Share

อาจารย์ข้าคือซุนหงอคง

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-06-18 05:24:44

เมื่ออ่านตำราจบแล้วทำให้รู้ว่าไม่ใช่ว่าในแคว้นฉี จะไม่มีผู้ฝึกปราณ แต่คนที่ฝึกนั้นมีน้อยมาก แล้วยังไม่มีผู้ที่เป็นผู้ฝึกตนเพื่อก้าวข้ามสู่ขั้นเป็นเซียน หากนางทำให้ครอบครัวของนางทุกคนเป็นผู้ฝึกตนได้ต่อไปครอบครัวของนางก็ไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจของผู้ใดอีก

ลู่จื้อจึงลองเปิดจุดตันเถียนตามตำรา นางนั่งกำหนดจิตไปที่จุดตันเถียน (อยู่ด้านล่างสะดือลงไปสามนิ้วเรียกตันเถียนล่าง) เมื่อเข้าสู่สมาธิลู่จื้อค้นพบจุดแสงใจกลางตันเถียนก้อนเท่าเมล็ดถั่ว หากใช้ความรู้สึกจับจะเห็นว่าจะมีแสงหลากหลายสีกระจายโดยรอบๆ อีกมาก นางจึงค่อยๆ ดึงแสงเหล่านั้นเข้ามารวมในจุดตันเถียนให้เป็นหนึ่งเดียว

จากนั้นนางโคจรเส้นลมปราณเพื่อดึงแสงสีต่างๆ จากจุดตันเถียนระหว่างคิ้ว (เรียกจุดตันเถียนบน) และตรงกลางหัวใจ (เรียกจุดตันเถียนกลาง)

ลู่จื้อทำตามวิธีที่ตำราได้บอกไว้ นางนั่งรวบรวมแสงจนเก็บทั้งหมดเข้าจุดตันเถียนได้แล้ว นางจึงออกจากสมาธิก็พบว่าเวลาผ่านมาไม่น้อยแล้ว

และคิดว่าด้านนอกคงจะเช้าแล้ว ครอบครัวของนางคงจะเป็นห่วงที่นางหายไปที่ใดก็ไม่รู้ ตอนนี้ตัวของนางส่งกลิ่นเหม็นแถมยังมีคราบสีดำเลอะเสื้อผ้าเต็มไปหมด ชุดนี้ของนางคงจะนำมาใส่อีกไม่ได้แล้ว

เมื่อออกมาจากกระท่อม นางกำลังจะไปอาบน้ำ ลู่จื้อจึงพบว่าด้านนอกมีสิ่งที่เพิ่มขึ้น ด้านหลังปรากฏภูเขาทอดยาวหลายลูก ลำธารที่ไหลมาจากภูเขาไหลลงสู่บึงดอกบัว นางจึงเดินลงไปอาบน้ำเพราะตอนนี้เหม็นตัวเองแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

“เอ๊ะ”

ยามที่แช่น้ำอยู่นั้น ของเหลวสีดำก็ไหลออกมาจากตัวของนางมากมายจนน่าตกใจ

ด้วยกลัวว่าครอบครัวจะเป็นห่วง นางจึงเลิกสนใจสิ่งประหลาดทั้งหมด ก่อนจะรีบออกไปด้านนอก

แล้วนางก็ต้องแปลกใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อออกมาอยู่ภายในห้องเวลาด้านนอกเพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่ถึงหนึ่งก้านธูป (ประมาณ30นาที)

“เหลือจะเชื่อ” นางพึมพำออกมา ก่อนจะล้มตัวลงนอนทันที

เช้าวันใหม่ ลู่จื้อเดินออกมาเตรียมตัวล้างหน้าล้างหน้า

"เจ้า เจ้าเป็นใคร เข้ามาในบ้านข้าได้อย่างไร" ลู่จื้อขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่ลู่เพ่ยพูด

"ท่านพี่ ท่านจำน้องสาวของตนเองไม่ได้หรือ หรือว่าท่านไม่สบาย" ลู่จื้อมองลู่เพ่ยอย่างมองคนเสียสติ ที่เขาจำนางไม่ได้

