Home / วาย / บัญชารักคุณหลวง / โชคชะตาที่ผลิกผัน

Share

โชคชะตาที่ผลิกผัน

Author: jalix-ren
last update Last Updated: 2025-05-14 20:50:10

เสียงเครื่องมือกระทบกันเป็นจังหวะ ละอองฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ ท่ามกลางไอแดดยามสาย แรงงานทาสหลายสิบชีวิต ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขยันขันแข็งบางคนขุดดิน บางคนแบกฟืน บ้างกวาดลานดินกว้างของเรือนหลังใหญ่ ทุกคนต่างมีสีหน้าซีดเซียว เหงื่อไหลท่วมกาย และแววตาเหนื่อยล้า

ธีรัชหยุดกึก สายตากวาดมองรอบตัวอย่างไม่อยากเชื่อ

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี้ย?

หัวใจของเขาเต้นระส่ำ ภาพตรงหน้าดูแปลกประหลาดและไม่คุ้นเคย นี่มันยุคไหนกันแน่? เท่าที่จำได้... เขากำลังขับรถกลับบ้านหลังจากออกไปดีลงานกับคุณเจน ไม่ใช่เหรอ? แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกที กลับพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางแรงงานทาสและเรือนไม้เก่าแก่ที่ดูคร่ำครึ แต่สะอาดเหมือนโดนขัดให้เงาอยู่ตลอดเวลา

หรือว่านี่เป็นผลจากการดื่มหนักจนเกินไป?

ความคิดยังไม่ทันตกผลึก ภาพบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว แสงไฟหน้ารถพุ่งลงสู่แม่น้ำ ความรู้สึกเย็นเฉียบของสายน้ำที่โอบล้อมร่างก่อนทุกอย่างจะดับวูบ

ถ้าอย่างนั้น...เขาตายแล้วอย่างนั้นเหรอ!?ร่างกายชาวาบไปหมด ความเป็นจริงโถมเข้าใส่จนแทบตั้งตัวไม่ติด ก่อนที่ธีรัชจะได้ขบคิดถึงเรื่องนี้ต่อ เสียงทุ้มเข้มของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

"ไออิน! มึงจะยืนซื่ออยู่กงนั้นทำไมวะ รีบเดินมาได้แล้ว!"

ธีรัชสะดุ้ง หันขวับไปตามเสียง เขาเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำแดด ร่างกายกำยำดูแข็งแรง เสื้อผ้าบนตัวก็เก่าขาดไม่ต่างจากคนงานรอบตัว แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดคือแววตาดุดันที่กำลังจ้องตรงมาที่เขา

"ครับ?" เขาโพล่งออกไป เสียงของตัวเองแหบแห้งและฟังดูแปลกไปจากเดิม

"ไออิน! มึงจะเล่นอะไรของมึงอีก กูเรียกมึงนั่นแหละ!" ชายหนุ่มตะโกนกลับมา

ธีรัชนิ่งงัน สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว

'ไออิน'... ใครคือไออิน? ทำไมเขาถึงถูกเรียกชื่อนี้อีกแล้ว? แล้วทำไมสภาพร่างกายเขาถึงเปลี่ยนไปแบบนี้

ธีรัชก้มมองมือตัวเอง นิ้วเรียวยาวที่เคยสะอาดสะอ้าน บัดนี้กลับเต็มไปด้วยรอยหยาบกร้านและร่องรอยบาดแผลจากการทำงานหนัก ส่วนเสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็เป็นเพียงผ้าฝ้ายเนื้อหยาบที่มีรอยขาดติดตัว

นี่มันอะไรกันวะ!?

สิงที่เห็นธีรัชเอาแต่ยืนนิ่งเหมือนคนไร้วิญญาณก็หมดความอดทน ก้าวพรวดเข้ามาคว้าข้อมือแล้วลากเขาให้เดินตามไป

"เดี๋ยว! นี่จะพาผมไปไหน?" ธีรัชพยายามขืนตัว แต่เรี่ยวแรงกลับอ่อนลงอย่างน่าประหลาด ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเขา ไม่ใช่เลย...

