แชร์

Chapter 5

ผู้เขียน: อัญญาณี
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-01 03:00:14

Chapter 5

                    10.30 น. วันต่อมา

               บุหงันที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีพราวฟ้านั่งบนพื้นบีบนวดฝ่าเท้าให้ ละสายตาจากทีวีจอยักษ์มองบุรุษร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในบ้าน มือทั้งสองข้างถือถุงกระดาษและถุงอาหารมาหลายใบ เจ้าของเรือนกายผู้นั้นคือยุรนันท์ แขกคุ้นเคยบ้านหลังนี้

               “หอบอะไรมาเยอะเชียวเฮิร์ป” บุหงันทักถาม

               “คุณยายกลับมาจากเกาหลีครับ ท่านซื้อของมาฝากคุณย่าหลายอย่าง คุณยายจะมาเองแต่ก็ปวดหลังปวดเอว ผมเลยเอามาให้คุณย่าครับ มีโสมด้วยนะครับ”

ยุรนันท์ตอบ วางถุงของฝากลงบนโต๊ะ

               “ซื้อฝากมาเยอะเชียว ฝากขอบคุณคุณยายด้วยนะที่นึกถึงกัน” บุหงันตอบกลับ “ย่าก็ไม่ได้ไปไหนด้วย ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไปให้คุณยาย ละอายใจจัง”

               “คุณยายไม่คิดอย่างนั้นหรอกครับ คุณยายบอกว่า ถ้าหายปวดหลังปวดเอวจะแวะมาคุยกับคุณย่าครับ” ยุรนันท์พูดต่อ

               “คุณย่าคะ เดี๋ยวทรายจะทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ทรายทำเผื่อไปให้คุณยายพี่เฮิร์ปดีไหมคะ” พราวฟ้าเสนอ

               “ดีๆ แกทำเผื่อเยอะๆ เลยนะ จะได้กินทั้งบ้าน” บุหงันเห็นด้วย “ฝีมือทำอาหารของทรายไม่เป็นสองรองใครนะ แต่บ้านนี้ลิ้นเทวดาหรือไม่ก็ลิ้นชาถึงได้บอกว่าไม่อร่อย”

               ยุรนันท์ยิ้มกับคำพูดกระทบกระทียบของบุหงัน

               “คุณย่าพูดแบบนี้ชักอยากลองชิมฝีมือทรายซะแล้ว อยากรู้ว่าจะอร่อยตามที่คุณย่าพูดหรือเปล่า”

               “งั้นก็ลองกินตอนเที่ยงไหมล่ะ ถ้าไม่มีธุระที่ไหนก็อยู่กินข้าวกับย่าก่อน ทรายทำข้าวผัดปลาสลิดกับแกงจืดปลาหมึกยัดไส้หมูสับ ลองกินดูแล้วจะติดใจ”

               “ผมว่างครับ แล้วก็เริ่มหิวหน่อยๆ ด้วย” ยุรนันท์ตอบรับคำชวน

               “แกทำเผื่อเฮิร์ปด้วยนะ ทำให้สุดฝีมือล่ะ ฝีมือแกจะได้ประจักษ์กับคนอื่นบ้าง จะให้รู้ว่ารสมือแกไม่เป็นรองใคร”

               “ค่ะคุณย่า ทรายไปทำกับข้าวก่อนนะคะ ต้องจัดเตรียมทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวนด้วยค่ะ”

               “อืม ก็ไปสิ ใครรั้งแกไว้มิทราบ” บางครั้งบุหงันเหมือนเอ็นดูหลานสะใภ้ แต่บางครั้งก็ทำราวกับว่าไม่ชอบหน้า พราวฟ้ารีบเดินไปยังห้องครัวทันที “ไม่ได้ดั่งใจเลย”

               “ทรายไม่ได้ดั่งใจอะไรคุณย่าครับ เท่าที่ผมเห็น ทรายก็ดูกลัวเกรงคุณย่า ไม่น่าจะขัดใจคุณย่านะครับ” ยุรนันท์ถาม

