แชร์

บทที่ 5 นกปีกหัก

ผู้เขียน: 23.19น.
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-15 02:05:25

ความเงียบภายในรถยนต์ที่กำลังแล่นไปบนท้องถนนท่ามกลางพายุที่ยังไม่สงบนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องได้ นอกจากเสียงเครื่องยนต์ที่ยังคงทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไร ทำให้บรรยากาศเหมือนคนแปลกหน้าสองคนที่บังเอิญอยู่ในรถคันเดียวกันมากกว่าคนที่รู้รักกันเสียอีก

สายตาของนทีจับจ้องไปยังทัศนวิสัยเบื้องหน้า ร่องรอยของความหงุดหงิดเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นเล็กน้อยผ่านการแสดงออก ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัยเป็นจังหวะเบา ๆ เพราะฝนที่ดูเหมือนจะไม่ยอมหยุดง่าย ๆ ตกหนักขึ้นจนทำให้เร่งความเร็วล้อไปมากกว่าที่เป็นอยู่ไม่ได้ แต่นทีไม่ใช่คนประมาท ต่อให้ใจร้อนเพียงใดแต่เขาก็รู้ตัวว่าไม่ควรทำอะไรที่ไร้การยั้งคิดลงไป

ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อคนอื่นอยู่ในรถคันเดียวกันแล้ว เขาก็ยิ่งต้องมีความรับผิดชอบ แม้ว่าความรับผิดชอบนั้นมันจะน่าอึดอัดเพียงใดก็ตาม อีกอย่างท่าทีของคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนจะอึดอัดไม่น้อยไปกว่ากัน แต่หล่อนควบคุมได้แย่กว่า เขามองออกว่าหล่อนเกรงใจเขาจนนั่งตัวเกร็งแทบจะเป็นก้อนหินที่หายใจได้ของแม่คุณนั่น มันก็ช่าง... น่ารำคาญจริง ๆ

อัจฉราแอบชำเลืองหางตามองนที ยิ่งเห็นว่าเขาเคาะนิ้วบนพวงมาลัยไม่หยุด หล่อนก็ยิ่งรู้สึกประหม่าจนทำตัวไม่ถูก มือบางของหล่อนกำกระเป๋าเป้ที่เปียกชุ่มบนตักแน่นขึ้นเล็กน้อย กลีบปากอิ่มเม้มเข้าหากันเบา ๆ ความเงียบมันทำให้รู้สึกกดดันเกินไป ในที่สุดหล่อนก็ทนไม่ไหวจนละสายตาไปจากใบหน้าด้านข้างของนทีในที่สุด

คิดว่าชายหนุ่มคงไม่ทันสังเกตเห็นสายตาที่แอบมองเขาเมื่อครู่ แต่เปล่าเลย... เธอคิดผิดถนัด เพราะไม่ว่าจะเป็นการแอบมองเพียงเสี้ยววินาทีสั้น ๆ เสียงเสื้อผ้าเปียกชื้นของหล่อนที่ส่งเสียงยามที่เธอเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา หรือแม้แต่เสียงฟันที่กระทบกันเพราะความหนาวเย็น

มันไม่รอดพ้นไปจากประสาทสัมผัสของนทีเลยสักอย่าง ยิ่งเธอพยายามเงียบและเคลื่อนให้เบาเท่าไหร่มันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น มันไม่ใช่ความตั้งใจที่นทีต้องการที่จะสังเกตเห็น... แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าการมีอยู่ของอัจฉราในครั้งนี้ มันทั้งน่ารำคาญแต่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

“ทำไมถึงไปเดินตากฝนแบบนั้นได้ละ...”

