ตอนที่ 5
คุณหนูใหญ่กับคุณชายตระกูลซู
“ช้าก่อน!!! เจ้าทำเช่นนี้กับหลานสาวข้าได้อย่างไรเจ้าลูกเต่า แต่งเข้าตระกูลผู้อื่น แต่เอาเงินของเขาไปเลี้ยงเมียชู้กับลูกนอกสมรสเนี่ยนะ” เสียงนี้เป็นของซุนหนิงเจี้ยน ท่านลุงของนางนั่นเอง
“นายท่านซุนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนนอก” จางลู่เหวินเอ่ยเสียงเย็นชา
“จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร เจ้าตบหน้าหลานสาวข้าจนนางล้มทั้งยืนเช่นนี้ เจ้ายังเห็นนางเป็นลูกอยู่หรือไม่!!!” หว่านเหมยฮวาต่อว่าอย่างเหลืออด
“ฮูหยินซุนกล่าวเกินไปแล้ว เรื่องในครอบครัวมันก็ต้อง มีบ้างที่บิดาสั่งสอนบุตร พวกท่านกลับไปเถอะข้าจะคุยกับบุตรสาวข้าเอง”
“หึ!! คุยงั้นหรือ ดูก็รู้ว่าเจ้ารักเมียชู้กับลูกชู้ของตนมากกว่า ขนาดอยู่ต่อหน้าคนนับร้อยเจ้ายังทำร้ายนางได้ แล้วยามอยู่ในจวนเจ้าไม่ทำร้ายนางปางตายเลยหรือ” ซุนหนิงเจี้ยนไม่ยินยอม
“ท่านลุงท่านป้ากลับไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นไรหรอก ที่ผ่านมาท่านพ่อไม่เคยทุบตีข้ามาก่อน เมื่อครู่ที่ทำลงไปคงเป็นเพราะข้าพูดจาไม่ดีเอง”
ซูฮุ่ยฉินเอ่ย นั่นทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นสงสารหญิงสาวจับใจ
เช่นนี้ไม่ใช่ว่าเพราะมีสามแม่ลูกนี่เข้ามา คุณหนูซูฮุ่ยฉินจึงถูกบิดาทุบตีหรือ แล้วไม่รู้ว่าแอบเลี้ยงไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ลูกชู้ถึงได้โตจนอายุไล่เลี่ยกับคุณหนูซูฮุ่ยฉินเช่นนี้
“เจ้าแน่ใจนะฉินเอ๋อร์ เจ้าจะยอมไปทำไมในเมื่อที่เจ้าพูดนั้นคือความจริง” ผู้เป็นลุงเอ่ยถามอย่าเป็นห่วง
“ช่างเถอะเจ้าค่ะท่านลุง ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ ท่านลุงกับท่านป้ากลับไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลางยิ้มให้เล็กน้อย ตอนนี้ใบหน้าของนางเริ่มบวมอย่างเห็นได้ชัด
“ได้ยินที่บุตรสาวข้าเอ่ยแล้วใช่หรือไม่ พวกท่านกลับไปเสียเถอะ เหิงเยว่ เยว่ซินเข้าจวน เจ้าด้วยฮุ่ยฉิน” จางลู่เหวินเอ่ยก่อนจะเดินเข้าจวนไปก่อน
เจ้าของจวนเข้าไปพร้อมคนในจวนหมดแล้ว แต่ชาวบ้านที่มารอดูเรื่องสนุกยังไม่จากไปไหน เพราะคิดว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกแน่
ด้านในตอนนี้ซูฮุ่ยฉินกำลังนั่งคุกเข่าตรงหน้าบิดา โดยมีสามแม่ลูกนั่งบนเก้าอี้มองดูนางอยู่
