บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริง
แม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง
ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้
หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้
“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อย
ชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้
ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิทธิพลขนาดทำให้พี่ชายของเธอแทบจะตาย
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ไม่ได้ทำให้ชลาสินธุ์หันมาสนใจนัก เพราะปกติคนที่ มาเยี่ยมเขาก็เป็นน้อง ๆ หรือไม่ก็แม่นมกับคุณแม่บ้านอยู่แล้ว นอกจากจะไม่สนใจแล้ว ยังหันหลังให้และแกล้งหลับซะ เพราะไม่อยากให้พวกเขาเป็นห่วง
ชลาสินธุ์รู้ดีว่าทั้งน้องและคุณนมต่างก็เป็นห่วงเขา ยิ่งต้องประสบอุบัติเหตุจนนอนโรงพยาบาลขนาดนี้ทุกคนยิ่งเป็นกังวล แต่เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ชลาสินธุ์จึงมักจะแกล้งหลับไปในทุก ๆ วันที่คนเหล่านั้นเข้ามา
...เพราะการแกล้งหลับ มันทำได้ง่ายกว่า การแกล้งมีความสุข...
เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาอย่างแผ่วเบา ชลาสินธุ์เงี่ยหูฟัง แปลกใจ
นิดหน่อยที่คุณนมกับชลาธารออกจะเงียบกว่าทุกวันร่างเล็กเจ้าของฝีเท้าเบานั้นไม่รู้เลยว่ากำลังถูกเข้าใจผิดและไม่รู้ว่าเปลือกตาที่หลับสนิทนั้นกำลังเงี่ยหูฟังเธออยู่ มือบางแตะหลังมือเข้าที่แก้มสากที่บัดนี้ทรุดโทรม อดไม่ได้ที่น้ำตาจะรื้น เพิ่งรู้ได้ตอนนี้เองว่า เพราะอะไรทั้งชลาธารและสาคเรศจึงได้โกรธเธอนัก เพราะพี่ชายของพวกเขามีสภาพแบบนี้นี่เอง
คิ้วของคนที่แกล้งหลับขมวดมุ่น เขาได้ยินเสียงใครสักคนร้องไห้ พยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้น เสียงนั้นช่างคุ้นหู ใครจะหาว่าเขาบ้าก็ได้ แต่ได้ฟังแค่เสียงสะอื้นก็แทบจะรับรู้ได้แล้วว่า คนที่อยู่ข้าง ๆ เจ้าของมือที่ไล้อยู่บนแก้มของเขานี่คือใคร แต่...
...นี่คงกำลังฝันไปสินะ...
และหากนี่เป็นความฝัน...เขาก็ไม่อยากตื่นเลย
ชลาสินธุ์นอนหลับตาอยู่อย่างนั้น อยากให้ความฝันครั้งนี้ไม่มีวันจบ หากได้ฝันแบบนี้เรื่อยไป เขายินดีจะอยู่ในความฝัน ไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้
รอยยิ้มของคนป่วยแสดงออกมาโดยไม่ปิดบัง คนที่ยืนน้ำตาไหลก็ได้เห็นมัน
“ตื่นแล้วเหรอ ตื่นแล้วก็ลืมตาหน่อยได้มั้ย ฉันมาเยี่ยม” ณิชชาถามเสียงแผ่ว ใช้มือที่ว่างปาดน้ำตา ไม่อยากให้คนป่วยเห็นว่า เธอกำลังร้องไห้ แต่ก็ดูเหมือนว่าคนป่วยจะไม่อยากลืมตาขึ้นมาเลย นั่นเป็นเพราะกลัวว่า หากลืมตา...คนที่บอกว่ามาเยี่ยมจะหายไป
ดวงตากลมโตเฝ้ามองคนที่กำลังหลับคุดคู้ นอกจากที่ใบหน้าจะทรุดโทรมแล้ว ชั่วเวลาเพียงไม่ถึงเดือน ชลาสินธุ์ก็ผอมลงไปมาก กระดูก
ปูดโปนอยู่หลายจุด ปากก็แห้งผาก“ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลยล่ะ” ณิชชาพึมพำ ก่อนจะค่อย ๆ ประทับริมฝีปากตัวเองเข้าที่ปากแห้ง ๆ หวังจะส่งผ่านความชุ่มชื้นไปให้
แต่เพียงริมฝีปากสัมผัสกัน คนที่คิดว่าทั้งหมดนี่คือความฝันก็เหมือนจะนึกได้ว่า มันเป็นความฝันที่เหมือนจริงเกินไป
ดวงตาสองคู่สบกันในระยะใกล้
“เอ่อ...คือ...คุณ คือ...ฉัน...”