               “โอ๊ย แม่นี่ขัดใจหลายอย่างเลยแหละ บอกให้มีปากมีเสียงบ้างก็ไม่ทำ ปล่อยให้ตัวเองถูกโขกสับถูกต่อว่าไม่เว้นวัน โรคจิตหรือเปล่าก็ไม่รู้ บอกให้แต่งหน้าทาปากบ้างก็ไม่เอาบอกไม่ชอบ เสื้อผ้าก็เหมือนกันย่าจะให้เงินไปซื้อแบรนด์หรูๆ แพงๆ ตัวเองใส่จะได้ดูดี มีรสนิยมก็ไม่เอาอีก พูดมาได้ว่ามันแพง เสียดายเงิน ทั้งที่เงินที่ซื้อไม่ใช่เงินมันแต่เป็นเงินย่าที่อยากซื้อให้ใจแทบขาด นี่แหละที่ทรายขัดใจย่า พูดว่าก็แล้ว พูดกระทบก็ด้วยแทนที่จะทำตามสั่ง กลับทำตาบ๋องแบ๋วใส่ เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิด ปล่อยตัวเป็นอีเพิ้งประเดี๋ยวหมาได้คาบผัวไปกินพอดี” นางตอบเป็นชุด ยุรนันท์ฟังแล้วเข้าใจทันทีว่า บุหงันเป็นห่วงพราวฟ้ามากกว่าเกลียดชัง เป็นห่วงที่สุดคือเรื่องทิวาทิพย์ อดีตคนรักปรินทร์ที่เหมือนกำลังเข้ามาเป็นมือที่สาม “วันนี้ตอนเย็นทรายมีนัดไปกินข้าวดูหนังกับโดม แต่งตัวโทรมๆ ไปผัวที่ไหนจะมอง จะสู้แม่สาวโฉบเฉี่ยวไม่ได้ ยิ่งพูดยิ่งขัดใจ เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็น มีแต่คนอยากแต่งตัวสวยๆ มีทรายนี่แหละ นั่นก็ไม่เอา โน่นก็ไม่เอา”

               ก็จริงตามที่บุหงันพูด หากเทียบระหว่างพราวฟ้ากับทิวาทิพย์ สองสาวแตกต่างกันมาก แต่สำหรับเขา พราวฟ้าเป็นผู้หญิงสวยหวาน ทิวาทิพย์สวยเฉี่ยว แต่หากมองนานๆ พราวฟ้าชวนมองมากกว่า มองได้แบบไม่มีเบื่อ

               “เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ผมกินข้าวเสร็จ ผมจะพาทรายไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆ แล้วให้เปลี่ยนไปหาโดมเลย โดมจะได้ตกใจที่เห็นเมียเปลี่ยนไป”

พูดจบก็ตกใจกับคำพูดตัวเอง ว่าเสนอตัวได้อย่างไร เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจพราวฟ้า ยังคิดไม่ออกว่า เวลาพาเธอไปเลือกซื้อของ เขาสะดวกใจมากแค่ไหน คงฝืนทนน่าดู แต่เมื่อพูดออกไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตนเอง

               “ก็ดีสิ แต่ทรายจะยอมเหรอ มันยิ่งดื้อเงียบอยู่ด้วย” นางดีใจ และมีความเป็นกังวล

               “ผมจัดการเองครับ คุณย่าเชื่อมือผมได้เลยครับ ระดับผมแล้วเรื่องแค่นี้สิวๆ” ยุรนันท์พูดอย่างมั่นใจ

               “ย่าฝากด้วยนะ เนรมิตทรายให้เป็นนางฟ้าเลยนะ รำคาญรูปลักษณ์คนใช้ของมันเต็มทนแล้ว” นางดีใจที่มีคนช่วย “เดี๋ยวย่าให้เงินไปซื้อของให้ทรายนะ”

               “ไม่ต้องครับ ผมจัดการเอง”