"ไปพายเรือให้คุณเปรมสิวะ! หรือมึงลืมไปแล้วว่ามึงเป็นใคร?" สิงหันขวับมามองเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ

ธีรัชกัดฟันแน่น หัวใจเต้นระรัว คำพูดของสิงเป็นดั่งมีดกรีดลงบนความคิดของเขา นี่มันไม่ใช่แค่ความฝัน แต่มันคือความจริง และเขาไม่ได้เป็น ‘ธีรัช’ พ่อหนุ่มเซลส์แมนอีกต่อไป

เพราะตอนนี้...

เขาคือ 'ไออิน' แรงงานทาสของเรือนนี้!

ธีรัชพยายามตั้งสติ กลั้นใจเดินตามสิงค์ไปตามทางเดินดินที่ทอดยาวไปยังเรือนใหญ่ ระหว่างทางเขากวาดตามองรอบตัวอย่างละเอียดมากขึ้น

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาเคยเห็นแค่ในหนังประวัติศาสตร์ ชายหญิงที่แต่งตัวด้วยผ้าฝ้ายเก่า ทรงผมที่ดูโบราณ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ทุกอย่างล้วนแต่เป็นภาพของยุคสมัยที่แตกต่างจากชีวิตเดิมของเขาโดยสิ้นเชิง

ธีรัชกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงเบา

"เดี๋ยวครับ แล้วคุณเปรมคือใคร? สิงค์จะพาผมไปหาเขาทำไม?"

สิงค์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ

"ว่ะ! ไอนี่ ขนาดคุณเปรมท่านไม่เอาเรื่อง มึงก็ยังเพี้ยนไปหมดแล้วหรือไง?"

"ครับ? ผมไปทำอะไรนะ?" ธีรัชขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน

สิงค์ถอนหายใจหนัก ๆ อย่างเหลืออด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด

"ก็มึงนั่นแหละ! มึงแอบเข้าไปในเรือนใหญ่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าห้ามเข้าเวลานั้น สุดท้ายมึงก็วิ่งหนีจนตกน้ำตกท่า!"

ธีรัชเบิกตากว้างขึ้น 'ไออิน' แอบเข้าไปในเรือนใหญ่เหรอ? แล้วไปเห็นอะไรเข้า ถึงทำให้ตกใจจนวิ่งหนีขนาดนั้น?

"แอบดู...? ผมน่ะเหรอ?" เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ

"เออสิวะ! มึงก็รู้กฎดีว่าพอถึงยามพลบค่ำ ห้ามเหยียบเข้าไปในเรือนคุณเปรมเด็ดขาด แต่ก็ยังเสือกเข้าไปอีก!" สิงค์พูดเสียงเครียด

ธีรัชรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอก บางอย่างกำลังบอกเขาว่า เรื่องที่ไออินไปเห็นเข้า...อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์นี้

แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ถามอะไรต่อ สิงค์ก็หยุดเดิน ก่อนจะผลักเขามายืนอยู่ที่ริมท่าน้ำ ข้างหน้าเป็นเรือไม้ลำเล็ก พร้อมไม้พายที่วางอยู่ข้าง ๆ

"อะนี่งานมึง พายเรือไปส่งคุณเปรมที่ตลาด กูจะไปทำงานต่อ!" พูดจบก็เดินจากไป ปล่อยให้ธีรัชยืนอยู่ที่ท่าน้ำเพียงลำพัง

"ด.. เดี๋ยว! ผมไม่รู้ว่าตลาดมันอยู่ที่ไหนนะ "เสียงพูดที่ค่อยผ่อนเบาลงกลืนหายลงคอ เพราะเห็นว่าอีกคนเดินห่างออกไปไกลจนไม่น่าได้ยินแล้ว

ธีรัชมองเรือไม้ที่ไหลล่องอยู่บนผิวน้ำ ก่อนจะก้มลงมองมือของตัวเอง

จากเซลส์แมนหนุ่มในโลกปัจจุบัน กลายมาเป็นทาสในยุคโบราณ...ชีวิตที่พลิกผลันจนไม่มีแม้เวลาให้ตั้งตัว