ชลาสินธุ์จ้องมองคนตัวเล็กที่กำลังยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ข้าง ๆ เตียง
“เธอจริง ๆ เหรอ ฉันไม่ได้ฝัน?” เสียงแหบห้าว ฟังย่ำแย่มากกว่าในโทรศัพท์เสียอีก
ณิชชาเอาแต่จ้องมองคนป่วย ไม่รู้ว่าจะพูดหรือทำอะไรดีแต่ความดีใจของคนป่วยทำให้เขาดีดตัวขึ้นมาอย่างเร็ว
“โอ๊ย...”
“คุณ!” ร่างเล็กตกใจที่เห็นคนป่วยแสดงอาการปวดหัวอย่างรุนแรง “ระวังหน่อย คุณลุกเร็วเกินไป” รีบเข้ามาประคอง
“เธอจริง ๆ ด้วย” ชลาสินธุ์ไม่สนใจอาการปวดหัวของตัวเอง
สักนิด มือที่ละจากการกุมศีรษะตัวเอง เฝ้าแต่ลูบ ๆ คลำ ๆ ร่างเล็กนั้นจนทั่วก่อนจะดึงเข้ามากอดอย่างโหยหา“คิดถึงจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว” คำกระซิบเสียงแผ่ว ที่ข้างหูทำให้ณิชชา กอดตอบคนป่วยแน่นกว่าเดิม
“ฉันก็คิดถึงคุณ ถึงได้มาหานี่ไง”
สิ้นเสียงนั้น ชลาสินธุ์ก็กระชับอ้อมกอดของตัวเองเอาไว้แน่นจนณิชชารู้สึกเจ็บ แต่ในความเจ็บนั้นกลับมีความยินดีปะปนอยู่ด้วย เธอจึงปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามอำเภอใจ ก่อนที่จะถูกดึงให้ขึ้นไปนั่งบนเตียง
คนป่วยด้วยกันชลาสินธุ์บังคับกอดร่างเล็กที่แสนคิดถึงนี้ไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าของณิชชาแนบอยู่กับอกหนา นานทีเดียวที่คนป่วยเอาแต่กอดณิชชาเข้าไว้โดยไม่พูดอะไรสักคำ เพราะอยากจะจดจำช่วงเวลานี้ให้มากที่สุด เขาอาจ จะไม่ได้เจอกันอีกเลยก็ได้
“มาเยี่ยมฉันเหรอ คิดยังไงถึงมา”
“ก็บอกแล้วนี่ว่าคิดถึง”
“แล้วพี่อัคของเธอล่ะ เขาไม่ว่าเอาหรือไง”
“จะว่าอะไรล่ะ เขาให้ฉันมาหาคุณเอง” ณิชชายกยิ้ม กอดกระชับร่างหนาให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
“หืม?”
“ก็คุณเป็นเจ้านาย ฉันเป็นเลขา ฉันก็ต้องมาดูแลเจ้านายของฉันสิ” ณิชชาอธิบาย หลังคำพูดนั้นก็รู้สึกได้ว่าอ้อมกอดของชลาสินธุ์คลายลงช้า ๆ
“เธอกลับไปเถอะ ไม่ต้องดูแลฉันหรอก หน้าที่นี้ให้คนอื่นทำก็ได้” เสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้น
...ถ้าเขาไม่ปล่อยให้มาก็คงไม่มาใช่ไหม? แล้วนี่มาทำแค่หน้าที่ใช่หรือเปล่า เราคงไม่ใช่คนรักกันแล้วสินะ..