               “ย่าเกรงใจ เอาเป็นว่า ย่าให้เงินไปก็แล้วกันนะ” นางยืนกรานตามความตั้งใจเดิม

               “ครับ แล้วแต่คุณย่าครับ” ยุรนันท์ไม่ขัด บุหงันว่าอย่างไรเขาก็ว่าตามนั้น ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขกสักพัก ยุรนันท์ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้กับห้องครัว

                    ยุรนันท์ไม่เคยสนใจเข้าครัว แต่พอเดินออกมาจากห้องน้ำ เหมือนมีอะไรดลใจให้เขาหันไปมองห้องนั้น ก่อนที่เท้าจะเดินไปห้องครัวทั้งที่หัวยังไม่ทันคิด ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงประตูห้อง มองแม่ครัวจำเป็นจัดล้างผักอยู่ตรงอ่างล้างจาน เมื่อพราวฟ้าหันหลังกลับมาวางกะละมังใส่ผักลงบนโต๊ะเตรียมอาหาร ยุรนันท์ก้าวเดินไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ากับที่เธอยืนอยู่

               “ไม่มีคนอื่นช่วยเหรอ” ยุรนันท์ถามเพราะไม่เห็นคนรับใช้ในห้องนี้

               “ไม่มีค่ะ เวลาทรายเข้าครัว ทรายมักทำคนเดียว”

เป็นอย่างนี้มาตลอด เวลาพราวฟ้าทำอาหาร จะไม่มีคนรับใช้คอยช่วย แม้แต่สามีสุดที่รักยังไม่เคย ทำให้เธออดนึกถึงตอนทิวาทิพย์ทำอาหาร คนรับใช้รวมถึงปรินทร์จะเข้ามาช่วยเป็นลูกมือ พราวฟ้าน้อยใจและเสียใจ แต่ก็ไม่อาจปริปากระบายให้ใครฟังได้ ที่ไม่มีใครมาช่วยเป็นเพราะอรุณสั่งห้ามคนรับใช้นั่นเอง

               “ทำคนเดียวไม่เหนื่อย ไม่ยุ่งเหรอ”

ยุรนันท์พอจะรู้เหตุผล แต่ก็ไม่พูดซ้ำเติมให้อีกฝ่ายเสียใจ

               “ไม่ค่ะ แค่ทรายมาทำก่อนเวลาอาหารสักชั่วโมงครึ่ง มันก็ไม่ยุ่ง ไม่ต้องเร่งทำค่ะ”

               “ให้พี่ช่วยไหม หาอะไรทำดีกว่านั่งรอกินอย่างเดียว” ยุรนันท์อยากเขกหัวตัวเอง เสนอตัวโดยไม่รู้ตัวเป็นครั้งที่สอง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ดั่งทรายต้องลม   Chapter 41

    Chapter 41“แล้วเธอไม่นึกถึงใจโดมบ้างหรือไง โดมเป็นลูกเธอนะ เธอทนเห็นลูกชายเจ็บปวด เสียใจอย่างนี้ได้เหรอ ใจเธอแข็งมากเลยนะอรุณ” บุหงันเสียงเรียบ “บ้านหลังนี้เมื่อก่อนมีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะและมีความสุข แต่เธอดูตอนนี้สิว่า มันมีที่ฉันพูดไหม ไม่เลย ไม่มีเลย ทุกคนไปตามทางของตัวเอง ไม่มีจุดศูนย์รวมเหมือนก่อน เธอไม่คิดหรือว่า มันเป็นความผิดของเธอ ผิดที่เธอยึดมั่นถือมั่นในความคิดตัวเอง ไม่เปิดใจยอมรับทราย”“อย่างที่เคยบอกคุณแม่ไปค่ะว่า เวลาจะทำให้โดมดีขึ้นเอง” อรุณตอบเหมือนไม่แคร์ความรู้สึกใครทั้งนั้น “คุณแม่พูดเหมือนอรุณผิด อรุณจะผิดได้ไงคะ ในเมื่ออรุณอยู่บ้านหลังนี้มาก่อนมัน มันซะอีกที่เข้ามาทำลายความสุขของอรุณ ทำให้อรุณเกลียดมัน เรื่องมันเป็นแบบนี้ ความผิดก็ต้องอยู่ที่มัน ไม่ใช่อรุณ”“เธอนี่ทิฐิแรงมากเลยนะ ฉันไม่คิดเลยว่า เธอจะเป็นคนแบบนี้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่า เวลาจะทำให้โดมดีขึ้น เพราะเวลาก็เยียวยาบางเรื่องไม่ได้” บุหงันคร้านจะพูดอะไรต่อ อรุณถลำลึกยากเกินเยียวยา ความเกลียดชังในจิตใจบดบังความถูกผิด และสามัญสำนึกของคำว่าแม่ “ระวังนะอรุณ ระวังความเกลียดชัง ความไม่นึกถึงใครจะย้อนเข้าหาตัวเธอ

