เข้าสู่ระบบ“ยุ่ง” คำเดียวสั้นๆ ของเธอทำเอาคนฟังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ร่ำๆ จะเดินไปขย้ำคอเธอที่บังอาจมาขึ้นเสียงใส่เขาให้ได้
“กลับมาขึ้นรถเดี๋ยวนี้พริมรตา” เขาลดเสียงต่ำพยายามประคองอารมณ์ไม่ให้ฉุนเฉียวไปกว่าที่เป็น แต่ความพยายามก็ดูจะสูญเปล่า เมื่อเธอทำหูทวนลม ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำ ทำเอาขีดความอดทนที่มีอยู่อย่างจำกัดขาดผึงลงทันที
“ว้าย! ไอ้บ้าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอโวยลั่น เมื่อจู่ๆ ก็ถูกอุ้มตัวลอยโดยไม่ทันตั้งตัว กระทั่งถูกโยนเข้าไปในรถที่ถูกเปิดค้างเอาไว้
“โอ๊ะ!” คนถูกโยนประหนึ่งสิ่งของร้องอุทานด้วยความเจ็บจุก ก่อนจะหันขวับไปมองคนโยนนัยน์ตาเขียวปั๊ด แต่อีกฝ่ายกลับไม่แยแส มิหนำซ้ำยังขยับตัวเข้ามาใกล้เพื่อรัดเข็มขัดให้อีก
“ถอยไปสิ อย่าเข้ามาใกล้ ฉันทำเองได้ ก็บอกให้ถอยไปไงเล่า” เธอทั้งผลักทั้งดันเป็นพัลวัน แต่ยิ่งเธอต่อต้านเขากลับยิ่งโน้มลงมาใกล้ราวกับจะแกล้ง
“…” อา…กลิ่นหอมๆ ของเธอริดรอนประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทและสมองเขาอีกแล้ว ใช่! ระบบประมวลผลของเขาเริ่มรวน ทั้งที่คิดว่ารังเกียจและอยากแกล้ง แต่เขากลับติดอยู่ในภวังค์หลงใหลกลิ่นหอมนั้นจนอยากจะก้มลงไปดอมดมอีกครั้ง กระทั่ง…
“ไม่กลัวถูกฉันจับแล้วรึไง ระวังเถอะ เข้ามาใกล้ฉันมากๆ ฉันจะจับคุณทำผัวตรงนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย” เสียงเธอปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ได้ชะงัด เขาผงะถอยด้วยทีท่าว่ารังเกียจกันนักหนา ในขณะที่เธอก็กำลังกลอกตาไปมา ใครจะคิดว่าพ่อคุณจะบ้าจี้กลัวการถูกผู้หญิงจับได้ขนาดนี้ แต่จะว่าไปมันก็เป็นข้อดีอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยเธอก็กันตัวเองออกจากเขาได้ ที่สำคัญความจริงเรื่องคลิปนั่นก็ไม่ถูกเปิดเผย แล้วแวววิวาห์เพื่อนของเธอก็จะได้ไม่เดือดร้อนไปด้วย และความจริงข้อนี้ก็ทำให้เธอหยักยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ
“ถึงจะไม่ได้ขอ แต่ก็ขอบคุณที่อุตส่าห์มาส่ง” ทันทีที่รถจอดนิ่งหน้าที่พัก เธอก็หันมาพูดกับเขาแบบขอไปที ก่อนจะรีบลงจากรถไป
“เดี๋ยว” เขาที่เดินตามลงมาตะโกนเสียงดัง ทำเอาคนที่กำลังไขประตูห้องต้องหันขวับมามองอย่างไม่สบอารมณ์
“มีอะไร” เธอถามเสียงห้วน และไอ้สีหน้าท่าทางของคุณเธอที่บอกว่าเอือมระอานักหนา ก็ทำเอาเขาถึงกับกัดฟันกรอด แต่เพราะมียังมีบางอย่างที่อยากพิสูจน์ เขาจึงไม่เอามาใส่ใจ แต่เลือกที่จะขยับเข้าไปใกล้เธอแทน
