แชร์

9 พูดไปก็ไม่มีผู้ใดเชื่อ

ผู้เขียน: รอรีวัน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-13 21:35:21

 

เมื่อพาบุตรสาวออกมาพ้นจากจวนพักร้อนของเว่ยอ๋องได้ ฟู่ซิ่งก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาผลักดันให้นางเข้าไปนั่งด้านในรถม้าก่อนจะเริ่มสอบถามชำระความ

“ได้ยินพวกบ่าวบอกว่าเจ้าจะไปศาลเจ้า เหตุใดตกเย็นจึงมาตกอยู่กับเว่ยอ๋องได้” เขาถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากได้ยินจากปากของนาง

“ถ้าลูกพูดไป ท่านพ่อจะเชื่อหรือไม่เจ้าคะ” นางถามให้แน่ใจเสียก่อนว่าบิดาจะเชื่อฟังคำของนางหรือไม่

“เกิดเรื่องขนาดนี้แล้ว ก็ต้องเชื่อสิ”

“ก็ได้เจ้าค่ะ งั้นลูกจะเล่าทั้งหมด” นางก้มหน้าบีบมือและเริ่มเล่า “ข้าฝันร้าย ฝันว่าตัวเองตายคาคมดาบของบุรุษผู้หนึ่ง ฝันซ้ำ ๆ เหตุการณ์เดิมติดต่อกันมานานหลายเดือน ได้ยินพวกบ่าวเล่าว่าที่ศาลเจ้ามีหมอดูชื่อดังลูกเลยอยากให้เขาทำนายฝันให้”

“ฝันร้าย? ตายคาคมดาบ”

“เจ้าค่ะ ฝันร้าย ที่ลูกร่างกายอ่อนในช่วงหลังก็เพราะว่าต้องตื่นมากลางดึก พอไม่ได้นอนนาน ๆ เข้าร่างกายก็เหนื่อยล้า”

“อืม แล้วทำไมถึงไม่ใช้รถม้า”

“ลูกเห็นว่า นางตัวดีก็กำลังจะออกไปตลาดด้วยเช่นกัน ก็เลยเสียสละรถม้าที่เหลืออยู่คันเดียวในจวนให้นาง และตัดสินใจเดินไป” นางตัวดีที่ฟู่ลี่อิ๋งเอ่ยถึงก็คือฟู่เหยาเหยา

“อย่างเจ้านะหรือจะเสียสละเป็น” ผู้เป็นบิดาไม่อยากจะเชื่อ เนื่องด้วยนางไม่ได้มีนิสัยเช่นนี้

“ไหนท่านพ่อบอกว่าจะเชื่อข้า” นางกอดอกแง่งอน ผิดจากปากที่ฟู่ลี่อิ๋งพูดเสียเมื่อไหร่ ไม่ว่ายังไงบิดาก็ไม่เชื่อนาง

“เอา ๆ เล่าต่อเถิด” ฟู่ซิ่งเปิดโอกาสให้นางพูดต่อ

“ข้าไม่เล่าแล้วเจ้าค่ะ” คนตัวเล็กโกรธเคืองบิดาจนต้องขยับไปนั่งอยู่ที่มุมของรถม้า

“โธ่ ลูกสาวพ่อ ข้าเชื่อเจ้า ๆ อย่าได้โกรธเคืองพ่อของเจ้าเลย” เห็นบุตรสาวโกรธเช่นนั้นเขาก็ใจเสีย รีบเอาอกเอาใจ

ร่างเล็กมองหน้าบิดาอย่างแง่งอน ก่อนจะเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดต่อ

“ระหว่างเดิน พวกบ่าวรับใช้พวกนั้นจู่ ๆ ก็ทิ้งข้าเอาไว้กลางตลาด ตอนแรกก็ว่าจะกลับแต่ระยะห่างระหว่างไปศาลเจ้ากับเส้นทางกลับบ้านเท่า ๆ กัน ข้าก็เลยเลือกไปศาลเจ้า ตอนที่กำลังจะเดินต่อก็ถูกไคไคน้อยมาขอความช่วยเหลือ ด้วยเพราะสงสารข้าก็เลยเลี้ยงอาหารเขา แต่ดันลืมไปว่าตัวเองไม่มีเงิน ตอนคิดค่าอาหารก็ถูกพวกนั้นข่มขู่จะพาข้าไปขายหอนางโลม ท่านพ่อ ข้ากลัว” เล่าจบก็โผเข้าไปกอดบิดา

