“เฮือก...”
เสียงสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ดังขึ้น ร่างบางก็ลุกพรวดจากเตียงขึ้นมานั่ง หยาดเหงื่อแตกกาฬเผยอปากกอบโกยอากาศเข้าปอด ใบหน้าซีดเผือดไร้สีซับเลือดก้านสมองถูกกระตุ้นจนปวดร้าวราวกับถูกกดทับ
“อึก ปวดหัว...” เธอยกมือคลึงข้างขมับที่เส้นเลือดเต้นตุบราวกับมีชีวิต คมฟันขบริมฝีปากกับอาการปวดหัวรุนแรง
เรียวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันแน่น ปลายเท้าขยับไปมาอย่างทุรนทุรายให้ร้องไม่ออก อาการปวดร้าวที่ก้านสมองลามมายังดวงตาทำให้เธอครางเจ็บ ก่อนภาพความทรงจำขนาดย่อมจะหลั่งไหลเข้ามาในหัวเธอทั้งหมด
...มันคือภาพของหญิงสาวหน้าตาสะสวย กำลังหันมายิ้มให้โดยมีเสียงของชายหนุ่มแทรกมาเป็นระยะ ปะปนกับเสียงหัวเราะของทั้งคู่ ในภาพเบื้องหลังคือวิวของทะเลกว้างและเส้นผมเธอก็ปลิวลู่ไปกับสายลม
พวกเขาดูมีความสุขกับรักครั้งนี้มาก หวานชื่นจนน้ำตาลแทบจะจืดจางอยู่แล้ว
ทว่าความสุขกำลังเอ่อล้นอยู่ดีๆ หน้ากระดาษความทรงจำก็ถูกพลิกเปลี่ยนในฉับพลัน ให้เห็นอีกมุมที่ผู้หญิงคนนี้ต้องเจอ ทับซ้อนเป็นฉากที่สลับอย่างรวดเร็ว
เธอทั้งโดนแม่สามีโขกสับ จับได้ว่าชายคนรักนอกใจไปมีอะไรกับคนอื่น หลังจากนั้นก็ดันตั้งท้องแต่แท้งก่อนกำหนดเพราะความเครียดที่รุมเร้า ในภาพสุดท้ายที่ฉายชัดคือเธอเดินขึ้นไปนั่งบนราวสะพานสูง…
“ฮึก... ธารตะวัน...”
ชื่อหนึ่งหลุดออกจากริมฝีปากเธอ ดวงตาที่ปิดลงก็เบิกโพลงกับเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำอยู่ในอก ก้อนความทรงจำเหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครธารตะวันในนิยายที่เคยอ่าน
คนบนเตียงที่เพิ่งสะดุ้งขึ้นมาส่ายตาสับสน ไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังเจอจนกุลีกุจอลงจากเตียง แต่กลับสะดุดผ้าห่มที่พันขาจนล้มลงเข่ากระแทกพื้น นั่งโอดครวญร้องเจ็บให้เธอตั้งสติเสียก่อน
“อ่า เจ็บจัง...” เธอถูหัวเข่าที่ขึ้นรอยแดง ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบบริเวณห้องที่ไม่คุ้นเคย
ห้องเช่าสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มาก มีข้าวของเครื่องใช้วางเรียงอย่างเป็นระเบียบ โต๊ะตู้เตียงโซฟาเครื่องใช้ครบครัน เหมือนห้องของสาวโสดที่อาศัยเพียงลำพังจากรองเท้าหน้าประตูที่มีแต่ของผู้หญิง
“แล้วที่นี่ที่ไหนล่ะเนี่ย... ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงว้า” มือบางขยุ้มกลุ่มผมของตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้สักอย่างเลย
แต่พอตั้งสติได้สักพักเธอก็ลุกพรวดพราดอีกรอบ จำได้ว่านั่งรออยู่ที่ป้ายรถเมล์อยู่ดีๆ รู้ตัวอีกทีทำไมถึงมาโผล่ในห้องใครก็ไม่รู้ แถมยังรู้สึกมึนเบลอคล้ายคนถูกป้ายยาให้สติพร่าเลือนอีกต่างหาก
คิดไปคิดมาก็นึกว่าโดนลักพาตัวจะเอาไปขายอวัยวะ เธอจึงจะพุ่งตัวไปเปิดประตูเพื่อหลบหนีตอนที่ยังมีโอกาส แต่ทว่าจังหวะที่เดินผ่านกระจกตั้งพื้นเต็มตัว ฝ่าเท้าเล็กก็หยุดชะงักลงในทันที
เดี๋ยวนะ...