"จื้อเออร์ เจ้าไปทำอันใดมา ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้" ลู่จื้อจับไปที่หน้าของตน แล้วคิดว่าหรือตนล้างคราบดำออกไม่หมด นางจึงเดินไปที่โอ่งน้ำข้างห้องครัวเพื่อส่องดูสภาพตนเอง

“เฮ้ยยย” นางร้องออกมาด้วยความตกใจ

เมื่อใบหน้าของนาง พร้อมทั้งผิวพรรณเปลี่ยนไปมากนัก ราวกับว่าเป็นคนละคนไปเลย นางไม่คิดว่าร่างนี้จะงดงามมากเช่นนี้

ใบหน้าตอนนี้นั้นไม่มีเค้าโครงเดิมเหลืออยู่เลย กลายเป็นดรุณีน้อยนางหนึ่งที่งดงามเป็นอย่างมาก ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งดั่งวงเดือน ดวงตาเรียวยาวหางตาตวัดโค้งขึ้น อิ่มฝีปากอวบอิ่มดั่งผลอิงเถา (เชอร์รี่) รวมๆ แล้วเรียกได้ว่านางกลายเป็นสาวงามล่มเมืองไปแล้ว

ลู่เพ่ยที่ได้สติหลังจากมองน้องสาวอย่างโง่งมก็วิ่งไปตามมารดาที่ดูแลบิดาอยู่ นางจินหรูเมื่อเห็นลู่จื้อยังตกใจ จากนั้นก็คว้ามือบุตรสาวรีบเข้าไปให้ห้องของจางหมิน

ตอนนี้ทั้งสามคน มองหน้าลู่จื้ออย่างมีคำถาม จนลู่จื้อต้องรีบเล่าเรื่องราวในมิติจิตให้ฟัง แต่ตอนนี้ทั้งหมดไม่มีเวลาคิดอะไรแล้ว ต้องรีบทำอาหารเพราะใกล้ถึงเวลาที่นัดหมอฉีเอาไว้

“จื้อเออร์ เจ้าไปหาผ้ามาปิดหน้าไว้ก่อนเถิด” จางหมินจึงให้บุตรสาวใส่ผ้าปิดบังใบหน้าไว้ก่อน จะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต

“เจ้าค่ะ” ก่อนจะเดินออกไปจากห้องของบิดาลู่จื้อถูกลู่เพ่ยดึงแขนเอาไว้

“น้องพี่ เจ้าสอนข้าเปิดจุดตันเถียนบ้างได้หรือไม่” ลู่เพ่ยก็กระซิบกระซาบกับน้องสาวขอให้ช่วยตนเปิดจุดตันเถียนบ้าง

ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะดูดีขึ้น แต่หากเปิดจุดตันเถียนได้เขาก็สามารถฝึกกำลังภายในได้ ในห้องตำราภายในมิติจิตอาจจะมีตำราให้เขาได้ฝึกวรยุทธ์ก็เป็นได้

“ได้เจ้าค่ะ” ลู่เพ่ยยิ้มกว้างออกมาเมื่อลู่จื้อนางรับปาก ก่อนจะปล่อยให้นางเดินไปหาผ้ามาปิดบังใบหน้าไว้

หมอฉีมาตรงเวลาที่ได้นัดหมายกันไว้ เมื่อตรวจบาดแผลของจางหมินจึงพบว่ายังสามารถรักษาได้ แต่หมอฉีไม่รับปากว่าจะเดินได้เป็นปกติเหมือนเดิมหรือไม่

ทั้งสามได้ยินก็ดีใจ ถึงจะเดินไม่เหมือนเดิมอย่างน้อยบิดาของตนก็สามารถลุกขึ้นมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนอื่น หมอฉีเขียนเทียบยา และบอกวิธีดูแลแล้วจริงกลับออกไป ค่าตรวจท่านหมอฉีไม่คิดเพราะอยากผูกสัมพันธ์กับครอบครัวจาง ผู้ที่หาโสมมาได้มากถึงสามหัวในคราวเดียว