ในที่สุดก็เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายยุติความเงียบลง เสียงทุ้มดังขึ้นปิดฉากความเงียบอย่างทนไม่ไหว แต่สีหน้าและท่าทางของเขายังคงนิ่งเฉยยากที่จะอ่านออกว่าเขาถามไปเพื่ออะไร ต้องการคำตอบแบบไหนจากปากของอัจฉราที่ยังไม่ยอมปริปาก

อัจฉราสะดุ้งเบา ๆ คำถามของนทีมาไม่ทันตั้งตัวจนเกือบจะตั้งรับไม่ทัน มันเป็นความไม่คาดคิดอีกอย่างสำหรับผู้ชายที่ปกติเธอต้องเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนมาตลอด หญิงสาวกลืนน้ำลายเบา ๆ มือบางยิ่งเย็นเฉียบกว่าเก่า กำกระเป๋าแน่นขึ้นจนมันแทบผิดรูป ก่อนที่เธอจะตั้งสติ และหันไปมองชายหนุ่มด้วยแววตาที่เจือด้วยความสับสนและประหลาดใจเล็กน้อยอย่างเก็บอาการ

“เนย...”

เสียงของอัจฉราสั่นเล็กน้อยด้วยความหนาวเย็น ขณะที่สมองก็รีบคิดหาข้ออ้างอย่างรวดเร็ว หลุบตาลง ก่อนจะเสมองไปทางอื่น กลีบปากอิ่มแย้ม ออกพร้อมกับข้ออ้างที่แสนจะแผ่วเบา พร้อมคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ ประกอบคำสารภาพที่ปรุงแต่งขึ้นมา

“เนยมาไม่ทันรถเมล์เที่ยวสุดท้ายค่ะ... แถวนั้นรถน้อยอยู่แล้วด้วย เนยเลยต้องเดินแล้วฝนมันก็ดันตกพอดี... เลยเป็นอย่างที่เห็นค่ะ”

โกหก... นทีฟังแค่นั้นเขาก็มั่นใจได้ง่าย สายตาขอบเขาเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าปัดคอนโซลรถยนต์ ซึ่งมันพึ่งจะเลยเวลาหมดรถไปไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่เขาก็นับถือใจหล่อนไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งที่หล่อนน่าจะรู้ดีกว่าใคร ว่าคำโกหกมันหลอกเขาไม่ได้ง่าย ๆ หากไม่เซียนพอ... ซึ่งเธอไม่ใช่

รอยยิ้มแตะมุมปากนทีเล็กน้อยจนสังเกตไม่เห็นมีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ตัวเอง ก่อนที่ชายหนุ่มจะมุ่งความสนใจไปยังถนนเบื้องหน้าอีกครั้ง แทนที่จะขยี้ให้อีกฝ่ายพูดความจริง เขาเลือกที่จะตามน้ำเธอไปก่อน

“อืม... ดูเหมือนจะตกหนักกว่าเดิมด้วยนะ”

เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบา ๆ นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขายอมพูดกับหล่อนมากขนาดนี้ ชายหนุ่มทำเป็นสังเกตฝนเม็ดใหญ่ที่ยังเทลงมาไม่ขาดสาย แต่ท่าทางของเขาในมุมมองของอัจฉรามันช่างเย็นชาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดอยู่ดี แต่ก็แอบโล่งใจอยู่ลึก ๆ ที่นทีไม่ท้วงคำโกหกของหล่อนเมื่อครู่นี้

“ค่ะ ตกหนักจริง ๆ”

อัจฉราคลี่ยิ้มบาง ๆ รอยยิ้มดูฝืนชัดเจน จากความรู้สึกต่าง ๆ ที่ผสมปนเปกันไปหมด หล่อนขยับตัวไปมาด้วยความไม่สบายตัวอีกครั้ง คลายมือออกกระเป๋าเป้ใบเก่งที่กำแน่นในตอนแรกออก ก่อนจะดึงมันขึ้นมากอดเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว เพราะตอนนี้เธอหนาวจนตัวสั่นไปหมด

