ด้านไต้ฝูหรงนั้นเมื่อออกมาจากห้องของกงเหล่ยแล้ว ก็ถูกนายอำเภอเกาผิงที่ยืนรออยู่ชั้นล่างดึงตัวไปที่ด้านหลังจวนนายอำเภอในทันที
"เหตุใดจึงออกมาจากห้องของเซี่ยอ๋องรวดเร็วนักเล่า หรือว่าเจ้าปรนนิบัติเซี่ยอ๋องไม่ดี เขาจึงไม่ตกรางวัลให้เจ้า?"
ไต้ฝูหรงเมื่อได้ฟังจบดวงตาก็พลันเบิกกว้าง ที่แท้บุรุษที่อยู่ในห้องเมื่อครู่นี้ก็คือเซี่ยอ๋องเช่นนั้นหรือ นางเป็นเพียงสตรีชาวบ้าน ได้ยินคำเล่าลือที่เขาพูดกันเพียงว่าเซี่ยอ๋องจิตใจอำมหิตโหดร้าย ฆ่าคนไม่ละเว้น ราชสำนักถึงกับสั่งจับตายเขา
แต่วันนี้ที่นางได้พบเจอกับเขา ได้สนทนากับเขา ความคิดของนางก็เปลี่ยนไป
แม้เขาจะดูเย็นชาไปเสียหน่อย แต่กลับมีจิตใจเมตตาเป็นอย่างมาก
หากเขาโหดร้ายป่าเถื่อนจริงๆ คงไม่ปล่อยนางมีชีวิตรอดออกมาและคงไม่มอบเงินให้นาง อีกทั้งยังไม่คิดแตะต้องนางด้วย
ท่าทีเหม่อลอยของไต้ฝูหรงทำให้นายอำเภอเกาผิงรู้สึกอารมณ์ไม่ใคร่จะดีนัก
"นังตัวดี นังใบ้นี่ หรือว่า เจ้าแอบซ่อนเงินไว้ไม่ยอมบอกข้า!"
เอ่ยจบนายอำเภอเกาผิงก็กระชากแขนของไต้ฝูหรงอย่างแรง พลางค้นไปตามแขนเสื้อของนาง ไต้ฝูหรงพยายามปัดป้อง เพราะยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาทำให้ถุงเงินใบใหญ่ที่นางซ่อนเอาไว้ร่วงตกลงไปบนพื้น นายอำเภอเกาผิงที่เห็นเช่นนั้นก็ดวงตาเป็นประกาย รีบคว้าถุงเงินนั้นมาเก็บเอาไว้กับตัว ก่อนจะตบเข้าไปที่ใบหน้าของไต้ฝูหรงอย่างแรงจนนางหน้าหัน แก้มขาวนวลเนียนขึ้นรอยแดงห้านิ้วอย่างชัดเจน
"นังสารเลว นังใบ้ชั้นต่ำ บังอาจกล้าแอบขโมยเงินข้าหรือ เหอะ ข้าตกลงกับเจ้าว่าอย่างไร ข้าให้เจ้ามาทำงานแลกเงิน แต่เจ้าช่างใจกล้านักที่บังอาจขโมยเงินของข้าไป ในเมื่อเจ้าไม่ทำตามคำสั่ง เช่นนั้นก็เอาไปเพียงสามอีแปะเถอะ ส่วนเงินที่เหลือจะตกเป็นของข้าทั้งหมด!"
ไต้ฝูหรงรีบโบกมือไปมาพลางคิดจะแย่งถุงเงินนั้นมาจากนายอำเภอเกาผิง แต่กลับถูกคนของเขายกเท้าถีบจนล้มลงไปกองกับพื้น
นั่นมันเป็นเงินของนาง เซี่ยอ๋องมอบให้นาง มันคือเงินที่นางจะเอาไปรักษาท่านพ่อ ถึงแม้เขาจะอยากได้ส่วนแบ่งก็ควรต้องเท่าเทียมมากกว่านี้จึงจะถูกต้องสิ!
