หลี่อวี้จิงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย ไม่ใช่เพราะร่างกายเจ็บปวดจากอุบัติเหตุ แต่เพราะหัวใจของเธอมันแตกสลาย เมื่อต้องสูญเสียความรักที่เคยมีทุกสิ่ง ทุกอย่างในชีวิตของเธอค่อย ๆ หลุดลอยไปจากมือ การเลือกที่ผิดพลาดในชีวิตคู่ทำให้เธอไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว
วันหนึ่ง ขณะที่นั่งอยู่ในห้องมืด ๆ เธอได้พบกับหนังสือเก่าเล่มหนึ่งที่พ่อแม่เคยทิ้งไว้ ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดมันขึ้น เธอก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นประตูสู่โลกที่เธอไม่เคยรู้จัก หนังสือเล่มนั้นไม่ได้แค่บอกเล่าความรู้หรือเรื่องราวในอดีต แต่มันพาเธอไปสู่สถานที่หนึ่งที่เต็มไปด้วยอันตราย ความลึกลับ และการต่อสู้ที่ยากจะเข้าใจ หลี่อวี้จิงรู้สึกตัวอีกทีเมื่อภาพทุกอย่างรอบตัวเธอเริ่มเบลอไป แล้วเธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เมื่อมองไปข้างๆ เธอเห็นสภาพแวดล้อมที่เป็นห้องหรูหราแบบจีนโบราณ ภาพผนังที่แกะสลักลวดลายและเครื่องเรือนที่สวยงามบ่งบอกว่าเธออยู่ในสถานที่ที่ไม่ใช่โลกเดิมของเธอ เธอพยายามรวบรวมสติ แต่มือที่ยื่นออกมาจากกระจกเงากลับไม่ใช่มือของเธอเอง มันเป็นมือของผู้หญิงอีกคนที่มีลักษณะหน้าตาคล้ายคลึงกัน แต่ที่แตกต่างออกไปคือใบหน้าของผู้หญิงในกระจกนั้นเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยและความเศร้า "หลี่เหมยหยุน..." เสียงในใจของเธอเรียกชื่อที่ไม่คุ้นเคยออกมา "นี่มัน... อะไรกัน?" หลี่อวี้จิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตั้งสติได้และตระหนักว่าเธอไม่ได้อยู่ในร่างของตัวเองอีกต่อไป เธอถูกสวมรอยเข้ามาเป็น "หลี่เหมยหยุน" หญิงสาวในยุคจีนโบราณที่มีชีวิตไม่ต่างจากตนเองในปัจจุบัน หญิงสาวที่ถูกบังคับให้แต่งงานกับชายที่เธอไม่เคยรู้จัก หรือแม้แต่เคยพบหน้า ความจำของหลี่เหมยหยุนไม่ได้เป็นเพียงแค่ชีวิตที่สงบสุขตามครรลอง แต่มันเต็มไปด้วยปัญหาภายในครอบครัวและเรื่องราวที่ทับซ้อนกันอย่างซับซ้อน หลี่อวี้จิงจึงตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่างของหลี่เหมยหยุน โดยไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรกันบ้าง ในขณะที่เธอกำลังพยายามทำความเข้าใจโลกใหม่ที่เธอหลุดเข้ามา เธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก และไม่นานชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องนั้น ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ตรงประตู พาดสายตามองเธอด้วยสายตาที่ดูเย็นชาและห่างเหิน "เจ้าคือ... หลี่เหมยหยุน?" เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงความรู้สึก หลี่อวี้จิงที่ขณะนี้สวมรอยเป็นหลี่เหมยหยุนมองเขาด้วยดวงตาที่เริ่มคุ้นเคยกับสถานการณ์นี้ "ใช่... ข้าเอง" เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่แน่ใจ ชายหนุ่มในชุดคลุมดำยืนอยู่ตรงนั้นเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้และบอกสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมีความรู้สึก "ข้าจะไม่แสดงความยินดีในการแต่งงานครั้งนี้" เขาพูดแล้วหันหลังเดินออกไปทันที หลี่อวี้จิงมองตามหลังชายหนุ่มคนนั้นอย่างงุนงง สิ่งที่เธอเพิ่งได้ยินไม่ใช่คำพูดของสามีที่ควรจะพูดกับภรรยา