หางตาของนทีสังเกตเห็นการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจนั้นของเธอ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรเขาชะลอความเร็วลงเล็กน้อย ก่อนจะยื่นแขนข้างหนึ่งไปข้างหลังอย่างแม่นยำ เขาสัมผัสได้ถึงเนื้อผ้าที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีบนเบาะหลังของรถก็คว้าติดมือมาด้วยทันที

“เอาไปสิ... น่าจะใช้ห่มคลายหนาวได้อยู่”

ดวงตาของอัจฉราเบิกกว้างเมื่อหันกลับไปทางต้นเสียง หัวใจของหล่อนกระตุกวูบ เต้นผิดจังหวะ ความรู้สึกอึดอัดเมื่อครู่แปลเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย หญิงสาวมองสิ่งที่ชายหนุ่มยื่นมาให้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งหวาดหวั่น เกรงใจ ตื่นเต้นและหวั่นไหว ดวงตาคู่สวยละสายตาจากผ้าสีเข้มที่เขายื่นให้มองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่ม

หล่อนสารภาพว่าทำตัวไม่ถูกกับการกระทำที่ฉับพลันของเขาและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หัวใจดวงน้อยของอัจฉราเต้นไม่เป็นส่ำ รู้ประทับใจแต่ก็ประหม่าเกินกว่าที่จะรับเอาไว้ได้ โดยเฉพาะเมื่อผ้าผืนนั้นคือ...

“ได้เหรอคะ แต่นี่มันครุยของคุณนทีนะคะ”

“แล้ว?”

นทีสวนกลับทันที น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ท่าทางก็เช่นกัน แต่เมื่อหันไปมองคนข้าง ๆ แววตาคมดุบังเอิญสบตาเข้ากับเธอพอดี เขายังไม่ทันทำอะไรหญิงสาวก็รีบก้มหน้างุดเสียเลย ปฏิกิริยาที่ได้เห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจนั้น ถึงไม่ได้คาดหวังเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่มันกลับทำให้มุมปากของเขากระตุกเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน... ซึ่งเขาเองก็รู้ตัวดี

โดยที่ไม่การรอให้อีกฝ่ายตอบกลับอะไรอีก เขาโยนเสื้อคลุมสีดำที่มีแถบสีขาวทองพาดบ่าฝั่งซ้ายไปไว้บนตักคนที่ยังคงนั่งก้มหน้างุดอยู่ทันที ทำให้ร่างบางที่เปียกจนเสื้อผ้าของตัวเองแนบไปกับสัดส่วนนั่นสะดุ้งเบา ๆ แต่นทีไม่สน เขาไม่ได้พิศวาสอยากจะมองด้วยซ้ำ เสร็จก็หันหน้ากลับไปมองถนนตรงหน้า ฝนเริ่มซาแล้วเขาก็เร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีกเล็กน้อย

ขณะเดียวกันหัวใจของอัจฉรายิ่งเต้นไม่เป็นส่ำ หล่อนมองผ้าที่คลุมอยู่บนตัก กลีบปากอิ่มของเธอเม้มเข้าหากันเบา ๆ เพื่อซ่อนรอยยิ้มที่มันเผยออกมานิด ๆ อย่างช่วยไม่ได้ หล่อนค่อย ๆ หยิบเสื้อคลุมผืนสำคัญของนทีขึ้นมา กลิ่นโคโลญจน์ที่ติดผ้าโชยมาแตะจมูกของหญิงสาว เธอเผลอสูดหายใจเข้าเบา ๆ กับกลิ่นของเขา ดวงตาไหววูบเล็กน้อยเมื่อตระหนักถึงการกระทำของตัวเอง

หล่อนรู้ดีว่านทีไม่ได้เปิดใจให้... แต่สำหรับตอนนี้สิ่งนี้มันมีความหมายมากกว่าที่ใครจะเข้าใจ อย่างน้อย ๆ ในวันที่ฝนตก แต่ต้นไม้ที่กำลังจะตายก็โชคดีได้น้ำมาต่อชีวิตของมันเช่นกัน

“ขอบคุณค่ะ...”

อัจฉราเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว หล่อนไม่ได้หันไปมองเขาอีกกลัวว่าจะเผยความรู้สึกออกไปจนหมด เธอเพียงแค่คลี่ผ้าออกเงียบ ๆ ก่อนจะใช้มันห่มตัวเองเอาไว้ ถึงจะเป็นแค่ผ้าห่มจำเป็นแต่ในความรู้สึกของหญิงสาว ยามนี้มันอบอุ่นยิ่งกว่าผ้าห่มผืนหนาที่ไหนที่เธอเคยใช้เสียอีก

นทีไม่ได้ตอบกลับเขาเพียงแค่พยักหน้าสั้น ๆ ไม่แม้แต่จะปรายตามองคนข้าง ๆ อีก เขาปล่อยให้อัจฉราได้ซึมซับกับความอบอุ่นชั่วคราวนั้นเงียบ ๆ รถยนต์ยังคงแล่นฝ่าสายฝนพรำ แต่ตอนนี้บรรยากาศกลับคลายความตึงเครียดไปได้อย่างน่าประหลาด นทีไม่ได้รู้สึกรำคาญกับการมีอยู่ของเธออีกต่อไป... อย่างน้อยก็ในตอนนี้

เช่นเดียวกันอัจฉราเธอกอดชุดครุยแนบอกแน่น ราวกับมันเป็นโล่กำบังเสียงหัวใจเต้นผิดจังหวะอยู่ในอก เธอรู้สึกค่อย ๆ ผ่อนคลายลง แม้จะไม่เต็มที่แต่ก็มากพอที่จะทำให้เธอวางใจ ร่างบางเอนหลังพิงพนักเบาะหนัง ความเงียบทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความล้าผสมกับความเครียดที่สะสมชัดเจนมากขึ้น

จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบออกไปจนหมดตัว อ่อนแอกว่าที่จะแบกรับต่อไปไหว จนสุดท้ายก็เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวเปลือกตาปิดสนิท หนาหนักจนลืมไม่ขึ้นอีกต่อไป มีความอบอุ่นจากครุยและกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเนื้อผ้าช่วยปลอบใจ จนอัจฉราจมดิ่งสู่ห้วงนิทราอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอดึงดูดความสนใจของนทีได้อย่างไม่รู้ตัว เท้าที่วางอยู่บนคันเร่งผ่อนแรงลง หางตาของเขาชำเลืองมองคนข้างกายอีกครั้ง ดวงตาคู่คมฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเธอหลับไปแล้ว มุมปากของเขากระตุกขึ้น ครั้งนี้มันชัดเจนกว่าทุกครั้ง แต่มันเป็นเพราะเขานึกขันตัวเองไม่ใช่เพราะอัจฉรา

ทั้งที่นทีตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่ง แต่ลึก ๆ เขาก็รู้ตัวเองดีว่าเขาอยากรู้มากกว่าที่เห็นอยู่นี้ อยากหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอกันแน่ ทำไมเธอถึงดูเหมือนลูกนกปีกหัก และหลงทางท่ามกลางสายฝนไปได้... มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนกับใครเลย โดยเฉพาะกับเธอ

“หลับง่ายเสียจริงนะแม่คุณ... คงเจออะไรมาหนักสิท่า... ถึงได้สิ้นฤทธิ์ขนาดนี้”

นทีพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เท้ากดคันเร่งอีกครั้ง สายตากลับคืนสู่ทัศนวิสัยเบื้องหน้า ฝนตกหนักลงมาอีกแล้วจนกลายเป็นม่านสีขาว แต่นทีไม่ได้ลดความเร็วลงเลยแต่ก็นุ่มนวลพอที่จะไม่รับกวนคนนอนหลับ