“รังเกียจฉันเหรอ ถึงไม่อยากให้มา”
“อยากให้มานะ แต่มาแล้วต้องกลับไปหาคนอื่น เธอคิดถึงใจฉันบ้างหรือเปล่า” เสียงอ่อนระโหย เขาขยับตัวทำท่าจะนอนลงกับเตียง
อีกครั้ง...คราวนี้จะหลับให้ตายไปเลยดีมั้ยนะ...
“อย่าเพิ่งนอนสิ คุยกันก่อน”
“การคุยกับเธอทำให้ฉันเจ็บปวด ได้โปรดพอเถอะนะ ฉันยังมีคนอีกหลายคนต้องดูแล แต่กลายเป็นว่า ตอนนี้พวกเขาทุกคนต้องมาดูแลฉันคนเดียว หยุดทำให้ฉันเจ็บปวดเถอะนะ” ชลาสินธุ์มองหน้าณิชชา
...ขอร้อง ยอมแพ้แล้วจริงๆ...
“ถ้าอย่างนั้น ถ้าคุณหายแล้ว คุณช่วยดูแลฉันอีกคนได้มั้ย และระหว่างตอนนี้ ตอนที่คุณยังไม่หายป่วย ให้ฉันได้ทำหน้าที่ของฉันต่อไปนะ”
“หึ หน้าที่อะไรล่ะ ให้คนอื...”
“หน้าที่คนรัก หน้าที่แฟน อะไรแบบนี้น่ะ ได้มั้ย หน้าที่นี้ฉันไม่ให้คนอื่นทำหรอกนะ ฉันจะทำเอง”
แม้จะแปลกใจ แต่ชลาสินธุ์ก็อดยิ้มไม่ได้ นี่คนตรงหน้ากำลังอ้อนเขาใช่มั้ยนะ
“เธอยกโทษที่ฉันทำเรื่องแย่ ๆ กับเธอมาตั้งมากมายแล้วใช่มั้ย ยังเรื่องพี่อัคของเธออีก”
“คุณมันร้ายกาจจริง ๆ นั่นแหละ” ณิชชาบีบจมูกของคนป่วยช่างพูดเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว แต่กลับโดนมือหนาจับเอาไว้ แล้วเลื่อนลงมาจูบ
เบา ๆ ณิชชาพยายามดึงมือออกเพราะความเขิน แต่มีหรือที่คนร้ายกาจอย่างเขาจะยอม“งั้นวันนี้ฉันก็ร้ายกาจกับเธอได้น่ะสิ” ณิชชาหน้าเหวอ เธอไม่เคยรับมือกับเล่ห์เหลี่ยมและความร้ายกาจของคนตรงหน้าได้เลย
“ไม่ได้นะ คุณเป็นคนป่วยต้องนอนพักผ่อน”
“ใครบอกล่ะ ฉันเป็นคนป่วย ต้องออกกำลังกายต่างหาก”
“บ้า”
“หึ รอให้ออกจากโรงพยาบาลซะก่อนเถอะ ถ้าเธอไม่สลบคาอกฉัน อย่ามาเรียกฉันว่าชลาสินธุ์เลย”
เสียงกระซิบอยู่ที่ข้างหูทำให้อีกคนออกจะขนลุกไม่ได้เพราะรู้ว่าเจ้าของคำพูดนี้ทำได้ตามนั้นแน่ ๆ
แววตาของหญิงสองวัยมองสบตากันด้วยรอยยิ้ม เมื่อเข้ามาในห้องพักคนป่วยแล้วได้มีโอกาสเห็นรอยยิ้มของคนป่วยเป็นครั้งแรก คุณนมรีบผวามาปิดปากคุณหนูคนสุดท้องเอาไว้เมื่อเข้ามาในห้องแล้วเห็นว่า
คนป่วยกับคนเยี่ยมไข้กำลังอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ใบหน้าของ พวกเขาเปี่ยมด้วยความสุข จึงตัดสินใจว่าจะไม่เข้ามาขัดจังหวะความสุขครั้งนี้ชลาธารนึกดีใจที่กล้าเสี่ยง ยอมให้ณิชชาได้เข้ามาหาพี่ของเธอ แม้ว่าในตอนแรกนั้นจะกลัวว่า ณิชชาจะทำให้ชลาสินธุ์ทรุดหนักลงไปอีก
ก็ตาม‘คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย’ ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชาไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อย
‘เอ่อ ค่ะ” ณิชชารับคำ แม้ว่าจะอยากเข้าไปเจอคนข้างในใจจะขาด สองคนเลือกมานั่งตรงโถงกว้าง สำหรับให้ญาติมานั่งพักระหว่างเยี่ยมไข้ข้างห้องคนป่วย
‘ถ้าคุณณิชมาเพื่อบอกลาพี่สินธุ์ คุณณิชอย่าเข้าไปเลยนะคะ แค่นี้พี่สินธุ์ก็ย่ำแย่พออยู่แล้ว’ หญิงสาวเอ่ยขึ้นแบบไม่มีเกริ่นอะไรทั้งสิ้น เธอไม่จำเป็นต้องพูดจาดี ๆ กับคนที่จะมาทำร้ายพี่ชายหรอกนะ
‘เปล่านะคะ คุณธาร ดิฉันไม่ได้มาเพื่อบอกลา แต่มาเพื่อ...”