ก่อนหน้านี้นายอำเภอบอกว่าจะแบ่งรายได้ให้กับนางครึ่งหนึ่ง แต่กลับไม่ทำอย่างที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ คงเพราะเขาเห็นว่านางพูดไม่ได้จึงคิดจะเอาเปรียบนางใช่หรือไม่?
เพราะนางพูดไม่ได้จึงไม่อาจไปถกเถียงอันใดกับเขา ทำได้เพียงมองกลุ่มคนตรงหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำและตัดใจยื่นมือไปรับเงินสามอีแปะนั้นมาอย่างจนใจ นายอำเภอเกาผิงที่เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มเยาะอย่างมีความสุข
แท้จริงเขาไม่ใช่คนดีอันใด ก่อนหน้านี้ก็เคยบังคับหญิงสาวชาวบ้านไปขายตัวให้กับขุนนางชนชั้นสูงอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังโก่งราคาเป็นเท่าตัว เอาเงินเข้ากระเป๋าตนเองหลายพันหลายหมื่นตำลึง
ก็แค่สตรีชั้นต่ำนางหนึ่ง จะกล้ามีเรื่องกับเขาหรือ!
ไต้ฝูหรงที่เห็นว่าสู้ไม่ได้ จึงลุกขึ้นเดินโซเซจากไปทันที
ในขณะที่นายอำเภอเกาผิงกำลังนั่งนับตั๋วเงินในถุงอย่างสุขใจอยู่นั้น ก็ถูกใครบางคนกระชากถุงเงินนั้นไปจากมือเขา ชายวัยกลางคนกำลังคิดจะเปิดปากด่าทอ แต่เมื่อได้เห็นว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ใดเขาก็ถึงกับหนังหัวชาวาบ
"เซี่ยอ๋อง!"
กงเหล่ยส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับนายอำเภอเกาผิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"หากินกับสตรีที่ไม่มีทางสู้ อิ่มท้องดีหรือไม่เล่า?"
นายอำเภอเกาผิงกลืนน้ำลายลงคอไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด ทำได้เพียงยิ้มประจบกระแจง แต่ทว่ารอยยิ้มของเขามันช่างดูน่าเกลียดเหลือเกินในสายตาของกงเหล่ย
"เดิมทีหลังจากข้าจากไป คิดจะให้เจ้าเป็นนายอำเภอเกาผิงต่อไป คอยสอดส่องดูแลความเป็นไปและรายงานข่าวคราวความเป็นไปให้กับข้า แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้วล่ะ คนโลภโมโทสันเช่นเจ้าอีกทั้งยังหากินกับสตรีอย่างหน้าด้านหน้าทน คนเช่นนี้ข้าย่อมไม่เก็บเอาไว้ใช้งานอย่างแน่นอน อีกอย่าง ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ได้ทำเช่นนี้กับนางเป็นคนแรกสินะ เพราะดูจะช่ำชองเสียเหลือเกิน"
"เซี่ย..."