  • ดั่งทรายต้องลม   Chapter 40

    Chapter 40หนึ่งปีต่อมา บ้านศรุตจันทร์ที่เคยมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเวลานี้แทบไม่มีเลย กลับมีแต่ความห่างเหินจนเรียกไม่ได้ว่าเป็นครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างปุริมกับอรุณที่ดูเหมือนว่าปกติ แต่ไม่มีใครรู้ว่า ปุริมเบื่อหน่ายอรุณมาก ที่นับวันจะยิ่งเอาแต่ใจ ยึดความคิดตัวเองเป็นหลักโดยไม่สนใจความรู้สึกของใคร แม้แต่ลูกชายตัวเอง อรุณรู้ทั้งรู้ว่า ปรินทร์รักและตามหาพราวฟ้ามาตลอดหนึ่งปีหกเดือน รู้ว่าปรินทร์ไม่มีวันเปลี่ยนใจรักใคร หรือปลงใจกับหญิงสาวคนใด ทว่าอรุณก็ยังหาลูกคุณหญิงคุณนายหรือลูกหลานคนมีชื่อเสียงมาทำความรู้จักกับปรินทร์เสมอ แม้ว่าปรินทร์จะแสดงออกทันทีว่าไม่สนใจ แต่คนเป็นแม่ก็เหมือนอยากเอาชนะ ไม่ยอมแพ้ พาหญิงสาวมาให้ลูกชายดูตัวเสมอ ยิ่งลูกไม่ยอม นางยิ่งทำมากขึ้น ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกไม่เหมือนเดิม ปรินทร์ตัดสินใจไปอยู่คอนโดอย่างถาวรเพื่อไม่ให้ตนเองปะทะกับอรุณ เป็นการเลี่ยงไปในที ทว่าอรุณก็ไม่ยอม ไปหาลูกชายที่ห้องชุดบ้าง ที่ทำงานบ้าง โวยวายยกใหญ่ก่อนลงเอยที่การทะเลาะ คำพูดของอรุณทำให้ปรินทร์ถึงกับกุมขมับ และเป็นทุกข์ “แกรักทราย

  • ดั่งทรายต้องลม   Chapter 39

    Chapter 39 “ถ้ามันอยากให้ทรายกลับมาเป็นเมียอีกครั้ง มันต้องตัดสินใจและทำอะไรสักอย่าง ให้คนสองคนอยู่ข้างกายมันได้โดยไม่มีผลกระทบไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ถ้ามันไม่ทำ ชาตินี้ทั้งชาติมันไม่มีความสุขแน่นอน” ยุรนันท์รู้ว่าเป็นเรื่องยาก แต่ปรินทร์ต้องทำให้ได้ ต้องคิดหาทางออกด้วยตัวเอง “มันเป็นอย่างนี้จะหาทางออกได้ไง เลิกงานปุ๊บมานั่งเฝ้าผับปั๊บ แดกเหล้าอย่างกับน้ำ กูกลัวมันจะเป็นตับแข็งก่อนเจอทรายน่ะสิ” ดลภพเป็นห่วงปรินทร์มาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากให้กำลังใจ “มันเลือกเอง เลือกที่จะพูดไม่ดีกับทราย เลือกให้เปิ้ลเข้ามาอยู่ในบ้าน มันก็ต้องยอมรับผลของการกระทำของตัวเอง” ไม่มีคำพูดใดของยุรนันท์ที่ผิด เขาพูดถูกทุกคำ “ทรายอยู่หน่ายยยย...พี่คิดถึงทราย...พี่ร๊ากกกทราย...พี่ขอโทษ...กลับมาพี่...กลับมาหาพี่...ฮือ” ปรินทร์รำพึงรำพันถึงพราวฟ้าตบท้ายด้วยการร้องไห้...เหมือนคนใจจะขาด ยุรนันท์กับดลภพมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกสมเพชและสงสาร เพื่อนของพวกเขาทำตัวเองทั้งนั้นในความมืดท่ามกลางราตรีกาล อรุณนอนไม่หลับ สมองนางนึกถึงทิวาทิพย์ หญิงสาวที่นางมอบความร

