แชร์

ตอนที่8 ไม่อยากเชื่อ

ผู้เขียน: มี่เยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-04 12:37:01

ฉู่ชิงเฟิงมองอาหารของตนเองสลับกับของอาโต๋วอย่างไม่อยากเชื่อ

“ให้ตายสิ ทำไมของเจ้ามีเนื้อด้วย แต่ทำไมของข้า...ของข้ามีแค่ผักเล่า” เขาใช้ตะเกียบเขี่ยข้าวฟ่างหุงสุกกับผักในชามไปมา หวังว่าจะพบเนื้อหมูสักชิ้น ทว่าความจริงยังคงโหดร้ายเช่นเดิม

“มีให้กินก็ดีแล้ว เจ้าก็อย่าเรื่องมากนักเลย” หลินอ้ายกล่าว

“เจ้าโกรธเกลียดอะไรข้านักหรือ ถึงได้ทำเรื่องโหดร้ายเยี่ยงนี้” ฉู่ชิงเฟิงหันไปถามหลินอ้ายด้วยดวงตาแดงก่ำ ท่าทีทุกข์ระทมน่าสงสารอย่างยิ่ง เขาทำงานหนักขนาดนี้ตั้งแต่เช้า นางกลับมอบให้เพียงข้าวฟ่างชามหนึ่งกับผัดผักวิญญาณหมู แล้วแบบนี้เขาจะไปมีแรงทำงานในช่วงบ่ายได้อย่างไร

“อย่ามาพูดจาเหมือนข้ากลั่นแกล้งเจ้านะ” หลินอ้ายตะหวาดแหว

“ถ้าเจ้าไม่ได้กลั่นแกล้งข้า แล้วทำไมถึงมีแต่อาโต๋วที่ได้กินหมูเล่า”

“เรื่องนั้นข้าจะไปรู้เหรอ บางทีอาจมีคนเห็นเจ้าเป็นตัวบัดซบกินล้างผลาญ เลยไม่อยากเจียดเนื้อให้เจ้ากินกระมัง” หลินอ้ายยกมือทั้งสองขึ้นพลางไหวไหล่

“ต่อให้เจ้าไม่ชอบหน้าข้าอย่างไร อยากไล่ข้าไปให้พ้นๆ แต่การกลั่นแกล้งคนที่ทำงานหนักมาตลอดเช้าเยี่ยงนี้ เจ้าไม่นึกละอายใจหน่อยเหรอ”

“ละอายใจ? คนที่ควรละอายคือเจ้าต่างหาก ผัดผักจานนั้นมีแต่ของดีๆ แต่เจ้ามันโง่เองที่ไม่รู้ เสียทีอ้วนเสียเปล่า กลับเลือกกิน ร้องหาแต่เนื้อไม่ยอมกินผัก”

ฉู่ชิงเฟิงได้ฟังคำแก้ตัวแบบส่งๆ ของนาง ก็โกรธจนตัวสั่น เพราะสำหรับเขาเรื่องกินนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าหลินอ้ายจะดูแคลนรูปร่างหน้าตาอย่างไร เขาล้วนทนได้ แต่ถ้าไม่ให้กินเนื้อ เขาทนไม่ได้

“คอยดูเถิดว่า นายหญิงของเจ้าจะว่าอย่างไร” ชายหนุ่มว่าพลางวางชามข้าวลงกับพื้น เตรียมตัวจะหอบสังขารอ้วนกลมไปหาหลินเสี่ยวหรานแล้วแจ้งเรื่องไร้คุณธรรมอย่างที่สุดนี้กับนาง

ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเดิน เท้าของเขาก็มีอันต้องหยุดชะงัก

“ดี งั้นเจ้าไปถามหาเหตุผลกับคุณหนูเอาเองแล้วกัน จะได้เลิกโวยวายโทษข้าสักที”

ฉู่ชิงเฟิงหันหลังกลับมาหาหลินอ้าย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