เธอพยายามจะประกอบสติเข้าที่ ค่อยๆ ขยับปลายเท้ากลับมายืนที่หน้ากระจก ก่อนจะเบิกตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นสภาพของตัวเอง
“นี่มันอะไรกันเนี่ย...”
พบตะวันมองตัวเองที่สวมชุดนอนผ้าซาตินสายเดี่ยว เปิดเผยให้เห็นช่วงเนินหน้าอกที่ขาวเนียน ผมสีน้ำตาลเข้มยาวสยายถึงกลางหลังลอนใหญ่ธรรมชาติ แบบที่เธอไม่เคยทำและสวมใส่ชุดแบบนี้ที่บ้านมาก่อน
ชุดนอนที่เธอเคยใส่มีแต่เสื้อยืดเก่าๆ กับกางเกงขาสั้นตัวย้วย ไม่มีของประเภทนี้ติดอยู่ในตู้เสื้อผ้าเด็ดขาด แล้วทำไมเธอถึงตกอยู่ในสภาพนี้ได้กันล่ะ
ภาพสะท้อนในกระจกคือตัวเธอ...
แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกแปลกจากความรู้สึกข้างในแบบบอกไม่ถูก
สองขายืนจังก้าอยู่กลางห้อง เริ่มกวาดมองไปรอบบริเวณอีกครั้ง ถึงได้พบกับปริศนาใหม่ที่ทำเธอแทบจะเป็นลมล้มตึง เพราะรูปในกรอบที่ตั้งวางอยู่ทุกที่คือภาพของเธอในเหตุการณ์ต่างๆ
ไปถ่ายตอนไหน
ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลย
มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
คำถามเหล่านี้มันโพล่งขึ้นมาในหัวเธอ จำไม่เห็นได้เลยว่าเคยถ่ายรูปแบบนี้ตอนเรียนจบ หรือมีเพื่อนสาวที่กอดคอถ่ายรูปกันอย่างสนิทสนมด้วย ทั้งที่รูปในกรอบก็เป็นหน้าของเธอเองแท้ๆ ไม่มีใครอื่นผสมเลย
เธอยกมือขึ้นเกาหัวแกรกเริ่มสับสนหนักกว่าเก่า ก่อนจะยกมือขึ้นกุมศีรษะที่ปวดหน่วงให้เธอเบ้หน้าเหยเกเจ็บจี๊ดที่ขมับทั้งสองข้าง
แต่มันคงไม่สุดไปมากกว่านี้ ถ้าหากเธอไม่เดินไปที่กองเอกสาร หยิบแฟ้มตรงหน้าขึ้นมาไล่สายตาอ่านดูเพราะมีรูปถ่ายสมัครงานติดไว้ หน้าเธอที่เด่นหรากับพื้นหลังสีน้ำเงินเข้มทำเธอขมวดคิ้วเครียดหนัก
ดวงตาไล่กวาดอ่านไปทีละนิด จนสะดุดเข้ากับชื่อที่เขียนกำกับไว้
“ธารตะวัน... ฉัตรวรารักษ์”
โรงพยาบาลธารตะวันนั่งน้ำตาตกอยู่ข้างเตียงประธานธันย์ เหมือนภาพความจำที่โหดร้ายมันฉายซ้ำอีกครั้ง กับการที่เธอต้องเห็นเขาเจ็บตัว นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ไม่ยอมตื่นขึ้นมาสักที“ฮึก... ฉันปวดใจจะแย่แล้วนะคะ”เธอกุมมือเย็นมาแนบที่ข้างแก้มอุ่นร้อน ท่ามกลางหยาดน้ำตาที่รินไหล เปียกชื้นบนแก้มขาวจนดวงหน้าแดงก่ำเหตุการณ์ที่งานก่อนหน้านี้ชุลมุนมาก คนร้ายที่บุกเข้ามาได้ จงใจเอาชีวิตของธันย์ธาราโดยเฉพาะ ทิศทางของกระบอกปืน หรือการเข้าหาระยะประชิดตัว