หลังจากที่ยืนรออยู่ครู่หนึ่ง เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากทางเดินไม้ริมท่าน้ำ ธีรัชหันไปมองแล้วก็ต้องชะงัก

ชายหนุ่มร่างสูงสง่าในวัยปลายยี่สิบปรากฏตัวขึ้น ผิวขาวราวกับลูกเจ้าพระยาที่ไม่เคยต้องแดด คิ้วเข้ม ตาคม ริมฝีปากอิ่มเรียวได้รูป ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าล้วนเหมือนภาพวาดชั้นครู เสื้อทรงอย่างน้อยสีแดงสดกับโจงกระเบนสีเข้มขับเน้นให้เขาดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ผ้าคาดเอวสีเหลืองอ่อนตัดกับเนื้อผ้าเนียนละเอียด ที่ข้างเอวเหน็บกริชโบราณเล่มงาม นอกจากนั้นที่นิ้วชี้ข้างขวายังสวมแหวนประดับมรกตเม็ดโตเป็นประกาย ท่าทางของเขาสง่างามและทรงอำนาจ ราวกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่

และข้างหลังชายผู้นั้น มีบ่าวสองคนเดินตามอยู่ห่างๆ หนึ่งในนั้นแบกหีบไม้ที่ดูเหมือนมีน้ำหนักพอสมควร

ธีรัชมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเป็นประกาย นอกจากจะสง่าแล้วยังรูปงามอีกด้วย ชายคนนี้ต้องเป็นเจ้านายของบ้านนี้แน่ ๆ!

เขามัวแต่จ้องตาไม่กะพริบจนลืมสิ่งรอบตัว ทันใดนั้นเอง ทาสหนุ่มที่เดินมาด้วยกันก็สะกิดเขาเบา ๆ พร้อมกระซิบเตือนเสียงเข้ม

"ก้มหัวลงสิวะ! จะยืนตาแป๋วใส่คุณเปรมอยู่ทำไม!"

ธีรัชสะดุ้ง รีบก้มหน้าลงอย่างเก้ ๆ กัง ๆ แต่ยังไม่ทันไร เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงหวดที่แผ่นหลัง เสียงหวายกระทบผิวดัง เพี๊ยะ!

"อึก!" ธีรัชสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นมองคนที่ลงมือฟาดเขา

คนที่ถือหวายไว้ในมือนั้นคือชายหนุ่มผิวเข้ม รูปร่างกำยำ ใบหน้าดุดัน ธีรัชจำได้ว่าสิงเรียกเขาว่า ‘ดำ’ หัวหน้าทาสที่ในมือกลับมีหวานเส้นบาง ถ้าถูกฟาดลงเนื้อคงเป็นรอยแน่ๆ

"อย่าลืมที่ต่ำที่สูงไอ้อิน!" ดำพูดเสียงกดต่ำ

ธีรัชกำหมัดแน่น รู้สึกถึงความโกรธปนสับสนที่แล่นขึ้นมา แต่เขายังไม่ทันได้ตอบโต้ เสียงทุ้มของชายที่ถูกเรียกว่าคุณเปรมก็ดังขึ้น

"หยุดเถอะดำ"

" บ่าวเรือนฉัน ไยจะต้องถูกลงโทษเพราะเรื่องแค่นี้ "

ดำรีบโค้งศีรษะลงต่ำ "ขอรับคุณเปรม"

ธีรัชเงยหน้ามองเจ้าของชื่ออย่างเงียบงัน เมื่อสายตาทั้งคู่สบกัน หัวใจของเขาก็สะดุดไปวูบหนึ่ง คุณเปรมมีดวงตาคมกริบที่แฝงไปด้วยอำนาจ การจ้องมองของเขาทำให้ธีรัชรู้สึกเหมือนถูกแหวกเปลือยความคิดทั้งหมดออกมา

"เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?" น้ำเสียงของคุณเปรมราบเรียบแต่ทรงพลัง

ธีรัชรีบส่ายหน้า "ม..ไม่เป็นไรครับ"