“ก็หมายความว่า อาหารของเจ้าชามนั้นเป็นคุณหนูจัดแจงให้น่ะสิ” หลินอ้ายลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว นึกอยากจะเอาผัดผักชามนั้นไปโยนให้หมูกิน เพราะมันน่าจะซึ้งใจมากกว่าเจ้าหมูอ้วนตรงหน้านาง

“เจ้าจะบอกว่า คุณหนูหลินสั่งให้เจ้าทำแต่กับข้าวแบบนี้ให้ข้า?” ฉู่ชิงเฟิงถามอย่างไม่อยากเชื่อ แต่พอหลินอ้ายพยักหน้า เขาก็ชาวาบไปทั้งตัว

‘หรือว่าหลินเสี่ยวหรานจะไม่อยากให้ข้าอยู่ที่นี่ เลยส่งอาหารแบบนี้เป็นการไล่ข้าทางอ้อม ที่ว่าสตรีงามมักใจดำไม่ผิดอย่างที่เขาว่าแม้แต่น้อย’

“ข้าว่า เจ้าเลิกโวยวายแล้วมากินข้าวก่อนที่มันจะเย็นหมดดีกว่า ถึงนี่จะเป็นแค่ผัดผัก แต่ปริมาณก็พอให้อิ่มท้องได้ อย่าลืมนะว่าเรายังต้องทำงานต่อกันจนถึงเย็น หากเจ้ามัวเรื่องมากไม่ยอมกินจะเอาแรงจากไหนเล่า” อาโต๋วพูดในขณะที่คีบเนื้อหมูใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย

“เจ้าได้กินเนื้อก็พูดได้สิ” ฉู่ชิงเฟิงพึมพำ รู้สึกว่าช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

“เจ้าจะกินหรือไม่กิน ถ้าไม่กินข้าจะเก็บกลับไปล่ะนะ แล้วอย่าหวังว่าพรุ่งนี้ข้าจะเอาอะไรมาให้เจ้าอีก เรื่องมากนัก ไปทำกินเอาเองก็แล้วกัน” หลินอ้ายพูดด้วยความโมโห ทำท่าจะหยิบชามข้าวของเขากลับใส่ปิ่นโต เพราะอาหารจานนั้นคุณหนูของนางลงมือเข้าครัวทำด้วยตนเอง แล้วแบ่งมาให้เจ้าอ้วนน่าตายนี่กิน ขนาดนางยังไม่ได้ชิมแม้แต่คำเดียว

“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเก็บ” ฉู่ชิงเฟิงเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งข้างอาโต๋ว แล้วคว้าชามข้าวที่มีแต่ผัดผักโปะอยู่บนนั้นมากินอย่างเสียมิได้

เสียงผักกรอบๆ ลั่นอยู่ในปาก ตามมาด้วยกลิ่นหอมขึ้นคอขึ้นจมูกของเครื่องปรุงรสอันเข้มข้น ทำเอาฉู่ชิงเฟิงเบิกตากว้าง คิดไม่ถึงว่าหลินอ้ายก็มีฝีมือกับเขาเหมือนกัน ถึงแม้มื้อนี้เขาจะได้กินเพียงผัดผักชาวไร่ธรรมดาที่ไม่มีเนื้อสักชิ้น แต่รสชาติกลมกล่อมที่ละลายอยู่ภายในปาก ก็มากพอจะทำให้เขาทำใจพุ้ยกินข้าวฟ่างแข็งๆ ชวนฝืดคอชามนี้จนหมดเกลี้ยง

“เห็นไหม พอบทจะกินก็กินได้ อร่อยล่ะสิท่า” หลินอ้ายมองชามข้าวที่ว่างเปล่าใบนั้นแล้วอดค่อนขอดคนเรื่องมากไม่ได้