ร่างเล็กบอบบางเนื้อตัวสั่นเทา เพราะสิ่งที่นางพบเจอนั้นหนักหนาเกินไปจริง ๆ แค่จะออกไปดูดวง กลับต้องมาพบเจอเรื่องเลวร้าย หรือเป็นเพราะที่ผ่านมานางกระทำแต่เรื่องชั่วช้ามากเกินไป สวรรค์จึงลงโทษนาง

นี่อาจจะเป็นการกล่าวเตือนจากฟ้าเบื้องบนก็เป็นได้

ได้ยินว่านางถูกบ่าวรังแก เขาเองก็แทบไม่เชื่อในสิ่งที่นางเล่า ตั้งแต่ยังเยาว์นางต่างหากที่เป็นฝ่ายรังแกผู้อื่น

เห็นบิดาทำสีหน้าเช่นนั้นนางก็รู้แล้วว่าเขาไม่เชื่อที่นางเล่า ฟู่ลี่อิ๋งจึงเปลี่ยนใจไม่เอ่ยสิ่งใดต่อจนกระทั่งถึงจวนโหว

ร่างเล็กทำปั้นปึ่ง เดินลงจากรถม้าและกลับเข้าไปในเรือนตัวเอง โดยไม่รอฟังว่าบิดาจะพูดอะไร ครั้นเจอหน้าน้องสาวต่างมารดาที่มารอรับ นางก็ทำแค่เพียงปรายตามองและเดินผ่านนางไปทำเหมือนกับฟู่เหยาเหยาไม่มีตัวตน

ผู้เป็นพี่ชายเดินออกมารับหน้าเอาใจ พร้อมกับผลไม้เคลือบน้ำตาลของโปรดที่นางชอบ แต่ก็ถูกนางเมินเช่นเดียวกันกับผู้อื่น

“อิ๋งเอ๋อ เจ้าเป็นอะไรไป”

“.....” คุณหนูใหญ่ได้ยินสิ่งที่พี่ชายพูด แต่นางก็ไม่สน เดินดุ่ม ๆ กลับเรือนของตัวเองทันที

เมื่อมาถึงก็พบว่าห้องของตัวเองถูกรื้อค้น สิ่งของมีค่าของนางถูกคนกวาดเอาไปทั้งหมด ฟู่ลี่อิ๋งรู้ดีว่าเป็นฝีมือใคร แน่นอนว่าไม่พ้นเสี่ยวถิงกับเสี่ยวเยว่

คนตัวเล็กจุดตะเกียงด้วยตัวเอง เพราะในเวลานี้เรือนหลังใหญ่เหลือแค่นางอยู่ตามลำพังเท่านั้น กระทั่งพี่ชายตามเข้ามาเอาใจนางถึงที่จึงได้เห็นว่าสภาพของเรือนนางย่ำแย่ขนาดไหน

“อิ๋งเอ๋อเกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าต้องทำลายข้าวของพวกนี้ด้วย”

ตอนแรกก็นึกดีใจที่พี่ชายเป็นห่วง แต่สุดท้ายหัวใจดวงน้อยก็ห่อเหี่ยวขนาดเขายังเชื่อไปแล้วว่านางเป็นคนทำเรื่องนี้

“ข้าไม่ได้ทำ”

“เจ้าอย่าโกหกเลยน่า ทำลายก็บอกทำลายสิ พี่กับท่านพ่อไม่โกรธหรอก เดี๋ยวพวกข้าจะหาให้ใหม่ เอามาให้เจ้าทำลายทิ้งระบายอารมณ์ดีหรือไม่” เขาเป็นห่วงเป็นใยน้องสาว จึงหาเรื่องพูดให้นางสบายใจขึ้น