" ฉันหมายถึง ที่จมน้ำอาการดีขึ้นแล้วรึ "น้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับไอเย็นน้ำแข็ง ทำให้ธีรัชรู้สึกขนลุกซู่ 

" ดีขึ้นแล้วครับ.. "

คุณเปรมพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขึ้นเรืออย่างสง่างามโดยแทบไม่ต้องให้บ่าวช่วยพยุง เขานั่งลงอย่างเป็นระเบียบก่อนจะหันมามองธีรัชอีกครั้ง

"รีบออกเรือเถิด แม่ปิ่นแก้วรอฉันอยู่"

" ครับ!..ขอรับ " เขาพูดอย่างลนลาน

ธีรัชเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ขณะที่มือของเขากำแน่นรอบไม้พาย แม้จะยังงุนงงกับสถานการณ์ทั้งหมด แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายก่อนที่ตัวเองจะโดนเฆี่ยนอีก

เขาพายเรืออย่างระมัดระวัง แม้จังหวะแรกจะดูติดขัดไปบ้างแต่โชคดีที่ทักษะการพายเรือจากตอนเด็ก ๆ ยังพอช่วยให้เขาควบคุมทิศทางได้อยู่บ้าง 

ระหว่างที่พายไป ธีรัชก็เหลือบมองคุณเปรมเป็นระยะ ชายหนุ่มร่างสูงสง่าเอนตัวพิงพนักเบาะหนัง มองทอดไปยังสายน้ำอย่างสงบนิ่ง ใบหน้าคมนั้นไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมามากนัก แต่แววตาของเขาให้ความรู้สึกเยือกเย็นและลึกลับจน ธีรัชไม่อาจคาดเดาได้เลย

" ค..คือ คุณเปรมขอรับ..ช ช่วยบอกทางไปตลาดได้มั้ยครับ "

ทันทีที่พูดจบประโยค ผู้เป็นนายก็ขำเบาๆ ก่อนจะชี้นิ้ว ให้พายไปตามแม่น้ำ เขาโล่งใจขึ้นนึกว่าคุณเปรมจะเป็นเจ้านายที่โหดร้ายกว่านี้ซะอีก

ในที่สุดเรือก็ล่องมาถึงท่าเรือของเรือนหลังงาม หญิงสาวร่างระหงในชุดไทยสไบเฉียงสีอ่อนยืนรออยู่ที่โป๊ะ ใบหน้าของเธองามละมุน ดวงตากลมโตส่งประกายสดใสขณะมองมาทางพวกเขา

"ท่านพี่มาช้า! ข้ารอตั้งนานแน่ะ"

เสียงหวานดังขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะสาวเท้าลงมา คุณเปรมลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นมือให้เธอจับเพื่อประคองขึ้นเรือ ปิ่นแก้วยิ้มกว้างเมื่อก้าวขึ้นมานั่งข้างพี่ชายอย่างเรียบร้อย เธอเหลือบตามองธีรัชก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย

"บ่าวคนใหม่หรือเจ้าคะพี่เปรม?"

คุณเปรมพยักหน้าเพียงเล็กน้อย "อืม พึ่งได้มาจากพวกแขกเมื่อเดือนก่อน"

ธีรัชเผลอกลืนน้ำลายลงคอเมื่อสายตาของหญิงสาวไล่มองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขารีบก้มหน้าลงต่ำแสดงความเคารพ

"นายชื่ออะไรล่ะ?" ปิ่นแก้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใส

"ธี-- อิน...ขอรับ" ธีรัชตอบไปตามที่สิงเรียก แม้จะยังไม่ชินกับชื่อนี้นักก็ตาม

"ดูตัวโตใช่เล่น" หญิงสาวหัวเราะคิก มองพี่ชายตนด้วยแววตาหยอกเย้า

 "พี่เปรมคงจะไว้ใช้งานหนักเป็นแน่"

คุณเปรมเพียงเหลือบมองธีรัชแวบหนึ่งก่อนจะหันไปทางหน้าท่า "รีบพายเถอะ เราจะไปตลาดกัน"

