Accueil / รักโบราณ / นางกลับมาเพื่อร่ำรวย / บทที่ 1 นางคือฉินอี้หนิง

Share

บทที่ 1 นางคือฉินอี้หนิง

last update Dernière mise à jour: 2025-08-20 21:03:38

ในหมู่บ้านแถบตีนเขานามว่าฮุ่ยฟาง มีเด็กหญิงผู้น่าสงสารอาศัยอยู่ นางคือเด็กหญิงผู้เคยสูญเสียทุกอย่างในชีวิต แต่กลับยังคงยืนหยัดมีชีวิตอยู่เพื่อรอคอยโอกาสบางอย่าง…

มีมากถึงสามเหตุผลที่ทำให้เด็กสาวเกือบทุกคนในหมู่บ้านไม่ชอบบุตรสาว (เลี้ยง) สกุลฉินนามว่าฉินอี้หนิง ลำดับแรกคือตัวนางไม่มีครอบครัว และไม่มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน ว่ากันว่านางเคยเป็นเพียงคนเร่ร่อนที่ถูกท่านตากับท่านยายสกุลฉินช่วยเอาไว้จากริมแม่น้ำ หรือบางทีนางอาจเป็นปีศาจจำแลงกายมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้มนุษย์

ลำดับที่สองคือนางมีใบหน้างดงาม ผิวพรรณก็ผุดผาดแตกต่างจากคนทั่วไปมากถึงเก้าส่วน รูปร่างเรียกได้ว่าดูดีตั้งแต่เด็ก ขนาดอายุเพียงสิบสี่ยังสามารถทำให้ชายหลายคนรุ่มหลง โตไปคงกลายเป็นสาวงามล่มเมือง บรรดาสตรีที่ริษยาจึงยิ่งทุ่มเทความคิดว่านางเป็นปีศาจจิ้งจอกแปลงกายมาจริงๆ

และลำดับที่สาม เพราะนางคือหญิงสาวที่อยู่ในใจของบุตรชายคนโตของหัวหน้าหมู่บ้านอย่างจ้าวซูฮ่าว รวมถึงครอบครองหัวใจของหนุ่มหล่อคนอื่นๆ ตัวของฉินอี้หนิงจึงมักได้รับการปฏิบัติจากเพื่อนสาววัยไล่เลี่ยกันอย่างหยาบคายอยู่เสมอ

แต่ใครจะรู้บ้างว่าในตอนที่นางมาอยู่หมู่บ้านชนบทแห่งนี้ บัลลังก์มังกรอาบเลือดนั่น ถูกพลัดเปลี่ยนผู้เป็นนายกลายเป็นคนของสกุลหลี่นามว่าหลี่หยางหนิงอัน เขาครองราชย์เป็นจักรพรรดิทรราชในวัยเพียงยี่สิบปี กวาดล้างสายเลือดของจักรพรรดิองค์เก่าอย่างสกุลหลันเสียจนสิ้นซาก

อีกทั้งออกตามหาองค์หญิงสามที่หายตัวไปอย่างหลันฝูหรงจนแทบพลิกแผ่นดิน แบบนี้การโผล่มาของฉินอี้หนิง เหตุใดจึงไม่ตกเป็นที่สงสัยกันล่ะ?

กลับมายังปัจจุบัน ในพื้นที่ริมน้ำที่ไร้ผู้คน ร่างบอบบางในชุดสีเขียวชาซอมซ่อกำลังก้มตัวลงเก็บยอดผักบุ้งอ่อนบนผิวน้ำ ข้างกายของนางมีตะกร้าใบใหญ่ที่สานจากต้นหวาย ภายในนั้นมีปลาหลี [1] ตัวใหญ่สามตัว และหอยขมประมาณสองกำมือ

ใบหน้างามที่จงใจใช้เขม่าถ่านสร้างร่องรอยน่าเกลียดบนสองแก้มและบนหน้าผาก ยังคงตั้งอกตั้งใจเก็บผัก โดยไม่สนว่าบนขอนไม้ที่ลอยอยู่ข้างๆ นางกำลังมีสิ่งมีชีวิตอื่นปรากฏตัวขึ้น

เมี้ยวววว~

มือเรียวใหญ่ฉายแววสั่นเบาๆ เมื่อยกมือทั้งสองข้างของตนเองขึ้นมาดู และพบว่ามันได้กลายเป็นอุ้งเท้านุ่มนิ่มของแมวเหมียวตัวสีขาวไปเสียแล้ว

ทุกอย่างเป็นไปตามคาด ยกเว้นเพียงสถานที่เท่านั้นที่หลี่โต๋วเปาไม่ได้ตั้งใจจะโผล่มา เล็บแมวที่มีรีบจิกลงบนขอนไม้ใต้เท้าอย่างตื่นตัว นัยน์ตาสีอความารีนตวัดมองรอบกายอย่างรนราน ตามหนังสือเก่าที่เคยอ่าน และภาพจำลองที่เคยเห็นจากพิพิธภัณฑ์ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้เขากำลังมาโผล่อยู่ในชนบทจีนโบราณ

แต่ยังไม่ทันที่อดีตจอมพลผู้เก่งกาจจะตั้งสติได้ บั้นท้ายของใครบางคนก็ถอยมาโดนขอนไม้ที่เขากำลังขี่ ทำเอาร่างแมวอ้วนเสียหลักพลัดตกน้ำดังตู้ม!!!

