกับมือธนูทีละคน
ทำไมเขาเท่จังนะ ไม่สิ!!! ใช่เวลาไหม
ไม่นานหลังจากที่ต่อสู้อยู่สักพัก มือธนูที่ตามมาก็ล้มลงตายอย่างไม่เหลือซาก จ้าวจิ้งเทียนเดินมาหาหลิวลี่เซียนที่มองมาที่เขาด้วยสายตาตกตะลึง แต่มันก็แค่แวบเดียวเท่านั้น
"ท่านบาดเจ็บ!!!"
"ข้าไม่เป็นอะไร ประเดี๋ยวข้าจะเดินกลับไปส่งเจ้าตรงมุมตลาดนั้น เจ้าก็กลับจวนไปเถิด ที่ตรงนี้ไม่ปลอดภัยเท่าใดนัก"
"ให้ข้าใส่ยาทำแผลให้ท่านก่อนเถิด"
"ข้าไม่เป็นอะไร"
หลิวลี่เซียนไม่ฟังเสียงของจ้าวจิ้งเทียนแม้แต่น้อย นางดึงมือเขาให้มานั่งใต้ต้นไม้ จ้าวจิ้งเทียนมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ตั้งแต่เล็กจนโตมาในวัยสิบแปดปีเขาไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวหญิงสาว แต่นี่มันอะไรกัน หญิงสาวจากจวนตระกูลใหญ่ทำไมถึงมือไวนัก
หลิวลี่เซียนเหมือนจะรู้ความคิดของจ้าวจิ้งเทียน นางเบ้ปากน้อยๆ ก่อนจะมองค้อนเขา
"ข้ามิได้เสน่หาท่านหรอกนะ อย่ามาทำหน้าแบบนั้น ข้าแค่อยากตอบแทนที่ท่านช่วยดึงข้าให้พ้นจากธนูดอกนั้นก็เท่านั้นเอง"
จ้าวจิ้งเทียนมีสีหน้าเรียบเฉย เขานั่งมองหลิวลี่เซียนที่กำลังขยำใบอะไรสักอย่างอย่างใจจดใจจ่อ
"เจ้าทำอะไร?"
"ขยำใบบัวบกไง โชคดีนะข้าแวะซื้อมันมาตอนเดินตลาดนั่น มันมีสรรพคุณสมานแผลแก้อักเสบด้วยนะ มานี่เอาแขนท่านมา"
จ้าวจิ้งเทียนยื่นแขนให้นางอย่างว่าง่าย พลางมองดูหญิงสาวตรงหน้าทำแผลให้เขาอย่างตั้งอกตั้งใจ
เขาคิดผิดที่ไหนกัน บุตรสาวตระกูลหลิวนางนี้ไม่ธรรมดา?
ในขณะที่กำลังทำแผลผ้าคลุมหน้าของจ้าวจิ้งเทียนที่คลุมไว้ก็หลุดออกมา ทำให้หลิวลี่เซียนที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาตกตะลึงไม่น้อย
แก้มข้างขวาของเขาเป็นรอยแผลเป็นยาวสีดำนูนใหญ่ จ้าวจิ้งเทียนเหมือนจะรู้ตัวเขารีบดึงผ้ามาคลุม แต่ถูกหลิวลี่เซียนคว้ามือไว้ เขาหันไปมองนางด้วยแววตาเย็นชา
"เจ้าคิดจะทำอะไร"
"ดูแผลบนหน้าท่านไง"
หลิวลี่เซียนมองเขาด้วยสายตาปกติ ไม่มีแววตาหวาดกลัวหรือรังเกียจแม้แต่น้อย
"ท่านไปทำสิ่งใดมา หน้าถึงเป็นรอยแผลเช่นนี้"
"อย่ายุ่งเรื่องของข้า กลับไปซะ"
หลิวลี่เซียนจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด อะไรกัน น่าเสียดายใบหน้าหล่อเหลานี้นัก ถ้าได้ครีมของนางไปใช้นะ ไม่เกินสองอาทิตย์รับรองหล่อใสเหมือนเดิม รอยแผลไม่ลึกเท่าไร แต่ค่อนข้างยาวดำเกิดจากการรักษาผิดวิธี
"ข้ารักษาใบหน้าท่านได้นะ"
จ้าวจิ้งเทียนหันมามองนางด้วยแววตามีความหวัง ก่อนจะเก็บสายตาคืนกลับ
"เจ้าน่ะเหรอ?"
"นี่ๆๆๆ อย่ามามองข้าด้วยสายตาแบบนี้เชียวนะ เอางี้ ข้าจะบอกสูตรท่านไป ท่านก็เอาไปลองทำดู แต่มีข้อแม้นะ?"