วาจาต่อมายังไม่ทันเอื้อนเอ่ยให้จบประโยค กงเหล่ยก็ยกมีดสั้นขึ้นปาดคอคนชั่วในทันที นายอำเภอเกาผิงดวงตาเบิกกว้างโลหิตไหลออกจากปากและลำคอไม่หยุด เขายกมือขึ้นกำรอบลำคอของตนพลางล้มลงไปนอนบนพื้นก่อนจะสิ้นใจตายทันที
"ฆ่าสุนัขรับใช้ของนายอำเภอเกาผิงทิ้งให้หมด พวกโลภมากไม่ควรเก็บเอาไว้ใช้งาน"
เอ่ยจบเขาก็เดินจากไป โดยไม่สนใจเสียงร้องโหยหวนด้านหลังตนเลยแม้แต่น้อย
ส่วนไต้ฝูหรงนั้นก็เดินมาตามทางอย่างยากลำบาก เพราะถูกทุบตีมาอีกทั้งแผลก่อนหน้าก็ยังไม่หายดี ทำให้นางเริ่มจะทนไม่ไหว หญิงสาวทิ้งกายลงนั่งพิงกำแพงพลางหายใจหอบด้วยความเหนื่อยล้า
บางคราโชคชะตาก็ช่างเล่นตลกกับชีวิตของคนเราเหลือเกิน
เดิมทีนางไม่ได้เป็นใบ้แต่กำเนิด
สิบปีก่อนหลังจากท่านแม่ตายจากไป นางก็กลายเป็นคนเก็บตัว ยามออกไปพบเจอเด็กที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันก็มักถูกล้อว่านางเกิดมาในตระกูลชนชั้นต่ำ เป็นเพียงตระกูลพ่อค้าต่ำต้อย อีกทั้งยังกำพร้ามารดา นางไม่มีเพื่อนเล่นเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เพราะเช่นนี้นางจึงไม่ได้สนทนาปราศรัยกับผู้ใด แม้แต่กับบิดาก็ยังไม่มีเวลาสนทนาด้วยเพราะท่านพ่อต้องออกไปค้าขายหาเงินมาเลี้ยงดูนาง นานวันเข้าเมื่อไม่ได้พูด นางจึงกลายเป็นใบ้ไปเสียอย่างนั้น
ท่านพ่อหมดเงินไปกับการว่าจ้างท่านหมอมารักษานางแต่กลับไม่เป็นผล นางคิดว่านี่ถือเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุจึงปฏิเสธการรักษานับแต่นั้น
ไต้ฝูหรงไอออกมาเล็กน้อย นางพยายามฝืนประคองตนเองให้ลุกขึ้นยืนแต่กลับซวนเซจะล้มลง แต่ทว่าร่างกายของนางยังไม่ทันล้มลงไปที่พื้นก็ถูกใครบางคนช้อนอุ้มขึ้นมาเสียก่อน เมื่อนางเงยหน้าไปมองก็ถึงกับตกใจไม่น้อย
เซี่ยอ๋องผู้นั้น เขามาทำอันใดที่นี่ หรือจะสะกดรอยตามนางมา
เขาจะตามมาฆ่านางอย่างนั้นหรือ?
ความหวาดกลัวพาดผ่านดวงตาคู่งามของนางไปอย่างรวดเร็ว แต่กงเหล่ยกลับมองเห็นทั้งหมด เขามองนางด้วยแววตาที่สนใจ น้ำเสียงที่เอ่ยก็ติดจะหยอกเย้าอยู่เล็กน้อย
"ครานี้กลับกลัวข้า ตอนแรกที่เจ้าพุ่งเข้ามาหมายจะถอดเสื้อผ้าข้า อีกทั้งยังคิดจะถอดเสื้อผ้าตนเองให้ข้าดู เหตุใดจึงใจกล้านักเล่า?"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้างามก็แดงระเรื่อ นางไม่กล้าสบตาเขาอีก
"ข้าไม่ได้มาทำร้ายเจ้า ไต้ฝูหรง บ้านเจ้าอยู่ทางใด ข้าจะไปส่ง"
นางเอียงคอมองเขาด้วยความหวาดกลัวปนความสงสัย ก่อนจะตัดสินใจชี้ไม้ชี้มือบอกทางเขา เพราะตอนนี้นางเหนื่อยมากจนแทบไม่มีแรงจะเดินต่อแล้ว
กงเหล่ยหันไปส่งสัญญาณให้องค์รักษ์ลับติดตามเขามาอย่างเงียบๆ ชายหนุ่มเดินไปตามทางที่นางบอก ก่อนจะพบกับบ้านเก่าๆหลังหนึ่ง เมื่อถึงที่หมายแล้วเขาจึงปล่อยให้นางเดินเข้าไปเอง เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วไต้ฝูหรงจึงรีบเข้าไปในบ้าน แต่ทว่าเมื่อเข้ามาถึงในห้องนางก็ตัวชาวาบ
บิดาของนางยามนี้นอนอยู่บนพื้น บนผ้าปูที่นอนมีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ท่านพ่อจะไออย่างรุนแรงและกระอักโลหิตออกมา
ไต้ฝูหรงเดินเข้าไปหาบิดาด้วยร่างกายสั่นเทา นางค่อยๆยื่นมือไปแตะที่จมูกของท่านพ่อ ก่อนจะต้องตกใจเป็นอย่างมาก
ท่านพ่อไม่หายใจแล้ว!