“รสชาติงั้นๆ แหละ แต่ที่ข้ากินจนเกลี้ยงเป็นเพราะต้องใช้แรงทำงานต่อต่างหากเล่า” ทั้งที่ความจริงผัดผักจานนั้นอร่อยมาก แต่เขาไม่อยากให้หลินอ้ายได้ใจ เลยตอบกลับไปอย่างนั้น

“รสชาติงั้นๆ สินะ ได้ ข้าจะบอกคุณหนูให้ว่าเจ้าพูดเช่นนี้”

“ดี นางจะได้รู้ว่าสาวใช้ของตัวเองรสมือแย่ขนาดไหน” ฉู่ชิงเฟิงต่อปากต่อคำอย่างไม่ยี่หระ

“ปากดีต่อไปเถอะ รับรองว่าต่อแต่นี้ไป เจ้าจะไม่ได้กินอะไรดีๆ แบบนี้อีกแน่นอน” หลินอ้ายที่เก็บชามลงในปิ่นโตเรียบร้อยแล้วลุกขึ้นเดินจากไปทันที ปล่อยให้ฉู่ชิงเฟิงนั่งงงอยู่ตรงนั้น

“อาเปา เจ้าช่างหาเรื่องใส่ตัวยิ่งนัก”

“ข้าก็แค่อยากตอบโต้นางบ้างก็เท่านั้นเอง”

อาโต๋วส่ายหัวดิกให้กับการกระทำสิ้นคิดของฉู่ชิงเฟิง “มีเรื่องกับใครไม่มี ดันอยากไปมีเรื่องกับคนที่ทำกับข้าวเสียอย่างนั้น แทนที่มื้อหน้าจะได้กินอะไรที่ดีกว่านี้ เกรงว่าต่อไปเจ้าคงลำบากแล้ว”

“ไอ้หยา! ข้าก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท แล้วแบบนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดีเล่า”

“พวกเราที่ไหนเล่า ข้าไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย เจ้านั่นแหละที่ต้องรับความโกรธของสตรีที่เจ้าดูถูกรสชาติอาหารของนางเอาไว้ไปเต็มๆ”

นาทีนั้นเอง ฉู่ชิงเฟิงถึงเข้าใจว่าตนเองทำผิดพลาดอย่างแรง ครั้นจะไปขอโทษหลินอ้ายตอนนี้ นางก็เดินหายลับไปไกลแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่20 ข้าเจ็บ

    หลังจากจัดการกางเกงของตัวเองเรียบร้อยแล้ว บุรุษที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาพลันแทรกกายลงตรงกลางหว่างขาเรียว เขาลูบไล้เนินเนื้อเกลี้ยงเกลาอย่างพออกพอใจ แล้วค่อยๆ ขยับเข้าประชิดร่างบาง ดุนดันสะโพกส่งตัวตนเข้าไปพิชิตเส้นทางสู่สวรรค์หลินเสี่ยวหรานกรีดร้อง เมื่อถูกแท่งเพลิงร้อนลวกชำแรกความสาวเป็นครั้งแรก มันทั้งเจ็บทั้งตึงไปหมดจนไม่อาจกลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ได้“อาเปา ขะ…ข้าเจ็บ”“อดทนอีกนิดนะ อีกประเดี๋ยวเจ้าจะรู้สึกดีขึ้น ดีเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เชียวล่ะ” ฉู่ชิงเฟิงล่อลวง พลางขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ พรมจูบทั่วดวงหน้างามผุดผาด รวมไปถึงกลีบปากเล็กน่ารักที่เอาแต่ร้องเรียก “อาเปา อื้อ อาเปา” ไม่หยุดหลินเสี่ยวหรานสั่นสะท้านไปทั้งร่าง นางทั้งเจ็บทั้งเสียดเสียว เมื่อเขาเร่งจังหวะตอกสะโพก บดเบียดลำกายจนเส้นทางรักร้อนฉ่า แต่ละครั้งที่เสาหลักแห่งเลือดเนื้อตอกตรึงเข้าหามันทั้งแรงขึ้นและลึกขึ้น กระทั่งความเป็นชายสอดลึกสุดเส้นทางสวรรค์ได้สำเร็จ“อื้อ…อาเปา”“รู้สึกดีแล้วใช่ไหมภรรยาข้า” เขากระซิบถามเสียงพร่า เมื่อรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอมในน้ำเสียงนาง และแน่นอนว่าตอนนี้เขาเองก็รู้สึกดีที่ถูกความแน่นหนึบของนางตอดรั