ธีรัชรับคำก่อนจะออกแรงพายอีกครั้ง ล่องเรือไปตามสายน้ำที่สองฟากฝั่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนไทยที่เรียงรายเป็นระเบียบ แสงแดดสะท้อนผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับ

ณ ตลาดน้ำ

พอมาถึงตลาด ธีรัชก็มองรอบตัวด้วยความตื่นตาตื่นใจ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเรียกลูกค้า ตลาดน้ำตรงหน้านั้นให้ความรู้สึกเหมือนฉากในละครพีเรียดที่เขาเคยดูไม่มีผิด หญิงสาวนุ่งโจงห่มสไบ

 ชายหนุ่มแต่งตัวเรียบร้อยในชุดไทย มีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายของอยู่ริมคลอง กลิ่นหอมของขนมไทยลอยมาแตะจมูกจนเขาเผลอกลืนน้ำลาย

เขาเดินตามคุณเปรมและแม่ปิ่นแก้วไปเงียบ ๆ อย่างไม่กล้าปริปากพูดอะไร เมื่อคุณเปรมหยุดเลือกของ ธีรัชก็ยืนอยู่ข้างหลังอย่างสงบเสงี่ยมทำหน้าที่ถือของอย่างเงียบ ๆ แต่แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเงาของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ที่ตั้งโชว์อยู่หน้าร้านขายกระจก

"เชี้ย!"

ธีรัชเผลออุทานออกมาเสียงดังจนคุณเปรมกับปิ่นแก้วหันมามอง เขารีบยกมือขึ้นปิดปากแล้วเบือนสายตากลับไปที่กระจกอีกครั้ง สิ่งที่สะท้อนอยู่ในนั้นคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวสีเข้ม ใบหน้าคมจมูกเป็นสันกล้ามเนื้อแขนที่โผล่พ้นผ้าออกมาเป็นมัดๆและขนาดตัวที่ สูงราว 190 ได้ 

‘นี่อิน… เรอะ?’

ธีรัชกลืนน้ำลายลงคอ ถ้าอยู่ในยุคของเขาคงมีสาว ๆ มาติดตรึมแน่ ๆ แค่ปรับทรงผม ใส่สูทดี ๆ ก็คงหล่อไม่แพ้นายแบบ

"นายอิน?" เสียงของคุณเปรมดังขึ้น

ธีรัชสะดุ้ง รีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว

 "ขออภัยขอรับ!"

คุณเปรมไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่เหลือบตามองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปเลือกซื้อของต่อ แต่ปิ่นแก้วกลับมองเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

"เจ้าดูตื่นเต้นเหมือนคนที่ไม่เคยเห็นกระจกมาก่อนเลยนะ" หญิงสาวยิ้มบาง ๆ

"เอ่อ… ข้าแค่ตกใจที่ตัวเองดู… สูงกว่าที่คิดไปมากขอรับ" ธีรัชแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ

ปิ่นแก้วหัวเราะคิกก่อนจะหันไปเลือกผ้าไหมต่อ ส่วนธีรัชก็ก้มหน้าก้มตาถือของต่อไป แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถาม 

ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี้ ในร่างนี้ได้

เพราะอะไรทำให้เขาที่ควรจะตายไปแล้ว กลับต้องมาอยู่ในร่างของบ่าวหน้าตาดีคนนี้ ทำไมไม่เป็นสิงร่างเจ้าขุนมูลนายวะ มาเป็นทาสทำไม หรือคนรวยมีฐานะดีๆก็ได้ ธีรัชบ่นในใจกับชะตากรรมใหม่ที่ได้รับ ...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บัญชารักคุณหลวง   ข้ามาหาแล้วหนา

    หลังจากพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลครบกำหนดสองวันตามคุณหมอสั่ง ธีรัชก็ได้กลับมาที่บ้านของตนเองอีกครั้ง บ้านที่เขาควรจะเคยคุ้นแต่กลับรู้สึกแปลกตา เหมือนกลายเป็นแค่ฉากในละครที่ไม่ได้ฉายให้ใครดู เขาเดินช้า ๆ ผ่านห้องนั่งเล่น มองเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวล้ำสมัย ตู้เย็น ทีวี และโซฟานุ่ม ๆ ที่เคยนั่งดูซีรีส์กับตัวเองในทุกคืนวันศุกร์จนลากไปเช้าของอีกวัน... ชีวิตที่สะดวกสบายและบ้านหลังใหญ่โตที่เขาสร้างมันขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ด้วยความภาคภูมิใจที่แต่ก่อนเขาต้องรู้สึกดีใจและมีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับมาเหยียบที่แห่งนี้แต่ครั้งนี้ทำไมมันกลับไม่อุ่นเหมือนอ้อมแขนของใครบางคนที่เขาคิดถึงจับใจ หรือเพียงเพราะโลกใบนี้ ไม่มีคุณเปรมอยู่ด้วย...ธีรัชนั่งลงกับพื้นเบา ๆ ตรงระเบียงหลังบ้าน ลมฤดูหนาวพัดแผ่วผ่านใบหญ้า เสียงนกกระจอกยังคงร้องเจื้อยแจ้วไม่รู้วันเวลาผ่านไปแค่ไหนสำหรับพวกมัน ต่างจากหัวใจของธีรัชที่เหมือนหยุดเดินตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาจาก “บ้าน” หลังหนึ่งในยุคต้นรัตนโกสินทร์กลับมาเขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แต่ก็ไม่ได้กลิ่นดอกมะลิที่เคยหอมกรุ่นในยามเช้า กลิ่นหอมน้ำอบไทยที่มักจะติดต

  • บัญชารักคุณหลวง   หวงกลับคืน

    ทินกรรุ่งอรุณ แสงแดดอุ่น ๆ สาดผ่านม่านผืนบาง ละไล้ลงบนใบหน้าของอินที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง เปรมยืนอยู่มุมห้องอย่างเงียบเชียบ จนเมื่อหมอที่เขาเรียกมาตรวจอาการเดินออกมาจากห้อง อินหันไปมองด้วยสายตาเป็นกังวล“เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านแพทย์?” เสียงเปรมเต็มไปด้วยความห่วงใยแพทย์หมอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยคำวินิจฉัย “จากที่ฉันตรวจดูทั้งหมดแล้ว คิดว่านายคนนี้น่าจะแพ้พิษบางอย่างที่สะสมในร่างกาย และเพิ่งจะแสดงอาการออกมา โชคดีที่ตรวจพบเร็ว ฉันจัดยาไว้ให้แล้ว ให้กินเช้าเย็นนะหลวงเปรม”เปรมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเครียด“ที่สำคัญ ช่วงนี้อย่าให้เขาใช้ร่างกายหนัก ๆ ยิ่งถ้ามีไข้ พิษจะยิ่งกระจายเร็วขึ้น ต้องระวังให้ดี”“ขอรับ… ขอบพระคุณมากขอรับท่านแพทย์ขอบคุณจริง ๆ”คุณเปรมส่งหลวงแพทย์หมอจนลับสายตา ก่อนจะรีบกลับเข้าห้อง เขาเปิดประตูเบา ๆ เหมือนกลัวเสียงจะไปรบกวนคนป่วย บนเตียง อินนอนเอนพิงหมอนอยู่ก่อนแล้ว ดวงตากลมใสสบกับเขาอย่างแนบแน่น มีแววซุกซนผสมความอ่อนล้าอยู่ในนั้น“ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้นะครับ” อินพูดเบา ๆ น้ำเสียงพยายามกลั้วหัวเราะ “ผมสบายดีม๊ากก ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ไม่เป็นไรหรอกน