“ท่านพี่คุณหนูฮุ่ยฉินคงตกใจที่อยู่ ๆ ก็มีพี่ชายพี่สาวเช่นนี้ อีกอย่างท่านก็ยังไม่ได้บอกนางด้วย ท่านพี่อย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะ” ฟางเจียวเหมยเอ่ยกับสามี
“พี่สาวก็ขอโทษเจ้าด้วยที่อยู่ ๆ เข้าไปพูดกับเจ้าเช่นนั้น พี่สาวคิดว่าเจ้ารู้อยู่แล้ว” ซูเยว่ซินเอ่ยพลางยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง
“ท่านพ่อลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ แต่ข้าขอคุยกับท่านพ่อเพียงสองคนได้หรือไม่” นางเอ่ยโดยมองไปที่บิดาเพียงคนเดียว
“เห้อ!! เจ้าตามพ่อไปที่ห้องทำงาน ส่วนพวกเจ้าพ่อให้พ่อบ้านจัดเรือนเอาไว้ให้แล้ว ตามพ่อบ้านไปดูเรือนตัวเองเถอะ” จางลู่เหวินเอ่ยก่อนจะเดินนำไปยังห้องทำงานตัวเอง
ซูฮุ่ยฉินเดินตามไปเงียบ ๆ ตอนนี้เรื่องของสามแม่ลูกคงแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว ยิ่งได้ท่านลุงกับท่านป้ามาช่วยแสดงงิ้วเมื่อครู่อีก
วันนี้ท่านป้าของนางจะไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชากับฮูหยินขุนนางท่านหนึ่ง และพวกฮูหยินเหล่านั้นก็ชอบเรื่องพวกนี้เสียด้วย
“เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเอ่ยอันใดออกไปบ้าง เจ้าทำให้ท่านแม่กับพี่ชายพี่สาวเจ้าเสื่อมเสียรู้ตัวหรือเปล่า” จางลู่เหวินหงุดหงิดบุตรสาวตรงหน้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ข้าทราบดีเจ้าค่ะ แต่ท่านพ่อที่ข้าเอ่ยไปนั้นไม่ได้ตั้งใจเลยจริง ๆ เพียงได้ยินที่แม่นมถังเอ่ยมาเท่านั้น เช่นนั้นลูกจึงได้สั่งลงโทษแล้วขายนางออกไปอย่างไรเล่า”
“เห้อ!!!” จางลู่เหวินลูบใบหน้าตนเองอย่างหนักใจ ข่าวลือที่เมืองหลวงไปเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง จะปิดข่าวเช่นที่เมืองชิงคงยาก
“ท่านพ่อยกโทษให้ลูกสักครั้งได้หรือไม่” นางเอ่ยพลางก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดที่เรื่องเป็นเช่นนี้
“เอาเถอะ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ต่อไปนี้ซูเยว่ซินกับซูเหิงเยว่จะมาเป็นพี่สาวพี่ชายเจ้า ต่อไปเจ้าก็เรียกเยว่ซินว่าพี่หญิง เรียกเหิงเยว่ว่าพี่ชายแล้วกัน”
“เจ้าค่ะ แล้วสตรีนางนั้น....” นางเอ่ยเพียงเท่านั้น
“นางจะมาเป็นภรรยาเอกของพ่อ เจ้าเรียกนางว่าท่านแม่เถอะ พ่อหวังว่าเจ้าจะยอมรับพวกเขา เพราะที่ผ่านมาพวกเขาต้องอยู่อย่างหลบซ่อนและลำบากมาก ถือว่าพ่อขอร้องเจ้าเถอะนะ”
บิดาเอ่ยพลางบีบมือนางเบา ๆ ประโยคนี้นางก็เคยได้ยินจากปากบิดา และเมื่อนางกลับเรือนตนเองจึงถูกแย่งเรือนไป โดยมีบิดาเห็นดีเห็นชอบด้วย
“เจ้าค่ะ” นางรับคำพลางแสร้งยิ้มกว้างให้บิดาอย่างสดใส
“เช่นนั้นเจ้ากลับเรือนเถอะ พ่อจะให้หมอมาดูหน้าเจ้าให้ พ่อขอโทษที่ทำร้ายเจ้าเช่นนี้ เจ้าช่วยยกโทษให้พ่อได้หรือไม่” บิดาเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“ข้าไม่โกรธท่านพ่อหรอกเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจ” นางเอ่ยอย่างบุตรสาวว่านอนสอนง่าย
ตกดึกคืนนั้นเรือนบิดาจึงมีผึ้งไร้ที่มา ตอดคนในเรือนจนมีใบหน้าบวมบูด ทำให้ต้องเรียกหาหมอกันกลางดึกเลยทีเดียว
เมื่อกลับถึงเรือนก็เห็นซูเยว่ซินกำลังเดินดูเรือนของนางอยู่ ราวกับตนเป็นเจ้าของเรือนเอง
“น้องสาวเจ้ามาแล้วหรือ พ่อบ้านบอกว่าเรือนนี้เป็นของเจ้า แต่พี่สาวรู้สึกถูกชะตากับเรือนนี้มาก เจ้าจะยกให้พี่สาวได้หรือไม่” ซูเยว่ซินเอ่ยขออย่างหน้าตาเฉย
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าคงยกเรือนนี้ให้พี่สาวไม่ได้ เพราะเรือนนี้ถูกสั่งให้สร้างมาเพื่อข้าโดยเฉพาะ พี่สาวเลือกเรือนอื่นเถิดในจวนนี้ยังมีเรือนว่างอีกหลายเรือนนัก”
“แต่พี่สาวไปเดินดูมาหมดแล้ว ยังไม่มีเรือนไหนถูกใจเลยสักเรือน จนมาเห็นเรือนของเจ้านี่แหละ เจ้ายกให้พี่สาวเถอะนะ เจ้าค่อยไปเลือกเรือนใหม่ก็ได้นี่”
“เยว่ซินเจ้าอย่าไปบังคับคุณหนูฮุ่ยฉินเลย” ฟางเจียวเหมยเอ่ยขณะเดินเข้ามาพร้อมบิดา
“ท่านแม่! ก็เรือนอื่นไม่ถูกใจข้านี่เจ้าคะ” ซูเยว่ซินเอ่ยพลางทำหน้าเศร้า
“ฮุ่ยฉินเจ้าอยู่เรือนนี้มานานแล้ว เจ้าช่วยยกเรือนนี้ให้พี่สาวเจ้าอยู่ได้หรือไม่ ไว้พี่สาวเจ้าเบื่อเจ้าค่อยย้ายกลับมา” บิดาเอ่ยขอร้องแทนบุตรสาวคนโต
“ขออภัยเจ้าค่ะท่านพ่อ แต่เรือนนี้มีความทรงจำของลูกกับท่านแม่อยู่มากมาย ได้อยู่เรือนนี้ก็เหมือนได้อยู่กับท่านแม่ ท่านพ่ออย่าให้ลูกย้ายออกไปอยู่เรือนอื่นเลยนะเจ้าคะ” นางเอ่ยน้ำตาคลอพร้อมจะไหลได้ทุกเมื่อ
ผู้เป็นบิดาเห็นเช่นนั้นจึงใจอ่อนอีกครั้ง เพราะเมื่อครู่ตนก็ทำผิดกับบุตรสาวไป
“เอาล่ะ ๆ เยว่ซินเจ้าเลือกเรือนใหม่เถอะ เรือนนี้ฮุ่ยฉินกับมารดาของนางเคยใช้เวลาร่วมกัน ถือว่าพ่อขอร้องเถอะนะ” เมื่อบุตรสาวคนรองไม่ยอม เขาจึงพูดกับบุตรสาวคนโตแทน
“เจ้าก็อย่าไปแกล้งน้องรองอีกเลย ไม่เห็นหรือว่าน้องรองออกจะน่าสงสาร” ซูเหิงเยว่เอ่ยพลางเดินมาโอบไหล่นาง