ไต้ฝูหรงมือไม้สั่น นางพยายามยื่นมือไปเขย่าตัวบิดาหมายจะให้เขาตื่นแต่เขากลับไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว นางช้อนอุ้มร่างของบิดาขึ้นมากอดเอาไว้ ก่อนจะร้องไห้โดยไร้สุ้มเสียง
กงเหล่ยที่เดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้ากลับไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เรื่องความสูญเสียเขาเคยพบเจอมาแล้วย่อมเข้าใจนางดี
เขาไม่เอ่ยเรียกนาง แต่ปล่อยให้นางกอดร่างไร้วิญญาณของบิดาเอาไว้ พลางมองดูนางนั่งร้องไห้โดยไร้เสียงอยู่ห่างๆ
เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจะต้องมานั่งเฝ้าสตรีใบ้นางหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ค่อนคืนเช่นนี้ บางคราอาจจะเป็นเพราะความสงสารกระมัง ยามที่เห็นนางกอดร่างบิดาร่ำไห้ มันทำให้เขานึกถึงวันที่ท่านพ่อตายจากไป เขาเองก็ร้องไห้เช่นเดียวกับนาง
ไต้ฝูหรงไม่ได้นอนทั้งคืน เช้าวันต่อมานางก็ทำศพให้บิดา นำเขาไปฝังเอาไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ท้ายหมู่บ้านซึ่งเป็นสถานที่ที่บิดาของนางชอบไปนั่งเล่น
นางหันมามองกงเหล่ยก่อนจะโค้งกายคำนับเพื่อทำความขอบคุณเขา นางไม่คิดว่าเขาที่เป็นถึงเซี่ยอ๋องจะยอมลดตัวมาช่วยทำศพให้ชนชั้นต่ำเช่นนาง
กงเหล่ยที่เห็นว่าไม่มีอันใดแล้วจึงคิดจะเดินจากไป แต่ทว่าเขากลับชะงักฝีเท้าตนและหันหลังเดินกลับไปหาไต้ฝูหรงอีกครา
เมื่อนางเห็นว่าเขาเดินกลับมาหาตนอีกครั้งหนึ่ง นางจึงมองเขาด้วยความสงสัย
กงเหล่ยมีท่าทีประหม่าเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยบางอย่างออกไป
"ข้ากำลังจะไปทำศึกกับแคว้นเว่ย ไม่รู้เช่นกันว่าจะได้กลับมาเมื่อใด และไม่รู้ว่าสงครามจะยืดเยื้อไปนานเพียงใด บางคราหากเว่ยอ๋องยินยอมสวามิภักดิ์ข้าอาจจะกลับมาที่เกาผิงภายในเวลาอันรวดเร็ว ไต้ฝูหรง เจ้าเองก็ไม่มีผู้ใดให้พึ่งพิงแล้ว เช่นนั้น เจ้ายินดีติดตามข้าหรือไม่?"
ไต้ฝูหรงมองกงเหล่ยด้วยแววตาที่สั่นไหว คำว่าติดตามของเขาหมายความว่าอย่างไรกัน?