หากหมอฉีได้รู้ว่าลู่จื้อนางยังมีอีกหลายหัวไม่รู้ว่าจะตกใจมากเพียงใด

ลู่จื้อก็ตระหนักในเรื่องนี้ดี นางจึงแจ้งกับหมอฉีว่าจะนำโสมแดงที่นางกำลังทำนั้นไปขายให้ร้านยาฮุ่ยชิวเพียงแห่งเดียวเท่านั้น หมอฉีจึงดีใจอย่างมากที่ตนเลือกไม่รับค่าตรวจครั้งนี้

“เจ้ารู้วิธีทำเช่นนั้นรึ” น้อยคนนักที่จะทำออกมาได้ ต่อให้ทำออกมาก็ยังไม่อาจจะบอกได้ว่าสามารถใช้ได้จริงหรือไม่

แต่เด็กสาวตรงหน้าที่ยังไม่พ้นวัยปักปิ่นกับพูดเรื่องนี้ออกมาได้อย่างกับมั่นใจเสียเต็มสิบส่วน

“เจ้าค่ะ ข้าเคยเห็นอาจารย์ทำมาก่อน” ลู่จื้อโกหกออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย

“เช่นนั้นรึ อาจารย์ของเจ้าคือใครกันเล่า” หมอฉียังสงสัยไม่หาย

“อาจารย์ข้าซุนหงอคงเจ้าค่ะ เป็นผู้ฝึกตน มิได้อยู่เป็นหลักแหล่ง ก่อนจะออกเดินทางได้ทิ้งตำราไว้ให้ข้าเล่มหนึ่ง ข้าจะลองทำออกมาแล้วจะนำไปให้ท่านตรวจดูว่าใช้ได้หรือไม่” ลู่จื้อคิดชื่อไม่ออกแล้ว นางจึงกล่าวอ้างถึงซุนหงอคงตัวละครที่นางชื่นชอบ

“อืม...เจ้าวาสนาดีไม่น้อย ได้พบผู้ฝึกตน” หมอฉีมองนางอย่างชื่นชม ก่อนจะเอ่ยพูดอีกสองสามประโยคแล้วขอตัวกลับไป

“จื้อเออร์ อาจารย์เจ้าเหตุใดถึงชื่อประหลาดนัก” จางหมินมองบุตรสาวอย่างหยอกล้อ เมื่อนางเอ่ยเล่าเป็นตุเป็นตะเรื่องอาจารย์ของนาง

“อาจารย์ของข้าเก่งมากเลยนะท่านพ่อ เป็นถึงเทพวานรเลย” ลู่จื้อยิ้มจนตาหยี ก่อนจะขอตัวไปหาตำราให้ลู่เพ่ย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   หวังว่าจะจำในสิ่งที่เขียนไว้ได้

    นางยื่นเงินสามร้อยหกสิบห้าตำลึงให้หัวหน้าหมู่บ้าน ให้เกินอีกห้าตำลึงเพื่อเป็นค่าน้ำชาให้ดำเนินเรื่องที่ให้ หัวหน้าหมู่บ้านก็รับมาแต่โดยดี"ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเจ้าคะ ท่านพอจะแนะนำช่างสร้างบ้านให้ข้าด้วยได้หรือไม่" นางจินหรูเอ่ยอย่างเกรงใจ"ได้ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บุตรชายข้า ชุนหยุน ก็เป็นช่างสร้างบ้านอยู่ ข้าจะให้อาหยุนไปคุยกับพวกเจ้าที่บ้านก็แล้วกัน" เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยสองแม่ลูกก็ขอตัวกลับสองแม่ลูกที่กำลังเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี ต้องมาพบเจอสะใภ้ใหญ่ระหว่างทาง" นึกว่าใคร สะใภ้รองนี่เอง พวกเจ้าไม่คิดจะมาแสดงความยินดีกับเยว่เออร์เสียหน่อยหรือ" นางยิ้มเย้ยใส่จินหรู"เช่นนั้นก็ยินดีในวาสนาของเยว่เออร์ด้วยเจ้าค่ะ วันแต่งข้าและท่านพี่ต้องช่วยเพิ่มสินเดิมให้เจ้าสาวอย่างแน่นอน" นางจินหรูมองข้ามสายตาที่เยาะเย้ยของสะใภ้ใหญ่เมื่อมองสำรวจพี่สะใภ้ดีๆ จึงได้เห็นว่าชีวิตบ้านใหญ่ที่ไม่มีครอบครัวของนางให้คอยรับใช้ คงจะลำบากไม่น้อย เพราะจางเยว่คงไม่ยอมไปซักผ้าริมแม่น้ำหรือจะเข้าครัวทำอาหารอย่างแน่นอน"โอวโยว อย่างเจ้ากับน้องรองนะหรือจะมีปัญญามาช่วยเยว่เออร์ของข้าเพิ่มสินเดิม แค่ไม่ขนกันมากินใน