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่19 ตั้งใจทำงาน

    “ที่แท้เจ้าก็คืออาเปา” ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มบางเบา เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าผู้มีพระคุณของนางเป็นผู้ใด“ข้าต้องขออภัยด้วยที่เป็นเพียงคนไร้หัวนอนปลายเท้า มิใช่คุณชายสูงศักดิ์ที่ไหน”“เจ้าไม่ผิดหรอกอาเปา ถ้าไม่มีเจ้าข้าคงโดนกระทำย่ำยีเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งไปแล้ว” หลินเสี่ยวหรานตอบเสียงเบาหวิว ฤทธิ์ยาทำให้ร่างกายนางอ่อนเปลี้ยราวกับไร้กระดูก ดวงตาพร่าลายไปหมด“เหลือเวลาไม่มากแล้ว คุณหนูหลินตัดสินใจเถอะ”แม้เขากับนางแทบไม่ได้พูดคุยกัน แต่ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาเขาขยันตั้งใจทำงาน และคอยช่วยเหลือคนในบ้านสวนสกุลหลินอยู่เสมอ ถึงบางครั้งหลินอ้ายจะทำตัวไม่น่ารัก เขาก็มิได้ถือสา จนล่าสุดก็เพิ่งทวงความยุติธรรมให้กับงานตัดเย็บที่ทำขึ้นอย่างยากลำบากของนาง เห็นได้ชัดว่าเนื้อแท้เขามีจิตใจที่ดี ขยันอดทน ไม่โอ้อวด ซึ่งเป็นคุณสมบัติของบุรุษที่มีการศึกษาและถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี ต่อให้ตอนนี้เขาจะความจำเสื่อม แต่ฐานะที่แท้จริงคงไม่ด้อยนัก ร้ายที่สุดก็คงไม่พ้นตระกูลพ่อค้าวาณิช[1] ในเมื่อเกาอี้ซินกลัวเหลือเกินว่านางจะได้ดิบได้ดีเกินหน้าเกินตาหลินผู่ซิน และนางก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป การเลือกอาเปามาเป็นสามีคงจ

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่18 ท่านเป็นใคร

    หลินเสี่ยวหรานที่กำลังหมดหวัง เห็นเงาสายหนึ่งพุ่งเข้ามา หลังจากนั้นนางก็ถูกใครบางคนพาตัวเข้าไปยังความมืดหลังแนวไม้ นางพยายามมองใบหน้าของคนที่มาช่วยนางจากปากเหว แต่ต้นไม้ใบหนาทึบเกินกว่าแสงจันทร์จะลอดเข้ามาให้เห็นได้ชัดเจน ในใจนางรู้สึกทั้งซาบซึ้งและนึกขอบคุณ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รู้สึกไม่วางใจอย่างบอกไม่ถูก“ทะ...ท่านเป็นใคร”“...” ฉู่ชิงเฟิงไม่ตอบ เพราะตอนนี้เขากำลังเพ่งสมาธิไปเบื้องหน้า เพราะจับสัมผัสได้ว่ามีคนตามมาจากด้านหลัง ถึงฝีเท้าจะไม่เร็วมากนักเพราะบาดเจ็บ แต่ความเร็วระดับนี้ย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายเป็นคนมีฝีมือ หากเทียบกับอ๋องที่แค่อยากตั้งใจเรียน แต่ไม่ชอบฝึกวรยุทธเยี่ยงเขา นับว่าอยู่คนละชั้น มิหนำซ้ำตอนนี้เขายังมีสตรีที่น่าจะโดนวางยาอยู่ในอ้อมอก มองยังไงก็เสียเปรียบเต็มประตู เช่นนั้นก็ไม่ควรอวดเก่ง แต่ควรหาที่ซ่อนตัวจนกว่าจะปลอดภัยต่างหาก“ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ก็เป็นผู้มีพระคุณของข้าแล้ว”“อืม” เขาขานรับในลำคอ แล้วพุ่งไปเบื้องหน้า ไม่กล้าลดความเร็วลงแม้แต่นิดเดียว แต่มองไปทางใดก็ยังไม่เจอจุดที่น่าจะหลบซ่อนตัวได้ และเขาที่เพิ่งใช้วิชาตัวเบาอย่างเต็มที่เป็นครั้งแรกในชีวิต ก็เริ่