แต่มันกลับเป็นเหมือนการประกาศว่าเขาทำการแต่งงานครั้งนี้โดยไม่เต็มใจ และเธอก็รู้ทันทีว่า การแต่งงานของหลี่เหมยหยุนในชีวิตใหม่ของเธอนั้นไม่ใช่การเลือกของความรัก แต่มันเป็นการจัดการตามข้อจำกัดบางอย่างในสังคมและการเมืองที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง หลี่อวี้จิงหายใจออกยาว ๆ ก่อนที่จะตั้งใจแน่วแน่ในใจว่า หากเธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงโชคชะตานี้ได้ เธอจะต้องใช้สติปัญญาและความกล้าหาญที่มีในการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ถูกกำหนดไว้. หลี่อวี้จิงหรือหลี่เหมยหยุนลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้า ๆ จับผ้าห่มที่คลุมร่างกายออก ก่อนจะเดินไปที่กระจกเงาทองคำที่ตั้งอยู่ในมุมห้อง ภาพสะท้อนของเธอในกระจกทำให้หัวใจของหลี่อวี้จิงเต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากอก ในกระจกนั้นเป็นใบหน้าของหลี่เหมยหยุน หญิงสาวที่เธอเคยเห็นผ่านความทรงจำที่ถูกยัดเยียดให้กับเธอ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นร่างของเธอเอง ใบหน้าของหลี่เหมยหยุนไม่ใช่ใบหน้าที่หลี่อวี้จิงคุ้นเคย มันเต็มไปด้วยความเย็นชาและมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย สื่อถึงความห่างเหินที่บ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรู้จักความรัก แต่ร่างกายกลับมีท่าทางที่สง่างามและมีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดสายตา หลี่อวี้จิงรู้สึกอึดอัดในร่างที่ไม่คุ้นเคยของตนเอง หลายวันผ่านไปเธอเริ่มรู้สึกว่าการใช้ชีวิตในโลกนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะนอกจากจะต้องทำตัวให้เข้ากับตำแหน่งภรรยาที่ถูกยัดเยียดมาแล้ว เธอยังต้องรับภาระในการเป็นแม่เลี้ยงของเด็ก ๆ ที่เธอไม่รู้จัก แต่ในตอนนี้ สิ่งที่หลี่อวี้จิงต้องจัดการก่อนคือรูปลักษณ์ของหลี่เหมยหยุนที่ดูไม่น่าพึงพอใจ หลี่เหมยหยุนในโลกนี้ต้องสวมบทบาทเป็นหญิงที่มีอำนาจและความสูงส่ง แม้เธอจะไม่ได้รักหรือเชื่อมสัมพันธ์กับใครในบ้าน แต่การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์นั้นสำคัญ “ข้าจะต้องเริ่มใหม่...” หลี่อวี้จิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเดินไปยังห้องน้ำ ที่ห้องน้ำมีอ่างน้ำหินอ่อนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ มีน้ำพุจากน้ำตกที่ระบายความเย็นสดชื่นให้แก่ห้อง และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรลอยมาเตะจมูก เธอหยิบผ้าผืนใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ และเริ่มล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็ว น้ำเย็นจัดจากอ่างนำน้ำไปสัมผัสใบหน้าทำให้เธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ความรู้สึกที่เหมือนจะเป็นการยืนยันว่าเธอยังอยู่ในโลกนี้ และยังสามารถควบคุมตัวเองได้ หลี่อวี้จิงทบทวนภาพที่เธอเห็นในกระจกครั้งสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจใช้วิธีเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยการสวมบทบาทให้สมบูรณ์แบบ นอกจากการแต่งตัวอย่างที่เป็นทางการแล้ว การเปลี่ยนโฉมหน้าก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่จะทำให้เธอสามารถยืนหยัดในโลกนี้ได้โดยไม่โดดเด่นเกินไป