  • บัญชารักคุณหลวง   ลางสังหรณ์

    แสงแดดยามสายทอดผ่านม่านโปร่งบางภายในโถงของเรือนหลังใหญ่ เสียงจิบน้ำชาดังแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบสงบที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของใบชาและมะลิอบแห้งเปรมนั่งเอนหลังบนเบาะรองตัวยาว ร่างกายที่เคยแบกรับภาระหนักอึ้งมาหลายวันคล้ายได้หย่อนคลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน เขาสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ผ้าคลุมบางสีอ่อนพาดบ่า ใบหน้าเริ่มมีรอยอ่อนล้าจาง ๆ แต่แววตายังคงหนักแน่นและแน่วแน่เช่นเดิมอินนั่งอยู่พื้นข้าง ๆ มือหนึ่งหยิบหนังสือ อีกมือก็ไม่วายวางไว้บนขาของคนรัก พยักหน้าเบา ๆ รับฟังอย่างตั้งใจ แม้บทสนทนาที่เอ่ยออกมาจะชวนให้ใจสั่นไม่น้อย“อีกไม่กี่วัน…” เปรมเอ่ยเสียงเรียบ ขณะทอดสายตามองออกไปยังสวนหลังบ้าน“หลวงวิษณุจะถูกนำตัวไปประหาร พร้อมกับ พักพวกอีกสามคน”อินชะงักมือที่กำลังเปิดหน้ากระดาษ เสียงคำว่า “ประหาร” กระแทกเข้าหูราวกับสายลมหนาวเฉียบ เขาเงยหน้ามองอีกคน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ไม่ได้เอ่ยขัด เพราะเข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องของความแค้นส่วนตัวธรรมดา หากแต่เป็น ความยุติธรรมที่คนบาปสมควรได้รับเปรมวางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมาสบตาอินตรง ๆ“ข้ารู้ว่าเจ้าหวั่นใจ แต่การลอบสังหาร เจตนาโค่นล้มอำนาจ

  • บัญชารักคุณหลวง   น้ำเดือดที่ดับไฟกองเล็ก

    แสงแดดยามสายทอดผ่านหมู่เมฆลงมากระทบผิวน้ำในท่าเรือ เกลียวคลื่นเบาๆ ซัดกระทบข้างลำเรือสำเภาอย่างสม่ำเสมอ เสียงเชือกเสียดสีกับเสากระโดง สลับกับเสียงกลาสีเรือร้องสั่งงานก้องไปทั่วท่าเรือ เปรมยืนอยู่ที่หัวท่า ชุดเครื่องแบบขุนนางขอบทองดูขรึมขลัง เขากำลังไล่ตรวจตราสินค้าที่ถูกขนลงจากเรือ สำรวจบัญชีรายชื่อสินค้าจากแดนไกลพลางใช้แววตาเคร่งขรึมพินิจทุกรายละเอียดทว่ากระแสลมเย็นที่พัดมากลับนำพาบางสิ่งมาให้เขา กลาสีเรือชาววิลาทคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา มอบจดหมายเก่าๆ ซองขาดปลายให้โดยไม่เอ่ยคำใด เปรมรับไว้ด้วยความสงสัย ครั้นเปิดจดหมายอ่าน ความสงบของเช้าวันนั้นก็ถูกฉีกทึ้งข้อความที่เขาได้อ่านนั้นสั้น เรียบง่าย แต่ราวกับเสียงระเบิดในอก> “รีบกลับมาดูผลงานข้าสิขอรับคุณพี่เปรม ก่อนที่มันจะตายน่ะ”เส้นเลือดที่ขมับเขาปูดพองขึ้น มือข้างหนึ่งกำกระดาษจนยับยู่ยี่ ขณะที่อีกมือแทบสั่นเทา ใจของเปรมกระโจนไปข้างหน้าเร็วกว่าความคิด เขารู้ดี ใครเป็นคนทำเรื่องนี้ได้ และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าเยาะหยันเขาเช่นนี้ หลวงวิษณุ“รีบส่งกำลังตามจับหลวงวิษณุเดี๋ยวนี้!” เขาสั่งเสียงกร้าวกับทหารที่ติดตามมาด้วย" มันยังอยู่พ