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่17 อีกด้านหนึ่ง

    อีกด้านหนึ่งฉู่ชิงเฟิงที่คิดถึงเนื้อจนทนไม่ไหวตัดสินใจซ่อมธนูสำหรับล่าสัตว์ที่ถูกทิ้งไว้ในห้องเก็บเครื่องมือ เพื่อออกไปล่ากระต่ายป่า แล้วเขาก็ค้นพบว่าการเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่วว่องไวขึ้น อีกทั้งกล้ามเนื้อแขนก็แข็งแกร่งจนง้างธนูได้สบายกว่าเดิมมากดูเหมือนการทำงานหนักในบ้านสวนสกุลหลินจะไม่ได้มีแต่มุมเลวร้าย เพราะตอนนี้เขากลายเป็นหนุ่มรูปงาม ร่างกายแข็งแรงกำยำจนสตรีใจสะท้านไปแล้ว ดูได้จากสายตาหญิงสาวที่เขาพบเจอที่ตัวอำเภอ จะมีก็แต่คุณหนูใหญ่สกุลหลินผู้เดียวที่ไม่รู้สึกรู้สา แล้วยังใจร้ายกับเขาไม่เลิกราในเมื่อนางคิดแต่จะทำให้เขาทนอยู่ที่นี่ต่อไม่ไหว เขาก็จะช่วยเหลือตัวเองโชคดีที่เขาชอบยิงธนู เพราะมันไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเยอะเหมือนพวกวิชากระบี่ แต่ด้วยเป็นคนร่างใหญ่อ้วนท้วนทำให้เขาขยับตัวบนหลังม้าได้ไม่คล่อง ส่งผลให้ผลงานการล่าสัตว์รั้งท้ายพี่น้องอยู่ทุกปี ผิดกับพวกเป้านิ่ง ซึ่งฝีมือของเขาถือเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาองค์ชาย แต่ก็มักถูกด้อยค่าด้วยคำพูดที่ว่าแค่ยืนยิงธนูอยู่กับที่จะไปมีประโยชน์ใช้สอยอะไรทว่าวันนี้เขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมร่างกายที่เคยอ้วนท้วนอุ้ยอ้าย ตอนนี้แข็งแรงกำย