"เจ้าต้องการอะไร?"
หลิวลี่เซียนยิ้มจนตาหยีพลางกวาดสายตามองไปที่กล่องไข่มุกนั่น
"ได้ ถ้าเจ้ารักษาข้าได้ ข้ายินดีให้เจ้าทุกอย่าง แต่ถ้าเจ้าทำไม่ได้เหมือนที่เจ้าว่า หึ!"
จ้าวจิ้งเทียนมองหลิวลี่เซียนด้วยใบหน้าเย็นเหยียบ จนนางรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
"ไม่ยาก ท่านเห็นใบบัวบกนี่ไหม ท่านใช้มันวันละกำคั้นแต่น้ำเอามาทารอยแผลนี้ของท่านทุกวันเช้าเย็น ส่วนไข่มุกสุยโหวท่านใช้แค่หนึ่งเม็ดบดให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งสองช้อน เอามาทาแผลท่านก่อนนอน เท่านี้ไม่ยาก ท่านจำได้รึไม่?"
จ้าวจิ้งเทียนพยักหน้าเล็กน้อย
"เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าสมุนไพรนั่นกับไข่มุกสุยโหวสามารถรักษารอยแผลบนหน้านี้ได้?"
"ข้าเคยเรียนมา"
หลิวลี่เซียนพูดพลางยิ้มตาหยี ก่อนจะมองไปที่กล่องไข่มุกสุยโหวด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
นางต่างจากหญิงสาวทั่วไปนัก นางไม่กลัวใบหน้าอัปลักษณ์นี้ของเขา
"เจ้าชื่ออะไร?"
หลิวลี่เซียนหันไปมองจ้าวจิ้งเทียนที่เอ่ยถามชื่อของนาง
"ชิงชิง ท่านล่ะ?"
"ข้าชื่อจิ้นหมิง"
หลิวลี่เซียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ความรู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ร่างกายของนางอย่างตั้งรับเอาไว้แทบไม่ทัน"ดื่มน้ำก่อนนะคะ คุณหนู"หลิวลี่เซียนหันไปมองก่อนจะพบเข้ากับเลขาหวัง เลขาประจำตัวของนางที่เพิ่งจ้างเข้ามาทำงานให้เมื่อห้าปีก่อนเดี๋ยวนะ!! นี่มันเรื่องอะไรกัน?หลิวลี่เซียนยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มด้วยความหิวกระหาย ก่อนจะมองสังเกตไปโดยรอบ ก็พบว่าตอนนี้ตนเองกำลังใส่ชุดของโรงพยาบาลอยู่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นางย้อนกลับมาร่างเดิมเช่นนั้นหรือ?หลิวลี่เซียนยกมือขึ้นบีบหว่างคิ้วที่ปวดหนึบขึ้นมาเสียดื้อๆ ความคิดมากมายประเดประดังเข้ามาในหัวของนางอย่างไม่จบไม่สิ้น"คุณหนูชิงชิงคะ อีกเดี๋ยวคุณหมอคงจะมาแล้วค่ะ""เลขาหวัง""คะคุณหนู?""ข้า เอ่อ ฉันหลับไปนานเท่าไร แล้วที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง?"เลขาหวังขมวดคิ้วมอง 'จ้าวชิงชิง' ด้วยแววตาสงสัย แต่ก็ยอมเอ่ยปากเล่าให้เธอฟังทุกเรื่องเลขาหวังเล่าว่า คุณพ่อของจ้าวชิงชิงโทรมาหาเลขาหวังกลางดึกให้รีบพาตำรวจมาที่บ้านโดยด่วนที่สุด เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรท่านประธานจึงให้เรียกตำรวจเข้าไปในเวลาดึกดื่นเช่นนี้แต่เมื่อเธอไปถึงก็พบว่าหลี่เย่สามีของจ้าว
ภายในคุกหลวงที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงไฟส่องสว่าง ปรากฏร่างของเหมยฮวาชิงที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นที่มีหนูตัวน้อยใหญ่ไต่ยั้วเยี้ยไปมาอย่างน่าขนลุก"ได้เวลาดื่มยาพิษแล้ว"เสียงผู้คุมคุกหลวงที่นางได้ยิน ราวกับเสียงแห่งขุมนรกกำลังเรียกร้องหานาง นางไม่อาจจะยอมรับได้เลยว่า สุดท้ายแล้วนางต้องมาตกตายด้วยยาพิษที่ตนเองเป็นคนสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของนางเองหลังจากเหมยฮองเฮาตายจากไปแล้ว ก็มีคำสั่งให้ประหารคนตระกูลเหมยจนสิ้นซาก