กงเหล่ยมองออกว่านางกำลังคิดอันใดอยู่เขาจึงยกมือขึ้นลูบจมูกตนคราหนึ่ง
"ติดตามข้า เป็นสาวใช้ของข้าไม่ใช่นางบำเรอ หากเจ้าไม่ยินยอมข้าเองก็ไม่คิดจะบังคับฝืนใจ อย่างไรเกาผิงก็เป็นเมืองใต้อาณัติของข้าแล้ว เจ้าอยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ย่อมปลอดภัย นายอำเภอเกาผิงผู้นั้นไม่อาจมากวนใจเจ้าได้อีกต่อไป หากเจ้ายินดี หลังจากจบศึกกับเว่ยอ๋อง ข้าจะมารับเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อยู่ๆไต้ฝูหรงก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มของนางเจิดจ้าเหมือนแสงอาทิตย์ที่เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาในยามเช้า มันทำให้กงเหล่ยถึงกับอึ้งงันไปชั่วขณะ
นางพยักหน้าอย่างไม่รั้งรอ ทำเอากงเหล่ยถึงกับแปลกใจไม่น้อย เขาไม่คิดว่านางจะตอบรับรวดเร็วเช่นนี้
"เจ้าไม่กลัวข้าแล้วหรือ?"
หญิงสาวส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาเขียนบางอย่างที่พื้นดิน
ท่านเป็นคนดี ข้าไม่กลัวคนดี ข้ายินดีติดตามรับใช้ผู้มีพระคุณของข้า
กงเหล่ยยกยิ้มมุมปาก แต่เพียงครู่เดียวรอยยิ้มนั้นก็หายไป เขาเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
"ได้ เช่นนั้นเจ้าก็รอข้ากลับมา ข้าจะทิ้งทหารเอาไว้ให้เจ้า และให้เจ้าไปอยู่ที่จวนนายอำเภอเป็นการชั่วคราว หากมีปัญหาอันใดก็แจ้งทหารของข้าได้"
ไต้ฝูหรงพยักหน้าอีกคราพร้อมกับมอบรอยยิ้มแสนหวานให้แก่เขา
เมื่อไม่มีอันใดแล้ว กงเหล่ยจึงเดินกลับไปที่พักของตน ไต้ฝูหรงเดินตามเขาอยู่ห่างๆ ระหว่างทางเฉิงซุนที่ออกมาตามหากงเหล่ยและเห็นภาพตรงหน้าก็หรี่ตามองเจ้านายตนเป็นระยะ กงเหล่ยหันมามองท่านกุนซือของตน พลางเอ่ยถามอย่างไม่ชอบใจ
"ท่านมองอันใดข้านักหนา?"
เฉิงซุนยิ้มตาหยี
"ไหนท่านเคยบอกว่า ท่านไม่มีทางพ่ายต่อสาวงาม"
กงเหล่ยถลึงตาใส่เฉิงซุน ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ
"พ่ายต่อสาวงามอันใดกัน ข้าช่วยคนต่างหาก บัดซบ ช่วยคนเข้าใจหรือไม่! หากท่านยังไม่หยุดยิ้มอีก ก็อย่าโทษว่าข้าทุบตีคนแก่เล่า!"