นางจึงขยับออกห่างเล็กน้อย นั่นทำให้เขาหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศกระอักกระอวนจึงเกิดขึ้น
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้ายังไม่ชินเวลาที่คนอื่นแตะเนื้อต้องตัว จึงได้แสดงท่าทีเช่นนั้นออกไป”
ซูฮุ่ยฉินเอ่ย ทั้งที่ความจริงนางพะอืดพะอมจนแทบจะวิ่งไปอาเจียนอยู่แล้ว
“เอาเถอะอยู่กันไปเดี๋ยวก็ชินเอง อย่างไรพวกเจ้าก็เป็น พี่น้องกันรักกันไว้น่ะดีแล้ว” ผู้เป็นบิดาเอ่ยแก้ให้
“แต่ข้าไม่ถูกใจเรือนใดเลยนี่ เรือนอื่นก็มีแต่เรือนเล็ก ๆ หากเรือนใหญ่หน่อยลมก็ไม่ค่อยพัดผ่าน เรือนของน้องรองออกจะกว้างขวาง แถมเย็นสบายด้วย น้องรองเจ้ายกเรือนนี้ให้พี่สาวไม่ได้จริงหรือ” เอ่ยพลางคาดคั้นอย่างเอาแต่ใจ
“คุณหนูฮุ่ยฉินยกเรือนนี้ให้พี่สาวของคุณหนูได้หรือไม่ นางมีโรคประจำตัวต้องอยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก เห็นแก่ที่คุณหนูเป็นพี่น้องกันเถอะนะเจ้าคะ” ฟางเจียวเหมยเอ่ยขอร้องช่วยบุตรสาวอีกคน
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้ายกเรือนนี้ให้พี่สาวไม่ได้จริง ๆ ท่านพ่อได้โปรดเข้าใจลูกด้วย”
นางไม่พูดกับคนเหล่านั้นแต่หันมาพูดกับบิดาแทน พร้อมส่งสายตาเศร้าสร้ายไปให้
จางลู่เหวินได้แต่มองบุตรสาวคนรองอย่างเห็นใจ นางเพิ่งสูญเสียมารดาไป แถมพี่สาวต่างแม่ยังอยากได้เรือนที่นางมีความทรงจำกับมารดาอีก
“เยว่ซิน เรือนนี้มีความทรงจำของน้องรองเจ้ากับมารดาอยู่ เจ้าก็อย่าไปคาดคั้นเอากับน้องเลย เจ้าเลือกเรือนใหม่เถอะหากไม่ถูกใจพ่อจะสั่งให้ช่างเข้ามาต่อเติมให้”
บิดาเอ่ยเช่นนั้นทำให้ทุกคนไม่กล้าขัดอีก ซูฮุ่ยฉินแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย
แต่ซูเยว่ซินนั้นทั้งเสียหน้า ทั้งหงุดหงิดเมื่อถูกบิดาขัดใจ ทั้งที่ที่ผ่านมาตนอยากได้อะไรบิดาก็มักจะหามาให้ได้เสมอ
ตอนพิเศษ 2.1โซ่ทองเส้นนี้ชวนหงุดหงิดเสียจริง“ยินดีด้วยขอรับท่านประมุข ตอนนี้นายหญิงตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว ข้าจะไปจัดยาบำรุงครรภ์ให้นายหญิงนะขอรับ”หมอเอ่ยจบแล้ว แต่ตัวคนฟังยังไม่ได้สติ เพราะดีใจจนทำอะไรไม่ถูกจนซีหลิงหยุนมาสะกิด“นายท่านไม่เข้าไปหานายหญิงหรือขอรับ หรือนายท่านไม่ดีใจที่นายหญิงท้อง”เพี๊ยะ!!!!เมื่อซีหลิงหยุนเอ่ยจบก็ถูกผู้เป็นนายตีเข้าที่หน้าทันที จนเกิดเสียงดังลั่น คนเฝ้าหน้าเรือนหันมามองตาปริบ ๆ“เจ้าพูดจาเช่นนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมั้ง ตบปากตนเองจนกว่าเลือดจะออกเสีย” เอ่ยลงโทษเสร็จก็เดินลิ่วเข้าไปในเรือนทันที“โธ่!!! นายท่าน ข้าเพียงพูดหยอกล้อท่านเท่านั้น ข้าเป็นคนสนิทท่านนะ เหตุใดท่านทำกับข้าเช่นนี้”เอ่ยจบก็ตบปากตนเองหนึ่งทีจนเลือดไหล แล้วรีบวิ่งตามผู้เป็นนายเข้าเรือนไป“ฮูหยินเจ้าท้องแล้ว สามีดีใจที่สุดเลย”อันเฉียนฟานเอ่ยพพร้อมกับกางแขนจะเ
ตอนพิเศษ 2โซ่ทอง ซูฮุ่ยฉินได้เดินทางไปเยือนพรรคของเขาอย่างที่เคยตกลงกันเอาไว้ เมื่อไปถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พวกเขาเตรียมงานเลี้ยงไว้รอต้อนรับนางเย็นนี้ แต่กว่าจะถึงช่วงเย็นนางจึงมานอนเอาแรงเสียก่อน ไม่รู้เป็นอะไรช่วงนี้นางรู้สึกว่าง่วงนอนบ่อยนัก “ซินซินข้าขอนอนก่อนนะ ข้าง่วงมากเลย” นางเอ่ยพร้อมหลับตาลง เหมือนพักสายตา แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนร้องโหวกเหวกโวยวายดังมาจากนอกเรือน “ข้าต้องการพบนายหญิง! ข้าต้องการเรียกร้องความ เป็นธรรมให้กับลูกของข้า ปล่อยข้านะ พวกเจ้าปล่อยข้าสิ!!” เสียงร้องของสตรีผู้นั้นทำให้นางตื่น ความหงุดหงิดที่ไม่ได้นอนทำให้นาง
ตอนพิเศษ 1แค้นที่ต้องชำระแทน ครั้งหนึ่งยามอดีตอันเฉียนฟานกลับไปที่อารามแต่กลับไม่พบสตรีที่ตนตั้งใจมาหา เมื่อถามชีกับหลวงจีนในอารามก็พบว่าคืนที่นางคลอดลูก นางตกเลือดและเสียชีวิตในห้องพัก“เป็นไปได้อย่างไร กำหนดคลอดของนางอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าไม่ใช่หรือ” เขาถามชีสามคนตรงหน้า“พวกข้าก็ไม่รู้เช่นกัน เช้ามาไม่เห็นนางออกจากห้องจึงได้ไปเคาะเรียก แต่นางก็ไม่ตอบรับจึงได้พังประตูเข้าไป ก็เห็นนางนอนจมกองเลือดสิ้นชีพจรไปแล้ว” แม่ชีผู้หนึ่งเอ่ยอันเฉียนฟานได้ฟังใบหน้าของเขามืดครึ้มลงอย่างเห็นได้ชัด เหล่าผู้ติดตามเองก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน“พวกท่านไม่ได้ยินเสียงนางกรีดร้องบ้างหรือ คนเจ็บท้องคลอดลูกก็ต้องร้องขอความช่วยเหลือบ้างสิ” เขาถามสิ่งที่สงสัย“ไม่เลยเจ้าค่ะ หากพวกข้าได้ยินคงเข้าไปช่วยเหลือนางแล้ว ไม่ปล่อยให้นางต้องตายจากไปอย่างเวทนาเช่นนี้แน่” แม่ชีคนเดิมเอ่ยตอบ
