แชร์

บทที่ 10

ผู้เขียน: สายธารสะท้อนเงา
“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ มีเพียงเจ้า ที่ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงชื่อนั้น” น้ำเสียงของตงฟางหลีเย็นชา

เขาบีบคอแน่นขึ้น สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์เปลี่ยนเป็นสีม่วงเนื่องจากหายใจไม่ออก

ฉินเหยี่ยนเย่ว์หายใจไม่ออก พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก จนสามารถมองเห็นใบหน้าของเขา ดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน

เธอมองความโศกเศร้าจากนัยน์ตาคู่นั้นออก

มองออกถึงความอดกลั้นและโกรธแค้น จากใบหน้าที่คอยรักษาสีหน้าสบาย ๆ นั้นมาตลอด

“เวลาไม่อาจย้อนคืนได้ เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วผู้ใดก็ไม่สามารถแกไขได้ แต่ อนาคตสามารถแก้ไขได้ หม่อมฉันกับท่านอ๋องยังบริสุทธิ์ ภายภาคหน้าก็จะเป็นเช่นนั้น พวกเราแค่จำต้องเล่นละครตบตาบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อรอโอกาสที่เหมาะสมแล้วค่อยแยกทางกัน ท่านก็คือท่าน หม่อมฉันก็คือหม่อมฉัน พวกเราต่างคนเลือกชีวิตของตนเอง มีอะไรที่เป็นไปมิได้หรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว

“สิ่งที่ติดค้างท่าน ข้าจะชดใช้ให้ สิ่งที่ติดค้างหม่อมฉัน หม่อมฉันจะทวงกลับมาแน่นอนเพคะ”

“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?” ตงฟางหลีเอ่ยปากน้ำเสียงจริงจัง

“ฉินเหยี่ยนเย่ว์”

“เจ้ามิใช่นาง” ตงฟางหลีกล่าว

“อันที่จริงคงมิใช่ คนที่เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่งแล้วฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หม่อมฉันเป็นฉินเหยี่ยนเย่ว์คนใหม่ คำตอบข้อนี้ท่านพึงใจหรือไม่” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ย

ตงฟางหลีหรี่ดวงตา มือที่บีบคอของฉินเหยี่ยนเย่ว์เอาไว้ยิ่งออกแรงมากกว่าเดิม

เขาเข้ามาใกล้ตัวนาง น้ำเสียงเย็นยะเยือก “อันที่จริงหลังจากงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ข้าก็ได้ครุ่นคิดนับครั้งไม่ถ้วน อยากจะบีบคอเจ้าให้ตายด้วยมือตนเอง”

ความรู้สึกหายใจไม่ออกที่รุนแรงขึ้นมา สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์แย่ลงเรื่อย ๆ ภายใต้สถานการณ์ที่ขาดอากาศถึงขีดสุด หัวสมองของนางเกิดความสับสน

“ตงฟางหลี หม่อมฉันน่าจะบอกกับท่านได้ชัดเจนแล้ว ต่อให้หม่อมฉันติดค้างเรื่องอันใดกับท่าน ก็ไม่ควรกลายเป็นเหตุผลที่ต้องถูกข่มเหงรังแก ปล่อยหม่อมฉัน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยายามสุดชีวิตกว่าจะพูดคำเหล่านี้ออกมาได้

“ท่านบีบคอข้าให้ตาย ท่านก็จะมีความผิดฐานฆ่าคนตาย แก้ไขเรื่องใด ๆ มิได้ ในทางกลับกันท่านกับนางก็จะยิ่งห่างกันไปเรื่อย ๆ...แค่กแค่ก”

ตงฟางหลีออกแรงมากเกินไป ตอนแรกเริ่มยังพอฝืนอ้าปากพูดได้ เมื่อถึงตอนหลัง แทบจะไม่สามารถพูดออกมาได้

ความรู้สึกเกือบใกล้ความตายโจมตีมาเป็นระลอก ๆ หัวใจของนางกำลังบีบรัดแน่น ในมือกำมีดเล่มหนึ่งเอาไว้แน่น

มีดเล่มนั้นเป็นมีดนางหาเจอจากด้านในกล่องสินสมรส บางและคมมาก สามารถใช้ป้องกันตัวได้

คิดไม่ถึงว่าจะได้นำออกมาใช้ประโยชน์ในสถานการณ์แบบนี้

จุดที่มีดไปถึง ก็คือเส้นชีพจรของตงฟางหลี เพียงแค่กรีดเบา ๆ ทีหนึ่ง เขาก็จะไปสู่สุขคติทันที

ในช่วงเวลาคับขัน ทันใดนั้นมือของตงฟางหลีก็คายออก

อาการสดชื่นพลั่งพรูเข้ามา ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไอสองสามที ออกแรงสูดอากาศที่หายไปนาน

เดิมทีร่างกายนี้มีภาวะบกพร่องแต่กำเนิด ผ่านการทรมานติดต่อกันหลายรอบ จึงอ่อนระโหยโรยแรงเป็นอย่างยิ่ง ล้มนอนบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง

ตงฟางหลีกลับมามีท่าทีที่เย็นชาตามปกติ ความอำมหิตและโหดร้ายเมื่อครู่นี้ ราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เขาจ้องมองนางที่หายใจโรยแรงหลายครั้ง ทันทีที่สะบัดแขนเสื้อ ก็สาวเท้ายาวเดินมุ่งหน้าไปที่ประตู

ตอนที่เดินใกล้ถึงประตู น้ำเสียงเบาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ลอยมา “ยินดีกับท่านอ๋องที่รักษาชีวิตเอาไว้ได้ครั้งหนึ่งนะเพคะ”

ตงฟางหลีหันหน้ากลับไปมองเห็นมีดลักษณะคล้ายใบหลิวเล่มหนึ่งในมือของนางกำลังส่องประกายแวววาว เขาหรี่ดวงตาลง “เมื่อครู่นี้เจ้า คิดจะสังหารข้าอย่างนั้นรึ?”

“ช่างน่าขัน ท่านอ๋องก็คิดจะสังหารหม่อมฉันเช่นกันมิใช่รึเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว

“ท่านสังหารหม่อมฉัน อาจจะสบายใจ แต่เรื่องราวรังแต่จะเลวร้ายลง นี่มิใช่การกระทำที่ชาญฉลาด” น้ำเสียงของนางแหบแห้ง “หม่อมฉันกล่าวตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วว่า สิ่งที่หม่อมฉันติดค้างท่าน จะต้องชดใช้ให้ท่านด้วยวิธีที่ท่านพึงพอใจแน่นอนเพคะ หม่อมฉันขอรับรอง แต่ ในช่วงเวลานี้ มิควรมีผู้ใดใช้เหตุผลใดก็ตามแต่เพื่อมารังแกหม่อมฉัน แม้แต่ท่านอ๋องก็มิใช่ข้อยกเว้นเพคะ”

ตงฟางหลีไม่ตอบโต้ สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป

หลังจากที่เขาเดินออกไป แจกันดอกไม้ที่มุมกำแพงก็เกิดเสียงดังเพล้งขึ้น จากนั้น แจกันดอกไม้ที่เคยอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็แตกละเอียด เศษกระเบื้องกระจายเต็มพื้น

ไม่เพียงแจกันดอกไม้เท่านั้น ยังมีของตกแต่งที่เป็นกระเบื้องภายในห้อง ต่างมีรอยแตกร้าวที่ต่างระดับกันไป

ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกเสียใจเล็กน้อย

ตงฟางหลีไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่แจกันดอกไม้กลับแตกเสียได้ เกรงว่าจะเป็นคลื่นความอาฆาตแค้นของเขา

แรงอาฆาตแค้นที่เอ่อล้นมาจากบนร่างกายของยอดฝีมือสามารถทำลายสิ่งของที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ให้เสียหายได้ สรรพคุณพิเศษเหนือทั่วไปเช่นนี้ นางได้เห็นมากับตาตนเองแล้ว

นี่ก็หมายความว่า เมื่อครู่นี้คนผู้นั้นมิได้อยากจะฆ่านางเลยสักนิด เพียงแค่กำลังข่มขวัญนางเท่านั้น

ไม่เช่นนั้น ด้วยฝีมือของเขา บี้นางให้ตายก็ง่ายดายเฉกเช่นเดียวกันบี้มดตัวหนึ่งให้ตาย!

ตงฟางหลีกลับมายังตำหนักหมิงอวี้ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ

หลังจากกลับมาถึง ก็ปิดประตูห้องสนิท พวกองครักษ์ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกห้องต่างมองหน้ากัน ผู้ใดก็ไม่กล้าเข้าใกล้

ลู่ซิวนายทหารที่ปรึกษาแห่งจวนอ๋องเดินมาจากด้านนอก เมื่อเห็นพวกองครักษ์ที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูไม่หยุด จึงเลิกคิ้ว “เกิดเรื่องอันใดขึ้น? พวกเจ้าแต่ละคนยืนทำอะไรอยู่ด้านนอก?”

“คุณชายลู่” องครักษ์ทำท่าทางให้เบาเสียง “ท่านอ๋องไม่ค่อยเป็นปกติขอรับ ราวกับว่ากำลังโมโหอยู่”

“หา?” ลู่ซิวเกิดความสนใจขึ้นมา

ท่านอ๋องเจ็ดผู้ขึ้นชื่อเรื่องใบหน้าไร้อารมณ์ น้อยมากที่จะแสดงอาการอย่างชัดเจน ลักษณะนิสัยก็คือสบาย ๆ

เขารู้จักท่านอ๋องมานานเช่นนี้ น้อยครั้งที่จะเห็นเขาไม่ปกติ

“กระหม่อมก็มิทราบขอรับ” องครักษ์กล่าว “หลังจากที่ท่านอ๋องเสด็จกลับมาจากเรือนโยวหลาน นั่นก็คือสถานที่พำนักของพระชายาอ๋องเจ็ดก็ขังพระองค์ไว้ในห้อง ราวกับว่าท่านทรงกริ้วเล็กน้อยด้วยขอรับ”

ตอนที่เขาเอ่ยถึงฉินเหยี่ยนเย่ว์ ก็รู้สึกตัวสั่นอย่างประหลาด

เขาเคยเจอสตรีที่โหดร้ายมาก่อน แต่ไม่เคยเจอสตรีที่โหดร้ายมากเช่นนี้

“ถูกพระชายาทำให้ทรงกริ้วอย่างนั้นรึ?” ลู่ซิวรู้สึกน่าขัน “ท่านอ๋องของพวกเราไม่แม้แต่จะชายตามองคนโง่เขลาผู้นั้น จะถูกทำให้ทรงกริ้วได้อย่างไรกัน?”

“อย่าว่าแต่คุณชายลู่ไม่เชื่อ พวกกระหม่อมก็ยังไม่เชื่อเลยขอรับ” องครักษ์เอ่ยอย่างอึดอัดใจ “แต่ว่าเกี่ยวข้องกับพระชายาจริง ๆ ขอรับ หรือไม่อย่างนั้นอีกประเดี๋ยวท่านค่อยมาใหม่ไหมขอรับ”

ลู่ซิวจับคาง “ข้ามีธุระด่วน จำเป็นต้องพบท่านอ๋อง”

เขาเคาะประตู

รออยู่ครู่หนึ่ง ตงฟางหลีถึงให้เขาเข้าไป

หลังจากลู่ซิวเข้าไป ตงฟางหลีก็กลับมามีท่าทีตามปกติโดยสมบูรณ์แล้ว

“ท่านอ๋อง” ลู่ซิวประสานมือคำนับ

“นั่งลง ดื่มน้ำชา” ตงฟางหลีส่งสัญญาณให้เขานั่งลง

“กระหม่อมได้สืบแน่ชัดแล้ว แม่นางหงเย้าเป็นคนที่ท่านอ๋องสามส่งให้มาอยู่ข้างพระวรกายของพระสนมอวิ๋น แล้วใช้มือพระสนมอวิ๋นเพื่อมาอยู่ข้างกายของท่าน” ลู่ซิวกล่าว “หน้าที่หลักของนาง ก็คือจดบันทึกช่วงเวลาที่ท่านอาการกำเริบ อาการของโรค อาการหนักเบาขอรับ”

เขาหรี่ดวงตา “นางเป็นสาวใช้ของท่าน บางที ที่อาการป่วยของท่านรุนแรงขึ้นอาจจะเกี่ยวข้องกับนาง พวกเราควรใช้มาตรการอะไรบางอย่างหรือไม่ขอรับ?”

ตงฟางหลีขมับกระตุก “นางได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ยังไม่ต้องสนใจ”

ลู่ซิวตกใจ “บาดเจ็บสาหัส? ท่านลงมือหรือขอรับ? หรือว่าพวกเราแหวกหญ้าให้งูตื่น?”

“มิใช่ทั้งสิ้น” ตงฟางหลีหลุบตาลง “ถูกฉินเหยี่ยนเย่ว์โบย ข้าได้กำชับหมอหลวงแล้ว ให้อาการของหงเย้าคงสภาพแบบนี้ต่อไปอย่างน้อยสักสามเดือน ตอนนี้นางไม่เป็นภัยคุกคาม ไม่ต้องสนใจ”

ลู่ซิวกระตุกมุมปากเล็กน้อย พระชายาโบยอย่างนั้นรึ?

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชื่อเสียงฉาวโฉ่ผู้นั้น จะทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้จริง ๆ

นี่นับว่าช่วยพวกเขาได้มาก

“ต่อให้หงเย้าไม่เป็นภัยคุกคาม สถานการณ์ของพวกเราก็ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก” ลู่ซิวกล่าว “ท่านอ๋อง วันมงคลใกล้เข้ามา วันอาการกำเริบครั้งถัดไปของท่าน ตรงกับวันมงคลพอดีขอรับ”

ตงฟางหลีกำหมัดแน่น

ลู่ซิวสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านอ๋อง ถ้าไม่อย่างนั้นทูลฝ่าบาทเสียหน่อยหรือไม่ขอรับ? ว่าครั้งนี้ไม่สามารถเข้าร่วมได้”

“ไม่ได้” ตงฟางหลีกล่าว “หากข้าไม่ปรากฏตัว ก็จะเข้าทางพวกเขาพอดี ลู่ซิว เจ้าไม่คิดว่านี่มันไม่บังเอิญเกินไปหน่อยรึ? วันงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นวันที่อาการกำเริบ วันที่เป็นวันมงคลก็เป็นวันที่อาการกำเริบอีก”

ลู่ซิวเลิกคิ้ว พยักหน้า “น่าจะมีคนจงใจจัดการขอรับ”

ตงฟางหลีจ้องมองใบชาที่ลอยอยู่ในถ้วยชา ใช้น้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา “ทั้งหมดดำเนินการตามปกติ ข้าอยากจะดูว่า ที่จริงแล้วพวกเขาคิดจะทำเรื่องอันใดกันแน่”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Chatree Sedakum
ขอขคุณครับ
goodnovel comment avatar
Issayaporn Surateekosol
เสียเงินซื้อแล้วจะเทผู้อ่าน เหมือนกับหลายๆเรื่องมั้ยอ่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 11

    ภายในเรือนโยวหลานเฟ่ยชุ่ยที่กำลังเก็บเศษซากแจกันที่แตกหักอยู่ด้วยหยาดน้ำตาคลอเบ้า พร้อมทั้งไหล่ทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาเบา ๆ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่นอนบนเตียงนั้น ได้แต่มองท่าทีผิดหวังของเฟ่ยชุ่ย ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เฟ่ยชุ่ย ข้ามิเป็นอันใด เจ้าหยุดร้องไห้ได้แล้ว”เฟ่ยชุ่ยพลันซืดน้ำมูกเข้าไป “เดิมที

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 12

    “เจ้าลืมวันมงคลของทุกเดือนไปแล้วหรือ?” ตงฟางหลีกล่าว “วันรุ่งพรุ่งนี้ เจ้าจักต้องเข้าวังพร้อมกับข้า ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับต่างก็จัดเตรียมเอาไว้ให้เจ้าครบหมดแล้ว”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันทีว่า วันพระบรมราชสมภพขององค์จักรพรรดินั้นเป็นวันยี่สิบสามของเดือนหนึ่ง ฉะนั้นแล้ววันที่

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 13

    “เฟ่ยชุ่ย พาคนไปอยู่ในที่อุ่น ๆ ที” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกำมือของตนเองเอาไว้แน่น “ข้ามิอาจสัมผัสเลือดได้ คุณทำเอง ได้หรือไม่?”เมื่อเฟ่ยชุ่ยได้ยินเช่นนั้น นางจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็วในทันที "พระชายามิจำเป็นต้องลงมือเองก็ได้เพคะ บ่าวทำได้ บ่าวทำได้เพคะ”เฟ่ยชุ่ยจึงพาหู่พั่วไปที่ห้องของนางในทันทีฉินเหยี

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 14

    “เฟ่ยชุ่ย เจ้าไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของตนเองเสียก่อน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา “เจ้าไปดูแลหู่พั่วที่อยู่ในห้องให้ดี ข้าจักออกไปดูข้างนอกเสียหน่อย”“พระชายาเพคะ” ใบหน้าของเฟ่ยชุ่ยพลันซีดลงไปในทันที ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “พระชายาอ๋องสามหาได้มาดีไม่ อีกทั้ง นางยังพาแม่น

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 15

    “ทั้งหู่พั่วและเฟ่ยชุ่ยช่วงนี้ต้องเก็บตัวเพื่อรักษาอาการป่วยอยู่ มิอาจให้พบผู้ใดได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกล่าวออกมา “หากพวกนางรักษาตัวจนหายเมื่อใดแล้ว ข้าจักให้หู่พั่วไปที่จวนท่านอ๋องสามเพื่อขอเข้าเฝ้าเจ้าเอง”หลังจากได้ยินฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยออกมาเช่นนั้น มุมปากของฉินเสวี่ยเย่ว์พลันยกยิ้มได้ใจขึ้นมาใ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 16

    “อุ๊ยตาย ขออภัยด้วยเพคะ บ่าวทำงานหนักจนเคยชินแล้ว แรงเลยมากเกินไปหน่อย ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมเพคะ” แม้ปากของนางสกุลเฉินจะกล่าวขอโทษ แต่บนใบหน้าไม่ได้มีเจตนาขอโทษเลยสักนิดหลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนตรง ขมวดคิ้วแน่นยายเฒ่าผู้นี้ จงใจทำ จงใจออกแรงผลักไสนางการกระทำเมื่อครู่นี้ในมุมมองของคนนอกนั้นไม่ได้ท

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 17

    “พระนาง บ่าวจะประคองท่านเข้าเรือนก่อนเพคะ” ตอนที่เฟ่ยชุ่ยเดินเข้ามา รองเท้าได้สัมผัสกับรอยเลือดแล้วรอยเท้าประทับลงไปบนพื้นหิมะ ทำให้สีค่อย ๆ จางลงสีขาวซีดและสีแดงสด สีสันที่อยู่ภายในความทรงจำมาโดยตลอด สีเหล่านั้น เป็นสีที่เข้าใกล้กับความตายมากที่สุดฉินเหยี่ยนเย่ว์จ้องมองเลือดสีแดงสดที่ใกล้เข้ามาเ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 18

    ฉินเหยี่ยนเย่ว์จิตใจไม่สงบนางไม่อยากทนรออีกต่อไป จึงสวมเสื้อคลุม ถือตะเกียงแล้วเดินไปทางห้องครัวใหญ่เปลวไฟภายในห้องครัวใหญ่กำลังส่องสว่างตอนนี้เป็นเวลาอาหาร คนในจวนท่านอ๋องเจ็ดไม่มาก หลังจากที่ส่งอาหารไปให้บรรดาเจ้านายแล้ว ก็เป็นเวลาที่บรรดาบ่าวรับใช้ทานอาหารตอนที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ผลักประตูเข้ามา

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1469

    ไป๋โค้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก่อนหน้านั้น หม่อมฉันใช้ชีวิตอย่างอิสระ ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังในใต้หล้าอีก หลังจากที่หม่อมฉันคิดอยากจะให้บ่อนพนันทั่วทั้งใต้หล้ามีกิจการรุ่งเรื่องอู้ฟู้นั้น หม่อมฉันก็ได้มาพบกับท่านอ๋องเข้า”“ท่านอ๋องบอกกับหม่อมฉันว่า การพนันเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม มีคนไม่น้อยเลยที่ต

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1468

    ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันเลิกคิ้วขึ้นนางหาได้เคยถามเรื่องไป๋โค้วอย่างละเอียดไม่ทั้งยังนึกสงสัยมาโดยตลอดว่า เหตุใดตงฟางหลีถึงได้เลือกสตรีทำร้ายบ้านช่องมาไว้ในจวนเช่นนี้“ก่อนหน้านั้นเจ้าทำอันใดมา?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์นึกสนใจขึ้นมาในทันที “เปิดบ่อนพนันงั้นหรือ?”“ใช่และไม่ใช่” ไป๋โค้วกล่าว “หม่อมฉันมีฉายาหนึ่

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1467

    นางนึกเสียใจที่เอ่ยคำพูดเหล่านั้นกับตงฟางหลียิ่งนักก่อนหน้านั้น บุรุษผู้นี้ยังเป็นห่วงเป็นกังวลในสุขภาพของนาง จนมิกล้าทำอะไรรุนแรงเกินไปอยู่เลย หลังจากเมื่อวานรู้ว่าร่างกายและจิตใจของนางกลับมาแข็งแรงแล้วนั้น เขาก็ยิ่งทำตัวไร้ยางอายมากขึ้นไปอีก“ตื่นแล้วหรือ?” ไป๋โค้วเดินแย้มยิ้มเข้ามา พร้อมกับน้ำร

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1466

    เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นว่าตนเองเฉไฉไปไม่รอดแล้วนั้น ใบหน้าของนางพลันแดงระเรื่อขึ้นมานางเอนตัวเข้าไปหาตงฟางหลี ก่อนจะกระซิบข้างหูว่า “หม่อมฉันมิได้บอกท่านไปก่อนหน้านั้นแล้วหรือ ว่าหม่อมมิอาจควบคุมแหวนได้ทั้งหมด?”ตงฟางหลีพยักหน้าลง “แค่นี้หรือ? เช่นนั้น เหตุใดถึงมิยอมเอ่ยปากพูดออกมาด้วยเล่า?”“ท่าน

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1465

    ถึงอย่างไร การโยนรูปภาพของตนเองเข้ากองไฟเช่นนี้ ทำเอารู้สึกแปลก ๆ ยิ่งนัก ราวกับว่านางกำลังโดนเผาอย่างไรอย่างนั้น ทว่า เมื่อคิดกลับกันนั้นเรื่องน่าอายเช่นนี้ หากผู้อื่นพบเข้าละก็ ย่อมต้องนำพาให้รู้สึกอับอายเป็นแน่ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงโยนมันเข้าเตาผิงไฟด้วยใบหน้าเย็นชาเมื่อถ่านไฟในเตาผิงเจอกับกระดาษ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1464

    ฉินเหยี่ยนเย่ว์เกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธยามที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ในม้วนภาพวาดมีบางรูปที่นางนอนอยู่ กินอยู่ ทั้งยังมีนั่งเหม่อลอยอีก...นี่ยังน้อย ๆ อย่างมากนางก็แค่ดูเหมือนพวกเซ่อซ่าเท่านั้นแต่นอกจากรูปภาพเหล่านี้แล้ว ยังมีที่มากไปกว่านี้อีกภาพในยามที่นางโมโห ยามที่นางหัวเราะอ้าปากกว้างออกม

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1463

    “เอ่อ…” ตงฟางหลีชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อรู้ว่าตนเองพูดหลุดปากออกไปนั้น เขาจึงแย้มยิ้มเจือน ๆ ออกมา “พระชายางดงามดั่งบุปผาเช่นนี้ ข้าย่อมอดคิดถึงรูปร่างหน้าตาของเจ้าไม่ได้ จึงเริ่มลงมือวาดรูปขึ้นมา น่าเสียดายที่ภาพวาดเหล่านั้น ล้วนแต่เป็นภาพที่ข้าจินตนาการขึ้นมาเอง มีเพียงภาพนี้เท่านั้น ที่ข้าให้พระชาย

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1462

    “สตรีงามที่ตกอยู่ในความกังวล” ตงฟางหลีจุ่มพู่กันขนาดเล็กลงในจาน พลางโค้งกายลงเล็กน้อย ก่อนจะใช้ปลายพู่กันแต่งแต้มลงไปบนเครื่องประดับไข่มุขบนศีรษะของหญิงงามให้กลายเป็นสีแดง“งามหรือไม่?” ตงฟางหลีเอ่ยถาม“หม่อมฉันย่อมงดงามเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันพึมพำกล่าวออกมาด้วยความตกใจว่า “ทักษะการวาดภาพของมือขวา

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1461

    นางกำชับคำถามที่ต้องถามกับเฟยอิ่งคร่าว ๆ จากนั้นก็กำชับให้เขารีบไปรีบกลับเฟยอิ่งรับคำสั่งเสร็จก็จากไปในระหว่างที่กำลังรอข่าวอยู่นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์เกิดความกระวนกระวายขึ้นในใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกหวาดกลัวเฮยตั้นรู้ว่านางอยู่ในสภาวะว่างเปล่า จึงคอยคุ้มครองอยู่ข้างกายนางอย่างรอบคอบระแวดระวังมาโดยตลอด

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status