แต่ต้องมีเสน่ห์และอำนาจพอที่จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เธอเริ่มจากการจัดทรงผม โดยเลือกทัดเกลียวผมยาวขึ้นด้านหลังและมัดเป็นหางม้า ก่อนจะเริ่มใส่เครื่องประดับที่ดูเรียบหรู แต่แฝงไปด้วยความอลังการ อย่างเช่น ต่างหูทองคำและสร้อยคอหยกเขียวที่ดูมีมูลค่าไม่น้อย เมื่อเธอจัดการเสร็จสิ้นและสวมชุดคลุมยาวสีฟ้าอมเขียวที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดนี้มีการเย็บปักถักร้อยลวดลายดอกไม้ที่สวยงาม แต่ไม่สวยงามเกินไปจนทำให้เธอดูโดดเด่นจากคนอื่น หลี่อวี้จิงจึงรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตัวเอง เมื่อมองตัวเองในกระจกครั้งสุดท้าย หลี่อวี้จิงเริ่มยิ้มให้กับตัวเองอย่างมั่นใจ ใบหน้าของหลี่เหมยหยุนตอนนี้ดูเป็นผู้หญิงที่สง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง แม้ว่าเธอจะไม่สามารถกลับไปในโลกเดิมได้ แต่เธอก็จะใช้ชีวิตในโลกนี้ให้ดีที่สุด การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เป็นการเริ่มต้นใหม่ของเธอ แม้ว่าการอยู่ในร่างของหลี่เหมยหยุนจะไม่ใช่ทางเลือกที่เธอต้องการ แต่เธอจะสู้เพื่อให้ได้ชีวิตที่ดีที่สุดจากสิ่งที่เหลืออยู่ หลี่อวี้จิงยิ้มให้กับตัวเองในกระจก ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยความลับ ความท้าทาย และอันตรายที่จะต้องเผชิญสามวันผ่านไปหลังจากงานแต่งงานของลู่เหรินเจ๋อและหลี่เหมยหยุน ข่าวการแต่งงานของพวกเขาสร้างความฮือฮาไปทั่วแคว้น และในวันนี้ งานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ได้ถูกจัดขึ้น โดยมีเหล่าทูตจากแคว้นต่างๆ และคุณหนูจากตระกูลขุนนางมากมายมาร่วมงานบริเวณลานกว้างของวังหลวงถูกประดับประดาด้วยโคมไฟและผ้าสีสดใส เสียงดนตรีขับกล่อมดังกังวานไปทั่ว ผู้คนมากมายต่างแต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา งานเลี้ยงนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองทั่วไป แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่เหล่าตระกูลชั้นสูงจะได้พบปะสานสัมพันธ์ในหมู่แขกที่มาร่วมงาน หลี่เหมยหยุนเองก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วม นางอยู่ในชุดสีแดงเข้มปักลวดลายดอกโบตั๋น ตัวเสื้อบางเบาแต่สง่างามเข้ากับรูปร่างของนางได้อย่างพอดี ความงามของนางทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างพากันมองอย่างไม่อาจละสายตาลู่เหรินเจ๋อซึ่งอยู่ไม่ไกล มองดูนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจ แม้ในงานจะมีหญิงงามจากทั่วทุกแคว้นเข้าร่วม แต่สำหรับเขาแล้ว ไม่มีใครงดงามไปกว่าหลี่เหมยหยุนอีกแล้ว“ท่านสามี งานเลี้ยงในวันนี้ดูยิ่งใหญ่มากทีเดียว” หลี่เหมยหยุนกล่าวพลางหันไปมองเขาลู่เหรินเจ๋อพยักหน้า “แน่นอน มันเป็นโอกาสสำค
แสงเช้าที่สาดส่องเข้ามาในตำหนักของพระเอก อากาศเย็นสบายในยามเช้าทำให้ทุกอย่างดูเงียบสงบ แต่ภายในจวนของพระเอกกลับเต็มไปด้วยความเครียดและความตึงเครียดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เมื่อข่าวการสังหารตระกูลซ่งแพร่กระจายไปถึงตำหนักต่างๆ และจวนของชนชั้นสูงหลายๆ ตระกูล ทุกคนที่ได้รับข่าวต่างตกใจและหวาดกลัวไปตามๆ กัน ราวกับมีเงื้อมมือของความตายที่แผ่กระจายไปทั่วเมืองหลวง“ท่านอ๋อง...” ขันทีในชุดขาวเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง พร้อมกับท่าทางที่ไม่มั่นใจ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพยายามไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาด “ข่าวเรื่องตระกูลซ่ง...