ตอนที่ 36สู่ขอประโยคที่ซินซินบอกนางเมื่อครู่ ทำให้นางหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมาถามสาวใช้ตัวเองอีกครั้ง“เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ!”“คุณหนูออกไปดูด้วยตาตนเองเถอะเจ้าค่ะ” ซินซินเลี่ยงที่จะพูดซ้ำซูฮุ่ยฉินจึงรีบร้อนออกไปหาผู้เป็นป้าที่สวน จนซินซินต้องวิ่งตามไปเพราะนายสาวเดินเร็วนักเมื่อไปถึงนางก็เห็นว่ามีขบวนข้าวของมากมายพร้อมผู้คนเต็มหน้าประตูจวนไปหมดหว่านเหมยฮวาเห็นหลานสาวออกมาจึงรีบเข้าไปหา ก่อนจะจูงมือนางไปหาแม่สื่อที่ยืนอยู่“เจ้ามาทางนี้ ตอนนี้เจ้าไม่มีญาติผู้ใหญ่ ข้าจึงอาสามาเป็นญาติผู้ใหญ่ให้เจ้าเอง นี่คือแม่สื่อถังนางนำขบวนสินสอดมาส่ง”เพราะเป็นการแต่งเข้า ฝ่ายชายจึงต้องเอาสินสอดมาส่งที่จวนแทนผู้เป็นป้าเอ่ยอย่างอารมณดี แต่ก็ต้องแปลกใจที่เห็นหลานสาวทำสีหน้าเช่นนั้น“คุณหนูซูเหตุใดทำหน้าเช่นนั้นกันเล่า” แม่สื่อเองก็เริ่มจับสังเกตบางอย่างได้แล้ว“ขออภัย
ตอนที่ 37รักมานาน และจะรักตลอดไป (จบ) วันเวลาผ่านไปจนถึงวันที่นางแต่งงานกับเขา ทุกอย่างราบรื่นจนนางยังแปลกใจ เพราะหลังจากประกาศออกไปว่านางจะแต่งกับเขา ก็มีคนมาวิ่งเล่นที่จวนนางแทบทุกคืน บางครั้งก็ที่ร้านตามสาขาต่าง ๆ แรก ๆ นางก็ปวดหัวไม่น้อย เพราะข้าวของที่ให้กักตุนไว้เสียหายเกือบครึ่ง อันเฉียนฟานจึงให้คนของตนลงเขามาคุ้มกันให้ ทำให้จัดการคนพวกนั้นไปได้บ้าง แต่ก็ยังมีโพล่มาทุกวัน ทั้งคนของคู่แข่งทางการค้า และคนของสตรีนางนั้นที่เคยมาแสดงตัวว่าเป็นภรรยาเขา “น้องหญิงเจ้าคิดสิ่งใดอยู่กัน เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้น” เขาเอ่ยขึ้นด้านหลังพร้อมกับหอมแก้มนางไปฟอดใหญ่&nb
ตอนที่ 34ผลกรรม 1 เดือนต่อมาซูฮุ่ยฉินเริ่มให้ร้านในสาขากักตุนเสบียงเอาไว้แล้ว เพราะอีกไม่กี่เดือนจะมีข่าวเรื่องสงครามออกมาแน่อันเฉียนฟานช่วงนี้ก็เข้าออกจวนนางเป็นว่าเล่น ทั้งมาอย่างเป็นทางการ และมาแบบโจรเด็ดบุพผาอย่างตอนนี้“นายหญิงไม่สนใจไปเที่ยวพรรคเราบ้างหรือขอรับ รับรองว่านายหญิงต้องชอบแน่ นายท่านของข้ารับประกันด้วยหัวใจเลยขอรับ”ซีหลิงหยุนที่จัดการธุระเสร็จแล้ว วันนี้จึงตามผู้เป็นนายมาช่วยเกี้ยวนายหญิงด้วย“ขอบคุณนายท่านซีที่ชวนเจ้าค่ะ แต่ข้าคงทิ้งกิจการทุกอย่างไปไม่ได้” นางตอบปัดไปจึงได้เห็นใบหน้าบูดบึ้งของบุรุษที่นั่งอยู่ตรงข้าม“ข้าจะให้คนของข้าเข้ามาช่วยดูแลเอง ขอเพียงเจ้ารับปากมาเท่านั้น” อันเฉียนฟานเอ่ยขึ้นบ้าง“จริงขอรับ นายหญิงเพียงเอ่ยปากมาเท่านั้น ซินซินเจ้าเองก็อยากไปเที่ยวพรรคของพวกเราใช่หรือ