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ได้ซื้อที่ดินแล้ว

    สองพี่น้องจึงขอตัวไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน ลู่เพ่ยยังคงศึกษาตำราที่ลู่จื้อให้ไว้ทั้งคืน แต่เขายังไม่เข้าใจมากนักลู่จื้อที่แยกตัวออกมาก็เข้าไปในมิติ นางเห็นพื้นที่วางมากมายจึงเริ่มมีความคิดที่จะซื้อเมล็ดผักมาปลูกนางเดินเข้าไปในกระท่อมเพื่อหาตำราที่สามารถอ่านได้ เพราะเมื่อคืนมีตำราเพียงเล่มเดียวที่อ่านได้ ตอนนี้นางเปิดจุดตันเถียนได้แล้วคงจะมีสักเล่มที่นางสามารถอ่านได้นางไล่ดูตำราที่ละเล่มจนไปเจอตำราฝึกวรยุทธ์ ยุคก่อนนางได้ฝึกมวยไทย กังฝู มวยหย่งซุน แต่ตำราเล่มนี้สอนฝึกลมหายใจกับความเร็ว ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับนางลู่จื้อไม่คิดว่าการฝึกลมหายใจจะช่วยได้หลายอย่างขนาดนี้ หลังจากที่อ่านตำราจบนางถึงได้รู้ว่าการฝึกลมหายใจเป็นส่วนสำคัญของการฝึกฝนพลังปราณเมื่อนางลองฝึกตามตำราจึงค้นพบว่า หากนางควบคุมการหายใจได้ก็สามารถควบคุมเส้นปราณในร่างกายได้ เหมือนเป็นการเปิดเส้นปราณในร่างกายให้พร้อมที่จะเริ่มฝึกขั้นต่อไปตอนนี้เส้นปราณของนางนั้นใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งนางยังสามารถรับรู้เสียงต่างๆ รอบตัวได้ชัดเจนขึ้นแม้กระทั่งเสียงน้ำไหลที่ลำธารนางก็ได้ยินชัดเหมือนนางนั่งอยู่ริมลำธารเลยลู่จื้อนางไม่รู

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   จางเสียนกับกู้เหลี่ยงมาหา