นิสัยของนาง เขาที่เป็นพี่ชายย่อมรู้ดี เรื่องทำลายข้าวของในเรือน นับเป็นกิจวัตรประจำวันของนาง เดือน ๆ หนึ่งเปลี่ยนถ้วยชาโต๊ะเก้าอี้ไปไม่รู้กี่ตัวทุกคนต่างก็รู้ดี

“ถ้าพี่ใหญ่ยังพูดเช่นนี้อีกข้าจะกัดลิ้นตายแล้วนะ” ฟู่ลี่อิ๋งแลบลิ้นออกมาโดยใช้ฟันกดลิ้นของตัวเองเอาไว้

“ได้ ๆ พี่ไม่พูดแล้ว” ฟู่หมิงจือรีบเอาขนมผลไม้เคลือบน้ำตาลออกมาเอาใจ “นี่เป็นขนมร้านดัง เจ้ากินก่อน ข้าไปต่อแถวซื้อมาให้เจ้าเชียวนะ” เขารู้ว่านางชอบขนมหวาน ๆ จึงตั้งใจต่อแถวเพื่อนางโดยเฉพาะ

กล่องใส่ผลไม้สีแดงสดถูกมือใหญ่เปิดออก กลิ่นหอมหวานของมันช่วยให้สภาพจิตใจของร่างเล็กดีขึ้นมานิดหน่อย มือเรียวตั้งใจจะหยิบขนมด้านในมากิน แต่ก็ถูกพี่ชายคว้ามือเอาไว้

“พี่ใหญ่ ข้าเจ็บ” นางร้องโอดครวญ

“ทำไมนิ้วเจ้าจึงเป็นแผลเช่นนี้”

“น่าจะเพราะตอนโดนพวกสารเลวนั่นมัดเอาไว้ ข้าพยายามแก้เชือก จึงได้เกิดรอยเช่นนี้” นางสะบัดมือพี่ชายออก ก่อนจะเอื้อมไปหยิบขนมมากิน

ฟู่หมิงจือส่ายหน้าอย่างระอา พร้อมกับหมุนตัวรีบปรี่ไปค้นหายาสมานแผลเพื่อนำมารักษาให้นาง

เมื่อฟู่โหวผู้เป็นเจ้าของจวนกลับมา พ่อบ้านฟู่ก็เร่งรีบรายงานสิ่งที่ตนเองสืบทราบมาได้ในทันที ซึ่งเรื่องราวไม่ผิดแผกไปจากที่บุตรสาวของฟู่ซิ่งพูดเอาไว้เลยสักนิด

นางถูกคนพวกนั้นรังแกจริง ๆ ส่วนองครักษ์และสาวใช้ตัวต้นเรื่องก็ขโมยสิ่งของมีค่าในห้องของนางไปและหนีหายไปแล้ว

“บังอาจนัก คนพวกนี้เลี้ยงเสียข้าวสุก ข้าก็อุตส่าห์คิดว่าพวกมันทนความร้ายกาจของนางได้ จึงได้เลี้ยงเอาไว้ในจวน แต่ไฉนเลยพวกมันจึงมาทำร้ายลูกสาวข้าเช่นนี้”

“ท่านโหวใจเย็น ๆ ก่อน ข้าน้อยยังได้ยินบางเรื่องมาอีกด้วย”

“เรื่องใด?”

“ที่คุณหนูยอมเลี้ยง คนพวกนั้นเอาไว้ในเรือนของตนเองก็เพียงเพราะไม่มีบ่าวคนไหนยอมทำงานให้กับนาง ดูเหมือนว่านางจะรับรู้ทุกอย่างว่าทรัพย์สินของมีค่าถูกขโมย แต่ก็ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่ปริปาก”

ได้ยินคำบอกเล่าของพ่อบ้านฟู่ ฟู่ซิ่งก็สะอึกไปเล็กน้อย นางรู้เรื่องทุกอย่างแต่ก็ยังปล่อยให้คนพวกนั้นรังแกตลอดมางั้นหรือ