มันก็บอกชัดแล้วว่าต้องการเอากันถึงตาย“พระเอกต้องไม่... ฮึก ฮือ ไม่ตายสิคะ”เธอเบะปากร่ำไห้โฮ เขาเข้าไปแย่งปืนกับชายชุดดำ ยื้อยุดฉุดกันไปมาเพียงไม่นาน เสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัดถ้วน เป็นเหตุให้ประธานธันย์ล้มลงไปกองกับพื้นก่อนของเหลวที่ไหลออกมา จะอาบย้อมเสื้อผ้าเขาเป็นสีเลือด เปื้อนเลอะตัวเธอที่เข้าไปช้อนร่างเขาขึ้นมา “ตาธันย์ลูกแม่!”เสียงคุณหญิงหยาดเพชรดังมาแต่ไกล เธอจึงรีบปล่อยมือเขาแล้วปาดน้ำตาทิ้งทันที ก่อนจะผุดตัวลุกขึ้น ยืนให้ห่างจากข้างเตียงเขา“ลูกฉันเป็นยังไงบ้างธารตะวัน หมอบอกว่าไงบ้างหะ”ร่างของหญิงวัยกลางคนร่ำไห้ น้ำตาหลั่งรินราวก
THE RADA GRAND HOTELธันย์ธาราเข้าร่วมโครงการใหม่ของเดอะรดาแกรนด์ ระหว่างยืนฟังเจ้าของโครงการเปิดงานบนเวที เขาก็ส่งแชมเปญให้ธารตะวัน พร้อมกับหันไปยิ้มให้กันด้วยสายตารักใคร่ร่างสูงขยับปลายเท้าไปใกล้เธอ มือที่แนบข้างลำตัว ยื่นไปแตะหลังมือของธารตะวันเบาๆ ทำเอาเธอยืนอมยิ้มราวกับคนเสียสติ มือกระดกแชมเปญขึ้นดื่ม ขณะทอดสายตามองเจ้าของโครงการบนเวที“คุณธันย์...”“ค่อยยังชั่วหน่อย”ใบหน้าเรียวเล็กหลุบตามองต่ำ เมื่อเขาคว้ามือเธอไปจับไว้หน้าตาเฉย ฉับพลันตัวเธอก็แข็งทื่อ กวาดตาล่อกแล่กมองซ้ายขวาไปมาแต่ทว่า...กลับไม่เป็นที่สังเกตของคนในงาน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ที่ดำเนินไปอย่างลับๆ จนผ่านมาหลายวันแล้ว“ผมควรซื้อไว้เป็นเรือนหอเรามั้ย” เขาพูดขึ้น หลังสนใจโครงการที่ถูกพูดถึงอยู่ ราคาเหยียบเจ็ดสิบล้าน แต่เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะแก่การสร้างเป็นเรือนหอเหมือนกัน“ป๋าอีกแล้วนะคะคุณธันย์”“ผมว่าพื้นที่ใช้สอยดีเลย การเดินทางก็สะดวก เหมาะกับการอยู่เป็นครอบครัว... หรือคู่รักสร้างตัวนะคุณ”ร่างบางระหงเอียงคอมองเขา ต่อให้ธันย์ธาราไม่เคยแนะนำตัว ว่าที่โลกเดิมทำอาชีพอะไรก็ตาม แต่ถ้าให้เธอเด
หลังจากเจอแพรพิมพ์ดาว ในสภาพดูไม่จืดเท่าไหร่ ธารตะวันก็รีบพาอีกฝ่ายเข้ามานั่งสงบสติอารมณ์ในห้อง ก่อนจะหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยนกันปอดบวม หยิบคว้าผ้าผ่อนมาเช็ดผมให้คนที่ร้องไห้โฮประธานธันย์โดนแพรพิมพ์ดาวจ้องเขม็ง ก่อนที่เขาจะส่งกระดาษให้หญิงสาวซับน้ำตา เธอรับไปเช็ดหน้าแล้วขอบคุณเขาเสียงสั่นเครือ“ขอบคุณค่ะ แต่แกพาผู้ชายเข้า ฮึก... เข้าห้องเหรอตะวัน”“เรื่องฉันเล็กมาก ไว้เล่าให้ฟังทีหลังก็แล้วกัน”คนที่เมามายนั่งบนเบาะฟูก ธารตะวันยืนเช็ดเส้นผมให้ ย่อตัวนั่งให้ใบหน้าเสมอกัน ก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างของเพื่อนสาว พร้อมกับจ้องตาให้คายสิ่งที่ทำน้ำตาแตกออกมา“ไหนเล่าหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมตากฝนมาแบบนี้”“ฉัน... ฉันจะลาออกจากที่นี่แล้ว ฮึก ไอ้เด็กนั่น... ร้าย”“ร้ายยังไง แกตั้งสติแล้วค่อยๆ เล่าได้ไหม”แพรพิมพ์ดาวเบะปาก น้ำตาเม็ดใสรินไหลเหมือนเพชรพลอย หล่นร่วงกราวราวกับมีฝนตกบนหน้าเธอ“พ่อเขาให้เงินมา... บอกว่าเลิกยุ่งกับลูกชาย ฮึก ปล่อยให้เขาไปมีอนาคตที่ดี ถ้ายัง... อึก ฮึก ฝืนเจอกันจะให้เขาไปเรียนต่อ”“แล้วแกทำไง น้องเขาได้อธิบายอะไรมั้ย”“ฉันแค่อยาก อึก... อยากให้เขามีอนาคตที่ดี ฉันก็เลยยอมถอ
สายตาคู่คมของประธานธันย์อบอุ่น แต่ก็แฝงความเร่าร้อน เหมือนดวงตาที่มองเธอตอนมีอะไรกันไม่มีผิด ก่อนเขาจะกระชับร่างบางเข้ามาแนบชิดกันมากขึ้น“บ้า... คุณธันย์ก็พูดเกินไปแหล่ว”ธารตะวันบิดตัวเขินเขา พลางตีอกกำยำอีกฝ่าย แต่ไม่ลืมที่จะแวะใช้นิ้วจิ้มเบาๆ กับกล้ามเนื้อที่แน่นจนแข็งน่าขยำ“หน้าแดงหมดแล้วนะคุณ” เขาวาดรอยยิ้มเอ็นดูเธอ“ก็... ห้องครัวมันร้อนนี่คะ” เธอกลั้นยิ้มแล้วพองแก้มนิดๆพลังงานด้านบวกของคุณผู้ช่วยกลับมาทันที อาจจะมีช่วงที่ตกหลุมความเศร้าไปบ้าง แต่ได้กำลังใจดีจากเขา เธอก็กลับมายิ้มสดใสอีกครั้ง“คุณไม่ต้องมาพูดเอาใจฉันเลยค่ะ คิดจริงนะคะ คนยิ่งบ้ายออยู่ด้วยไม่รับความเห็นต่างอื่นน้า”“สวยจริงครับ ไม่ได้โกหก”ร่างบางคล้องเรียวแขนที่ลำคอเขา ก่อนจะเหลือบมองหม้อที่เดือดปุดๆ อยู่ข้างใน ธันย์ธาราเลยหันไปปิดแก๊สให้ ปิดเสร็จก็กลับมาสนใจเธอต่อ แบบไม่ละสายตาจากแฟนสาวแม้แต่น้อย“สวยจริงเหรอคะ”“แล้วผมจะโกหกทำไม”ธารตะวันยิ้มอย่างผู้รับชัยชนะ จะโกรธต่อก็คงทำไม่ลง คนตรงหน้าดันหล่อจนใจเหลวไปหมดแล้วบางทีเธอก็จินตนาการไม่ออก ถ้าชีวิตของเธอถูกเขียนเป็นบทนิยายขึ้นมา มันคงเป็นเรื่องเล่าเรื่องยาวหล