    ลู่จื้อจึงนำตำราออกมาให้ลู่เพ่ยได้ศึกษา ก่อนหน้านี้ลู่เพ่ยเคยได้เขียนอ่านมาบ้างแล้วจากบิดาจึงทำให้สามารถอ่านตำราได้ บิดาของตนเคยได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาเช่นท่านลุงใหญ่ แต่ทั้งคู่สอบหลายรอบแล้วไม่ผ่านจึงเลิกเรียนออกมาทำงานแทนท่านใหญ่ลุงจางเสียนได้ดูแลบัญชีให้กับร้านขายผ้าในตัวเมือง โดยส่งเงินให้ท่านย่าใช้ภายในบ้านทุกเดือน บิดาของนางจึงต้องอยู่บ้านทำนา ขึ้นเขาล่าสัตว์แทน นี้คืออีกเหตุผลที่ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่มีอำนาจภายในบ้านมากจนท่านปู่ท่านย่าเกรงใจ"น้องสะใภ้อยู่หรือไม่" เสียงตะโกนเรียกหน้าบ้านทำให้ลู่เพ่ยรีบเก็บตำราแล้วออกไปดู เป็นท่านลุงใหญ่ของตนกับกู้เหลี่ยง"ท่านแม่ดูแลท่านพ่ออยู่ขอรับ เชิญท่านลุงกับท่านลุงกู้ด้านในขอรับ" ลู่เพ่ยเปิดทางให้ทั้งสองเข้ามา"ขออภัยข้าไม่อาจลุกออกไปต้อนรับพวกท่านทั้งสองได้" จางหมินเอ่ยปากพูดกับทั้งคู่ ลู่จื้อนำน้ำออกมาต้อนรับแขกแล้วปลีกตัวออกไปอย่างรู้ความตอนนี้ในห้องของจางหมินมีเพียง จางเสียนกับกู้เหลี่ยงเท่านั้น จางเสียนมองน้องชายของด้วยที่นอนเป็นคนพิการอยู่บนเตียง ตัวเขาก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่ารู้สึกเช่นใดกับน้องชาย เขาสองพี่น้องมิได้รังเกียจกัน แต่จ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   อาจารย์ข้าคือซุนหงอคง

    เมื่ออ่านตำราจบแล้วทำให้รู้ว่าไม่ใช่ว่าในแคว้นฉี จะไม่มีผู้ฝึกปราณ แต่คนที่ฝึกนั้นมีน้อยมาก แล้วยังไม่มีผู้ที่เป็นผู้ฝึกตนเพื่อก้าวข้ามสู่ขั้นเป็นเซียน หากนางทำให้ครอบครัวของนางทุกคนเป็นผู้ฝึกตนได้ต่อไปครอบครัวของนางก็ไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจของผู้ใดอีกลู่จื้อจึงลองเปิดจุดตันเถียนตามตำรา นางนั่งกำหนดจิตไปที่จุดตันเถียน (อยู่ด้านล่างสะดือลงไปสามนิ้วเรียกตันเถียนล่าง) เมื่อเข้าสู่สมาธิลู่จื้อค้นพบจุดแสงใจกลางตันเถียนก้อนเท่าเมล็ดถั่ว หากใช้ความรู้สึกจับจะเห็นว่าจะมีแสงหลากหลายสีกระจายโดยรอบๆ อีกมาก นางจึงค่อยๆ ดึงแสงเหล่านั้นเข้ามารวมในจุดตันเถียนให้เป็นหนึ่งเดียวจากนั้นนางโคจรเส้นลมปราณเพื่อดึงแสงสีต่างๆ จากจุดตันเถียนระหว่างคิ้ว (เรียกจุดตันเถียนบน) และตรงกลางหัวใจ (เรียกจุดตันเถียนกลาง)ลู่จื้อทำตามวิธีที่ตำราได้บอกไว้ นางนั่งรวบรวมแสงจนเก็บทั้งหมดเข้าจุดตันเถียนได้แล้ว นางจึงออกจากสมาธิก็พบว่าเวลาผ่านมาไม่น้อยแล้วและคิดว่าด้านนอกคงจะเช้าแล้ว ครอบครัวของนางคงจะเป็นห่วงที่นางหายไปที่ใดก็ไม่รู้ ตอนนี้ตัวของนางส่งกลิ่นเหม็นแถมยังมีคราบสีดำเลอะเสื้อผ้าเต็มไปหมด ชุดนี้ของนางคงจะนำมาใส่อีกไ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   มิติของลู่จื้อ