อีกอย่าง... เขาไม่แน่ใจที่อยู่ของอัจฉรา จึงตั้งใจจะพาหล่อนกลับไปกับเขา พลันรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เคยมีก็หายวับไป รถทั้งคันกลับคืนสู่ความเงียบงันอีกครั้ง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 20 พังที่กายไม่ใช่หัวใจ [2/2]

    คำพูดรู้ทันของนทีตัดผ่านความเงียบขึ้นมา ทำให้อัจฉราใจหายวาบ สะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจผสมอาย เพราะลืมไปเสียสนิทว่าคนปากร้าย ตาดี หูไว สมกับที่ประกอบวิชาชีพทนายความอันลือชื่อของเขาจริง ๆกระนั้นอัจฉราก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรอีกแล้ว เธอสะกดกลั้นความเจ็บใจเอาไว้ ความอดทนประเภทนั้นทำให้นทีต้องหัวเราะ ‘หึ’ ออกมา มองร่างเล็กกลับเข้าไปในครัว เทข้าวต้มที่เหลืออยู่แทบเต็มชามลงถังขยะตามคำสั่งอย่างน่าพึงพอใจคนร่างบางเดินวนรอบราวกับหนูติดจั่น แต่เป็นหนูที่ยังละทิ้งหน้าที่ของตนเองไปไม่ได้เสียที กลีบปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากัน หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งยังปวดหัวตุบ ๆ อย่างไม่สบายตัวจนต้องสะบัดหัวเบา ๆ เดินไปที่อ่างล้างจานทุกอย่างอยู่ในสายตาของนที ซึ่งกำลังจิบน้ำเปล่าเงียบ ๆ อยู่ที่เดิม ความอ่อนแอของอัจฉราเริ่มชัดเจนมากขึ้น เธอฝืนร่างกายทำงานหนักตลอดทั้งวันและคืนจนเห็นผล ทว่านทีไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยที่ใช้เธอขนาดนี้ ทั้งที่เห็นอยู่ว่าสภาพของหญิงสาวเกินจะรับไหวแล้วกระทั่งชามเซรามิกลื่นฟองสบู่ในมือของหล่อนร่วงลงพื้นเสียงดัง ‘เพล้ง!’ กระเบื้องสีขาวแตกเป็นชิ้นเ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 20 พังที่กายไม่ใช่หัวใจ [1/2]

    อัจฉรายกหม้อข้าวต้มลงจากเตาด้วยมือที่สั่นนิด ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา สุดท้ายก็ทำเสร็จเสียที เธอตักข้าวต้มใส่ชาม โรยต้นหอมและกระเทียมเจียว แล้วนำไปวางลงบนโต๊ะอาหาร ดวงตาที่อ่อนล้าอย่างชัดเจนกวาดมองห้องโล่งหรูที่เงียบผิดปกติ ทีวีจอใหญ่ยังคงเปิดค้างเอาไว้ ฉายรายการข่าวรอบดึก แต่คนที่เคยนั่งดูอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ไร้วี่แววของตัวตน หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาหายไปเมื่อไหร่ ทว่าการไม่เห็นก็ใช่ว่าความหนักอึ้งในอากาศจะหายไป อัจฉราเผลอเม้มปากเล็กน้อย ยังคงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกร้อนผ่าวเหนือริมฝีปากจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ตรึงตราอย่างยากที่จะลืมเลือน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามปฏิเสธที่จะรู้สึกถึงมันอยู่ดี หล่อนส่ายหัวเบา ๆ สูดหายใจเข้าลึก เรียกสติให้หยุดเพ้อเสียที “ก็แค่จูบ... จะไปคิดมากทำไม ขนาดจูบกับหมายังไม่เห็นต้องคิดอะไรเลย” แม้ว่าความรู้สึกปวดหนึบผสมกับความขุ่นเคืองมันยังคงกัดเซาะหัวใจของเธออยู่ก็ตาม... “.....” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มหยัน คำพูดของอัจฉรากระทบเข้าสู่โสตประสาทชัดเจนเลยทีเดียว นทียืนอยู่ที่ตีนบันไดทางลงจากช