ภายในห้องครัวขนาดไม่ใหญ่มาก เจ้าของห้องอย่างธารตะวัน กำลังยืนต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่เงียบๆช่วงสองทุ่มที่ท้องร้อง ทั้งที่เมื่อเย็นเพิ่งไปทานดินเนอร์มื้อหรู แต่ไปในฐานะของผู้ช่วยประธานธันย์ ส่วนเขานั่งทานอาหารกับว่าที่คู่หมั้น ทั้งคู่นั่งแยกโต๊ะกัน เพื่อไม่ให้มีใครสงสัยในความสัมพันธ์ของเรา“เฮ้อ... กินหรูแค่ไหนก็จบที่บะหมี่กึ่งอยู่ดี”ร่างบางระหงบ่นอุบ ก่อนจะใส่เครื่องเคียงอย่างหมูสับ และไส้กรอกลงไปในหม้อ พร้อมกับปิดฝารอให้น้ำเดือดสักครู่“พี่ธันย์ลองทานนี่สิคะ อร่อยมากเลยนะ”“พี่ธันย์ขา ถ่ายรูปให้แพรหน่อยได้ไหม”“พี่ธันย์ทานเยอะๆ นะคะ มา เดี๋ยวแพรไหมตักให้”ทั้งภาพและเสียงของคู่หมั้นเขา มันฉายซ้ำซ้อนอยู่ในหัวเธอไม่หยุดตอนแรกธารตะวันก็คิดว่าเป็นคนเงียบๆ แต่พออยู่กับธันย์ธาราสองคน แพรไหมพูดเป็นต่อยหอยไม่หยุดเลยต่างหาก แถมยังชวนคุยเก่ง ดวงหน้าก็สะสวยมองเพลินหูเจริญตาด้วยถึงประธานธันย์จะเย็นชากับผู้หญิงคนอื่น แค่นัดทานข้าวให้มันจบไป และทุกอย่างอยู่ในสายตาเธอก็ตาม แต่มันก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ปากบอกเขาว่าไม่เป็นไรแต่ใจเธอมันโคตรนอยเลยต่างหาก“ทำอะไรอยู่เหรอตะวัน”ร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง
ธารตะวันยืนใจลอย ขณะจับเหยือกน้ำเย็นเทใส่แก้ว ในหัวครุ่นคิดถึงภาพฝันวันข้างหน้า เธอกับเขาอาจจะโดนกีดกั้นเรื่องของความรักนักอ่านตัวยงอดหวั่นใจไม่ได้ ในนิยายแทบทุกเรื่องที่เคยอ่าน หากฐานะไม่เหมาะสมกัน ย่อมถูกกีดกั้นให้ชีวิตรักมีอุปสรรคทุกที ซึ่งแน่นอนว่านิยายที่เธออ่านมาจบดีทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้จะไปถึงปลายทางเดียวกันหรือเปล่านี่เป็นบททดสอบของลูกสะใภ้ที่ไร้ศักด์งั้นเหรอ...“เฮ้อ ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ เจอเข้าจริงหนักใจเหมือนกันนะ”ร่างบางระหงพูดพึมพำกับตัวเอง เหมือนการคิดวกวนไม่ช่วยให้เธอปล่อยวาง จนเกิดอาการแพ้เสียงในหัวอย่างที่เห็นพวกตัวหลักที่ชอบพูดคนเดียว คิดว่ามีแค่ในละครที่เคยดูซะอีก“อ่า แม่เขาก็ดูไม่ได้ใจร้ายเท่าไหร่... คิดมากไปไหมเรา”เธอไม่อยากตัดสินคนจากภายนอก เนื้อเรื่องอาจจะมีการพลิกผันก็เป็นได้ การสวมบทบาทเป็นบุคคลที่หนึ่งไม่ง่ายเลย เธอเดาความคิดและมุมมองตัวละครอื่นไม่ออกพวกเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ และบทต่อไปจะลงมือทำอะไรกันแต่ทว่า คุณผู้ช่วยคงคิดเพลินไปหน่อย เหยือกที่รินน้ำอยู่มันล้นออกจากแก้วจนเปียกโต๊ะ เธอถึงได้ลนลานรีบหยิบผ้ามาเช็ดทันที“ตั้งสติหน่อยตะวัน ไม่มีอะไรให้คิดม