“เหตุใดนางจึงปล่อยให้เรื่องเป็นเช่นนี้กันนะ”

“ข้าน้อยก็มิอาจคาดเดา อาจจะเป็นเพราะว่านางเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วกระมังขอรับ”

สิ่งที่พ่อบ้านฟู่พูดทำเอาเขารู้สึกสะท้อนใจ เติบโตเป็นผู้ใหญ่และรู้จักความ นางจะเป็นสตรีเช่นนั้นได้จริง ๆ หรือ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   73 เรื่องราวอันเป็นมงคล

    จนถึงตอนนี้ฟู่ลี่อิ๋งก็ยังไม่ได้ยินข่าวคราวของฟู่เหยาเหยาคล้ายกับว่านางหายไปจากโลกนี้อย่างไรอย่างนั้น อากาศในเมืองหลวงเริ่มหนาวขึ้นทุกวัน ๆ รวมไปถึงท้องของนางที่โตขึ้นเรื่อย ๆ การยืนเดินนั่งนอนของนางล้วนลำบากไปเสียหมด หลายครั้งที่ฟู่ลี่อิ๋งลุกขึ้นมานั่งร้องห่มร้องไห้กลางดึกเพียงเพราะอยากกินบะหมี่เนื้อรสเผ็ดทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านางไม่คอยชอบความเผ็ดของมัน ฟู่ลี่อิ๋งคิดถึงวันที่ที่พระสวามีเคยพาไปกิน คิดถึงเมื่อตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆ ส่วนเว่ยจงหมิงเองก็ตามใจและเข้าใจได้ไท่จื่อเฟยตั้งครรภ์ท้องแรกอีกทั้งยังไม่มีประสบการณ์ไม่มีผู้ใดสอนนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางจะกลัว กังวลและหวั่นใจไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นหน้าที่ของเขาที่เป็นสามีที่จะคอยให้ความอุ่นใจ อยู่เคียงข้างนางให้นางอบอุ่นใจในบางวันที่เว่ยจงหมิงต้องไปทำงานไกล ๆ ก็จะได้ไคไคน้อยมาอยู่เป็นเพื่อนคอยเล่านู่นเล่านี้ให้นางฟังไม่มีเบื่อถึงตอนนี้ฟู่ลี่อิ๋งถึงเพิ่งสังเกตว่าไคไคน้อยสูงขึ้นมาก จากที่เคยสูงกว่าเอวนางนิดหนึ่งตอนนี้หัวของเขาอยู่ในระดับไหล่นางเสี

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   72 อย่างไรก็เป็นน้อง

    หลังจากได้ยินเรื่องที่ฟู่เหยาเหยาหย่ากับเว่ยเจิ้งหยาง ฟู่ลี่อิ๋งก็ไม่สบายใจนัก นางไปถามกับพี่ชายว่าสาเหตุที่เขามาที่เมืองหลวง ใช่เรื่องเพราะเรื่องนี้หรือไม่ คราแรกเขาอ้ำอึ้งไม่ยอมพูดจนสุดท้ายนางก็คาดคั้นเอาคำตอบออกมาจากปากเขาได้ในที่สุดเมื่อได้ยินทุกอย่างที่นางอยากจะฟัง ฟู่ลี่อิ๋งจึงลากพี่ชายไปสืบความที่จวนเว่ยอ๋องด้วยกัน เนื่องด้วยไม่อยากไปเหยียบที่นั่นเพียงลำพังเว่ยเจิ้งหยางเมื่อได้ยินว่าไท่จื่อเฟยมาถึงที่นี่ก็ละทิ้งทุกอย่างรีบมาหานาง แต่เมื่อออกมาถึงกลับพบว่านางไม่ได้มาตามลำพัง เรื่องราวที่เคยคิดเข้าข้างตัวเองก็สลายหายไป นางมาที่นี่พร้อมกับฟู่หมิงจือ สีหน้าท่าทางของโหวน้อยดูกังวล ส่วนฟู่ลี่อิ๋งดูเย็นชาเห็นหน้าของเว่ยเจิ้งหยาง หญิงสาวก็เริ่มพูดคุยเขาเรื่องทันทีโดยไม่อ้อมค้อม“ข้าได้ยินจากไท่จื่อบอกว่าท่าหย่ากับน้องสาวของข้าแล้ว”เว่ยเจิ้งหยางเลิกคิ้วเล็กน้อย “ใช่แล้ว ข้าหย่ากับนางไปตั้งแต่วันที่กลับมาจากจวนเสนาบดีสี”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ ไม่เห็

