“ในเมื่อวันนี้มาได้ยากยิ่ง ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องรีบกลับ บังเอิญข้ามีเรื่องอยากขอคำชี้แนะจากพระชายาฉู่อ๋องพอดี”ซ่งรั่วเจินเพ่งพิศการตกแต่งภายในร้าน นับตั้งแต่ก้าวเข้ามา นางก็รับรู้ได้ว่าที่แห่งนี้วางค่ายกลเอาไว้ เพียงพอให้ข่าวไม่รั่วไหลออกไป“เช่นนั้นเจ้าพูดเถอะ มีอันใดต้องการคำชี้แนะจากข้า?”ในเวลานี้ทั้งสามคนล้วนมีความคิดซ่อนเร้นอยู่ภายในใจทุกคนล้วนรู้ว่าชานี้มีปัญหา ทุกคนล้วนกำลังรอให้สิ่งที่อยู่ภายในน้ำชาออกฤทธิ์ซ่งรั่วเจินรู้ดีมากว่าตนเองไม่ได้ดื่มชานี้ลงไป เดิมทีนางก็มีมิติอยู่ ขอเพียงเคลื่อนย้ายสิ่งของเข้าไปตอนดื่มชานี้ก็พอส่วนเหลียงอ๋อง นางกลับไม่แน่ใจว่าคนผู้นี้ใช้วิธีการเช่นไร อย่างไรเสียถ้วยชาก็ว่างเปล่า แขนเสื้อเองก็ไม่เปียกผ่านไปไม่นาน ซ่งรั่วเจินและอูเยว่เอ๋อร์ก็พบว่าสีหน้าเหลียงอ๋องแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าผิดปกติซ่งรั่วเจินตกตะลึงพรึงเพริด เกิดอันใดขึ้นกับคนผู้นี้?ทั้งๆ ที่รู้ว่าภายในน้ำชามีปัญหา คนผู้นี้ถึงขั้นดื่มลงไปจริงๆ!ได้เห็นเหลียงอ๋องเริ่มควบคุมตนเองไม่อยู่แล้วยื่นแขนมาทางตน ซ่งรั่วเจินรีบเบี่ยงหลบ กลับได้เห็นอูเยว่เอ๋อร์ผลักตนเองทีหนึ่งด้วยสีหน้าดี
เหลียงอ๋องสบมองอูเยว่เอ๋อร์อย่างเฉยเมย “เจ้าแน่ใจหรือว่าคังอ๋องสามารถช่วยได้?”“เหลียงอ๋อง นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“ข้าหวังว่าเจ้าจะรู้จักตนเองบ้าง”สีหน้าเหลียงอ๋องเรียบเฉยเย็นชา เขารู้ความแปลกของอูเยว่เอ๋อร์สตรีผู้นี้มาก่อนแล้ว เกิดเป็นองค์หญิง กลับไม่เข้าใจการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เลยแม้แต่น้อย ไม่ตระหนักแม้แต่ฐานะของตนหากรู้จักตนเองสักเล็กน้อย ก็น่าจะรู้ว่าจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดเช่นไร ทว่ากลับกลายเป็นเหมือนก้อนหินในส้วม ผู้คนต่างพากันรังเกียจซ่งรั่วเจินในยามนี้เพียงนั่งอุทานอยู่เงียบๆ ภายในใจรู้สึกตกใจอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าวาจาหยาบคายของเหลียงอ๋องจะไม่ไพเราะถึงเพียงนี้“พวกเจ้าหาคนไม่เจอ ข้าเพียงแค่อยากช่วยเท่านั้น เหตุใดข้าไม่รู้จักตนเองไปได้เล่า?”อูเยว่เอ๋อร์โมโหแทบแย่ แม้ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องของฉีชิงอี ทำให้นางและเหลียงอ๋องมีปัญหากันอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงการเจอกันครั้งเดียวเท่านั้นนางได้ยินมาว่าตอนนี้ฉีชิงอีเสียโฉมไปแล้ว หนำซ้ำยังมีเรื่องกับถังเสวี่ยหนิงอีกด้วย นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าครั้งก่อนเป็นเพราะฉีชิงอีสร้างเรื่องเอง ไม่เกี่ยวกับนางมากนักดีชั่วอย่