เริ่มแพร่กระจายไปถึงตระกูลอื่นๆ แล้วขอรับ หลายท่านเริ่มวิตกกังวลและสงสัยว่า...ท่านอ๋องจะลงโทษกับพวกเขาเช่นเดียวกันหรือไม่”พระเอกนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ท่าทางราบเรียบและไม่แสดงอารมณ์มากนัก เมื่อได้ยินคำพูดของขันที เขาก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ “ทุกคนในราชสำนักต้องรู้ไว้ ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดนั้นจะต้องได้รับการลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นใคร”ขันทีได้ยินดังนั้น ก็อดที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้ แม้ว่าพระเอกจะไม่แสดงท่าทีรุนแรงอะไร แต่คำพูดนั้นก็แฝงไปด้วยความเด็ดขาดท
ซ่งจิ้นหมิงถูกนำตัวไปยังห้องสอบสวนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันตราย ภายในห้องนั้นมีทั้งพระเอกและข้าราชการที่พร้อมจะรับฟังคำสารภาพจากเขา ท่ามกลางความเงียบงัน ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่จิ้นหมิงที่ถูกผูกมัดอยู่ในเก้าอี้พระเอกยืนอยู่ข้างโต๊ะยาว พร้อมกับสายตาที่ไม่ละสายตาจากผู้ต้องสงสัย "ท่านซ่ง ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมพี่ชายของข้า" เสียงของพระเอกดังขึ้นอย่างแน่วแน่ ท่ามกลางความเงียบซึ่งทำให้ความกดดันในห้องเพิ่มสูงขึ้นซ่งจิ้นหมิงเริ่มเหงื่อไหลซึมจากหน้าผาก เขาพยายามดึงตัวเองออกจากสถานการณ์นี้ แต่ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถามและความหวาดกลัว เขาเคยคิดว่าคำสั่งที่ได้รับมาจะสามารถทำให้การตัดสินใจของเขาง่ายดาย แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่อาจหลีกหนีได้"ท่านจะทำอย่างไรกับข้า?" ซ่งจิ้นหมิงถามเสียงเบาหวิว เขาเข้าใจแล้วว่าคำตอบจากพระเอกจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลพระเอกยืนนิ่งก่อนจะตอบกลับอย่างเย็นชา "ไม่ใช่ข้า ที่จะตัดสินชีวิตท่าน แต่ความจริงจะเป็นผู้ตัดสินเอง"การเงียบไปชั่วขณะ ซ่งจิ้นหมิงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาเริ่มกล่าวเสียงสั่น "ข้าไม่ได้ฆ
หลังจากเหตุการณ์การลอบสังหารที่เกิดขึ้นในค่ายทหาร และการตรวจสอบที่ไม่พบเบาะแสที่ชัดเจน พระเอกได้เริ่มดำเนินการหาข้อมูลและเชื่อมโยงเงื่อนงำจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตพระเอกยืนอยู่หน้าห้องทำงานส่วนตัวของเขา สีหน้าครุ่นคิดไปในหลายทิศทาง เขาหมายมั่นที่จะเอาความจริงออกมาให้ได้ แม้ว่าเรื่องนี้จะยากเย็นและเต็มไปด้วยอุปสรรคที่อาจทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับคนที่เขาไม่คิดว่าจะต้องเป็นศัตรู"ข้าไม่สามารถปล่อยให้คนที่ฆ่าพี่ชายข้าไปง่าย ๆ ได้" พระเอกพูดเสียงเบา แต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ในใจหลี่เหมยหยุนยืนอยู่ข้าง ๆ รับรู้ถึงความเจ็บปวดในใจของสามี เธอเข้าใจดีว่าเขาต้องการหาความจริง และเธอจะอยู่เคียงข้างเขาเพื่อช่วยสืบหาผู้กระทำ"ท่านสามี ข้าจะช่วยท่านเอง" หลี่เหมยหยุนกล่าวด้วยความมั่นใจพระเอกหันไปมองภรรยา แล้วยิ้มบาง ๆ "ข้ารู้ ข้าจะต้องใช้ความช่วยเหลือของเจ้ามากในการหาข้อมูลครั้งนี้"ทหารที่ได้รับคำสั่งจากพระเอกเริ่มดำเนินการสืบสวนไปในทุกทิศทาง ทั้งจากบันทึกในค่ายทหาร การสนทนาของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ และการสืบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่พี่ชายของพระเอกเสียชีวิตแต่ก็ยั