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 19 รอเห็นเธอพัง [2/2]

    แกร๊ก “เข้ามา” เจ้าของห้องออกคำสั่งอย่างราบเรียบ ร่างสูงเข้าไปในห้องขนาดกว้างครอบคลุมทั้งชั้นก่อน ประตูที่เปิดกว้างเผยให้เห็นด้านในที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำ เทาเข้ม และสีขาว พื้นหินอ่อนวาววับสะท้อนแสงไฟสีนวลจากทั่วทุกมุมห้อง สอดคล้องกับตัวตนของผู้เป็นเจ้าของเพนท์เฮาส์แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ‘ทำไมต้องพามาที่นี่ด้วย... ในเมื่อทุกทีก็เห็นกลับบ้านตลอด’ อัจฉรามองเข้าไปข้างในห้องของนที ก็อดคิดคิดในใจไม่ได้ เธอไม่ได้ตื่นเต้นกับความหรูหราของสถานที่เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เป็นเมื่อก่อนคงจะดีใจมากที่ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่เปรียบเสมือนโลกอีกใบของเขา แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม... ก็เหมือนที่เธอมองนทีไม่เหมือนก่อนเช่นกัน สายตาจ้องมองแผ่นหลังกว้างตรงหน้าด้วยความขุ่นเคืองผสมกับความหวาดหวั่นเล็กน้อย จนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างแผ่วเบาเรียกสติ ทำใจดีสู้เสือ ก่อนจะยอมเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง เสียงประตูปิดลงอย่างแผ่วเบาเบื้องหลัง แต่อัจฉราก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ภาพสะท้อนของคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังบนกระจกหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้เผลอกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะนทีคาดหวังว่าจะได้เห็นอ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 19 รอเห็นเธอพัง [1/2]

    “คุณนที... พูดบ้าอะไรออกมา... รู้ตัวบ้างไหม” น้ำเสียงของอัจฉราแผ่วเบา หัวของเธอรู้สึกตื้อไปหมดจนเกือบจะประมวลผลไม่ทัน แววตาที่สั่นระริกและชุ่มชื้นไปด้วยน้ำตา บัดนี้จ้องลึกลงไปที่ดวงตาคู่คม ราวกับจะหาคำตอบว่าใครกันที่พ่นข้อเสนออันแสนจะหยาบคายนั้นออกมา นทีหัวเราะ ‘หึ’ ในลำคอ เขาไม่ละสายตาไปจากแววตาฉ่ำน้ำที่มองมายังเขา เหมือนเป็นการตอบคำถามที่เธออยากรู้โดยที่ไม่ต้องอธิบาย ว่าคน ‘หยาบคาย’ คนนั้น มันก็คือตัวตนของเขาเอง... ด้านที่ไม่เคยเผยให้ใครได้รู้จักมาก่อน “รู้สิ... แต่ถ้าอยากได้ยินอีกครั้งก็จะย้ำให้... ฉันอยากให้เธอ ‘มอง’ แค่ฉัน ‘คนเดียว’ เท่านั้น... เหมือนที่เธอเป็นมาตลอด... อย่าลืมตัวสิ เนย” เสียงทุ้มพร่าว่าพลางเลื่อนมือที่กุมอยู่หลังคอที่ร้อนระอุของหญิงสาว เคลื่อนมาช้า ๆ จนถึงปลายคางเชิด แล้วเชยคางหล่อนให้สบตากับเขาชัด ๆ ก่อนจะไล่สายตามองริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่ออย่างน่าพึงพอใจ “แต่นั่นมันไม่เกี่ยวกัน! นั่นมันเรื่องของเนย เนยรับผิดชอบเองได้ คุณนทีมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง” น้ำเสียงของอัจฉราเจือไปด้วยความสั่นเครือ แม้ว่าจะพยายามเป็นเข้มแข็ง แต่หัวใจของเธอกลับเต้นไม่หยุด ยังคง