  • ดั่งทรายต้องลม   Chapter 38

    Chapter 38ตามที่บุหงันพูดก่อนหน้านี้ นางไม่ใช่คนโง่และมีเส้นสายอยู่มาก ทุกเรื่องที่ทิวาทิพย์ทำนางรู้หมด แต่ที่ไม่พูดเพราะต้องการหลักฐานเรื่องการเป็นภรรยาน้อยเศรษฐีก่อน ทิวาทิพย์จะได้ไม่มีข้อแก้ตัว คนที่บอกเรื่องนี้ให้นางรู้ เป็นคนใกล้ตัวทิวาทิพย์ คนที่เธอไม่มีวันสงสัย และไม่รู้ตัวว่า กำลังถูกเพื่อนคนนี้หักหลังเพียงเพราะต้องการเงิน บุหงันหน้าชามากขึ้น ความตกใจเกิดขึ้นกับนางซ้าๆ ในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ซึ่งยังไม่หมด บุหงันยังมีคำพูดมากมายกับลูกสะใภ้“ฉันไม่ชอบเธอ อยากให้ปุ๊มีเมียที่ดีกว่านี้ สมฐานะกัน แต่เมื่อปุ๊เลือกเธอเป็นเมีย ฉันก็ไม่ห้ามเพราะเคารพการตัดสินใจของลูก เมื่อฉันนิ่งเฉยปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไก บ้านก็สงบสุข เธอต่างหากที่ทำให้บ้านหลังนี้ลุกเป็นไฟ ทำตัวต่ำ เปิดเผยตัวตนออกมา แล้วเธอก็ยังไม่รู้สำนึกว่า เรื่องที่ตัวเองทำลงไปผิดหรือไม่ ทำให้โดมเสียใจจนไม่เป็นผู้เป็นคน เธอนึกถึงแต่ตัวเอง นึกถึงความพอใจ นึกถึงหน้าตาเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต” บุหงันมองลูกสะใภ้นิ่ง ก่อนพูดต่อ “เธอคงเห็นผลของการกระทำของตัวเองแล้วนะ โดมเสียใจที่ทรายจากไป เจ็บปวดที่เลือกทำตามคำสั่งแม่ที่บังคับโน่น