ด้านไต้ฝูหรงนั้นตอนนี้อยู่ในที่ปลอดภัยและมีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนา นางเดินวนไปวนมาอยู่ในเรือนเพื่อรอฟังข่าวของกงเหล่ยเกาฮ่องเต้หนีหัวซุกหัวซุนด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่่ว่าจะหนีไปทางไหนก็มีแต่เหล่าทหารไล่ล่าเขา เกาฮ่องเต้ถึงกับก้าวขาไม่ออก ไม่คาดคิดว่าตนเองจะมีวันนี้เดิมทีเขาสะกดวิญญาณของกงอวี้ไปแล้ว และไม่เชื่อว่ากงเหล่ยจะสามารถสังหารตนได้แต่ยามนี้เขารู้แล้วว่าตนเองคิดผิดเกาฮ่องเต้เริ่มลนลานด้วยความหวาดกลัว เขาไม่สนใจคำเตือนของทหาร วิ่งหนีออกมาจากวงล้อมป้องกัน สุดท้ายเมื่อได้เห็นคนตรงหน้าที่กำลังยื่นดาบพาดบนลำคอของเขา เกาฮ่องเต้ก็ถึงกับก้าวขาไม่ออก"เจ้า!""ไม่ได้พบกันานเลยนะ ท่านลุงเกา!"เกาฮ่องเต้มือไม้สั่นเทิ้มไปหมด เมื่อนึกถึงศีรษะของเกาข่ายบุตรชายอันเป็นที่รักซึ่งถูกกงเหล่ยสังหาร เขาก็กัดฟันกรอด"ข้าจะฆ่าเจ้า เอาหัวเจ้ามาเซ่นสังเวยให้กับวิญญาณของบุตรชายข้า!"กงเหล่ยเมื่อได้ฟังกลับส่งเสียงหัวเราะออกมา เกาฮ่องเต้ที่เห็นอย่างนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลซึมออกมาเต็มแผ่นหลัง กงเหล่ยยกมือขึ้นส่งสัญญาณ หลัวเยี่ยก็พุ่งเข้าจัดการสังหารทหารและแม่ทัพใหญ่ของเกาฮ่องเต้ตกตายไปจนหมด เกาฮ่องเต้ร้องคำรา
สงครามจบสิ้นลง ทหารของเกาข่ายล้วนถูกสังหารจนหมดสิ้นไม่เหลือซาก ครั้งนี้กงเหล่ยไม่ได้ใจดีเฉกเช่นครั้งก่อน ที่จะเก็บทหารจงรักภักดีกลับใจเอาไว้ใช้งาน อย่างไรทหารพวกนั้นก็ถูกเกาฮ่องเต้ฝึกฝนมานานหลายสิบปี ไม่เหมือนกับชาวบ้านที่มีใจภักดี เขาจึงไม่คิดจะเก็บเอาไว้แม้เพียงคนเดียวแคว้นเซี่ยตอนนี้กลับสู่ความสงบเฉิงซานและหลัวเยี่ยนั้นได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก แต่ทว่าเซียวเย่กลับได้รับบาดเจ็บที่แขนเป็นแผลใหญ่ กว่าจะห้ามเลือดได้ต้องใช้เวลาอยู่นาน โชคดีที่เขาไม่ได้เสียแขนไป ไต้ฝูหรงและท่านหมอจ้าวสลับกันช่วยดูแลเขา เซียวเย่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดเล็กน้อย เขาเอ่ยขอบคุณท่านหมอจ้าว ก่อนจะหันมาเอ่ยกับไต้ฝูหรง"ศิษย์น้องเล็ก ข้าปลอดภัยดีแล้ว เจ้าไปดูศิษย์ใหญ่กงเถอะ หากเจ้ายังไม่ไปอีก พี่ใหญ่กงคงได้ตามมากระทืบข้าซ้ำแน่ ข้ายังไม่อยากถูกเขากระทืบจนตายหรอกนะ สตรีในหอนางโลมยังรอข้าอยู่"ไต้ฝูหรงหัวเราะออกมาเล็กน้อย แม้นางจะแต่งงานกับกงเหล่ยแล้ว แต่เซียวเย่ยังคงยืนยันที่จะเรียกนางว่าศิษย์น้องเล็ก นางเองก็ไม่ถือสาอันใด อย่างไรสำหรับนางแล้ว เขานับว่าเป็นพี่ชายที่แสนดีสำหรับนางเมื่อทุกคนปลอดภัยไร้กัง