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   71 องค์หญิงเออร์น่า

    แสงอาทิตย์ลอดเข้ามาในห้องนับแล้วเท่ากับแปดครั้ง สีฮูหยินกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างดีใจ นางหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างสะใจ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง จากนี้ไปจะไม่มีเว่ยจงหมิงอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้วในขณะที่นางกำลังดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แสงไฟในคุกก็สว่างไสวประดุจกลางวัน สีฮูหยินที่อยู่ในความมืดมานานนับสัปดาห์ต้องหลับตาและใช้แขนเสื้อของตนเองปกป้องดวงตาของตัวเอง ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นนางจึงจะสามารถลืมตาขึ้นได้สิ่งที่สตรีวัยกลางคนเห็นเมื่อลืมตาขึ้นพบกับบุรุษที่นางเกลียดที่สุดผู้หนึ่งในชีวิต เว่ยจงหมิงนั่งอยู่บนคานหาม แบบสี่คนแบก ชายหนุ่มนั่งอยู่บนนั้นเส้นผมดำขลับถูกปล่อยสยายยาวสอดรับกับใบหน้าหล่อเหลา เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวสบาย ๆ ท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งใด และดูไม่เจ็บไม่ป่วย“ทำไมเจ้ายังมีชีวิตอยู่” สีฮูหยินได้เห็นหน้าของเว่ยจงหมิงก็เริ่มมีปฏิกิริยาแห่งโทสะ“องค์หญิงเออร์น่าคงตกใจมาก ที่เห็นว่าข้ายังมีชีวิตอยู่” เว่ยจงหมิงหยิบองุ่นขึ้นมากินในขณะที่สนทนากับนาง“ไม่!!!

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   70 หลงใหลซึ่งกันและกัน

    อากาศยามเช้าหลังจากฝนหยุดตกสดชื่นปลอดโปร่ง เสียงวิหคบินวนขับขานดังกังวานไปทั่วทั้งพื้นที่ เช้าวันนี้นางรู้สึกว่าตัวเองสดชื่นกว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะยาบำรุงของท่านซุน ที่ช่วยให้นางผ่อนคลายและหลับสบายมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ที่พระสวามีป่วยฟู่ลี่อิ๋งก็ย้ายออกไปนอนห้องนอนเล็กที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันเพราะนางไม่อยากรบกวนคนป่วยเกรงว่าตนเองจะนอนดิ้นและทำให้เขาลำบาก รอให้เว่ยจงหมิงฟื้นและหายดีก่อนค่อยกลับมาร่วมห้องทีหลังก็ได้ทุก ๆ วันฟู่ลี่อิ๋งจะมานั่งเฝ้าพระสวามีในห้อง นี่ก็ผ่านมา 7 วันนับตั้งแต่เขาถูกพิษ เว่ยจงหมิงก็ไม่ฟื้นสักที วันนี้ก็เช่นกันนางมานั่งข้างเตียงพูดคุยกับเขาดังเช่นเคยมือเรียวเล็กจับมือของเขามาสัมผัสที่หน้าท้องแบนราบของตนเอง“ท่านพี่ เมื่อไหร่ท่านจะฟื้นกันนะ” ร่างเล็กพึมพำ “ท่านรู้หรือไม่ว่าไคไคน้อยกำลังจะมีน้องชายน้องสาวแล้วนะ” ฟู่ลี่อิ๋งกระซิบแผ่วเบาสีหน้าของเว่ยจงหมิงดูดีกว่าหลายวันที่ผ่านมา วิธีการของท่านซุนออกจะประหลาดไปบ้างแต่ก็ได้ผล หนำซ้ำยังได้ยาบำร