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 18 จูบสั่งสอน [2/2]

    เสียงหัวเราะ ‘หึ’ ดังออกมาจากลำคอ ยอมรับว่าเขาถูกใจไม่น้อยเลยที่ทำให้อัจฉราหางโผล่จนได้ แววตาที่เยือกเย็นหันกลับมามองเธอช้า ๆ เป็นแววตาของนักล่าอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน “บ้าเหรอ... หึ... กล้า... กล้าดีนักนะ เนย” สิ้นประโยคฝ่ามือใหญ่ก็กระแทกลงบนแผงควบคุมลิฟต์อย่างจัง เสียงดังจนคนร่างบางสะดุ้งโหยง ถอยหลังไปประชิดกับผนังที่เย็นเฉียบโดยสัญชาตญาณ พร้อมกันนั้นลิฟต์ก็ค้างทันที ชายหนุ่มกดปุ่มหยุดการทำงานเอาไว้ โดยที่สายตาไม่ละไปจากอัจฉราเลย รอยยิ้มร้ายกาจแบบที่น้อยคนจะได้เห็นนักปรากฏขึ้น ขณะที่ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กกว่าที่พยายามชูคอหวังจะฉก แต่มันไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อยเหมือนลูกแมวที่พยายามข่วนกลับมากกว่า “คุณนที... จะทำอะไร... ถอยออกไปนะ!” อัจฉราส่งเสียงขู่อีกฝ่าย แต่กลับสั่นและไร้น้ำหนักอย่างน่าเจ็บใจ ผู้ชายที่รักและเทิดทูนในใจมาตลอดตอนนี้กลับแยกเขี้ยวใส่ น่ากลัวและพร้อมที่จะกัด หญิงสาวขยับหนีเขาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่มีพื้นที่ให้ไป ก่อนจะต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาประชิดกะทันหัน ปึง! เสียงฝ่ามือหนากระแทกเข้ากับกำแพงข้างศีรษะ แรงพอที่จะทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและลิฟต

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 18 จูบสั่งสอน [1/2]

    “คุณนที” “.....” “เจ็บไหม... เนยขอโทษนะ” น้ำเสียงหวานแผ่วดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของรถยนต์ที่ยังคงขับฝ่าฝนไปด้วยความเร็วคงที่ สายตาของหญิงสาวฉายแวววูบไหวเล็กน้อย เมื่อเอ่ยประโยคที่ทั้งถามและขอโทษ ทว่านทีกลับยังคงนิ่งเฉย เขาไม่ตอบคำถามของเธอหรือว่าแสดงปฏิกิริยาอะไรนอกเหนือไปจากความเงียบที่มีเท่านั้น ใบหน้าหล่อยังคงเรียบเฉย แววตาอ่านไม่ออกภายใต้แสงไฟที่สะท้อนผ่านมาเป็นระยะ เผยให้เห็นมุมปากที่มีรอยแผลสด อัจฉรามองเสี้ยวหน้านั้นด้วยความรู้สึกผิดที่ล้นหัวใจ แม้ว่าเมื่อกลางวันจะรู้สึกเคืองเขามากแค่ไหนก็ตาม ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เธอไม่รู้ว่านทีเขาแค่ผ่านมาเพราะความบังเอิญหรือเปล่า แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือเขาต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอ ดวงตาสียางไม้สั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่ยอมตอบคำถามของเธอ แทนที่จะเร่งเร้าเขาต่อไป หญิงสาวเลือกที่จะละสายตามองออกข้างทางแทน เธอไม่กล้าแล้ว... แม้จะทั้งความกังวลและห่วงแค่ไหน แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่ได้มีสิทธิ์ไปก้าวก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status