ไม่เหลือรอดแม้เพียงคนเดียว บ่าวไพร่ถูกโบยจนตกตายไปตามกัน ป้ายคำสั่งทหารนับแสนนายที่เคยอยู่ในมือของท่านพ่อก็ถูกยึดคืนสู่ราชสำนักไปหมด จ้าวจิ้งเทียนช่างโหดร้ายยิ่งนัก เขาถอนรากถอนโคนตระกูลเหมยจนสิ้นซากไร้การได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้งจวนตระกูลเหมยถูกยึดเป็นสมบัติคลังหลวง ตระกูลเหมยที่เคยโอ่อ่าใหญ่โต อำนาจบารมีล้นฟ้า ไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรด้วย สุดท้ายแล้วกลับหายสาบสูญตายจากไปอย่างไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียวเหมยฮวาชิงถูกกรอกยาพิษทุกวัน วันละสามมื้อ หลิวลี่เซียนช่างจิตใจอำมหิตจนน่าหวาดกลัวเหมยฮวาชิงดิ้นทุรนทุราย ดวงตาเบิกโพลงกระอักเลือดออกมาคำโต ช่วงชีวิตสุดท้ายของนางนั้น นางนึกหวนย้อนไปถึง
รัชศกจิ้งเทียนปีที่หนึ่งหลิวลี่เซียนกำลังนั่งอยู่ที่หน้ากระจกมองดูตนเองถูกเหล่านางกำนัลจัดแต่งอาภรณ์ให้ด้วยความใส่ใจ นางยกยิ้มมุมปากมองดูสตรีที่สูงส่งตรงหน้าด้วยสายตาพอใจ นี่ใช่นางจริงหรือ? ราวกับฝันไปเสียจริงๆ"ได้เวลาแล้วเพคะฮองเฮา"หลิวลี่เซียนพยักหน้าก่อนจะมองไป๋หลางด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ไป๋หลางนั้นได้เลื่อนขั้นเป็นนางกำนัลคนสนิทของหลิวลี่เซียนคอยรับใช้อยู่ข้างกายนางหลิวลี่เซียนนั่งอยู่บนเกี้ยว มองดูเหล่าขันทีนางกำนัลหมอบกราบทำความเคารพนางด้วยสายตาอ่อนโยนมีเมตตา เสียงดนตรีบรรเลงขับขาน ช่างฟังแล้วให้ความรู้สึกตื้นตันในใจเหลือคณานางกับจ้าวจิ้งเทียนอภิเษกสมรสกันเมื่อสองเดือนก่อน หลังจากที่ไท่ซังหวงทรงสละราชสมบัติ จ้าวจิ้งเทียนจึงแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮาหลิวฮองเฮาสวมชุดสีแดงปักลายหงส์คู่มังกร แถบเซี๊ยะเพ่ยปักลายหงส์พิลาสคู่ มงกุฎหงส์เป็นรูปแบบดั้งเดิมของราชวงศ์ต้าโจว มีหงส์รำแพนคู่หนึ่งตัว ด้านข้างคือหงส์พิลาสข้างละหนึ่งตัว ประดับด้วยทับทิมและอัญมณี ส่งเสริมให้พระนางดูงามสง่าและน่าเกรงขามยิ่งนัก ใบหน้าที่งดงามดูทรงอำนาจชวนมอง ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นไม่สามารถละสายตาจากนางไปได้ฮ่องเต้จ้
หลิวลี่ซือจ้องมองร่างอันไร้ซึ่งลมหายใจของเหมยฮองเฮาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แล้วเดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากคุกหลวงโดยไร้ซึ่งพิรุธใดๆ นางเดินไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ชื่นชมบรรยากาศภายในวังหลวงยามค่ำคืนอย่างสงบเยือกเย็นคืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามเหลือเกิน ท่านแม่เจ้าคะ ป่านนี้ท่านคงกำลังชื่นชมข้ากับท่านพี่ลี่เซียนอยู่บนสรวงสวรรค์ใช่หรือไม่?รุ่งเช้าข่าวการตายอย่างปริศนาของเหมยฮองเฮาก็เป็นที่โจษจันกันไปทั่วทั้งวังหลวง สภาพศพช่างน่าเวทนาและน่าขยะแขยงไปในคราเดียวกัน อดีตฮองเฮาพระองค์นี้ช่างอายุสั้นยิ่งนัก เพิ่งจะได้เสวยความสุขอยู่ในตำแหน่งที่สูงสุดได้ไม่นาน ก็ร่วงตกลงมาสู่ความตายเบื้องล่างอย่างน่าอนาถในที่เกิดเหตุพบผ้าคลุมผืนหนึ่งปักตัวอักษรฮวาชิงเอาไว้ คาดว่าน่าจะเป็นของฆาตกรที่ใช้ฆ่าอดีตฮองเฮา ผู้คุมคุกหลวงถูกสอบสวนอย่างหนัก เขาให้การว่ามีนางกำนัลของตำหนักพระชายารององค์รัชทายาทมาขอพบกับอดีตฮองเฮา บอกว่าพระชายารองให้นำสิ่งของมามอบให้อดีตฮองเฮา หลังจากที่นางกำนัลผู้นั้นเดินออกมา อดีตฮองเฮาก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว กว่าจะทราบว่านางตายก็เกือบจะรุ่งสางของอีกวันเหมยฮวาชิงถูกควบคุมตัวมา