ไต้ฝูหรงตกใจจนแทบสิ้นสติ นางหันมองซ้ายขวาตอนนี้มีแต่ห่าธนูที่พุ่งเข้ามาหมายจะสังหารพวกนาง แต่ยามนี้ไม่อาจปล่อยให้ท่านเฉิงซุนอยู่ที่นี่ต่อได้ โลหิตของเขาไหลออกมามากเกินไป ต้องหาทางผ่าเอาลูกธนูออกและห้ามเลือดโดยเร็วที่สุด!ไต้ฝูหรงสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตัดสินใจประคองท่านเฉิงซุนขึ้นมาและพาเขาเดินฝ่าลูกธนูออกไปโดยมีเหล่าทหารที่ยังรอดชีวิตคอยคุ้มกัน ท่านเฉิงซุนยังไม่ได้หมดสติ เขาจ้องมองสตรีข้างกายที่ประคองตนเดินฝ่าลูกธนูอย่างไม่เกรงกลัวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย"นะ นายหญิง ปล่อยข้าเอาไว้บนนี้เถอะขอรับ! "ไต้ฝูหรงเม้มริมฝีปากแน่น นางพาเฉิงซุนลงมาด้านล่างได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่เขาจะหมดสติไป พลันได้ยินเสียงของนางเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ"ข้าไม่มีวันทิ้งท่าน พวกเราถ้าอยู่ก็อยู่ด้วยกัน ถ้าตายก็ต้องตายด้วยกัน กงเหล่ยยังอยู่ข้างนอก เขาเคารพท่านดั่งบิดา ข้าเองก็เช่นกัน เฉิงซานหลานของท่านและแม่ทัพทุกคนก็ยังรอให้ท่านต้อนรับพวกเขากลับเข้าเมืองหลังจากพวกเรารบชนะ หากท่านตาย ข้าคงไม่อาจมองหน้าพวกเขาได้ ท่านจะต้องอดทนไว้นะเจ้าคะ ข้าจะไม่มีทางยอมให้ท่านตายเด็ดขาด!"ท่านเฉิงซุนยิ้มอย่างอ่อ
เสียงต่อสู้ดงกึกก้องไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ยามนี้กองทัพแคว้นเซี่ยกำลังสู้รบกับกองทัพของเกาข่ายอย่างไม่กลัวตาย พวกเขาใช้สมุนไพรพิษที่ไต้ฝูหรงมอบให้นำไปอาบย้อมบนอาวุธ ก่อนจะเข้าห่ำหั่นกับศัตรู กงเหล่ยควบม้าห้อตะบึงอยู่ท่ามกลางซากศพของเหล่าทหารทั้งสองฝ่าย ใบหน้าหล่อเหลามีโลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนเป็นวงกว้าง ขับเน้นให้ใบหน้าเย็นชาของเขาดูดุดันขึ้นไปอีกหลายเท่าวิธีของไต้ฝูหรงนั้นใช้ได้ผล ทหารของฝ่ายตรงข้ามเพียงถูกพิษนั้นเข้าสู่โลหิตไม่นานก็ค่อยๆอ่อนแรงและล้มตายลงไปในที่สุด เพียงไม่นานกำลังทหารของเกาข่ายก็ลดลงไปมากกว่าครึ่งเกาข่ายมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาตื่นตระหนก เห็นๆอยู่ว่าแรกเริ่มนั้นเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่แท้ๆ แต่แล้วเหตุใดสถาณการณ์จึงพลิกผันเช่นนี้เล่าชายหนุ่มกัดฟันกรอด พลางมองไปเบื้องหน้า "ห้ามถอย ต้องตัดหัวกงเหล่ยและสังหารทหารแคว้นเซี่ยให้จงได้!"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ พลางกำมือแน่น ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ไม่รู้ว่าผิดปกติตรงที่ใด เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดวันนี้ทหารแคว้นเซี่ยจึงใช้ผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นเพียงดวงตา หรือว่าพวกมันกลัวตาย หากว่าเจ้าน
