เข้าสู่ระบบหลังจากได้อ่านชื่อของหญิงสาวหน้าบนใบสมัครงาน ร่างบางก็รีบไปล็อคประตูห้องตรวจสอบความปลอดภัยให้เรียบร้อย ก่อนเธอจะมานั่งจมจ่อมตกผลึกความคิดของตัวเองอยู่พักใหญ่
จากประสบการณ์เป็นนักอ่านช่างเพ้อมาหลายปี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเธอตอนนี้เหมือนฉากทะลุมิติในนิยายไม่มีผิด
กึก กึก
เสียงกัดเล็บดังขึ้นกับความวิตกกังวลที่ก่อตัว นี่ตัวเธอทะลุมิติเข้ามาในโลกนิยายกลายเป็นตัวดำเนินเรื่องแทนธารตะวันงั้นเหรอ หรือเธอแค่ฝันซ้อนฝันยังไม่ตื่นเพราะทำงานหนักจนสมองล้า
“ปกติจะถูกดูดเข้ามาในโลกนิยายเพราะอะไรกันนะ...” มุมหว่างคิ้วเธอเกร็งเครียดเข้าหากัน ในหัวนึกถึงพล็อตนิยายทะลุมิติที่เคยอ่านมา
ปกติแล้วบางเรื่องก็โดนดูดเข้ามาไม่มีสาเหตุ บางเรื่องก็มีสาเหตุให้ต้องโดนดูดเข้ามาเช่นกัน แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือต้องเป็นคนดำเนินเรื่องต่อทั้งหมดจนกว่าจะจบเรื่อง
“อ่า ตอนสุดท้ายธารตะวัน... ฆ่าตัวตายไม่ใช่เหรอ” เธอคิดไม่ตกกับฉากสุดท้ายที่ธารตะวันตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง แต่ชื่อบนใบสมัครงานคือชื่อของธารตะวัน ภาพความจำที่เธอได้รับก็คือเนื้อหานิยายที่ได้อ่านอีก
คิดจนสมองมึนเบลอเธอก็หัวเราะร่วนออกมาเสียงดัง คิดว่าตัวเองน่าจะสติฟั่นเฟือนหรือไม่ก็อ่านนิยายมากเกินไป ถึงได้มานั่งคิดว่าตัวเองทะลุมิติเข้าไปในโลกนิยาย แทนที่จะเอนเอียงไปทางลักพาตัว
“แกทำงานหนักจนบ้าแน่ๆ พบตะวัน... เหอะ เธอจะกลายเป็นธารตะวันในนิยายได้ยังไงกัน”
ร่างบางหัวเราะร่วนจนไหล่สั่น ยกมือขึ้นตีขมับอย่างนึกขำ ไม่คิดว่าจะอ่านนิยายจนมโนเพ้อพกได้ขนาดนี้ นี่อาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์ในการลักพาตัวมาก็ได้
ก๊อก ก๊อก
“ตะวันอยู่หรือเปล่า...”
ในขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงหญิงสาวก็ดังขึ้นหน้าประตู ตัวเธอที่ชื่อพบตะวันนึกว่าเรียกตัวเองเลยลุกขึ้นไปส่องตาแมวทันที
หญิงสาวหน้าไม่คุ้นทำเธอฉงนหนักกว่าเก่า รู้จักชื่อกันแต่ทำไมเธอถึงไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลย
“แกยังไม่ตื่นอีกเหรอ ฉันซื้อสุกี้มาฝากแกด้วยน้าตะวัน”
ตะวันไหน...
พบตะวัน
หรือธารตะวัน
เธอส่ายหัวไปมา แต่ด้วยความอยากรู้เต็มประดา เธอจึงตัดสินใจเปิดประตูออกไปแล้วสบสายตาแขกผู้มาเยือน
“นึกว่ายังไม่ตื่นซะอีก แล้วแกก็ปล่อยให้ฉันยืนรอตั้งนานนะ”
อีกฝ่ายบ่นอุบแล้วแทรกตัวเดินเข้าไปในห้อง ไม่มีความประหลาดใจสักนิดที่เห็นหน้ากัน ทำตัวเป็นปกติราวกับคนคุ้นเคยมานาน จนมีแค่พบตะวันที่หน้าเหลอหลาอยู่หน้าประตู
“ยืนทำอะไรล่ะตะวัน มานั่งกินสุกี้ด้วยกันสิ”
“เดี๋ยวนะ...”
ตัวละครใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้เธอเริ่มฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
ไม่อยากจะเชื่อก็คงต้องเชื่อ เนื้อเรื่องดำเนินราวกับโลกนิยายที่เธอเคยอ่าน ผู้คนรอบข้างยังจดจำตัวละครในโลกนิยายได้ แต่คนที่ทะลุมิติข้ามเข้ามาไม่มีความทรงจำของพวกเขาอยู่แล้ว
ก็แหงสิ... เธอทั้งสองคนไม่ใช่คนเดียวกันนี่นา
“นี่เธอ ขอถามอะไรหน่อยสิ” เธอเดินตามอีกฝ่ายไปที่ครัว กำลังเทอาหารใส่ถ้วยจัดชามเตรียมไปนั่งทานด้วยกัน
ใบหน้าของแขกที่มาเยือนคุ้นตาแปลกๆ เธอหรี่ตาจับผิดเพียงเสี้ยววินาทีก็อ้าปากร้องเสียงดังออกมา
“นึกออกแล้ว!” เธอเบิกตาโตฉีกยิ้มกว้าง เมื่อแก้ไขปริศนาออกหนึ่งอย่าง คนตรงหน้าก็คือคนเดียวกับในภาพที่ถ่ายรูปกอดคอกัน
“อะไรของแกเนี่ย ฉันตกใจหมดเลยตะวัน”
“แฮะๆ ขอโทษที พอดีตื่นเต้นเกินไปหน่อย”
เธอหัวเราะแห้งยิ้มเจื่อนแล้วยกมือเกาหัวแกรก ก่อนจะหลุบตาใช้ความคิดกับตัวเองครู่หนึ่ง เพราะตงิดใจว่าสิ่งที่เธอคิดว่ามันเป็นความมโนเพ้อพกของตัวเอง... กำลังจะเป็นเรื่องจริง
“เด๋อด๋าแต่เช้าเลยนะ แล้วแกอยากถามอะไรล่ะ” แพรพิมพ์ดาวเลิกคิ้วขึ้น รอให้อีกฝ่ายถามในสิ่งที่อยากรู้มา
“ธารตะวันจะไปสมัครงานเหรอ...” เธอถามออกไป จงใจใช้ชื่อของธารตะวันย้ำจะได้รู้ว่าชื่อเธอหรือเปล่า
หมายถึงชื่อเจ้าของตัวละครในโลกนิยายนี้...
“ก็ใช่ไง พรุ่งนี้แกจะไปสมัครงานที่เครือเธียรประทีปจำไม่ได้เหรอ”
“อ่า อย่างนี้นี่เอง... ย้อนกลับมาฉากที่กำลังจะไปสมัครงาน”
“แกดูแปลกๆ นะ เมื่อกี้ก็แทนตัวเองแปลกๆ ด้วยตะวัน”
แพรพิมพ์ดาวทิ้งถุงพลาสติกใส่ถังขยะ ก่อนที่จะหันมาหรี่ตาจับผิดเพื่อนรักที่ทำตัวแปลกๆ ตอนเปิดประตูเจอกันก็หน้าเหวอ แล้วยังมาทำตัวมีพิลึกพิลั่นพูดจาแปลกหูอีกต่างหาก
“เธอคือ... แพรพิมพ์ดาวใช่มั้ย”
“ก็ใช่สิ อะไรของแกเนี่ย”
“ไม่มีอะไร แค่อยากย้ำความทรงจำเฉยๆ”
“ไหนดูสิ ไปล้มหัวกระแทกมาใช่มั้ยตะวัน”
ว่าแล้วก็จับใบหน้าเธอพลิกหาดูความผิดปกติ เกรงว่าจะล้มหัวฟาดพื้นก่อนมาเจอกันหรือเปล่า แม้แต่ชื่อของเธอก็ยังมาถามอย่างกับจะทายปัญหาเชาวน์กัน
“บ้า ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ถ้างั้นระหว่างกินสุกี้ขอคุยอะไรด้วยอีกสิ... ได้ไหม”
“ได้สิ แกก็พูดจาแปลกๆ อีกแล้วเนี่ยตะวัน”
คนที่ทำตัวแปลกยิ้มร่ากลบเกลื่อน เหมือนจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนจะช่วยยกถ้วยสุกี้ไปวางบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก ลากเบาะรองมานั่งไม่วายส่งยิ้มให้แพรพิมพ์ดาวที่กระตุกยิ้มเหยเก
ถ้าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอมโนขึ้นมา...