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่16 โถ่ คุณหนู

    “ถึงบ่าวจะโง่เขลา แต่ใช่จะไม่รู้อะไรเลย ป่านนี้ชื่อเสียงของท่านคงถูกฮูหยินกับคุณหนูสี่ทำลายจนแทบไม่เหลือชิ้นดี แล้วแบบนี้จะไม่ให้บ่าวโกรธแค้นพวกเขาแทนท่านได้เยี่ยงไร”“พวกนางอยากทำอะไรก็ให้ทำไป เพราะสำหรับข้าในตอนนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรักษาร่างกายให้หายดี”“ท่านถูกรังแกถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงไม่เล่าให้ทางสกุลกัวฟังเล่าเจ้าคะ ถ้าให้เหล่าไท่จวินที่คนต่างเคารพนับถือช่วยออกหน้า จะต้องทวงความยุติธรรมคืนให้คุณหนูได้อย่างแน่นอน”“เพราะข้าแซ่หลิน มิได้แซ่กัว อีกอย่างท่านป้าสะใภ้กับท่านยายมีบุญคุณที่เลี้ยงดูข้าจนเติบใหญ่ ข้ามิอาจให้พวกท่านเหล่านั้นถูกคนตำหนิเอาได้ว่าก้าวก่ายเรื่องของคนสกุลอื่นโดยไม่จำเป็น”“โถ่ คุณหนู”“หลินอ้าย ถ้าทุกอย่างมันง่ายปานนั้น ข้าคงไม่ต้องมารักษาตัวไกลถึงจงมู่”“บ่าวกลัวเหลือเกินว่าฮูหยินจากสกุลเกาผู้นั้นจะจัดการให้ท่านแต่งกับบุรุษเสเพล ไร้ชื่อเสียง ไร้อนาคต” หลินอ้ายเป็นกังวลแทนเจ้านาย เพราะสตรีที่มีข่าวลือว่าร่างกายอ่อนแอมักไม่มีตระกูลใหญ่ต้องการ“พอได้แล้ว ข้าอยากแช่ตัวเงียบๆ” ใช่ว่าหลินเสี่ยวหรานจะไม่คิดอะไรเลย จึงอดหงุดหงิดไม่ได้“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”“คืนน

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่15 เลื่อนลอย

    หลินเสี่ยวหรานได้รับการอบรมจากป้าสะใภ้ และเหล่าไท่จวินผู้เป็นยาย เติบโตมาเป็นดรุณีที่งดงามทั้งกิริยามารยาท งานบ้านงานเรือนล้วนจัดการได้ดี กระทั่งอายุได้สิบสามปีบิดาก็มาเจรจาขอนางคืนจากสกุลกัวต่อให้ไม่อยากคืนเท่าไร ก็ทำไม่ได้ เพราะนางแซ่หลิน มิได้แซ่กัว ด้วยเหตุนี้นางจึงต้องออกจากปราการอันอบอุ่นปลอดภัยภายใต้ปีกของสกุลมารดา มาอยู่ภายใต้การปกครองของสตรีหน้าซื่อใจคดอย่างเกาอี้ซิน ชีวิตในฐานะคุณหนูใหญ่สกุลหลินที่ควรจะสดใสรุ่งโรจน์ และได้แต่งงานเข้าสกุลดีๆ กลับต้องจบลงด้วยการระเห็จมาอยู่ที่บ้านสวนในอำเภอเล็กๆ อย่างจงมู่ ทำให้บัดนี้หลินผู่ซินเฉิดฉายในฐานะคุณหนูภรรยาเอกจวนสกุลหลินเพียงผู้เดียวหลินเสี่ยวหรานได้แต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าอย่างเลื่อนลอยพอกลับถึงบ้านสวนสกุลหลิน ฉู่ชิงเฟิงก็ช่วยอาโต๋วกับหลินอ้ายขนข้าวของเครื่องใช้และเสบียงที่ซื้อมาไปเก็บ เขาเหลือบมองห่อกระดาษเคลือบน้ำมันที่ภายในมีเนื้อหมูติดมันชิ้นโตอย่างมีความสุข เพราะเชื่อว่าหลินเสี่ยวหรานจะต้องซาบซึ้งเรื่องเงินห้าตำลึง แล้วยอมให้เขาได้กินเนื้ออย่างที่ควรจะเป็นในวันพรุ่งนี้ ทว่า...ไม่มี!“นี่มันอะไรกันเนี่ย” ฉู่ชิงเฟิงแ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status