“คิดจะทำอะไร” เสียงเธอตะกุกตะกักขณะพยายามขยับถอยด้วยท่าทีระแวดระวัง กระทั่งแผ่นหลังชนกับประตูห้อง
“ว้าย!” เธออุทานเสียงหลง ทันทีที่ประตูถูกผลักเข้าไปโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เธอเสียหลักจนเกือบหงายหลังล้มตึง ความตกใจทำให้เธอคว้าชายเสื้อเขาไว้ โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
โครม! เขาใช้เท้ายันประตูปิดเสียงดัง ทำเอาคนที่ยังไม่หายตกใจต้องสะดุ้งโหยงอีก แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับการที่เธอกับเขาอยู่ด้วยกันในที่ลับตาคนแบบนี้
“ออกไป คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาในห้องฉัน” จากมือที่เคยเกาะยึดเขาไว้เป็นที่พึ่ง ก็กลายเป็นทั้งผลักทั้งดันประหนึ่งว่ารังเกียจกันนักหนา
“ทำไมจะเข้าไม่ได้ ในเมื่อคุณเป็นคนดึงผมเข้ามาเอง” นอกจากกำแพงมนุษย์จะไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแล้ว มือทั้งสองของเขายังเอื้อมมาจับตรึงเอวคอดเอาไว้อีก
“พูดบ้าอะไร ฉันไปดึงคุณตอนไหน อย่ามาพูดพล่อยๆ แล้วก็เลิกฉวยโอกาสกับฉันสักที” เธอแหวเสียงเขียวพร้อมกับพยายามแกะมือเขาออกจากเอวเป็นพัลวัน
“ก็คุณเป็นคนดึงผมเข้ามา แล้วจะหาว่าผมฉวยโอกาสได้ไง ถ้าจะพูดให้ถูก คุณต่างหากที่กำลังฉวยโอกาสกับผม แล้วก็…ให้ท่าผม” หญิงสาวผงะตาโตเมื่อจู่ๆ ก็ถูกยัดข้อหาโดยไม่ทันตั้งตัว ขณะเดียวกันก็พยายามนึกว่าตัวเองทำอย่างที่เขาว่าตอนไหน อา…! น่าจะเป็นตอนที่เผลอดึงเสื้อเขาตอนที่กำลังจะล้มแน่ๆ และเธอก็แน่ใจว่านั่นไม่ใช่การให้ท่าหรือเชื้อเชิญให้เขาเข้ามาแต่อย่างใด
“ใช่! ฉันให้ท่า เพราะฉันจะจับคุณ จำไม่ได้รึไง” ช่วยไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นเกราะป้องกันเดียวของเธอตอนนี้ เธอจึงต้องเล่นตามน้ำไปก่อน ไว้กำจัดเขาออกไปจากห้องได้เมื่อไหร่ ค่อยว่ากันอีกที แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
“อืม! ก็ดี” เขาตอบพลางกระชับเอวคอดให้แนบชิดเข้ามาอีก ทำเอาคนที่กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างเป็นต่อในคราแรกถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ถ้าไม่อยากถูกจับจนดิ้นไม่หลุด อยู่ให้ห่างฉันจะดีกว่า ไม่งั้นคุณได้เป็นผัวฉันแน่” เธอมองเขาสีหน้าตื่นตระหนก แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือขู่ฟ่อ
“งั้นก็จับไว้ให้แน่นๆ แล้วกัน งัดไม้เด็ดออกมาให้หมด เผื่อว่าผมจะหลงกลยอมเป็นผัวคุณสักคืนสองคืน” ไม่พูดเปล่า แต่ยังรั้งเอวบางให้ชิดเข้ามาอีก ตอนนี้ตัวเธอเลยเบียดเสียดอยู่กับตัวเขาจนแทบไม่มีช่องว่าง