    “หากพวกเจ้ามีสมุนไพร นำมาขายให้ร้านยาของข้าได้ตลอด” หมอฉีกล่าวบอกทั้งสองคน“หากข้าได้ของดีเช่นนี้มาอีกจะนึกถึงร้านยาของท่านก่อนแน่นอนเจ้าค่ะ” หมอฉีดูจะพอใจกับคำพูดของลู่จื้อ“ดีดีดี หากพวกเจ้ามีเรื่องใดที่ข้าช่วยเหลือได้ก็อย่าได้เกรงใจ” นี่แหละคือสิ่งที่ลู่จื้อต้องการ“ท่านหมอฉีเจ้าคะ ข้าอยากรบกวนให้ท่านไปตรวจดูอาการของบิดาที่หมู่บ้านชุนหนานเจ้าค่ะ” ลู่จื้อแจ้งรายละเอียดอาการบาดเจ็บของบิดาที่ไม่สามารถเดินทางมาที่โรงหมอได้เมื่อนัดเวลากับหมอฉีที่จะไปตรวจให้บิดาที่หมู่บ้านแล้วลู่จื้อจึงขอตัวกลับลู่เพ่ยที่เก็บตั๋วเงินไว้ในอกก็มีอาการแข็งขาอ่อนแรง ก้าวเดินแทบจะไม่ออก ลู่จื้อจึงพาพี่ชายไปร้านรับฝากเงิน หากพี่ชายนำเงินกลับบ้านในสภาพนี้ได้ถูกโจรปล้นเป็นแน่แม้จะมีมิติเก็บของได้แล้ว แต่นางก็อยากจะนำเงินบางส่วน ฝากเงินไว้ที่ร้านรับฝากด้วย ด้วยคนอื่นจะได้เห็นว่าครอบครัวนางมาเบิกเงินไปใช้ ไม่ใช่ว่าเงินทั้งหมดที่ได้จากการขายสมุนไพรถูกเก็บไว้ที่เรือนเงินหนึ่งพันหกร้อยตำลึงทอง นางฝากเพียงสามร้อยตำลึงทองเท่านั้น แล้วส่งให้ลู่เพ่ยถือเงินไว้ซื้อของเพียงหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ที่เหลือล้วนอยู่ในมิติของนาง

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เข้าเมืองขายสมุนไพร

    “จื้อเออร์ เจ้าพูดว่าอย่างไรก่อนที่โสมจะหายไป” จางหมินถามบุตรี“ข้ากำลังเก็บโสมใส่ตะกร้าแล้วพูดว่า ข้านำไปเก็บก่อนนะเจ้าคะ”ลู่จื้อกำลังแสดงท่าทางตอนเก็บโสมให้ทุกคนดู โดยใช้แก้วน้ำที่วางบนโต๊ะของท่านพ่อถือไว้ด้วยแก้วน้ำในมือก็หายไปพอนางพูดว่าเก็บตอนนี้เป็นนางเองที่กระโดดตัวลอย ลู่เพ่ยก็หงายหลังล้มจากเก้าอี้ นางจินหรูก็กระโดดไปจับตัวจางหมินไว้ พอสงบสติอารมณ์กันได้แล้วจึงได้รู้ว่า ลูกสาวของตนมีบางสิ่งผิดปกติ“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร” จินหรูพึมพำกับตัวเอง สติของนางล่องลอยไม่อยู่กับตัวแล้ว“จื้อเออร์ แขนของเจ้าไปโดนอะไรมา” จางหมินเห็นข้อมือลู่จื้อมีรอยเลือดที่แห้งแล้วอยู่“เอ่อ... ข้าโดนกิ่งไม้เกี่ยวตอนเข้าไปเก็บไก่ป่าเจ้าค่ะ” ลู่จื้อเพิ่งจะสังเกตเห็นข้อมือของตนมีรอยบาด ทั้งยังมีเลือดที่แห้งกรังแล้วอยู่ด้วย“เอ๊ะ” ตอนนี้นางรู้แล้วว่าของหายไปได้อย่างไรที่ข้อมือปรากฏกำไลวงที่พ่อบ้านให้นางก่อนจะไปอยู่หมู่บ้านชนบท แต่ทำไมไม่มีใครเห็น หรือนางจะเห็นเพียงแค่คนเดียวลู่จื้อลองกำหนดจิต แล้วคิดว่าให้โสมออกมา บนโต๊ะตรงหน้าก็ปรากฏตะกร้าโสมขึ้น“ปะ เป็น ไป ได้ อย่าง ไร” ลู่เพ่ย พูดตะกุกตะกักออกมา“ข้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status