นี่ก็คงเป็นภาคต่อนิยายของธารตะวันอย่างแน่นอน
ชีวิตหลังจากทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ยังคงดำเนินต่อไป ราวกับกำลังสวมบทบาท เป็นตัวละครในเนื้อเรื่อง จนลืมเลือนไปแล้วว่าอีกโลกหนึ่งที่จากมาก่อนหน้านี้พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างไรไม่มีการวางแผนถึงตอนออก มีแต่วางแผนครอบครัวต่อไป“ขออนุญาตแจ้งตารางงานวันนี้นะคะ”ร่างบางระหงในชุดทำงานสวยเข้ารูป ยืนรายงานตารางงานของเขาในเวลานี้ แต่ประธานธันย์ กลับเอาแต่จ้องเรือนร่างยั่วใจ ขณะใช้สายตาโลมเลียคุณเลขาหรือภรรยาในอนาคตสองเดือนที่ภาพจำทริปญี่ปุ่นยังตราตรึง...เขาจำได้ไม่ลืมเลย ว่าได้กินเธออิ่มหนำสำราญแค่ไหนตั้งใจจะปั๊มลูกน้อยให้ติดที่ญี่ปุ่นด้วย ซึ่งพอกลับมา พ่อพระเอกเอวหวานกินดุคนนี้ ยิ่งคลั่งรักธารตะวันหนักกว่าเดิม ตามติดเธอแจไม่ให้ห่างกายไปไหนไกล“คุณธันย์คะ เดี๋ยวมีประชุม... อึก”ธารตะวันที่พูดอยู่ดีๆ เธอก็ดันรู้สึกพะอืดพะอม คล้ายว่าจะอาเจียนขึ้นมาดื้อๆร่างสูงผุดลุกจากเก้าอี้ เข้าไปประคองคนรักด้วยสีหน้าห่วงใย“เป็นอะไรหรือเปล่าตะวัน”“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อึก...”ร่างบางกุมหน้าท้องไว้ พลางปิดปากจนตัวโก่งงอ ก่อนที่จะผละออกจากธันย์ธารา แล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที“แหวะ... ฮึก แอะ”วินาทีที่ถึงชักโค
ญี่ปุ่นหวานและอุ่นมาก...หมายถึงเธอที่นอนใต้ร่าง ครวญครางเสียงหวานระงม ไปทั่วห้องพักของโรงแรมหรู อุ่นร้อนในร่องรักที่โดนตอกอัดหนักๆ จนเสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นหลังจากเธอตอบตกลงจะแต่งงาน พอกลับมาถึงโรงแรม ธันย์ธาราก็เปิดฉากนัวเนียเธอ ตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า ถอดเสื้อผ้าเรี่ยราดไปตามทาง สุดท้ายก็จบที่ฟูกไม่กี่ฟุตบนพื้นห้อง“อ๊ะๆ อื้อ... เสียว อึก เสียวค่ะ”ธารตะวันนอนอ้าขากว้าง ให้เขาแทรกกลางที่หว่างขา ซอยสะโพกที่กำกับจังหวะรักได้เสียวสะท้านร่างกายทั้งคู่เปลือยเปล่า โคมไฟแสงสลัวโทนอบอุ่น กระตุ้นให้ทั้งคู่อ่อนคล้อยเคลิ้มตามไปกับแรงอารมณ์ ไม่ปฏิเสธความต้องการ และมอบความสุขให้แก่กันด้วยความเต็มใจสมฉายาพ่อพระเอกเอวหวานกินดุเพราะนอกจากขนาดใหญ่โตมโหฬาร ยังถึกทน เริ่มยกที่สามทันทีไม่มีอิดออด หลังจากเขาพักเหนื่อยแค่สามนาทีเท่านั้น“ผมอยากเอาคุณหน้ากระจก”“อ๊ะ- อึก”“ได้มั้ยตะวัน... ขอเอาที่หน้ากระจกสิ”น้ำเสียงเขาติดกระเส่า ขณะกดสายตา มองสีหน้ายั่วอารมณ์ของคนใต้ร่าง ประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะไปด้วย“อื้อ ตามใจ... อ๊ะ- อ๊ะ ตามใจคุณ”“เด็กดี”“ฮึก... คุณธันย์ อ๊ะ- อ๊า อื้อ”คนใต้ร่างครางเสียงหวาน
“คุณธันย์... อยากอยู่ที่นี่กับฉันเหรอคะ”พอได้ฟังว่าเขาอยากอยู่ด้วยกัน ธารตะวันก็หลุดยิ้มบางๆ แต่ดวงตาปกปิดความเศร้าไม่มิด เพราะอีกโลกนึง พวกเขาคงเป็นคนแปลกหน้าต่อกันไปแล้วต่อให้เดินสวนกันไป อาจจะไม่มีใครหันมาสบตาก็ได้“ใช่ ถ้าเลือกได้... ผมขอติดอยู่ในมิตินี้กับคุณ”“คุณธันย์”“ผมพูดจริง มีคุณแล้วชีวิตผมมีความสุขมากจริงๆ”ดวงตาของเขาตอนพูดจริงใจ ไม่ได้ปรุงแต่งให้สวยหรู ราวกับโลกใบเดิมที่เขาจากมา ธันย์ธาราอาจไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองทีแรกเธอก็อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร หรือมาจากไหน ชีวิตในโลกที่จากมา ชีวิตความเป็นอยู่เขาคือใครกันแน่แต่มาคิดดูอีกที...การรู้จักกันแค่โลกมิตินี้มันก็พอแล้วให้นิยายเรื่องนี้ กลั่นกรองความรักของเราสองคนผ่านตัวอักษร เพราะว่าสิ่งที่แสดงออกมามันคือความรัก เป็นความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจ และทั้งคู่ก็ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้นอกจากได้อยู่ด้วยกันในทุกวัน... และทุกวันตลอดไป“ถ้างั้นหลังจากนี้ มาใช้ชีวิตให้เต็มที่ดีมั้ยคะ”“ผมก็รักคุณเต็มที่ทุกวันนะธารตะวัน”ยามรักเขาก็แสดงออกว่ารักสุดตัว ทั้งสีหน้าและแววตามันชัด ว่าตัวเขาตกหลุมรักผู้หญิงตรงหน้าเข้าแล้วมันไม่ใช่ค
หลังกลับจากห้างสรรพสินค้า ธารตะวันก็รับหน้าที่ นั่งกล่อมเด็กน้อยทั้งสองนอน ใช้เวลาสักพักจนกระทั่งเด็กๆ ผล็อยหลับไป เธอถึงลากแขนประธานธันย์เข้ามาที่ห้องทำงาน“อะไรของคุณ หืม ตะวัน”“เอกสารที่คุณต้องเซ็นไงคะ”ธันย์ธาราเอี้ยวลำคอมอง เธอจึงดันหลังให้เขาอย่ากังวล“นั่งเถอะค่ะ ฉันจะเอามาให้อ่านก่อน”เธอเกาะบ่าคนตัวสูงกว่า ก่อนจะกดไหล่เขาให้นั่งที่เก้าอี้ทำงาน ทำเขามุ่นคิ้วติดจะสงสัย สายตาไล่มองร่างบางระหง เดินไปหยิบเอกสารบนชั้นมาวางที่โต๊ะ“สมัครเป็นพ่อของลูก...”ธันย์ธาราอ่านออกเสียง พลางกวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษรส่วนคนพิมพ์เอกสารใบนี้ขึ้นมา ยืนยิ้มอย่างภูมิใจ เป็นแบบฟอร์มที่เธอตั้งใจทำให้เขาอ่านข้อตกลงการอุ้มท้องคือการเสียสละร่างกายหากมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้อง ร่างกายของแม่จะถ่ายโอนสารอาหารให้ลูก และบางครั้ง ลูกน้อยก็จะดูดซึมแคลเซียมจากแม่อีกด้วยอย่างที่เขาเคยบอก คนท้องอารมณ์แปรปรวน เมื่อท้องเริ่มโตก็จะยิ่งใช้ชีวิตยากขึ้น เวลานอนก็หายใจไม่เต็มอิ่มอีกต่างหาก เธอเคยไปอ่านเจอมา หากโดนลูกน้อยแบ่งแคลเซียมไปเยอะร่างกายจะปวดร้าวทรมานปวดลึกถึงกระดูกเลยแหละถ้าหากเขาอยากเป็นพ่อคน ต้องรับข้อตกล