ไต้ฝูหรงมุ่งหน้ามายังภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวัดบนเขา ห่างจากเมืองหลวงของแคว้นเซี่ยมาไม่ไกลมากนัก ฮูหยินผู้เฒ่าให้เหล่าทหารติดตามมาพร้อมสาวใช้อีกหลายคน ไม่นานรถม้าก็หยุดลง ไต้ฝูหรงจึงรีบลงจากรถม้าพร้อมกับเอ่ยกำชับสาวใช้และทหาร"พวกเจ้าคงจำลักษณะของสมุนไพรที่ข้าบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้แล้ว รีบเก็บมาให้มากหน่อย ยิ่งมากยิ่งดี เข้าใจหรือไม่"เหล่าสาวใช้และเหล่าทหารต่างพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบแยกย้ายกันไปเก็บสมุนไพรตามที่เจ้านายของตนสั่ง ไต้ฝูหรงเองก็เดินขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรหลายอย่างมาเพิ่มเช่นเดียวกัน นางสะพายกระบุงไว้บนหลังตน และเก็บสมุนไพรอย่างรวดเร็ว เหล่าสาวใช้และทหารต่างมองนางด้วยสายตาที่ตกตะลึง นายหญิงของพวกเขายามปกติดูบอบบางและน่าทะนุถนอมยิ่ง แต่ในยามนี้กลับดูแข็งแรงและว่องไวมาก แรกเริ่มพวกเขาต้องขึ้นลงเขาเพื่อหาสมุนไพรจึงรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน แต่เมื่อได้เห็นว่านายหญิงยังไม่บ่นสักคำ อีกทั้งยังไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อย พวกเขาจึงมีแรงใจมากยิ่งขึ้นใช้เวลาไม่นานก็สามารถเก็บสุมนไพรที่ต้องการได้สำเร็จ ไต้ฝูหรงยิ้มด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบเดินทางกลับจวน จากนั้นจึงจัดการล้างทำความส
กงเหล่ยรีบเปลี่ยนมาสวมชุดเกราะ ก่อนจะมุ่งหน้ามายังค่ายทหารในช่วงกลางดึก เมื่อมาถึงก็พบว่าตอนนี้เหล่าทหารต่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว สีหน้าทุกคนมีความมุ่งมั่นปรากฏชัดบนใบหน้า ไม่มีความเกรงกลัวใดใดให้เห็นเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความฮึกเหริมและพร้อมออกรบเพื่อปกป้องแว่นแคว้น กงเหล่ยยืนอยู่เบื้องหน้าเหล่าทหาร ในมือถือดาบเอาไว้ แววตาฉายแววมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งเกาฮ่องเต้ไม่มีทางปล่อยแคว้นเซี่ยไป อีกทั้งยังไม่มีทางยอมให้คนตระกูลกงเหลือหนทางรอด ศึกครานี้หนักหนาไม่น้อย อีกทั้งอาจจะต้องสูญเสียกำลังพลไปไม่น้อยเลย แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาย่อมไม่อาจถอย หลายปีที่หลบซ่อนตัวเขาได้ซ่องสุมกำลังทหารลับเอาไว้ร่วมหลายแสนนาย ยามนี้ถึงเวลาที่จะต้องเรียกออกมาใช้งานแล้ว"ศึกครานี้ใหญ่หลวงนัก แต่ข้าเชื่อว่าพวกเราทุกคนจะผ่านมันไปได้ ขอให้พวกเจ้าเชื่อมั่นในตัวข้า เชื่อมั่นในตัวเอง ช่วยกันปกป้องแว่นแคว้นและขจัดคนชั่วไปให้หมดจากแผ่นดินนี้เสีย!"ทันทีที่กงเหล่ยเอ่ยจบเหล่าทหารต่างชูดาบขึ้นสูง พลางตะโกนกู่ร้องก้องแผ่นดินแคว้นเป่ยและแคว้นฉีบุกประชิดชายแดน อีกทั้งยังยึดเมืองด่านหน้าสำคัญต่างๆของแคว้นเซี่ยไปได้หลายเมือง และ