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   69 รายล้อมไปด้วยรัก

    เสี่ยวหลงติดตามท่านเหลียงออกเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อติดตามเรียนรู้วิชาการตัดเย็บเสื้อผ้าจากเหลียงเหลียนฮ่าวและฝากตัวเป็นลูกศิษย์ แต่เมื่อหลายวันก่อนตอนเดินทาง ในวันที่พายุฝนโหมกระหน่ำ คณะเดินทางของท่านเหลียงผ่านไปพบกับสตรีผู้หนึ่ง นางนอนกลายเป็นซากคล้ายกับศพอยู่ในเส้นทางที่พวกเขาผ่านสภาพของนางไม่ต่างอะไรจากซากศพบาดแผลบนใบหน้าฉกรรจ์น่ารังเกียจ สัตว์และแมลงตอมไต่จนบาดแผลเน่าเฟะเหม็นคลุ้งเหลียงเหลียนฮ่าวใช้ไม้เขี่ย ๆ เห็นว่านางยังมีชีวิตอยู่จึงพาตัวไปด้วยกันถือว่าเอาบุญ ตอนที่ช่วยเหลือเสี่ยวหลงเห็นตราหยกสีชมพูคล้าย ๆ กับชิ้นที่ไท่จื่อเฟยมี ก็เดา ๆ เอาไว้ว่าสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้น่าจะเป็นผู้ใด แต่ก็ไม่ได้บอกเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใดฟังกระดูกบนร่างกายของสตรีอัปลักษณ์หักอยู่หลายส่วน ท่านหมอที่ติดตามมากับคณะของเหลียงเหลียนฮ่าวใช้วิธีการเอาไม้ไผ่มาดามนางเอาไว้ทั้งร่าง ฟู่เหยาเหยาตื่นขึ้นมาอีกทีพบว่าร่างกายของตนเองกำลังถูกวางเอาไว้บนเกวียนบรรทุกสิ่งของ แขนขาถูกมัดเอาไว้กับไม้ไผ่ขยับไปไหนไม่ได้

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   68 พิษล้างพิษ

    เจ้างูสีขาวตัวเล็ก ๆ ดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อยที่มันถูกผู้เป็นนายปลุกให้ตื่น มันสะบัดหัวไปมาและค่อย ๆ ยืดตัวชูคอขึ้นทำท่าทางคล้ายกับบิดขี้เกียจ แต่เมื่อเห็นหน้าผู้เป็นนายมันก็รีบกระโดดออกจากกระปุกสีขาวขึ้นไปหยอกล้อคลอเคลียท่าทางเหมือนกับลูกสุนัขตัวเล็ก ๆฟู่ลี่อิ๋งเห็นแล้วก็พูดสิ่งใดไม่ออก สัตว์มีเกล็ดลิ้นยาวพวกนั้นสามารถมองให้น่ารักได้ด้วยหรือ นางรู้สึกขนลุก แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดสิ่งใดออกมา ปล่อยให้ท่านซุนรักษาไปตามวิธีการของเขา แม้จะทำให้คนที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกคล้ายจะเป็นลมอยู่ตลอดเวลาก็ตามงูเทพหิมะเมื่อเห็นแมงป่องสีรุ้งมันก็คล้ายกับทำตาโตด้วยความดีใจ ซุนจงปล่อยมันลงกับพื้นพร้อม ๆ กับแมงป่องสีรุ้ง ทั้งงูและแมงป่องลงต่อสู้กัน เจ้าแม่งป่องพยายามใช้หางพิษของตนเองต่อสู้กับเจ้างูเทพหิมะแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้ต่อความปราดเปรียวของเจ้าตัวเล็กสีขาวทันทีที่แมงป่องสีรุ้งสิ้นท่า เจ้าตัวเล็กสีขาวก็เขมือบเจ้าแมงป่องตัวสีรุ้งที่นอนหมดแรง เข้าไปทั้งร่างอย่างเชื่องช้า เจ้าของร่างเล็กแบบบางต้องหลับตาขยับไปหลบอยู่เบื้องหลังของ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status