“คุณธันย์อย่าบีบได้มั้ยคะ”ร่างบางระหงที่สวมแค่เสื้อยืดตัวโคร่ง กำลังควงตะหลิวจับกระทะอยู่ในครัว ช่วงล่างเปลือยเปล่าโล่งโจ้ง เพราะเพิ่งเติมเต็มรักกับธันย์ธาราไปเมื่อคืนสะดุ้งตื่นมาคว้าได้แค่เสื้อก็ใส่มาก่อน“คุณธันย์ฉันบอกว่าอย่าบีบไง”“หือ”“ทำไมดื้อแบบนี้นะ”เธอดุเขาที่จับหน้าอกเล่นไม่หยุด พลางเอี้ยวลำคอมองร่างสูง เขาที่ซบใบหน้าบนลาดไหล่เล็ก ครางในลำคอขัดใจหลังโดนดุ“แค่จับก็ไม่ได้เหรอ” เขาทำเสียงงอน โหมดอ้อนแฟนกำเริบทันที“แล้วบีบทำไมคะ” เธอจดจ่อกับการผัดข้าว แต่เขาก็คอยพราสติให้ไม่อยู่กับตัวเรื่อยเลยยังไงสองเต้าใหญ่ก็เป็นของเขาคนเดียว“ตะวัน”“พอค่ะ”“ธารตะวัน...”เธอส่ายหน้าเสียงแข็งใส่ อย่าคิดว่าเธอรู้ไม่ทันเขา เวลาอยากได้เธอทีไร เป็นต้องเสียงอ่อนเสียงอ้อนกันทุกที ไม่ใช่ว่าเธอเบื่อหน่าย แต่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอไงที่หิวกันตลอดเวลาน่ะหิวที่ไม่ได้แปลว่าหิวข้าวด้วย“อ่ะ!”ร่างบางสะดุ้งโหยง ตะหลิวในมือที่ผัดข้าวแทบปลิว เมื่ออีกฝ่ายถกเสื้อยืดเธอขึ้น เผยให้เห็นบั้นท้ายงามงอน เป็นประจักษ์แก่สายตาเขาเธอพยายามจะเบี่ยงตัวหลบ แต่ก็ถูกเขาตามไล่ต้อนกันอยู่ดี“คุณธันย์อย่าถก ฉันไม่ได้ใส่ก
ใบหน้าคมคร้ามหลุบตามองต่ำ มือหนาลูบไล้ที่แผ่นหลังบาง ลามลงไปเคล้นคลึงสะโพกผาย ก่อนจะบีบขยำบั้นท้ายอวบอัด พลางฟาดตีเต็มแรงจนร่างบางกระตุกรับธารตะวันที่ก้มต่ำ กำลังรูดชักลำกายแท่งโต หยอกเย้าให้แข็งตัวสู้มือ จนกระทั่งมันผงาดองอาจตรงหน้า“ไม่ไหวแล้วตะวัน...”ธันย์ธาราพ่นลมหายใจหอบหนัก เขาสั่นกระสันไปทั้งร่าง เมื่อรู้สึกได้ถึงริมฝีปากนุ่มนิ่ม กำลังค่อยๆ อ้าอมแท่งร้อน“อึก”“ไหวนะ”“อื้อ...”ธารตะวันบิดเบ้ใบหน้า มือใหม่ไร้ประสบการณ์กำลังเรียนรู้ วิธีการปรนเปรอ บำเรอกามให้แฟนหนุ่ม แต่เพราะมือใหม่นี่แหละ ทำเขาตื่นเต้น จนปลายเอ็นกระตุกรับในโพรงปากอุ่น“ระวังฟันนะตะวัน”“อื้อ”“ไม่ต้องรีบ อ่า... อืม”ธันย์ธาราขมวดคิ้วเครียด ทิ้งศีรษะพิงเบาะแล้วเกร็งท้องรับ เมื่อริมฝีปากของเธอ อ้าอมแก่นกายเข้าครึ่งลำธารตะวันหยุดไว้กลางทาง หยาดน้ำตาคลอระเรื่อ ใต้ตาแดงก่ำหลังถูกความคับใหญ่เล่นงาน จนไม่กล้าขยับหัวให้กดลงลึกมากกว่านี้ เกรงว่ามุมปากจะฉีกจนเลือดกบปากได้ใหญ่จนคับแน่นในปากสุดๆเหมือนขอบปากมันจะฉีกเลย“อ่อก... อึก”“ระวังสำลัก”“อื้อ- อึก”ความรู้มีเต็มหัว...แค่อ่อนประสบการณ์เท่านั้นเองนักอ่านตัวยงง