  • ดั่งทรายต้องลม   Chapter 37

    Chapter 37“นี่แม่อรุณ เธอจะพูดให้ตัวเองดูโง่ทำไม เรื่องที่มันเกิดขึ้นทั้งหมดเพราะเธอนั่นแหละตัวดี มองเห็นก้อนกรวดเป็นเพชร มองเห็นเพชรเป็นเม็ดทรายไม่มีค่า เป็นไงล่ะ รู้ด้วยตัวเองแบบนี้สะอึกไหม ฉันไม่อยากด่าว่าเธอหรอกนะ ด่าว่าโง่เหมือนควายยังสงสารควาย” บุหงันได้ทีว่าลูกสะใภ้ “ไม่พอนะ ยังโง่ให้เปิ้ลหลอกให้ซื้อของอีกตั้งเท่าไหร่ อย่างนี้จะเรียกว่าโง่คงไม่ได้ และที่สำคัญที่สุด เปิ้ลหลอกให้เธอซื้อรถให้ราคาสามสิบล้านกว่า เธอก็ยังซื้อให้ โง่แล้วโง่อีก โง่ซ้ำโง่ซาก โง่อย่างนี้ไงล่ะถึงถูกเปิ้ลหลอก”คนถูกว่าหน้าเศร้าลง เถียงไม่ออก คำพูดมันจุกในลำคอ เหมือนยอมรับว่าตัวเองโง่ เจ็บใจที่ตัวเองถูกหลอก ทว่าคำต่อว่าของบุหงันดูน้อยลง เมื่อทิวาทิพย์ตอกย้ำความโง่แบบจมดิน“แต่ก็จะมาโทษเปิ้ลคนเดียวไม่ได้นะคะ คุณแม่โง่เอง เปิ้ลพูดอะไรก็เชื่อหมด แถมยังเป็นคนคิดแผนให้เปิ้ลกับโดมจัดฉากว่ามีอะไรกันเพื่อให้นังทรายทนไม่ได้ เป็นฝ่ายไปจากโดมเอง สุดท้ายมันก็ไปจริงๆ ก็ถือว่าเปิ้ลทำคุณประโยชน์ให้คุณแม่นะคะ เพราะถ้าไม่มีเปิ้ล คุณแม่คงจะต้องทนเห็นหน้านังทรายต่อไป” ทิวาทิพย์ลอยหน้าลอยตาพูด “ส่วนเรื่องของต่างๆ ที่คุณแม่ซื้

  • ดั่งทรายต้องลม   Chapter 36

    Chapter 36“ผับกว่าจะลงตัวมันต้องใช้เวลาค่ะคุณแม่ แค่เดือนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ อย่างน้อยๆ ก็ต้องสามสี่เดือน เอาไว้ลงตัวจริงๆ เปิ้ลจะห่างๆ ก็แล้วกันค่ะ” ทิวาทิพย์ตอบกลับ “ส่วนเรื่องถูกนินทา คนอื่นจะนินทาเปิ้ลได้ไงคะ เปิ้ลไปช่วยงานเพื่อน ไม่ได้ไปเที่ยวสักหน่อย”“แน่ใจเหรอว่าไปช่วยงานเพื่อน” บุหงันเอ่ยขึ้น คันปากยิบๆ “เพื่อนเธอไม่มีผู้จัดการผับหรือไงถึงได้ไปช่วย ปกติน่าจะมีนะ ขนาดผับบาร์เล็กๆ ยังมีผู้จัดการคอยดูแลเลย”ทิวาทิพย์รู้ได้ทันทีว่า บุหงันตั้งใจหาเรื่อง ความเบื่อที่มีมากกับความอดทนที่ลดลงทุกวัน ส่งผลให้เธอโต้เถียงกลับ ทว่าก็ไม่ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรง“มีค่ะ แต่เปิ้ลอยากไปช่วยเพื่อนค่ะ”“เปิ้ลเป็นคนดีไงคะคุณแม่ มีน้ำใจช่วยเพื่อน” อรุณพูดเสริม“ฉันให้เธอเตือนเปิ้ลนะ ไม่ได้พูดเข้าข้าง สมองเสื่อมหรือไง” แม่ผัวสวนกลับลูกสะใภ้“แม่เข้าใจนะที่เปิ้ลไปช่วยเพื่อน แต่เว้นๆ หน่อยก็ดีนะลูก คุณย่าเป็นห่วง ไม่อยากให้ใครมานินทาว่าร้ายเปิ้ล มันจะส่งผลถึงแม่ด้วย” อรุณทำตัวเป็นลมเปลี่ยนทิศ อบรมทิวาทิพย์พอเป็นพิธี เพื่อไม่ให้แม่สามีสาดลูกกระทบใส่ “หันมาเอาใจโดมก็ดีนะลูก เอาอกเอาใจโดม โดมจะได้สนใจ”“โอ๊ยคุ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status