จ้าวเฟยหรงมองเหมยฮองเฮาด้วยแววตาเย็นเยียบ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนที่เขารักยิ่ง นางถึงกับกล้ามาวางยาพิษเชียวหรือ ช่างบังอาจเทียมฟ้ายิ่งนัก!!!"นังคนสารเลว!!!""หึ!! ไม่ใช่แค่บุตรชายของเจ้านะ แม้แต่แม่ของเจ้าก็ถูกข้าวางยาพิษมานานเสียจนร่างกายอ่อนแอ อีกไม่นานนางคงจะไปสู่ปรโลกอย่างเป็นสุขพร้อมกับบุตรชายของเจ้า ฮ่าาๆๆๆ""นังคนสารเลว สุดท้ายเจ้าก็หลุดปากออกมาทั้งหมดว่าเจ้าเป็นคนทำ!!!""แล้วอย่างไรเล่า!! ข้าเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดด้วยตนเอง คนในตระกูลข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง"จ้าวจิ้งเทียนส่งเสียงเฮอะในลำคอ ใครเชื่อนางก็บ้าเต็มทนแล้ว เขามองนางด้วยสายตาดูแคลนก่อนจะเอ่ยปากกับนาง"คนในตระกูลของเจ้าจะมีส่วนรู้เห็นในความเลวของเจ้าหรือไม่นั้น ข้าจะเป็นคนสืบหาเอง!!!"จางอิงอิงมองเหมยฮองเฮาก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก นางค่อยๆ ย่องไปทางด้านหลังของเหมยฮองเฮาด้วยฝีเท้าที่เบาเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะใช้เข็มเงินอาบยาพิษแทงเข้าไปที่ต้นคอของเหมยฮองเฮาฉึก!!!"อ๊าาาา"หลิวลี่เซียนอาศัยช่วงเวลาชุลมุนนี้ กระทุ้งศอกไปที่ปลายคางของเหมยฮองเฮาอย่างแรงจนนางมึนงง เซถลาใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน"จับนางไว้!!!"เหล่าทหารจับ
หลิวลี่เซียนยื่นมือไปทุบประตู หวังจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่ามันร้อนเสียจนนางต้องรีบชักมือกลับ ควันสีขาวภายในห้องยิ่งพวยพุ่งมากขึ้นจนนางรู้สึกจุกแน่นที่จมูกและเริ่มหายใจไม่ออก นางถอยหลังออกมาทรุดตัวลงนั่ง สติเริ่มรางเลือนลงไปทุกขณะ"ชิงชิง"หลิวลี่เซียนพยายามประคองสติและเงยหน้าไปมอง ร่างของนางถูกจ้าวจิ้งเทียนช้อนตัวอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ก่อนที่เขาพานางพุ่งทะยานออกมาจากเรือนที่ไฟกำลังไหม้ลุกโหม"แค่ก แค่ก""เป็นอย่างไรบ้าง"หลิวลี่เซียนพยักหน้าน้อยๆ นางเองรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยที่ได้ออกมาจากควันสีขาวที่ลอยคลุ้งเช่นนั้น"ท่านมาได้อย่างไร""ข้ารู้สังหรณ์ในใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับเจ้าก่อนถึงวันแต่งงานของเรา ข้าคาดเดาไว้ไม่ผิดเลย พวกมันลงมือรวดเร็วยิ่งนัก""ลี่เซียน เจ้าไม่เป็นอะไรนะ""ท่านพี่ ข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ซินฮวาเล่า""นางสำลักควันจนหมดสติ หมอหลวงกำลังดูอาการอยู่""เหตุใดไฟจึงไหม้ได้เจ้าคะ""คาดว่าเหมยฮองเฮาคงจะลงมือแล้ว สายสืบภายในของข้าที่แฝงอยู่ในตำหนักนางถูกนางสังหารจนสิ้นไปเสียแล้ว"หลิวลี่เซียนใจหล่นวูบ นางมองจ้าวฝูหมิงด้วยสายตาเป็นกังวล จ้าวฝูหมิงรับรู้ในความกังวลของน