‘มาเพื่ออะไรคะ ขอโทษหรือไง’ หญิงสาวเสียงเหวี่ยง
‘นั่นก็ด้วยค่ะ’ ณิชชาตอบ แต่ยิ่งทำให้คนฟังอยากเหวี่ยงมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก
‘อย่าเลยค่ะ ยิ่งคุณขอโทษพี่สินธุ์ยิ่งแย่ ขอเถอะนะคะให้ธารกราบคุณณิชตรงนี้ก็ได้ อย่าทำให้พี่สินธุ์ของธารต้องเสียใจหนักไปมากกว่านี้เลย ธารเพิ่งรู้จากพี่กานต์ว่า คุณณิชถูกพี่สินธุ์ทำร้าย แต่คุณณิชจะแก้แค้นโดยให้พี่สินธุ์ตายเลยเหรอคะ ถ้าคุณณิชไม่รักพี่สินธุ์เลยสักนิดก็ช่วยจากไป เงียบ ๆ ได้มั้ยคะ ให้ธารรับโทษแทนพี่สินธุ์ได้หรือเปล่า ให้คุณณิชทำอะไรธารก็ได้ แต่อย่าทำพี่สินธุ์เลย พี่กานต์บอกว่า คุณณิชก็รักพี่สินธุ์ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ถ้าไม่รักแล้ว...’ หญิงสาวพร่ำพูด พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้น้ำตาไหล เธอสงสารพี่ชายของตัวเองเหลือเกิน
‘ฉันรักคุณสินธุ์ค่ะ ฉันรักเขา’
‘คะ?’
‘ดิฉันมาที่นี่เพื่อขอโทษในสิ่งที่ทำไปทั้งหมด และมาเพื่อบอกรักคุณสินธุ์’
‘บอกรักเหรอคะ’
‘ค่ะ ฉันรักพี่ชายคุณ คุณจะยอมให้ฉันกับพี่ชายคุณรักกันได้ หรือเปล่า’ ร่างเล็กถาม หญิงสาวเองก็ไม่มั่นใจนักว่า คนที่นี่จะอภัยในสิ่งที่เธอทำกับชลาสินธุ์หรือไม่
‘ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้ารักกันแล้ว แต่คุณไปอยู่กับคนอื่น’
‘แล้วถ้าดิฉันจะขออยู่กับคุณสินธุ์ด้วยล่ะคะ ดิฉันขอโทษคุณธาร และฝากขอโทษไปถึงคุณเรศกับคุณกานต์ด้วย ที่ทำให้ชีวิตครอบครัวของพวกคุณวุ่นวายไปหมด แต่ถ้าดิฉันจะกลับมาขออยู่ด้วยอีกสักครั้ง พวกคุณจะอนุญาตได้มั้ย’ หญิงสาวบอกออกไปอย่างหมดเปลือกทุกอย่างที่อยู่ในใจ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังกี่ครั้งก็จะรู้ว่า เธอรัก รักชลาสินธุ์มากเพียงใด และตอนนี้เธอก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงความรักนั้นได้อย่างเต็มที่ด้วย
‘ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ’ ชลาธารยิ้มทั้งน้ำตา พี่ชายของเธอกำลังจะมีความสุขแล้วจริงๆ
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว