หน้าหลัก / โรแมนติก / นที (โปรด) รัก / บทที่ 3 เลิศธารินทร์

แชร์

บทที่ 3 เลิศธารินทร์

ผู้เขียน: 23.19น.
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-13 02:15:41

อรุณรุ่งส่องแสงไปทั่วหล้าสุดขอบฟ้า ปลุกทุกสรรพชีวิตให้ตื่นจากค่ำคืนที่ยาวนานอีกครั้งในวันใหม่ ภายในห้องครัวกว้างสุดหรูหรา เต็มไปด้วยเครื่องครัวใช้สำหรับการประกอบอาหาร หม้อแกงสเตนเลสอย่างดีกำลังตั้งเตาร้อนระอุ ส่งกลิ่นอายจากข้าวต้มที่เพิ่งปรุงเสร็จได้ไม่นาน ทั้งในห้องอาหารก็เช่นกัน ถ้วยข้าวต้มหมูร้อน ๆ บนโต๊ะหินอ่อนสีขาวตัวยาวส่งกลิ่นอบอวลในอากาศ ถูกจัดวางเอาไว้ตามจำนวนคนในครอบครัว

เสียงช้อนกระทบถ้วยกระเบื้องเป็นระยะ รวมไปถึงเสียงพูดคุยกันอย่างเป็นกิจวัตรขับเน้นบรรยากาศที่เป็นกันเองบนโต๊ะอาหาร ทว่าเมื่อย้อนกลับเข้ามาในครัวนั้นกลับเงียบเหงาเสียจนใจหาย มีร่างบอบบางร่างหนึ่งซึ่งกำลังนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้เป็นตัวละครประกอบฉาก ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้แยกย้ายออกไปทำหน้าที่ของตนกันหมดแล้ว

มีเพียงแค่อัจฉราเท่านั้นที่ยังคงอยู่ งานก้นครัวในตอนเช้า เที่ยง เย็น คือหน้าที่ของเธออยู่แล้ว เมื่อตอนนี้ยังไม่เลยช่วงเวลาดังกล่าวไป หญิงสาวจึงถือโอกาสแอบมางีบหลับสักพัก ขอบตาดำคล้ำ ผิวขาวซีดผิดไปจากปกติ คือหลักฐานชัดเจนว่าหล่อนอดหลับอดนอนมาแทบจะทั้งคืน ผล็อยหลับไปก็แค่พักเดียวเท่านั้น เพราะข่มตานอนไม่ได้... เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวานมันกวนใจนัก วุ่นวาย เป็นปัญหาหนักที่ทำให้คิดไม่ตกตลอดคืน

กระทั่งตอนนี้อัจฉรายังไม่สามารถที่จะลบมันออกไปจากใจได้ง่าย ๆ เลยเสียด้วยซ้ำ ภาพความทรงจำชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้า เหมือนผีในใจที่ตามหลอกหลอน พยายามคิดหาทางรอด แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกเอาเสียเลย มันยากและยุ่งเหยิงไปหมด โดยเฉพาะกับคำขู่ที่ยังจำไม่ลืม

‘อยากได้ตัวหล่อนไปขัดดอกหากไม่มีเงินไปใช้หนี้’ มันทั้งกดดัน และชวนให้หวาดหวั่นจนวางใจไม่ลง หายใจไม่ทั่วท้อง

เสียงลมหายใจแผ่วผ่อนออกมาเบา ๆ เมื่อเรื่องเดิม ๆ เข้ามาทำให้วุ่นวายใจอีกแล้ว เปลือกตาที่หนาหนักของอัจฉราก็เปิดขึ้นช้า ๆ สีหน้ายังคงหลงเหลือความวิตก ดวงตาที่ดูใช้ความคิด และคิ้วเรียวสวยที่ขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่หญิงสาวจะสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกกำลังใจที่รู้ดีว่ามันแทบจะไม่ต่างอะไรไปจากน้ำมันก้นถังเลยสักนิด

“.....”

อัจฉราปล่อยให้ความเงียบช่วยปลอบใจอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง พร้อมกันนั้นก็ลุกขึ้นยืนบิดกายไล่ความปวดเมื่อยเล็กน้อย หลอกร่างกายตัวเองให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าทั้งที่โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวเหน็บปอยผมที่ร่วงลงมาปกกรอบหน้าไปไว้หลังใบหู ก่อนจะกรีดมือรีดเสื้อผ้านิดหน่อย... อย่างน้อยเธอก็ยังรู้ตัวว่าไม่ควรปล่อยตัวให้โทรมไปมากกว่านี้

โดยเฉพาะเมื่อตระหนักดีว่าสายตาของคนข้างนอกนั้น มี ‘หนึ่งคน’ ที่หล่อนสนใจยิ่งกว่าใคร อัจฉรากลืนน้ำลายเบา ๆ ในจังหวะที่ก้าวเท้าไปเกือบจะพ้นออกจากห้องครัวแล้ว ความจริงข้อนี้ก็พุ่งมากระแทกหน้าอย่างจัง ขวัญที่เรียกมาก็พลันพังทลายลงอย่างสิ้นท่า เธอยอมรับในใจว่าเธอไม่อยากให้เขาเห็น อัจฉราไม่อยากให้ ‘นที’ เห็นเธอในสภาพนี้เลย

ทว่าคนมันจะตกต่ำ อะไรก็ไม่ช่วยจริง ๆ ยิ่งไม่อยากเจอสิ่งใด สิ่งนั้นก็ยิ่งพุ่งเข้าหาเสียเหลือเกิน แม้แม่จะมาในนามของนายหญิงของบ้าน ไม่ใช่คนที่เธออยากจะเลี่ยงตรง ๆ ก็ตาม แต่ใช่ว่าจะพ้นกันอยู่ดี เพราะนทีก็อยู่ในห้องอาหารเช่นกัน

“เดี๋ยวนะ...”

น้ำเสียงพร่า ๆ ตามวัย แต่แหลมคมและแฝงความประหลาดใจ คิ้วโด่งดังคันศรเลิกขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สายตายังคงจ้องไม่วางตา

“เนยเหรอ? ไปยืนทำอะไรตรงคนเดียว ออกมาก่อนสิ”

อัญชุลี เลิศธารินทร์ คุณหญิงของบ้านวางช้อนลงในถ้วยข้าวต้มที่พร่องไปมากแล้ว ขณะรอคอยให้หญิงสาวที่หล่อนกำลังหมายตา โดยเฉพาะเรือนผมที่ปกคลุมศีรษะกลมสวยของอีกฝ่าย... มันช่างดึงดูดสายตาเสียเหลือเกิน และแอบทำให้คนวัยหล่อนรู้สึกขัดใจอยู่ลึก ๆ เหมือนกัน

“ค่ะ คุณผู้หญิง”

อัจฉราตอบรับ แอบกลืนน้ำลายเบา ๆ ก่อนจะรีบปั้นรอยยิ้มประดับใบหน้าทันที หญิงสาวรู้สึกได้ว่ามือตัวเองเย็นเฉียบ และทุกก้าวที่ตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้โต๊ะอาหารนั้นมันเหมือนเดินอยู่ในโคลนดูดไม่มีผิด อัจฉราได้แต่มองพื้น ท่าทางที่เหมือนเกรงใจเป็นปกติ แต่หล่อนรู้ตัวเองดีว่ากำลังหลบสายตาของใครบางคนอยู่

“ทำไมย้อมแดงล่ะ? ดำเหมือนเดิมก็ดีอยู่แล้วนะ”

อัญชุลีตั้งคำถามจั่วหัวทันทีที่อัจฉราหยุดเคลื่อนไหว สายตาของหญิงสูงวัยกวาดมองสาวใช้ในบ้านของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า ความรู้สึกที่ถูกจ้องมองนั้นทำให้อัจฉราปฏิเสธความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย

“คุณแม่ แต่หนูว่าก็สวยดีออกนะคะ”

เสียงหวานใสดังแทรกขึ้น ณดาว ลูกสาวคนเล็กเพียงคนเดียวของเลิศธารินทร์ เหมือนเป็นเรื่องน่าขัน... เพราะว่าเธออายุเท่ากันกับอัจฉรา รอยยิ้มอันแสนสดใสประดับดวงหน้าจิ้มลิ้มของหล่อน แววตาเป็นประกายวิบวับแต่แฝงไปด้วยความรู้ทัน

“จริงไหม พี่ที? สีแดงเข้ากับเนยเขานะคะ ดูเป็นผู้หญิง... แซ่บ ๆ ดี”

อัจฉรารู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่กดทับอยู่ในอากาศ หล่อนเผลอกลืนน้ำลายอย่างแผ่วเบา แม้รอยยิ้มจะยังคงประดับดวงหน้าหวาน แต่มันก็เป็นแค่รอยยิ้มที่ปั้นแต่งขึ้นมามากกว่าที่จะเป็นสิ่งที่แสดงออกอย่างจริงใจ ทว่าลึก ๆ ก็แอบหวังว่าจะได้รับคำชมจากนทีบ้าง แต่หล่อนก็รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้ มือบางยิ่งบีบเข้าหากันแน่น เธอทั้งประหม่าและรู้สึกกดดันจนอยากออกไปให้ไวจากตรงนี้

ในขณะเดียวกันนั้นนทีที่มองเธออยู่แล้วอย่างเปิดเผยก็ยังคงไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ในความเงียบนี้เขากำลังสังเกตทุกอากัปกิริยาของอัจฉราอยู่ในใจ ผ่านสายตาคู่คมเฉียบเขาเห็นทั้งมือที่บีบเข้าหากันแน่น ลำคอระหงที่กระเพื่อมไหวเล็กน้อยในตอนที่เธอกลืนน้ำลาย รวมไปถึงดวงหน้าสวยที่ซีดคล้ำดูไม่มั่นใจเหมือนวันอื่น ๆ

รอยยิ้มแตะมุมปากเบา ๆ ก่อนที่จะละสายตาไปจากเธอในที่สุด เขามองน้องสาวเพียงคนเดียวพร้อมกับยิ้มให้หล่อนน้อย ๆ เพียงแค่นั้น เป็นการแสดงออกที่ชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมเกี่ยวกับเรื่องสีผมของอัจฉรา ที่แม้จะแดงจัดจ้านขนาดไหนก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสนใจไปมากกว่าที่เป็นอยู่

“ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”

นทีหันไปบอกพ่อและแม่ของเขา ไม่แม้แต่จะมองไปยังสาวใช้คนสวย เขาทำเหมือนกับว่าการมีอยู่ของเธอเป็นเพียงแค่อากาศ ก่อนที่เสียงขูดพื้นจะดังขึ้น เมื่อเขาขยับมันออกไปพร้อมกับลุกขึ้นยืน เผยให้เห็นรูปร่างสูงโปร่งที่ดูภูมิฐานและสง่างาม เขาติดกระดุมแจ็กเกตสูทเนื้อดี จัดเนกไทให้เข้าที่ด้วยท่วงท่าที่ไร้ที่ติ

“เดี๋ยวก่อนสิ ตาที”

“ครับ?”

ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคู่คมหันมองไปทางผู้เป็นแม่อีกครั้ง คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยจนจับสังเกตไม่ได้

“เมื่อคืนแม่เห็นว่าแกกลับบ้านดึกเลย วานให้น้องอ้ายช่วยเอาข้าวไปให้ที่สำนักงาน เป็นยังไงบ้าง ได้กินฝีมือน้องหรือยัง”

น้ำเสียงของอัญชุลีแสดงออกถึงความสุขอย่างไม่ปิดบัง เช่นเดียวกับแววตาและรอยยิ้มของเธอ ผิดไปจากภาพลักษณ์คุณหญิงเจ้าระเบียบที่มองสาวใช้ในปกครองอย่างสิ้นเชิง

สีหน้าของนทียังคงเป็นกลาง ไม่รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย ราวกับคาดการณ์เอาไว้แต่แรกแล้วว่าอัญชุลีคงไม่มีเรื่องอะไรจะถามเขาแต่เช้าแบบนี้ ยกเว้นเพียงเรื่องเดียวซึ่งก็คือเรื่องของอ้ายใจ หญิงสาวที่ครอบครัวของเขาพยายามจะจับคู่ให้ โดยใช้เหตุผลเข้าทางผู้ใหญ่เป็นข้ออ้างเพื่อให้แนบเนียน

“ครับ...”

เพียงแค่ถ้อยคำสั้น ๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการพยักหน้าเบา ๆ เท่านั้นจากนที แต่เท่านั้นก็ทำให้คนรอฟังพึงพอใจเป็นอย่างมากแล้ว แววตาอัญชุลีเป็นประกายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ขณะ ‘นพพล’ ที่ฟังอยู่เงียบ ๆ มาตั้งแต่แรกยังพลอยยิ้มไปด้วยความรู้สึกเดียวกัน ภรรยาอย่างเห็นด้วย นพพล เลิศธารินทร์ ไม่ใช่คนช่างพูด แต่เมื่อพูดแล้วก็เจาะประเด็นอย่างตรงไปตรงมา

“ดี ๆ ผูกมิตรกับน้องเขาไว้ อนาคตเผื่อออกงานด้วยกันบ่อย ๆ จะได้ไม่ต้องเคอะเขินกัน”

ถ้อยคำของผู้เป็นประมุขหลักของบ้านเหมือนเอาไฟไปลนเส้นฟางเส้นสุดท้าย ความอดทนของอัจฉราขาดสะบั้น เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นเพียงแค่คนนอก แต่นั่นยังไม่เจ็บเท่ากับการที่ต้องมาทนฟังเรื่องครอบครัวคนอื่น โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นเรื่องของชายหนุ่มที่เธอ ‘แอบชอบ’

หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างแผ่วเบาด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอเหมือนเงาประกอบฉาก มีค่าน้อยยิ่งกว่าของตกแต่งใด ๆ ในห้องนี้เสียอีก ในจังหวะที่กำลังจะถอยกลับไปเงียบ ๆ ดวงตาก็ดันเผลอช้อนขึ้น สายตาของเธอเหมือนรู้ว่าจะต้องมองไปทางใดแม้สมองจะไม่ได้ต้องการเช่นนั้นก็ตาม อัจฉราสบตากับนทีอย่างจังในจังหวะที่เขากำลังจะออกไปจากห้องอาหาร

หัวใจดวงน้อยพลันเต้นผิดจังหวะ โลกทั้งใบของอัจฉราเหมือนหยุดหมุนในวินาทีนั้น ขณะที่นทีไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษเลย ดวงหน้าหวานที่ซีดเผือดเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวและขึ้นสีเลือดฝาด ซึ่งหญิงสาวรู้ตัวดีเธอจึงรีบก้มหน้ามองพื้น พร้อมกันนั้นก็โค้งให้เบา ๆ เป็นการขออนุญาต ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง เพื่อใช้เป็นทางผ่านออกไปด้านหลังด้วยก้าวเดินที่ดูเหมือนจะควบคุมได้ ทั้งที่ในใจร้อนรนยิ่งกว่าใครเอาไฟมาสุมเสียอีก

“แม่ร่วง?!”

อัจฉราสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจหลังพึ่งพ้นออกมาจากธรณีประตูเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ก็ประจันหน้าเข้ากับหญิงสูงวัยเข้าอย่างจังจนเกือบจะชนกันล้ม ดีที่ต่างฝ่ายต่างตั้งหลักได้ก่อน

“โอ๊ย! จะรีบไปตามควายที่ไหนฮะ?! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยมึง!”

อรไพลินเขม่นตาดุ น้ำเสียงคุ้นหูแหวออกมาอย่างไม่พอใจ มือที่เหี่ยวย่นตามวัยยกขึ้นทาบอก ฟังเสียงหัวใจที่ยังเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความตกใจ เพราะลูกสาวดันพรวดพราดออกมาไม่ดูทาง

“เนยไม่ได้ตั้งใจ...”

อัจฉราผ่อนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา หล่อนมองคนเป็นแม่ที่ยังจ้องเธออยู่ด้วยสายตาฉายแววตำหนิ สีหน้าที่แตกตื่นเมื่อครู่ก็ค่อย ๆ กลับคืนปกติ หญิงสาวกระแอมในลำคอเบา ๆ พยายามเคลียร์ความรู้สึกเดิมที่ค้างคาออกไปจากหัวใจที่เคยเต้นระส่ำเพราะคนที่พึ่งเผลอสบตากันก่อนหน้านี้

อรไพลินได้ฟังคำตอบก็แสนจะขัดใจ แต่ก็มองออกว่าลูกสาวไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก แต่แล้วก็ต้องขมวดหนักขึ้นไปอีกกับคำถามต่อมาจากปากของอัจฉรา ที่ทำให้หล่อนใจแทบจะลุกเป็นไฟ ทั้งที่คำถามนั้นมันไม่ได้มีเจตนาอะไรเลยด้วยซ้ำ

“แล้วนี่แม่ไปไหนมา? แล้วมีอะไรหรือเปล่า”

“ตอนแรกน่ะไม่มี แต่ตอนนี้จะมีแล้ว! พูดกับกูเดี๋ยวนี้ไม่มีหางเสียงเลยนะมึง มารยาทมึงมันทรามลงตามน้องมึงไปหรือไงฮะ”

“แม่...”

อัจฉราขมวดคิ้ว แววตาที่มองคนเป็นแม่มีทั้งความสับสนและความไม่พอใจนิด ๆ ปะปนอยู่

“เป็นอะไร เนยก็แค่ถามดี ๆ แล้วแม่จะมาว่ากันทำไม”

“ถุย! จองห้องนักนะมึง...”

น้ำเสียงของอรไพลินเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน พร้อมกันนั้นสายตาก็ไล่มอง ‘อดีต’ ลูกสาวคนโปรดตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นไปจ้องหน้าอีกครั้ง แววตาร้ายกาจและดูแคลนจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือเจ้าของดวงตาคู่เดียวกัน ที่ครั้งหนึ่งเคยมองอัจฉราด้วยความชื่นชมและเอ็นดู

“เถียงคำไม่ตกฟาก... รู้แบบนี้เมื่อคืนกูน่าจะยกมึงให้พวกมันเอาไปทำเมียล้างหนี้ พอมึง ไหน ๆ ก็ไม่มีดีสักตัวอยู่แล้ว... ก็ไม่ต้องมีมันเลยสักคนยังจะดีกว่า”

อรไพลินฝากคำพูดเอาไว้อย่างร้ายกาจ วาจาแสบสันเหมือนแส้หนังที่ตวัดใส่เนื้อหนังอย่างแรง คนพูดก็พูดไปโดยไม่ไตร่ตรอง ใช้อารมณ์พูดเสร็จแล้วก็สะบัดก้นเดินหนีไปอย่างไร้เยื่อใย ทิ้งให้คนฟังอย่างอัจฉราต้องจมอยู่กับบาดแผลสดใหม่เพียงคนเดียว

หญิงสาวพูดไม่ออก หล่อนรู้สึกหน้าชาไปหมด ทั้งในฐานะลูกสาว ทั้งในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง หัวใจมันบีบรัดไปหมด ความเจ็บปวดที่เคยซ่อนลึกเอาบัดนี้เริ่มแตกร้าวออกมาทีละนิด อัจฉราได้แต่พร่ำถามกับตัวเองว่าทำไมอรไพลินถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ทั้งที่ลึก ๆ แล้วในใจก็รู้คำตอบดีอยู่แล้วว่าเพราะอะไร

เพราะตอนนี้หมากบนกระดาษมันได้เปลี่ยนให้เธอกลายเป็น ‘เบี้ย’ ในเกมไปแล้ว... โดยสมบูรณ์แบบ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 20 พังที่กายไม่ใช่หัวใจ [2/2]

    คำพูดรู้ทันของนทีตัดผ่านความเงียบขึ้นมา ทำให้อัจฉราใจหายวาบ สะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจผสมอาย เพราะลืมไปเสียสนิทว่าคนปากร้าย ตาดี หูไว สมกับที่ประกอบวิชาชีพทนายความอันลือชื่อของเขาจริง ๆกระนั้นอัจฉราก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรอีกแล้ว เธอสะกดกลั้นความเจ็บใจเอาไว้ ความอดทนประเภทนั้นทำให้นทีต้องหัวเราะ ‘หึ’ ออกมา มองร่างเล็กกลับเข้าไปในครัว เทข้าวต้มที่เหลืออยู่แทบเต็มชามลงถังขยะตามคำสั่งอย่างน่าพึงพอใจคนร่างบางเดินวนรอบราวกับหนูติดจั่น แต่เป็นหนูที่ยังละทิ้งหน้าที่ของตนเองไปไม่ได้เสียที กลีบปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากัน หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งยังปวดหัวตุบ ๆ อย่างไม่สบายตัวจนต้องสะบัดหัวเบา ๆ เดินไปที่อ่างล้างจานทุกอย่างอยู่ในสายตาของนที ซึ่งกำลังจิบน้ำเปล่าเงียบ ๆ อยู่ที่เดิม ความอ่อนแอของอัจฉราเริ่มชัดเจนมากขึ้น เธอฝืนร่างกายทำงานหนักตลอดทั้งวันและคืนจนเห็นผล ทว่านทีไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยที่ใช้เธอขนาดนี้ ทั้งที่เห็นอยู่ว่าสภาพของหญิงสาวเกินจะรับไหวแล้วกระทั่งชามเซรามิกลื่นฟองสบู่ในมือของหล่อนร่วงลงพื้นเสียงดัง ‘เพล้ง!’ กระเบื้องสีขาวแตกเป็นชิ้นเ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 20 พังที่กายไม่ใช่หัวใจ [1/2]

    อัจฉรายกหม้อข้าวต้มลงจากเตาด้วยมือที่สั่นนิด ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา สุดท้ายก็ทำเสร็จเสียที เธอตักข้าวต้มใส่ชาม โรยต้นหอมและกระเทียมเจียว แล้วนำไปวางลงบนโต๊ะอาหาร ดวงตาที่อ่อนล้าอย่างชัดเจนกวาดมองห้องโล่งหรูที่เงียบผิดปกติ ทีวีจอใหญ่ยังคงเปิดค้างเอาไว้ ฉายรายการข่าวรอบดึก แต่คนที่เคยนั่งดูอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ไร้วี่แววของตัวตน หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาหายไปเมื่อไหร่ ทว่าการไม่เห็นก็ใช่ว่าความหนักอึ้งในอากาศจะหายไป อัจฉราเผลอเม้มปากเล็กน้อย ยังคงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกร้อนผ่าวเหนือริมฝีปากจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ตรึงตราอย่างยากที่จะลืมเลือน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามปฏิเสธที่จะรู้สึกถึงมันอยู่ดี หล่อนส่ายหัวเบา ๆ สูดหายใจเข้าลึก เรียกสติให้หยุดเพ้อเสียที “ก็แค่จูบ... จะไปคิดมากทำไม ขนาดจูบกับหมายังไม่เห็นต้องคิดอะไรเลย” แม้ว่าความรู้สึกปวดหนึบผสมกับความขุ่นเคืองมันยังคงกัดเซาะหัวใจของเธออยู่ก็ตาม... “.....” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มหยัน คำพูดของอัจฉรากระทบเข้าสู่โสตประสาทชัดเจนเลยทีเดียว นทียืนอยู่ที่ตีนบันไดทางลงจากช

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 19 รอเห็นเธอพัง [2/2]

    แกร๊ก “เข้ามา” เจ้าของห้องออกคำสั่งอย่างราบเรียบ ร่างสูงเข้าไปในห้องขนาดกว้างครอบคลุมทั้งชั้นก่อน ประตูที่เปิดกว้างเผยให้เห็นด้านในที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำ เทาเข้ม และสีขาว พื้นหินอ่อนวาววับสะท้อนแสงไฟสีนวลจากทั่วทุกมุมห้อง สอดคล้องกับตัวตนของผู้เป็นเจ้าของเพนท์เฮาส์แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ‘ทำไมต้องพามาที่นี่ด้วย... ในเมื่อทุกทีก็เห็นกลับบ้านตลอด’ อัจฉรามองเข้าไปข้างในห้องของนที ก็อดคิดคิดในใจไม่ได้ เธอไม่ได้ตื่นเต้นกับความหรูหราของสถานที่เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เป็นเมื่อก่อนคงจะดีใจมากที่ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่เปรียบเสมือนโลกอีกใบของเขา แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม... ก็เหมือนที่เธอมองนทีไม่เหมือนก่อนเช่นกัน สายตาจ้องมองแผ่นหลังกว้างตรงหน้าด้วยความขุ่นเคืองผสมกับความหวาดหวั่นเล็กน้อย จนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างแผ่วเบาเรียกสติ ทำใจดีสู้เสือ ก่อนจะยอมเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง เสียงประตูปิดลงอย่างแผ่วเบาเบื้องหลัง แต่อัจฉราก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ภาพสะท้อนของคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังบนกระจกหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้เผลอกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะนทีคาดหวังว่าจะได้เห็นอ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 19 รอเห็นเธอพัง [1/2]

    “คุณนที... พูดบ้าอะไรออกมา... รู้ตัวบ้างไหม” น้ำเสียงของอัจฉราแผ่วเบา หัวของเธอรู้สึกตื้อไปหมดจนเกือบจะประมวลผลไม่ทัน แววตาที่สั่นระริกและชุ่มชื้นไปด้วยน้ำตา บัดนี้จ้องลึกลงไปที่ดวงตาคู่คม ราวกับจะหาคำตอบว่าใครกันที่พ่นข้อเสนออันแสนจะหยาบคายนั้นออกมา นทีหัวเราะ ‘หึ’ ในลำคอ เขาไม่ละสายตาไปจากแววตาฉ่ำน้ำที่มองมายังเขา เหมือนเป็นการตอบคำถามที่เธออยากรู้โดยที่ไม่ต้องอธิบาย ว่าคน ‘หยาบคาย’ คนนั้น มันก็คือตัวตนของเขาเอง... ด้านที่ไม่เคยเผยให้ใครได้รู้จักมาก่อน “รู้สิ... แต่ถ้าอยากได้ยินอีกครั้งก็จะย้ำให้... ฉันอยากให้เธอ ‘มอง’ แค่ฉัน ‘คนเดียว’ เท่านั้น... เหมือนที่เธอเป็นมาตลอด... อย่าลืมตัวสิ เนย” เสียงทุ้มพร่าว่าพลางเลื่อนมือที่กุมอยู่หลังคอที่ร้อนระอุของหญิงสาว เคลื่อนมาช้า ๆ จนถึงปลายคางเชิด แล้วเชยคางหล่อนให้สบตากับเขาชัด ๆ ก่อนจะไล่สายตามองริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่ออย่างน่าพึงพอใจ “แต่นั่นมันไม่เกี่ยวกัน! นั่นมันเรื่องของเนย เนยรับผิดชอบเองได้ คุณนทีมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง” น้ำเสียงของอัจฉราเจือไปด้วยความสั่นเครือ แม้ว่าจะพยายามเป็นเข้มแข็ง แต่หัวใจของเธอกลับเต้นไม่หยุด ยังคง

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 18 จูบสั่งสอน [2/2]

    เสียงหัวเราะ ‘หึ’ ดังออกมาจากลำคอ ยอมรับว่าเขาถูกใจไม่น้อยเลยที่ทำให้อัจฉราหางโผล่จนได้ แววตาที่เยือกเย็นหันกลับมามองเธอช้า ๆ เป็นแววตาของนักล่าอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน “บ้าเหรอ... หึ... กล้า... กล้าดีนักนะ เนย” สิ้นประโยคฝ่ามือใหญ่ก็กระแทกลงบนแผงควบคุมลิฟต์อย่างจัง เสียงดังจนคนร่างบางสะดุ้งโหยง ถอยหลังไปประชิดกับผนังที่เย็นเฉียบโดยสัญชาตญาณ พร้อมกันนั้นลิฟต์ก็ค้างทันที ชายหนุ่มกดปุ่มหยุดการทำงานเอาไว้ โดยที่สายตาไม่ละไปจากอัจฉราเลย รอยยิ้มร้ายกาจแบบที่น้อยคนจะได้เห็นนักปรากฏขึ้น ขณะที่ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กกว่าที่พยายามชูคอหวังจะฉก แต่มันไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อยเหมือนลูกแมวที่พยายามข่วนกลับมากกว่า “คุณนที... จะทำอะไร... ถอยออกไปนะ!” อัจฉราส่งเสียงขู่อีกฝ่าย แต่กลับสั่นและไร้น้ำหนักอย่างน่าเจ็บใจ ผู้ชายที่รักและเทิดทูนในใจมาตลอดตอนนี้กลับแยกเขี้ยวใส่ น่ากลัวและพร้อมที่จะกัด หญิงสาวขยับหนีเขาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่มีพื้นที่ให้ไป ก่อนจะต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาประชิดกะทันหัน ปึง! เสียงฝ่ามือหนากระแทกเข้ากับกำแพงข้างศีรษะ แรงพอที่จะทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและลิฟต

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 18 จูบสั่งสอน [1/2]

    “คุณนที” “.....” “เจ็บไหม... เนยขอโทษนะ” น้ำเสียงหวานแผ่วดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของรถยนต์ที่ยังคงขับฝ่าฝนไปด้วยความเร็วคงที่ สายตาของหญิงสาวฉายแวววูบไหวเล็กน้อย เมื่อเอ่ยประโยคที่ทั้งถามและขอโทษ ทว่านทีกลับยังคงนิ่งเฉย เขาไม่ตอบคำถามของเธอหรือว่าแสดงปฏิกิริยาอะไรนอกเหนือไปจากความเงียบที่มีเท่านั้น ใบหน้าหล่อยังคงเรียบเฉย แววตาอ่านไม่ออกภายใต้แสงไฟที่สะท้อนผ่านมาเป็นระยะ เผยให้เห็นมุมปากที่มีรอยแผลสด อัจฉรามองเสี้ยวหน้านั้นด้วยความรู้สึกผิดที่ล้นหัวใจ แม้ว่าเมื่อกลางวันจะรู้สึกเคืองเขามากแค่ไหนก็ตาม ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เธอไม่รู้ว่านทีเขาแค่ผ่านมาเพราะความบังเอิญหรือเปล่า แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือเขาต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอ ดวงตาสียางไม้สั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่ยอมตอบคำถามของเธอ แทนที่จะเร่งเร้าเขาต่อไป หญิงสาวเลือกที่จะละสายตามองออกข้างทางแทน เธอไม่กล้าแล้ว... แม้จะทั้งความกังวลและห่วงแค่ไหน แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่ได้มีสิทธิ์ไปก้าวก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status