“โอ้ย! ข้าเจ็บนะเจ้าเหมียว”

เสียงหวานใสของคนที่ช่วยอุ้มร่างก้อนขนสีขาวขึ้นจากน้ำทำเอาหลี่โต๋วเปาที่กำลังตื่นตกใจกับสถานการณ์ไม่คาดคิด เริ่มสงบเงียบลงอย่างง่ายดาย ก่อนจะยกสองมือที่กำลังใช้เล็บจิกลงบนผิวแขนเนียนนุ่มขึ้นสูงราวกับเป็นท่ายอมจำนน

“เจ้าหลงทางมาจากไหนเนี่ย” ดวงตากลมสวยเพ่งมองก้อนขนสีขาวในมืออย่างงุ่นงง ก่อนจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนหลี่โต๋วเปาแทบลืมหายใจ “เจ้าแมวตัวนี้น่าเอ็นดูนัก แถมยังมีดวงตาสีฟ้า ราวกับอัญมณีในท้องทะเล”

นางยังคงวิเคราะห์แมวอ้วนในมืออย่างตั้งใจ ขณะเดียวกันกับข้อความบางอย่างที่ขึ้นมาบนหน้าจอของหลี่โต๋วเปา

[แฮนซั่มบอย : เด็กผู้หญิงยุคโบราณคนนี้สวยชะมัด ผมไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้เลย]

[late Fr. : เห็นด้วยอย่างยิ่ง ขนาดฉันเป็นผู้หญิงยังหลง]

คิ้วคมเข้มของอดีตนายพลขมวดมุ่นเล็กน้อย อย่าบอกนะว่าเขาเผลอเปิดไลฟ์สดทิ้งไว้ ว่าจะลองเล่นเบาๆ แค่เล็กน้อย แต่ดูเหมือนการท่องยุคอดีตจะสนุกกว่าที่คาดคิดไว้

[Reels : สวัสดีสตรีมเมอร์หน้าใหม่ นี่คือเกมอะไรเหรอคะ?]

[สตุซซี่ : เกมโคตรจะสมจริงเลยครับพี่!?!?]

ชายหนุ่มไม่ได้สนใจจำนวนคนดูที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากหลักสิบเป็นหลักร้อย จากหลักร้อยเป็นหลักพัน อีกทั้งไม่ได้ไล่อ่านทุกคอมเมนต์ เพราะในขณะนี้ความสนใจของเขามันไปรวมอยู่ที่เด็กหญิงปริศนาตรงหน้า ซึ่งกำลังก้มลงมองพวงไข่น้อยของอวาตาร์แมว ทั้งยังใจกล้าใช้นิ้วเรียวๆ นั่นเขี่ยสองตุ้มของเขาอีกต่างหาก

“เจ้าอยากกลับบ้านกับข้ามั้ย?” เสียงหวานใสถามอย่างน่าเอ็นดู แต่ยังไม่ทันได้คำตอบจากเจ้าสัตว์ตัวนุ่ม นางก็อุ้มเขาแนบอกออกจากที่นี่เสียแล้ว

หลี่โต๋วเปาพยายามส่งเสียงแง้วๆ เพื่อประท้วง ทว่าการได้ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกหอมๆ อุ่นๆ ของเด็กคนนี้กลับทำให้เขาเผลอเงียบเสียงลงโดยไม่รู้ตัว กลิ่นของนางหอมมาก เป็นกลิ่นที่เขาไม่รู้จักและไม่เคยสัมผัสจากที่ใด แม้ในตะกร้าด้านหลังจะมีกลิ่นคาวปลา และกลิ่นผักที่ไม่คุ้นเคยผสมอยู่ก็ตาม แต่แบบนี้สินะคือกลิ่นของโลกกลมๆ สีฟ้าใบนี้

[ผู้ชมจากดาวเนปจูน : กลิ่นของสตรีมนี้จะสมจริงเกินไปแล้ว]

…..

ตุบ!!!