พระเอกนั่งอยู่ในห้องมืดสนิทภายในตำหนักของตน ดวงตาของเขาจ้องไปที่เอกสารในมืออย่างตั้งใจ ข้อมูลทุกชิ้นที่เขาได้รับมาในช่วงที่ผ่านมาเริ่มบ่งชี้ทิศทางที่น่าสงสัย—เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการตายของพี่ชายของเขากำลังจะเปิดเผยเบื้องหลังที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน"ท่านอ๋อง..." เสียงของหลี่เหมยหยุนดังขึ้นข้างหลังเขา นางเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางนุ่มนวล และเห็นพระเอกที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความคิด นางเข้าไปยืนข้าง ๆ พระเอก แล้วจ้องไปที่เอกสารในมือ "ท่านพบอะไรหรือไม่?"พระเอกหันไปมองหลี่เหมยหยุน ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด "ข้าเพิ่งได้ข้อมูลที่สำคัญ..." เขาหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ "ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของพี่ชายข้าคือพี่ชายของคุณหนูซ่ง"หลี่เหมยหยุนเบิกตากว้าง "ท่านหมายความว่าอย่างไร? พี่ชายของคุณหนูซ่งเป็นคนฆ่าพี่ชายของท่าน?"พระเอกพยักหน้า "ใช่...จากข้อมูลที่ข้าได้รับ ข้าเชื่อว่าเขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง ข้าค้นพบว่าพี่ชายของคุณหนูซ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการลับที่พี่ชายข้าพบเข้าโดยบังเอิญ และเมื่อพี่ชายข้าเริ่มสงสัยเขา เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้หลุดไปได้"หลี่เหมยหยุนขมวดคิ้ว "ทำไมพ
หลังจากที่หลี่เหมยหยุนและเด็กแฝดกลับไปยังตำหนักได้สำเร็จ ความตึงเครียดก็ยังคงอยู่ในอากาศ ในขณะที่พระเอกนั่งอยู่ข้างหลี่เหมยหยุนที่กำลังโอบเด็กทั้งสองในอ้อมกอด เขาสังเกตเห็นสีหน้าของภรรยาที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกังวลใจ แม้ว่าเด็กทั้งสองจะปลอดภัยแล้ว แต่เขาก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ยังไม่จบลง"เราคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป" พระเอกกล่าวเสียงทุ้มหลี่เหมยหยุนพยักหน้าช้า ๆ ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่เด็กแฝดที่นั่งอยู่บนตักของเธอ ทั้งสองคนยังคงรู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่ยอมให้เด็กทั้งสองต้องเผชิญกับอันตรายอีกเด็ดขาด"ในช่วงเวลานั้นเอง ขันทีที่เฝ้าประตูเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน "ท่านอ๋อง เจ้าค่ะ มีข่าวจากตระกูลซ่ง ว่าคนลักพาตัวที่ถูกจับไปเมื่อคืนนี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลซ่ง"คำพูดนี้ทำให้หลี่เหมยหยุนถึงกับเงียบไป หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างหนัก "หมายความว่าอย่างไร?" เธอถามออกไปขันทีกราบ "มีข่าวลือว่าคุณหนูซ่งได้รับคำสั่งจากผู้มีอำนาจในตระกูลซ่ง ให้ทำแผนนี้เพื่อแย่งชิงเด็กแฝดไป แต่แผนกลับล้มเหลวเสียก่อน"หลี่เหมยหยุนรู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่แปลกใจ