น้ำชาถูกส่งขึ้นมาอย่างว่องไว ส่วนอูเยว่เอ๋อร์กลับพูดว่าตนเองมีธุระ ออกไปเที่ยวหนึ่งเหลียงอ๋องเพียงปรายตามองอูเยว่เอ๋อร์นิ่งๆ ไม่ใส่ใจนางเลยสักนิด“พระชายาฉู่อ๋อง เรื่องที่ข้าพูดก่อนหน้านี้ ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซ่งรั่วเจินหันมองทางเหลียงอ๋อง “ข้าได้ยินสถานการณ์ของตวนเฟยแล้ว กระนั้นแม้แต่หมอหลวงก็รับมือไม่ทัน ด้วยฝีมือของข้าก็ใช่ว่าจะสามารถรักษาให้หายได้!”“ข้าเชื่อในความสามารถของท่าน หากท่านยินยอมช่วยรักษา จะต้องหาหนทางออกมาได้แน่”สีหน้าเหลียงอ๋องไม่เปลี่ยนแปลง เขาเชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซ่งรั่วเจิน เหตุที่ไม่เอ่ยปากกับเสด็จพ่อและฉู่อ๋องโดยตรง มาขอความช่วยเหลือจากซ่งรั่วเจิน นั่นก็เพราะเขารู้ดีว่าหากจวนฉู่อ๋องไม่ยินยอม พวกเขาอยากปฏิเสธก็เป็นเรื่องง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย“พูดถึงหนทาง ข้าเองก็มีเรื่องหนึ่งอยากขอให้เหลียงอ๋องช่วย” ซ่งรั่วเจินพูด“โอ้?” เหลียงอ๋องแกล้งทำเป็นตกใจ “ข้ากลับคิดไม่ถึงเลยว่ายังมีเรื่องที่สามารถช่วยพระชายาฉู่อ๋องได้ ไม่สู้พูดออกมาเถิด”“ข้าต้องการหาคนผู้หนึ่ง”“สตรีนางหนึ่ง”ซ่งรั่วเจินพูดพลางสังเกตสีหน้าเหลียงอ๋อง ส่วนคนเจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอกเฒ่าก็มิปา
อูเยว่เอ๋อร์ตั้งแต่แต่งงาน ความสัมพันธ์กับคังอ๋องก็ไม่ดีนัก คังอ๋องครั้นแต่งงานกับนางแล้ว ทั้งสองก็อยู่แยกห้องมาตลอด ในวันปกติ แม้จะทานอาหารก็ไม่ทานร่วมกัน นางเองก็นับว่าได้ลิ้มรสเมินเฉย สองคำนี้อย่างแท้จริง เสด็จพี่พาคนกลับไปตั้งนานแล้ว บัดนี้มีแต่นางกำนัล และสินเดิมที่นางนำมาอยู่จวนคังอ๋อง เรื่องนี้สำหรับนาง ช่างเป็นความอัปยศใหญ่หลวงนัก! ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนคังอ๋องตามเกี้ยวอยู่หลังบั้นท้ายนางตลอด เอาใจนางทุกแห่งหน ท่าทีอบอุ่นนั้นไม่เหมือนเป็นการแสร้งทำออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงเพราะนางขายหน้า ท่าทีของคังอ๋องก็สามารถเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ นี่มันก็ไม่จริงใจตั้งแต่แรกแล้ว! ซ่งรั่วเจินเห็นอูเยว่เอ๋อร์ก็จะตามไปดื่มชาด้วย จึงรู้สึกได้แค่ว่าสตรีนางนี้โง่เขลาจริง ๆ แต่ทว่า...มีตัวสร้างปัญหาเช่นนี้อยู่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย “หากพวกเจ้าไม่กล้าให้ข้าไปด้วย นั่นก็เป็นเพราะพวกเจ้ากลัว!” อูเยว่เอ๋อร์อวดดี ตนเองตกอยู่ในสภาพเช่นทุกวันนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะซ่งรั่วเจินที่มอบให้ นางย่อมไม่ปล่อยให้ซ่งรั่วเจินมีความสุข! ซ่งรั่วเจินเหลือบมองไปทางเหลียงอ๋อง “ดูท่
ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วงามเล็กน้อย นี่คือเริ่มเจรจาตกลงกันแล้ว? “ในเมื่อมีวาสนามาพบกัน ดื่มชาสักแก้วก็ไม่เสียหาย” ในขณะที่ทั้งสองกำลังเตรียมจะจากไป อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหนึ่ง ที่ทั้งดังกังวานและแหลมสูง “ซ่งรั่วเจิน เจ้าแต่งงานกับฉู่อ๋องแล้ว ยังนัดดื่มชาด้วยกันกับเหลียงอ๋องอีกหรือ? ไม่สำรวมเกินไปหน่อยหรือ?” ทันทีที่ซ่งรั่วเจินได้ยินคำพูดนั้น ก็รู้สึกแค่ว่าคงเจอคนโง่สักคนอยู่ พอหันศีรษะไปก็เห็นอูเยว่เอ๋อร์ที่ตื่นเต้นอยู่ ท่าทีนั้น…ประหนึ่งว่าถูกนางจับชู้ได้สำเร็จแล้ว “นี่ไม่ใช่พระชายาคังอ๋องหรอกหรือ? ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าเมืองหลวงยังมีคนเช่นเจ้าอยู่ด้วย” หางตาซ่งรั่วเจินยกขึ้น ก่อนหน้านี้คนผู้นี้เลือกองค์ชายหลายองค์ไปมา สุดท้ายก็ช่วยให้องค์ชายเจ็ดกับเมิ่งชิ่นสมหวังกัน ก็นับว่ามีความดีความชอบอยู่เรื่องหนึ่ง นับตั้งแต่กลับมาจากเมืองฉีหยาง นางก็เกือบลืมคนผู้นี้ไปแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้จะได้พบอีก อูเยว่เอ๋อร์เห็นซ่งรั่วเจินพอเอ่ยปากก็บอกว่าเกือบลืมตนไปเสียแล้ว ราวกับว่าตนเป็นเพียงคนต่ำต้อยไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง ใบหน้าก็พลันบึ้งตึง สตรีนางนี้มีความสามารถท
ซ่งรั่วเจินมองเหลียงอ๋องที่อยู่เบื้องหน้า แววตาสะท้อนความประหลาดใจ “เหลียงอ๋อง เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่? ข้าได้ยินมาว่าพระชายาเหลียงอ๋องถูกทำลายรูปโฉมไปแล้ว ส่วนชายารองที่ยังไม่ได้เข้าจวนก็กลับกลายเป็นทาสไปเสียแล้ว ท่านยังมีกะจิตกะใจออกมาเที่ยวเล่นได้อีกหรือ?” เหลียงอ๋องเดิมทีกำลังรอดูเรื่องน่าขันของซ่งรั่วเจิน ไม่ว่าสตรีนางใดเผชิญเหตุอันตรายถึงเพียงนี้ ย่อมขวัญผวาเป็นแน่ ใครจะไปคิดว่าซ่งรั่วเจินดูแล้วไม่เพียงแต่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เพียงเอ่ยปากก็ยังมีเจตนาที่เย้ยหยันเขาอีก! “ไม่คิดเลยว่าพระชายาฉู่อ๋องจะใส่ใจต่อเรื่องของข้าถึงเพียงนี้” เหลียงอ๋องเอ่ยพลางแย้มยิ้มอย่างไร้ความจริงใจ “อย่างไรเสีย เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตปานนี้ คิดที่จะไม่ถูกคนสนใจก็คงยาก อีกอย่าง ผู้ที่พวกเขาสมคบคิดกลั่นแกล้งก็เป็นญาติผู้น้องของข้าเอง!” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วเล็กน้อย แววตาอันงดงามแฝงรอยยิ้มจาง ๆ แต่ในใจกลับโกรธเคือง ไอ้สารเลวนี่ กล้าวางอุบายเช่นนี้แก่นาง!” ผู้ใดมาสร้างศึก แล้วไม่สนองตอบ ย่อมเป็นการเสียมารยาท คนสารเลวผู้นี้คอยดูนางเถิด นางย่อมไม่ปล่อยให้เขาอ