“จะรีบไปไหน นังปีศาจบ่อน้ำสกปรก”

เสียงแหลมสูงพร้อมผ้าเช็ดจานเปียกๆ ที่ลอยมาโดนศีรษะของฉินอี้หนิงทำเอาร่างเล็กต้องหยุดกึก และหันไปมองฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่สบอารมณ์

หลี่โต๋วเปารู้ในทันทีว่าเด็กคนนี้ต้องมีคู่อริเยอะแน่ๆ ในฐานะสัตว์เลี้ยงหมาดๆ บางทีเขาอาจต้องทำอะไรบ้างอย่างเพื่อนาง

“ฉินอี้หนิง ในมือเจ้าคืออะไร แมวงั้นเหรอ?” เด็กผู้หญิงคนนั้นยังคงก่อกวนไม่เลิก แถมยังถือวิสาสะเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ “เอามันมาให้ข้าซะ”

เมี้ยว!!!!!

“กรี๊ดดดดดด!!! มันข่วนข้า เจ้าต้องรับผิดชอบ”

แง้วววว!!!!

“กรี๊ดดดด! เจ้าแมวบ้า”

เพราะเดาว่าตนเองจะถูกยื้อแย้ง หลี่โต๋วเปาจึงต้องรีบป้องกันตัว แน่นอนว่ารอยข่วนนั้นก็ทำเอาฝ่ายตรงข้ามเลือดไหลหลายแผลเลยทีเดียว จบด้วยการที่ร่างอ้วนๆ ของแมวขาวเปียกน้ำกระโดดเข้าไปฟาดหมัดใส่ใบหน้าฝ่ายนั้นหลายป๊าบ จนเจ้าตัวต้องรีบหนีเอาชีวิตรอดไปเอง

การกระทำนี้ทำเอาคนดูหลายคนชอบใจเป็นอย่างยิ่ง บางคนถึงกับโดเนทเงิน 1 ดวงดาวมาให้หลี่โต๋วเปากันคนละดวง วันนี้ชายหนุ่มจึงรับทรัพย์เข้าบัญชีสตรีมเมอร์จำนวนไม่ต่ำกว่า 100 ดวงดาว ซึ่งแม้จะเป็นยอดเงินที่น้อยที่สุด แต่ก็มีคุณค่าแก่การเริ่มต้นอาชีพนี้ไม่น้อยไปกว่าใคร

[เจ้มิ่ง : ทำดี ทำเริดมากเจ้าแมวนักสตรีม!!!]

[บุญช่วย : ตดใส่นังนั่นแรงๆ เลย ถ้าแอบตดเบาๆ ถือว่าไม่จริงใจจจจ]

ยามนี้ขนสีขาวของสตรีมเมอร์แมวเหมียวถึงกับฟูฟ่องเพื่อข่มขู่ศัตรู แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ฉินอี้หนิงถึงกับต้องรีบเข้าไปห้ามมัน ก็คือการที่นางรู้ว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไรตามมาถ้าทั้งสองยังดึงดันจะยืนอยู่ตรงนี้

“ข้าขอบคุณที่เจ้าออกตัวปกป้องข้าอย่างที่ไม่เคยมีใครทำ แต่เรารีบหนีกันเถอะเจ้าเหมียว”

“เมี้ยว” หลี่โต๋วเปาส่งเสียงตอบกลับ ส่วนใบหน้าของแมวไม่ต้องพูดถึง เพราะมันฉายแววไม่สบอารมณ์อย่างที่สุด

“ประเดี๋ยวพ่อแม่นางก็คงวิ่งหน้าตั้งออกมาตามหาเจ้า แบบนั้นข้าปกป้องเจ้าไม่ไหวแน่”

ครืดดดด~ แม้ววว แง่ว เหมียวๆ

เจ้าแมวในอ้อมอกส่งเสียงประท้วงราวกับมันไม่ยอมแพ้ให้กับเรื่องเมื่อครู่ ขณะที่ร่างเล็กวิ่งลัดเลาะไปตามพงหญ้าคาสูงท่วมศีรษะ เพื่อหวัจะปลีกตัวเลี่ยงผ่านหมู่บ้าน จนกระทั่งมาถึงบ้านไม้ของตนเอง เด็กหญิงตัวน้อยก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“หนิงเอ๋อร์กลับมาแล้วเจ้าค่ะท่านตาท่านยาย” เสียงใส่กล่าวกับสองคนชราที่กำลังนั่งหั่นสมุนไพรอยู่ภายในบ้าน “วันนี้ได้ปลาหลีกับหอยขมมา แล้วก็มียอดผักบุ้งอ่อนด้วยนะเจ้าคะ เรื่องอาหารวันนี้ให้ข้าจัดการเถอะเจ้าคะ”

“เสี่ยวหนิง วันนี้เด็กคนนี้กลับมาเร็วกว่าปกติตามที่สัญญาไว้จริงๆ” เอ่ยจบท่านตาก็หัวเราะเบาๆ ระคนเอ็นดู

“เอาตัวอะไรกลับมาละนั้น ไหนเอามาให้ยายดูใกล้ๆ หน่อยสิ”

แน่นอนว่าเป็นท่านยายที่สังเกตเห็นก้อนขนอ้วนๆ สีขาวสะอาดตาที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของฉินอี้หนิง เด็กหญิงที่เคยมีความคิดว่าจะซ่อนเจ้าแมวตัวนี้ไว้ก่อนจนกว่าจะถึงเวลาอันเหมาะสม จึงต้องจำใจนำมันเข้าไปให้สองผู้เฒ่าได้ดูอย่างชัดๆ

“ข้าเจอมันที่ริมแม่น้ำฟางน่ะเจ้าค่ะ เห็นมันหลงทาง ไม่มีเจ้าของ ก็เลยนำมันกลับมาเลี้ยง” คราวนี้ใบหน้างดงามพยายามออดอ้อนอย่างที่สุด “เจ้าแมวตัวนี้…เราเลี้ยงมันได้รึเปล่าเจ้าคะท่านตาท่านยาย มันน่าสงสารขนาดนี้”

“แหม ชะตาของเจ้าเหมียวตัวนี้ช่างเหมือนกับเจ้าเสียเหลือเกิน ถ้าอยากเลี้ยงก็เลี้ยงได้ แต่แมวถ้ามีเจ้าของ ยังไงมันก็จะหาทางกลับไปหาเจ้าของที่แท้จริงจนได้” ชายชรานามฉินกงจื่อลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ครู่หนึ่ง จนฉินอี้หนิงแอบได้ยินเสียงเส้นและกระดูกของเขาดังกรอบแกรบ ก่อนจะนำสมุนไพรที่ตากไว้เข้ามาเก็บไว้ในโหลของแห้ง

“ก็จริงนะ นึกถึงวันนั้นเลย วันที่ยายเจอเสี่ยวหนิงครั้งแรก ตอนนั้นเจ้าบาดเจ็บหนัก นอนไร้สติอยู่ที่ริมแม่น้ำฟาง ตาและยายต้องใช้เวลารักษามากถึงสามเดือนเจ้าถึงฟื้นคืนสติ” ฉินอี้เอินกล่าวพลางเดินเข้ามาดูวัตถุดิบที่หลานสาวบุญธรรมไปเสาะหามาจากแม่น้ำฟาง

“แต่ความทรงจำของหนิงเอ๋อร์ก็ไม่เคยกลับมา หนิงเอ๋อร์ขอโทษจริงๆ ที่อยู่เป็นภาระของพวกท่าน”

นางเอ่ยอย่างรู้สึกผิด ความรู้สึกนี้ออกมาจากใจจริง เพียงแต่ช่วงเวลาไม่เหมาะสมนัก เพราะหากนางบอกความจริงแก่ทุกคนว่านางเป็นใครมาจากไหน มีหวังนางคงไม่มีโอกาสได้ยืนหายใจอยู่บนโลกกว้างแห่งนี้แน่ๆ เช่นนั้นจนกว่าทุกอย่างจะปลอดภัยมากกว่านี้ นางจะไม่ยอมกลับไปเป็นองค์หญิงหลันฝูหรงเด็ดขาด!

“ดูเจ้าเด็กนี่พูดจาเข้า ม้าผอมอย่างเจ้าเป็นภาระอะไรกัน สองตายายไม่มีลูกหลานเลยสักคน การที่เจ้ามาอยู่ที่นี่ ก็แสดงว่าสวรรค์ต้องการมอบของขวัญชิ้นนี้ให้กับเรา” เป็นท่านตาที่เอ่ยติดตลก ส่วนท่านยายก็พยักหน้าเห็นด้วย

“เจ้าแมวนี่ก็ดูอ้วนกลมน่ารักดีนะ จะตั้งชื่อมันว่าอะไรดีหนอ” ท่านยายเดินมาลูบขนเจ้าแมวขาวตาสีฟ้า แต่ก่อนที่ทุกคนในบ้านจะได้เสนอชื่อเรียกให้กับสมาชิกใหม่ ป้ายไม้บางอย่างที่แขวนอยู่บนคอของมันก็ปรากฏขึ้นเสียก่อน

“หื่ม? โต๋วเปา” ท่านยายฉินอ่านทวนคำที่เขียนอยู่บนป้ายไม้นั้นอย่างเชื่องช้า

“อาจจะเป็นชื่อของเจ้าแมวตัวนี้นะเจ้าคะ” ฉินอี้หนิงออกความคิดเห็นบ้าง

“ชื่อน่ารักดีนะ เหมาะกับเจ้าก้อนขนอ้วนตัวนี้ไม่น้อยเลย ฮ่าๆๆ”

ในขณะที่เจ้าแมวขาวตั้งใจฟังสถานการณ์นี้อย่างเหนื่อยหน่าย คอมเมนต์มากมายก็ผุดขึ้นบนจอแสดงราวกับดอกเห็ด

[ฟรานซิสสส : ชื่อเหมือนท่านจอมพลคนหล่อของเราเลย]

[SinSee : หรือว่า…]

คนพวกนี้จะเชื่อมโยงอะไรต่อมิอะไรเก่งเกินไปแล้ว!!!

[เจนนี่หยาง : ไม่ใช่หรอก คนระดับนั้นไม่มีเล่นอะไรไร้สาระแบบนี้แน่นอน]

คอมเมนต์ล่าสุดทำเอาชายหนุ่มถึงกับคิ้วกระตุกทันที ทำไมคนเราถึงกล้ามาตีดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกกันนะ แบบนี้กระมังเขาถึงไม่กล้าทำอะไรไร้สาระต่อหน้าคนอื่น แต่คอมเมนต์แบบนี้มันก็เป็นข้อดีละนะ เพราะต่อจากนี้เขาจะได้ทำอะไรบ๊องๆ โดยใช้ร่างแมวเหมียวสีขาวตัวนี้บังหน้า

“เช่นนั้น ถ้าท่านตาท่านยายไม่ว่าอะไร หนิงเอ๋อร์ขอตัวไปทำอาหารเย็นก่อนนะเจ้าคะ” กล่าวจบร่างเล็กก็รีบคว้าเอาวัตถุดิบเข้าไปในครัวทันที แน่นอนว่าร่างอ้วนๆ ของเจ้าแมวสีขาวก็ตามติดนางไปราวกับเป็นเงาตามตัว

[ฟรานซิสสส : ชอบจังแฮะ การได้มาดูสตรีมเมอร์คนทำอาหารในยุคโบราณแบบนี้]

หลี่โต๋วเปาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นนั้น ตอนนี้สายตาของเขาไม่อาจละจากฝ่ายตรงข้ามได้เลยสักวินาทีเดียว ทั้งความงาม ความคล่องแคล่วในการทำอาหารของนาง ล้วนทำให้เขาไม่อาจหนีหายไปไหนได้ ยามเมื่อนางเด็ดยอดผักบุ้งด้วยมือเพื่อนำมันไปผัด และยามเมื่อนางขอดเกล็ดปลาหลีด้วยมีดปังตอใหญ่ๆ ที่ไม่น่าจะเหมาะกับการทำอาหารเล็กๆ แสนละเอียดอ่อนเช่นนี้

“เจ้าเหมียวโต๋วเปา เจ้าจะสนใจอะไรขนาดนั้น?” เสียงหวานถามราวกับติดตลก ก่อนจะใช้มีดหั่นปลาหลีสองตัวเป็นท่อนๆ เพื่อต้ม ส่วนตัวใหญ่ที่สุดอีกหนึ่งตัวนางใช้วิธีบั้งถี่ๆ เพื่อทอดในน้ำมันเดือดๆ

“ข้าชื่อฉินอี้หนิง ตอนนี้เราสองคนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ”

เมี้ยวววว

ชายหนุ่มในร่างแมวนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยมบนโต๊ะไม้ซึ่งใช้วางวัตถุที่นางหั่นเตรียมไว้

“วันนี้ข้าจะทำปลาหลีต้มเม็ดบ๊วย ปลาหลีทอดราดพริกเปรี้ยวหวาน แล้วก็ผัดผักบุ้ง”

อดีตจอมพลยังคงนั่งฟังสิ่งที่เด็กหญิงยุคโบราณที่มีอายุมากกว่าเขาถึงหมื่นๆ ปี พูดอธิบายถึงสิ่งที่นางกำลังลงมือทำอย่างตั้งใจ บางครั้งเขาก็ส่งเสียงเมี้ยวๆ ตอบกลับ เพราะอยากตั้งคำถามกับสิ่งที่นางทำให้มากกว่านี้ ทว่าด้วยอวาตาร์ที่สมจริง ทำให้เขาไม่อาจทำอะไรได้ตามใจขนาดนั้น

เมื่อวาจาใช้ไม่ได้ อวัจนภาษาจึงถูกนำมาใช้ นั่นคือการแตะอุ้งมือลงบนหอยที่นางเรียกว่าหอยขมนั่นเอง

“ส่วนหอยพวกนี้ยังกินไม่ได้ ต้องแช่น้ำใส่พริกเพื่อให้มันคายดินออกมาเสียก่อน พรุ่งนี้เช้าเราคอยเอามันมาผัดกินกันนะ”

มือเรียวลูบศีรษะสัตว์เลี้ยงนิสัยประหลาดตัวนี้ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะทำงานของตนเองด้วยท่าทางสดใสน่ามอง

จบตอนที่หนึ่งแล้ว ถูกใจกันบ้างมั้ยคะ อย่าลืมกดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้กันนะ

 

 

[1] ปลาหลี เป็นปลาน้ำจืดอยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน รูปร่างลักษณะคล้ายปลาตะเพียนขาว เกล็ดกลมใหญ่ทั่วตัว หัวไม่มีเกล็ด ปากเล็ก ยืดหดปากได้ ริมฝีปากหนาและมีหนวดสี่เส้น ครีบหลังมีฐานยาว

 

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 21 ทวงคืนภรรยาที่ถูกพรากไป (จบบริบูรณ์)

    กลับมาที่สถานการณ์ในปัจจุบัน…สิ้นเสียงเหี้ยมกับประโยคไร้มารยาทนั้น เมื่อหลี่หยางหนิงอันหันไปสบสายตากับอีกฝ่าย สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นไม่ใช่เพียงใบหน้าที่ดูคล้ายเขาราวกับแกะ แต่เป็นโทสะและความเหี้ยมเกรียมในแบบที่เขารู้จักดี“เจ้ากล้ามาก ที่มาแตะต้องภรรยา และแตะต้องลูกของข้า” เสียงของหลี่โต๋วเปานิ่งงัน แต่ทุ้มต่ำจนเหมือนจะสามารถสะเทือนผนังหินของตำหนักได้อย่างง่ายดายหลี่หยางหนิงอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข้ากำลังจะสั่งให้หมอหลวงเอาเด็กในท้องนางออกพอดี แต่เพราะต้องพักฟื้นร่างกายนาน เลยคิดว่าจะพาขึ้นเตียงทั้งที่ยังท้อง คงให้อารมณ์แปลกใหม่ไม่น้อย” ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจงใจยั่วโมโหฝ่ายนั้น “เช่นนั้นเจ้าคงคิดจะฆ่าข้าสินะ?”ชายหนุ่มในชุดซอมซ่อสีเทาไม่ตอบ มือข้างหนึ่งยกขึ้นช้าๆ ดวงตาของเขาเรืองแสงวาบสีฟ้าอความารีนแผ่วเบา คล้ายกระจกจักรวาลที่สามารถสะท้อนแรงโน้มถ่วงให้ย้อนคืนได้ฉับพลันที่อากาศรอบตัวเริ่มสั่นสะเทือน แรงกดดันไร้รูปประหนึ่งกำปั้นพลังจิตกระแทกเข้าที่กลางอกของจักรพรรดิหนุ่มหลี่หยางหนิงอัน จนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นป้องกันอันตรายที่มองไม่เห็น“อย่าคิดว่าต่อจากนี้เจ้ายังจะสามารถอยู่หายใจได้อีก…”

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 20 ไม่ให้อดีตซ้ำรอยเดิม

    หนึ่งเดือนกับอีกสามสัปดาห์ที่หลี่โต๋วเปายังไม่กลับมา ฉินอี้หนิงนั่งจิบชากุหลาบอยู่ที่ชายเรือนสกุลฉิน ลมยามบ่ายพัดกรูจากทิศตะวันออก พาเอาใบไผ่ที่ลู่ลมอยู่บนเนินเตี้ยหล่นเกลื่อนทั่วลานทว่าเสียงกีบม้านับสิบและฝีเท้าเกราะเหล็กที่ดังกึกก้องยิ่งกว่าเสียงพายุ กลับทำให้หมู่บ้านฮุ่ยฟางที่เคยเงียบงัน เกิดความสนันหวั่นไหวราวกับมีเงามรณะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมทั่วผืนดินรถม้าขนาดใหญ่สลักลายมังกรดำขอบทอง เคลื่อนมาหยุดลงบริเวณหน้าบ้านสกุลฉิน ก่อนที่บรรดาทหารสวมเกราะดำประทับตราจักรพรรดิหลี่จะวิ่งเข้ามารายล้อมรอบบ้านเอาไว้ ตามมาด้วยเสียงแม่ทัพหนุ่มผู้หนึ่งตวาดดังแทรกเสียงใบไม้ปลิว“เรามารับตัวหรันฝูหรง สตรีอายุสิบเก้าหนาวที่ซ่อนตัวในหมู่บ้านแห่งนี้!”ท่านตาฉินที่กำลังสานกระด้งไม้ไผ่รีบก้าวออกมาจากเรือน ร่างชราภาพฝืนฝ่าแนวทหารเข้ามาขวาง“ขออภัยด้วย ที่นี่ไม่มีใครชื่อเช่นนั้นหรอกขอรับ ข้าไม่รู้จัก! ส่วนสตรีที่อายุสิบเก้า ที่นี่ก็มีเพียงบ้านสกุลหลาน สกุลซ่ง สกุลกั๋ว และหลานสาวของข้า…นางชื่อฉินอี้หนิง”แม่ทัพผู้นั้นกระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมทั้งจ้องมองฉินอี้หนิงอย่างเย้ยหยัน“เช่นนั้นข้าก็มาถูกแล้วล่ะ เพราะนามเ

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 19 ความวุ่นวายในยุคจักรวรรดิอวกาศ

    ยุคจักรวรรดิอวกาศ ภายในสถานีวิจัยหลักของตระกูลหลี่ ชั้นบัญชาการพลังงานควอนตัม ความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นเมื่อคนที่หายตัวไปกลับเข้ามาสั่งงานจนกองพะเนิน“โธ่เอ๋ย…ครั้งแรกผมก็นึกว่าท่านประธานหลี่ของเราหลุดเข้าไปอยู่ในปฏิกรณ์ชีวภาพจนแยกโมเลกุลไม่ออกเสียแล้ว ที่แท้…ก็แค่ติดภรรยาเท่านั้น”ร่างสูงของหลี่โต๋วเปายืนพิงกรอบประตู มือซุกกระเป๋าเสื้อโค้ตสีเทาเรียบทว่าหรูหรา ไม่มีคำเถียงใด มีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่เจือแววอ่อนโยนบางอย่าง…คล้ายไม่คิดปฏิเสธความจริงข้อนั้น“ก็แค่ใช้เวลาให้คุ้มกับชีวิตบ้าง คุณต้องลองไปปลูกฟักทองดูสักครั้งสิ แล้วจะเข้าใจว่าทุกเช้าในทุ่งหมอกนั้นมีค่ามากกว่างานวิจัยที่เขียนมาพันปีเสียอีก”หลี่เฮ้าถงกลอกตาเล็กน้อยขณะมองหลายชายเพียงคนเดียว ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ“อา…ฟักทองยังไม่เท่าไร แต่ถ้าประธานหลี่ของเราหายหน้าไปอีกสามเดือน ผมอาจจะกลับเข้าไปลักพาตัวภรรยาของท่านมาขังไว้ที่นี่แทน แล้วให้ท่านประธานเข้าออกห้องทดลองตลอดยี่สิบชั่วโมงเสียเลย”“แบบนั้นก็เป็นความคิดที่ดีนะ” หลี่โต๋วเปาพึมพำ พร้อมกับหยิบซาลาเปาไส้เห็ดหอมออกมาจากถุงเล็กๆ ในมือ ก่อนจะยื่นให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน “ข

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 18 ข้อเสนอปลอมๆ จากขุนนางสวี่

    หลังเกี่ยวและตากข้าวจนเสร็จสรรพ ครอบครัวสกุลฉินก็เว้นช่วงเวลาสำหรับหยุดพักผ่อน ด้วยเพราะร่างกายที่ชราภาพของท่านตาท่านยาย พอทำงานไร่นานานเข้าจึงปวดเมื่อยมากกว่าปกติส่วนหลี่โต๋วเปาและฉินอี้หนิงก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการดูแลสวนผัก ขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขาย และใช้เวลาร่วมกันในฐานะสามีภรรยาทว่าวันนี้ แขกผู้มาเยือนกลับเป็นอดีตขุนนางผู้ต้องสูญเสียบ้านให้หลี่โต๋วเปาอย่างสวี่อี้เจิน“คารวะผู้อาวุโส”เสียงทุ้มของหลี่โต๋วเปาเอ่ยช้าๆ ดวงตาเรียวคมสังเกตท่วงท่าการเดินของฝ่ายตรงข้าม รู้สึกคุ้นเคยนัก ทว่านี่ไม่ใช่ท่าทีของผู้อาวุโสสวี่อี้เจินที่เขาเคยประลองหมากล้อมด้วยอย่างแน่นอน“เจ้าน่ะใช้ชีวิตได้ดี กลายเป็นผู้เยาว์ที่สร้างครอบครัวอบอุ่นจริงเชียว” ชายชรามองสำรวจทั่วทุกมุมบ้านราวกับไม่เคยเห็น ก่อนที่สายตาจะพลันมาหยุดลงที่ร่างบอบบางของฉินอี้หนิงซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นสาวงามเต็มตัวไปเสียแล้ว “โอ้~ นี่คือฉินอี้หนิงคนนั้นรึ…” ชายชรายิ้มอย่างสดใสพลางมองสำรวจใบหน้างามอย่างชื่นชม“เชิญผู้อาวุโสสวี่นั่งพักก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไปเอาชาอวิ๋นอู้ [1] ที่ได้จากภูเขาหลูซานมาให้” เสียงหวานกล่าวอย่างอ่อนโยน ขณะเดินหายเข้าไป

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 17 ฤดูเกี่ยวข้าว

    วันเวลาผ่านเลยไปจากวันกลายเป็นหนึ่งเดือน ยามนี้สายลมปลายเดือนเปลี่ยนผิวทุ่งนาหน้าบ้านให้กลายเป็นสีทองอร่าม ลำต้นข้าวโน้มลงตามแรงน้ำหนักของรวงเมล็ดที่สุกงอม ท่ามกลางแสงอาทิตย์อุ่นอ่อนในยามเช้า เสียงเคียวเกี่ยวข้าวเสียดสีเบาๆ สะท้อนชัดอยู่กลางนาหลี่โต๋วเปาค้อมตัวใช้เคียวไม้ด้ามสั้นในมือเกี่ยวรวงข้าวอย่างระมัดระวัง ท่วงท่าของเขาแม้ยังไม่คล่องแคล้วนัก แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ มือทั้งสองที่แกร่งอยู่แล้วบัดนี้ยิ่งแกร่งขึ้นซึ่งเป็นผลจากการจับจอบ ขุดหลุม และหาบน้ำทุกวัน จนรอยด้านปรากฏชัดที่ฝ่ามือ“เจ้าหนุ่มจากเมืองหลวง เจ้าน่ะก้าวหน้ากว่าที่ข้าเคยคิดไว้มากจริงๆ”เสียงของท่านตาดังมาจากอีกฟากของแปลงข้าว ใต้หมวกฟางเก่าคร่ำ ดวงตาของชายชรายังสะท้อนความชื่นชมไม่เสื่อมคลายหลี่โต๋วเปาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มย้อนนึกถึงตอนที่เขาอยู่ในตำแหน่งจอมพล ถ้าตอนนี้อยู่ในยุคจักรวรรดิ เขาคงสามารถสั่งคนให้ขุดหลุมปลูกข้าวได้เป็นพันหลุม แต่เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ยากที่สุด คือการเกี่ยวข้าวแค่เพียงมัดเดียว“ฮ่าๆๆ เจ้ารู้วิธีปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งของชีวิต” ท่านต

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 16 หนึ่งยามในคืนวสันต์ มีค่าดั่งพันทอง

    หลังผ่านพ้นค่ำคืนของการร่วมหอ ร่างงามก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกแกร่งไม่ไปไหน หลี่โต๋วเปาไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะกว่าเขาจะเสร็จกิจแต่ละรอบก็ใช้เวลานานเสียจนตัวเขาเริ่มนอนไม่หลับ ได้แต่กอดฉินอี้หนิงไว้ ขณะมองใบหน้าขาวนวลในยามนิทราบนโต๊ะข้างเตียงมีกะละมังไม้ใส่น้ำอุ่นที่เริ่มจะเย็นชืด พร้อมด้วยผ้าขาวที่ถูกใช้แล้ววางพาดอยู่ แน่นอนว่าเป็นหลี่โต๋วเปาที่นำมันมาเพื่อเช็ดผิวกายให้ภรรยาตัวน้อย อาจเพราะเขาไม่ได้ปลดปล่อยตนเองมานานหลายปี เจ้าของเหลวสีขาวขุ่นเหล่านั้น จึงมีมากเสียจนอาจทำให้ฉินอี้หนิงนอนหลับแบบไม่สบายตัวนัก ซึ่งในฐานะผู้กระทำ เขาจึงต้องทำความสะอาดให้นางทุกครั้งแพขนตาหนาที่เริ่มขยับน้อยๆ ทำให้หลี่โต๋วเปาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตบนเปลือกตาของนาง ไล่เรื่อยลงไปจนถึงหน้าอกนุ่มที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบฉินอี้หนิงที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา เผลอทำหน้าอิดออดน้อยๆ เมื่อส่วนล่างของนางมันทั้งบวมและเจ็บระบมอย่างที่ไม่เคยเป็น ค่ำคืนเข้าหอนี้ผ่านไปอย่างยากลำบากจริงๆ ยิ่งเมื่อผู้เป็นสามีไม่ยอมจบดังที่ควรเป็นใต้ผ้าห่มมีบางอย่างขยับอยู่ เคลื่อนจากหน้าอกสู่ส่วนล่างอย่างเชื่องช้า ทว่าทุกการสัมผัสล้วนเต็มไป

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status