“ไอ้บ้า! คุณมันหยาบคาย ปากเสีย ปล่อย! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” เธอทั้งผลักทั้งดันพยายามดิ้นรนขัดขืน พร้อมกันนั้นก็บริภาษเขาด้วยความเดือดดาล
“ก็ไหนบอกจะจับผม อยากได้ผมเป็นผัวจนตัวสั่นไม่ใช่รึไง หรือคิดจะเปลี่ยนใจ” เขาพูดพลางกระชับสองแขนโอบรัดรอบเอวพลางโน้มใบหน้าลงไปใกล้ๆ อย่างคุกคาม
“ใช่! ฉันเปลี่ยนใจ ฉันไม่อยากจับคุณ ฉันไม่อยากได้ผู้ชายหยาบคายอย่างคุณเป็นผัวแล้ว” เธอโวยลั่นพร้อมกับยกมือทั้งผลักทั้งดันหน้าเขาให้ออกห่าง ในขณะที่เขากลับหยักยิ้มอย่างผู้ชนะ
“เสียใจ ผมไม่อนุญาตให้คุณเปลี่ยนใจ เพราะตอนนี้…ผมเต็มใจให้คุณจับด้วยความยินดี อยากจับตรงไหนก่อนดีล่ะ ตรงนี้หรือว่าตรง…” เขาพูดพลางจับมือเธอมาวางที่อกแกร่ง แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่าการที่มือนั้นถูกจับให้เลื่อนต่ำลงมา เธอมองหน้าเขาตาโต ก่อนจะสะบัดมือสุดแรง
“คุณมันทุเรศ คิดแต่เรื่องอกุศล” เธอตะโกนใส่หน้าพร้อมกับรีบถอยหนี แต่กลับถูกเขาดึงตัวกลับมาแล้วดันจนแผ่นหลังชิดฝา ครั้นจะหนีก็ทำไม่ได้ ด้วยถูกกักเอาไว้จนไปไหนไม่ได้ มิหนำซ้ำพ่อคุณยังโน้มใบหน้าลงมาหาด้วยท่าทีคุกคามอีก
“มันก็ขึ้นอยู่กับคุณว่ามีมุมมองแบบไหน ถ้าใจคุณคิดดี มันก็จะวางอยู่แค่ตรงนี้ แต่ถ้าใจคุณคิดอกุศล มันก็คง…” มือเธอถูกจับมาวางที่เอวเขา และก่อนที่มันจะถูกเลื่อนต่ำลงมา เธอก็ผลักเขาออกพร้อมกับบริภาษออกมาด้วยความโมโหอีกครั้ง
“ไอ้บ้า ไอ้…อื้อ” ถ้อยคำผรุสวาทที่กำลังจะถูกพ่นออกมาถูกดูดกลืนทันทีที่ริมฝีปากหยักประกบลงมาบดขยี้ มีเพียงเสียงครางประท้วงอู้อี้ของเธอที่ไม่ทำให้ห้องนี้เงียบจนเกินไป
เธอพยายามส่ายหน้าหนีหลบหลีกจากจูบเร่าร้อนที่กำลังกัดกินสติสัมปชัญญะทีละน้อย แต่กลับถูกมือของเขาจับตรึงใบหน้าเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้ หวังพึ่งก็แต่มือทั้งสองข้างที่เหลืออยู่
“แต่น่ากลัวกว่าที่คิดเยอะ เพราะงั้นถ้าไม่อยากถูกฆ่าปาดคอ อย่าคิดที่จะทิ้งผมเชียว”“ไม่ต้องห่วง ถ้าเธอยอมทิ้งหมอนี่ ฉันจะแถมเงินให้อีกก้อนหนึ่งเลย” เพลิงเสริมขึ้นบ้าง ทำเอาหลานชายถึงกับโวยลั่น“สมัยนี้มีใครเขากีดกันความรักของลูกหลานกันอีก น้านี่เชยชะมัด”“ฉันไม่ได้กีดกัน ฉันแค่หวังดี อยากให้ผู้หญิงเขาไปมีอนาคตที่ดีต่างหาก” เพลิงอดเหน็บให้อีกไม่ได้“เฮ้! นี่น้าเป็นน้าแท้ๆ ของผมรึเปล่า หรือผมเก็บน้ามาเลี้ยงกันแน่เนี่ย”“เพราะปากแบบนี้ไง ฉันถึงอยากให้เขาทิ้งแก เจติยา...ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนกับเมียฉัน ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี ถ้าไม่อยากปวดหัว ก็เลิกกับหมอนี่ไปเถอะ” เพลิงหันมายุยงกับเจติยาอย่างนึกสนุก“เฮ้ย! อะไรของน้าเนี่ย ถ้าเขาเกิดทิ้งผมขึ้นมาจริงจะว่าไงเนี่ย” ในขณะที่หลานชายโวยลั่นราวกับเด็กน้อยถูกแย่งของเล่น แต่น้าชายกลับยักไหล่อย่างไม่แยแส พ่อหลานชายตัวดีจึงหันไปหาที่พึ่งอื่น“พ่อครับ งั้นพ่อต้องช่วยผมนะครับ ช่วยพูดกับผู้หญิงคนนั้นทีว่าอย่าทิ้งผม” คนถูกเรียกว่าพ่อครั้งแรกถึงกับนิ่งอึ้ง ทั้งดีใจทั้งตื้นตันจนบอกไม่ถูก กระทั่ง...เพียะ!“เลิกเล่นได้แล้ว ไม่งั้นฉันได้ทิ้งนายจริงๆ แน่” เจ
“ถ้าพวกแกทำอะไรฉัน คิดเหรอว่าจะได้อยู่อย่างสงบ โดยเฉพาะคุณ...อาราชิ”“กะอีแค่กำจัดคนเลวๆ ให้พ้นไปจากแผ่นดิน มันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนี่ อีกอย่างไม่มีคุณสักคน อะไรๆ ก็คงดีขึ้น” พายุเอาคำพูดอีกฝ่ายมายอกย้อน ทำคนถูกย้อนถลึงตาด้วยความเกรี้ยวกราด“เรื่องนี้ยูมิไม่เกี่ยวนะคะคุณลุง ก็อย่างที่คุณลุงว่า หนูเป็นเครื่องมือของผู้หญิงคนนี้ หนูเป็นเหยื่อนะคะคุณลุง” อายูมิโอดครวญเอาตัวรอดด้วยความรักตัวกลัวตาย“ไม่ยักรู้ว่าเหยื่อจะปากเก่งได้ขนาดนี้ แต่เอาเถอะ ไว้ฉันจะหาวิธีจัดการกับเธอทีหลัง ส่วนคุณ...เราคงต้องจบความแค้นทั้งหมดไว้แต่เพียงเท่านี้” สิ้นเสียงหัวหน้าแก๊งคาอิดะยกปืนขึ้นมาจ่อ แต่ก่อนจะทันได้ลั่นไก เสียงหลานชายก็ดังขึ้น“เดี๋ยวครับ เลือดต้องล้างด้วยเลือด ในเมื่อผู้หญิงคนนี้เป็นคนฆ่าแม่ผม ก็ควรให้ผมเป็นคนจัดการถึงจะถูก” นทีว่าพลางยกปืนขึ้นมาอีกคน แต่ก็มีอันต้องหยุดชะงักอีก“ฉันเองก็แค้นมันไม่น้อยไปกว่าใคร อย่าลืมสิว่ามันก็ฆ่าแม่ฉัน แล้วก็เกือบจะฆ่าฉันด้วย” เพลิงแค้นจนแทบอยากจะฉีกเนื้อผู้หญิงคนนี้ออกมาเป็นชิ้นๆ จึงยกปืนขึ้นมาเล็งด้วยอีกคน“ซับซ้อนไปอีก ถึงกับเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ต้องเลวเบอร
“หมายความว่าไง” คำพูดที่ทำให้ฉุกคิดทำให้เขาโพล่งถามเสียงเข้ม“เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก รู้แค่ว่าฉันทำอะไรได้มากกว่าที่เธอคิด โดยไม่จำเป็นต้องสนใจคนที่เป็นได้แค่หุ่นเชิดอย่างตาของเธอ” ไอโกะเหยียดริมฝีปากยิ้มเยาะ แต่รอยยิ้มนั้นต้องจางหายไป เมื่อเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น“นั่นสินะ ผมก็เป็นได้แค่หุ่นเชิดในสายตาของคุณ” พายุ หรือที่รู้จักกันในนามอาราชิหัวหน้าแก๊งคาอิดะเดินออกมาจากกลุ่มของชายชุดดำ การปรากฏตัวของเขาทำให้ไอโกะหน้าเสีย แต่เพียงครู่เดียวก็กลายเป็นเชิดหน้าหยิ่งผยองดังเดิม“เหตุผลที่ทำให้คุณอุตส่าห์ถ่อมาไกลถึงนี่ เพราะอยากได้หุ่นเชิดตัวใหม่สินะ หึ! แก่แล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยวาง คงกลัวว่าถ้าหลานผมเข้ามารับตำแหน่ง คุณจะกลายเป็นสุนัขแก่ๆ ตัวหนึ่งที่ไม่มีอำนาจ เลยหวังจะใช้หลานสาวมาเป็นเครื่องมือเพื่อควบคุมหลานผมให้อยู่ในโอวาท แต่เชื่อเถอะว่าครั้งนี้จะไม่ง่ายเหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะผมนี่แหละจะขัดขวางคุณทุกวิถีทาง” พายุจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งอย่างไม่มีใครยอมใคร“ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู ถึงขนาดลงทุนแฝงตัวเข้ามา คงคิดว่าจะทำอะไรฉันได้ คนอย่างฉันถ้าไม่มีเขี้ยวเล็บ คงไม่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ อย่าว่
“อย่าดื้อสิ นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาต่อต้านผมนะ” เขาขอร้อง พลางมองออกไปนอกนอกหน้าต่างด้วยความร้อนใจ“ฉันไม่ได้ต่อต้าน แต่ในเมื่อนายบอกว่ารักฉัน ฉันเองก็รักนาย แล้วจู่ๆ มาบอกให้ฉันทิ้งนายทั้งที่นายตกอยู่ในอันตรายเนี่ยนะ ไม่มีคนรักที่ไหนเขาทำกันหรอก ฉันรู้ว่านายเป็นห่วง ไม่อยากให้ฉันเป็นอันตราย แต่รู้ไหมว่าฉันเองก็ไม่อยากเห็นนายเป็นอะไรไปเหมือนกัน ถ้าวันนี้ฉันเป็นคนที่รอด เคยคิดบ้างไหมว่าฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วยความทรมานแค่ไหน ฉันอยู่ไม่ได้หรอกนะถ้าไม่มีนาย”“โอเค ไม่ทิ้งก็ไม่ทิ้ง ถ้าจะอยู่ก็อยู่ด้วยกัน ถ้าจะตายก็ตายมันด้วยกันนี่แหละ” เขาตอบรับด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ สร้างความพอใจให้คนดื้อรั้นจนต้องยิ้มออกมา ก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงเคาะกระจกด้านข้างก๊อก ก๊อก ก๊อกสองคนหันมองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูแล้วก้าวออกไปพร้อมกันอย่างสง่าผ่าเผย โดยมีพลขับด้านหน้าก้าวตามลงมาติดๆ“พวกแกเป็นใคร” คนถูกล้อมเอาไว้สอดส่ายสายตามองคนต่างชาติที่อยู่ในชุดดำแล้วโพล่งถามออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่กลับไร้ซึ่งคำตอบ กระทั่งผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ“ดูดีกว่าที่คิดนี่” หญิงสาวหน้าตาดีมาหยุดยืนตรงหน้าแล้วใช้ภาษ