  • บัญชารักคุณหลวง   ภาระที่ต้องแบกรับ

    เสียงฝีเท้าดังสม่ำเสมอบนพื้นไม้สักของตำหนักฝ่ายในเรือน เปรมเดินกลับมายังห้องพักชั้นบนอย่างเหนื่อยล้า แขนเสื้อถูกร่นขึ้นครึ่งหนึ่ง เหงื่อชื้นผุดบนหน้าผากแต่ไม่ทันได้ซับ เจ้าตัวก็ทรุดตัวลงกับเก้าอี้ไม้ฝังลายอย่างหมดแรงบนโต๊ะข้างเตียงมีจดหมายหนึ่งฉบับวางอยู่เรียบร้อย ลายมือเจ้าหนุ่มคนรักวางซองกระดาษไว้แนบด้วยใบไม้สีเขียวที่แห้งไปบ้างจากการเดินทางไกล เปรมมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแกะเปิดด้วยมือที่ยังเปรอะหมึกจากเอกสารเมื่อบ่ายเขาอ่านมันช้าๆ เงียบๆ ไม่มีใครในที่นี้รู้ว่าอินเขียนอะไรในนั้น ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีน้ำตา มีเพียงรอยยิ้มบางที่คลี่ออกบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้เก็บงำความรู้สึกจนคนรอบตัวเรียกเขาว่า ‘คุณเปรมจอมบึ้งตึง’เปรมยกใบไม้นั้นขึ้นแนบจมูก สูดกลิ่นจาง ๆ ที่หลงเหลืออยู่พลางหลับตาลงอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเปิดสมุดบันทึกเก่าหนังวัว หย่อนใบมะลิลงบนหน้าหนึ่งที่ยังว่าง แล้วจดบางสิ่งไว้ด้วยลายมือเรียบร้อยเพียงไม่กี่คำ"ยังมีบ้านให้กลับเสมอ"เขามองออกไปยังท้องฟ้ากลางคืนผ่านหน้าต่าง บนฟ้าคืนนี้เต็มไปด้วยหมู่ดาว และพระจันทร์ทรงกลดก็สุกสว่างอย่างสงบ เป็นค่ำคืนที่สวยงามเกินกว่าจะเก็บไว้ในควา

  • บัญชารักคุณหลวง   ฝากดูแลแทนข้าที

    หลายต่อหลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหก เพราะวันนี้กลับเป็นวันที่ต้องส่งคนรักออกไปทำงานไกลตัวเสียแล้ว รุ่งเช้าตรู่ แสงแดดแรกของวันทอดผ่านหน้าต่างเรือนไทยส่องสะท้อนกับผืนน้ำที่สงบเงียบ เสียงไก่ขันยังไม่ทันจางหาย อินก็ตื่นขึ้นมาอย่างรู้งาน เขาเตรียมน้ำท่าร้อนอุ่นอย่างพอดี กลิ่นมะลิจากเกลืออาบน้ำที่ตั้งใจผสมด้วยมือของตนเองลอยคลุ้งทั่วห้อง อินขัดผิวและเช็ดตัวให้เปรมอย่างอ่อนโยน ทุกจังหวะของนิ้วและฝ่ามือเหมือนตั้งใจจดจำสัมผัสของคนรักไว้ในใจ“คุณเปรม…” อินพูดขึ้นในขณะที่กำลังติดกระดุมเสื้อผ้าให้ “ถ้าเดินทางไปถึงที่โน่นแล้ว อย่าลืมเขียนจดหมายมาหาผมนะครับ อย่างน้อยก็...เดือนละสองฉบับก็ยังดี”เปรมยกมือขึ้นลูบศีรษะของอินเบา ๆ “เจ้าจะไม่เขียนตอบกลับข้ารึ?”“ผมกลัวว่าจะเขียนไม่ทันคุณเปรมต่างหาก” อินแสร้งเบะปาก พลางส่งยิ้มละมุน “แค่คิดถึงก็แทบจะเขียนทุกวันอยู่แล้ว”เปรมหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบา เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย และความเสียดายเมื่อถึงเวลาต้องไปที่ท่าเรือ อินช่วยขนของและจัดแจงทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว เขายกกระเป๋า ผูกเชือกมัดปากถุง เดินขึ้นลงเรือจนเหงื่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status