“คนชั่วๆ แบบนี้เก็บเอาไว้ก็เป็นภัยต่อสังคม ควรส่งไปลงนรกให้หมดทั้งคนสั่งและคนถูกสั่ง” นทีว่าพลางหันปลายกระบอกปืนไปที่คนพวกนั้นอย่างหมายมาด ทำเอาพวกมันถึงกับต้องร้องขอชีวิตกันลนลาน“อย่าเลย ฉันไม่อยากให้มือนายต้องเปื้อนเลือดชั่วๆ ให้มีมลทิน สู้ปล่อยให้พวกมันไปชดใช้กรรมในคุก แล้วค่อยฝากให้คนข้างในช่วยจัดการยังจะสาสมกว่า” ความคิดที่แยบยลนี้ทำเอาทุกคนผงะนัยน์ตาเบิกกว้าง โดยเฉพาะคนที่ต้องเข้าไปชดใช้กรรมในคุก คงมีก็แต่อีกคนที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เหลือเค้าความถมึงทึงก่อนหน้า ราวกับว่าภูมิใจในความคิดนี้ของเธอ และเหนือสิ่งอื่นใด...เขากำลังมีความสุข“ห่วงผมเหรอ” คนถามถามแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม ในขณะที่คนถูกถามกลับทำหน้างง ไม่เข้าใจท่าทีที่เปลี่ยนปุบปับของเขา“หา?”“ก็ที่บอกว่าไม่อยากให้มือผมเปื้อนเลือดไง” เธอเลิกคิ้ว ครั้นพอเข้าใจก็กลายเป็นยิ้มขำพลางส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อได้รู้ถึงสาเหตุของท่าทีที่เปลี่ยนไปของพ่อคุณ จึงรีบพยักหน้าแทนคำตอบ“เห็นแก่ที่เมียฉันเป็นห่วง ไม่อยากให้มือฉันเปื้อนเลือดชั่วๆ ฉันจะยอมไว้ชีวิตพวกแกสักครั้ง เอาตัวพวกมันไปส่งตำรวจ” สิ้นเสียงคนของเขาก็ลากทั้งสามคนออกไปท่ามกลางเสียง
“นี่สินะธาตุแท้ของคุณ ก่อนหน้านี้ผมคงโง่เองที่มองไม่เห็น ก็ดี มีอะไรก็เผยออกมาให้หมด ผมจะได้ไม่ใจอ่อนเวลาที่เห็นตำรวจใส่กุญแจมือคุณ”“เลอะเทอะ ประสาทกลับรึไง ตำรวจจะมาจับฉันข้อหาอะไรไม่ทราบ ประสาทกลับ” ดวงเดือนว่าพลางเบะปากยิ้มเยาะ“ก็ข้อหาที่คุณจ้างคนมาทำร้ายลูกผมไง” ข้อหานี้ทำเอาคนที่เคยมั่นใจก่อนหน้าเสียอาการทันที แต่ก็ยังไม่วายปฏิเสธเสียงสูง“จ้างอะไร ทำร้ายอะไร อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ ไม่งั้นคุณนั่นแหละจะโดนฉันฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท” ดวงเดือนเลิ่กลั่กหน้าเปลี่ยนสี“คิดอยู่แล้วว่าคนดื้อด้านอย่างคุณต้องไม่ยอมรับ ผมเองก็เบื่อจะเล่นเกมกวนประสาทกับคุณแล้วเหมือนกัน เอาตัวเข้ามา” นทีบอกด้วยสีหน้าเอือมระอา ก่อนตะโกนสั่งคนของตัวเองที่รออยู่ด้านนอกทันทีที่คนของเขาพาตัวชายฉกรรจ์สามคนเดินเข้ามา ดวงเดือนถึงกับชะงักหน้าเสีย ประจวบเหมาะกับที่หนึ่งในสามคนนั้นหันมาเผชิญหน้าพอดี“อีนังคุณนาย อีฉิบหาย เพราะมึงคนเดียวพวกกูเลยซวยกันหมด ถ้ามึงบอกตั้งแต่แรกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียมาเฟีย กูก็คงไม่ยุ่งด้วย” สภาพคนพูดที่ดูสะบักสะบอม ใบหน้าปูดโปน ทำเอาดวงเดือนใบหน้าซีดเผือด กอปรกับที่สามคนนั้นล้วนถูกปืนจ่อ ก็ยิ่







