แชร์

ความลับในดวงตา

ผู้เขียน: Mumi
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-07 21:52:19

แสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้อยสาดส่องลงบนลานดินหน้าบ้าน เงาของต้นไผ่เอนลู่ตามแรงลมทอดลงบนพื้นราวกับเส้นหมึกที่ขีดเขียนโดยจิตรกรผู้ชำนาญ ซูอี้เหม่ยก้าวออกจากเรือนด้วยจังหวะมั่นคง แม้หัวใจยังเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเพราะการปะทะกับแม่เลี้ยงเมื่อครู่ แต่บนใบหน้างดงามกลับฉายรอยยิ้มเย็นเฉียบ

นางไม่คิดจะทนรับฟังคำด่าทอและการเหยียดหยามอีกต่อไป — ชีวิตนี้ นางมิได้เกิดมาเพื่อเป็นเครื่องรองรับความโกรธแค้นหรือเป็นตัวตลกให้ใครหยามเหยียด

“บ้านหลังนี้…ไม่ใช่ที่สำหรับฉันอีกแล้ว” เสียงในใจดังขึ้นแน่วแน่

ทันทีที่ก้าวพ้นประตูไม้บานใหญ่ กลิ่นอายของอิสรภาพก็เหมือนพัดเข้าสู่หัวใจ นางเดินตรงไปตามถนนสายเล็กของหมู่บ้าน เสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่วิ่งไล่จับกันดังคลอไปกับเสียงพ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกลูกค้า กลิ่นอาหารทอดบนกระทะและกลิ่นขนมหวานพื้นบ้านลอยมาตามลม บรรยากาศช่างคึกคักสดใส ทว่าหัวใจของซูอี้เหม่ยกลับรู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย โลกที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ต้องเรียนรู้และเผชิญหน้า

แต่ก่อนที่นางจะได้ทอดสายตาชื่นชมโลกใบใหม่นี้ เสียงฝีเท้าหนักแน่นกลับดังขึ้นจากด้านหลัง

ตึก… ตึก… ตึก…

เสียงนั้นแตกต่างจากเสียงฝีเท้าของชาวบ้านทั่วไป มันเต็มไปด้วยความมั่นคงและอำนาจที่กดทับบรรยากาศโดยรอบ

ซูอี้เหม่ยหันขวับไปทันที — ร่างสูงในชุดดำปรากฏขึ้นในสายตา เขาคือชายลึกลับผู้ที่ช่วยชีวิตนางไว้เมื่อคืน ดวงตาคมกริบราวกับคมดาบจ้องตรงมาโดยไม่กะพริบ ทุกย่างก้าวที่เขาก้าวเข้ามาเหมือนยิ่งลดระยะห่างระหว่างเขากับนาง จนหัวใจของซูอี้เหม่ยเหมือนถูกบีบแน่น

“คุณหนูซู” เขาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงนิ่งเย็น ราวกับสายลมหนาวในยามค่ำคืน “เจ้ามิใช่…คนของที่นี่ใช่หรือไม่?”

ประโยคเดียวสั้นๆ กลับทำให้ร่างของซูอี้เหม่ยชะงักงันทันที ความลับที่เธอพยายามเก็บซ่อนลึกที่สุดในใจกลับถูกคนแปลกหน้าพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา

“ท่าน…หมายความว่าอย่างไร?” นางพยายามเก็บอาการ ทว่าดวงตากลับสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุมได้

ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย รอยยิ้มที่ไม่ได้เต็มไปด้วยความอบอุ่น หากแต่เหมือนรอยยิ้มของผู้ที่อ่านใจคนออกทะลุปรุโปร่ง “แววตาของเจ้า…ไม่ใช่สายตาของหญิงสาวชาวบ้านผู้ถูกกดขี่มาชั่วชีวิต สายตานั้นเต็มไปด้วยความรู้ การต่อสู้ และความทรงจำที่มิใช่ของผู้คนในยุคนี้”

ถ้อยคำเหล่านั้นกระแทกเข้ากลางอกของซูอี้เหม่ย นางแทบหยุดหายใจ — ใช่แล้ว ความลับนั้นคือเรื่องจริง นางมิใช่หญิงสาวโลกนี้ หากแต่เป็นวิญญาณจากโลกอนาคตที่ถูกดึงเข้ามาในร่างนี้โดยไม่ทันตั้งตัว

“เหตุใดเขาถึงรู้? หรือว่า…เขาเองก็มิใช่คนธรรมดา?” เสียงในใจดังก้อง นางเผลอก้าวถอยหลังอย่างระวัง

ชายหนุ่มในชุดดำก้าวเข้ามาใกล้อีกหนึ่งก้าว กลิ่นอายเย็นเยียบจากร่างเขาแผ่ออกมาประหนึ่งแรงกดดันที่บดขยี้ทุกสิ่งรอบข้าง ดวงตาคมไม่ละไปจากนางแม้แต่วินาทีเดียว

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากที่ใด หรือเป็นผู้ใดกันแน่” เสียงของเขานิ่งสงบ แต่แฝงด้วยอำนาจ “แต่จงจำไว้…โลกนี้โหดร้ายกว่าที่เจ้าคิด หากเจ้ามิได้เรียนรู้ที่จะปิดบังความลับของตน เจ้าจะไม่มีวันอยู่รอด”

ซูอี้เหม่ยเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้างามสะท้อนแสงแดดเป็นประกาย แต่แววตากลับแข็งกร้าวยิ่งขึ้น

“ข้ารู้…แต่หากโลกนี้คิดจะทำร้ายข้าอีก” เสียงนางต่ำลึก ดุดัน “ข้าจะไม่ยอมเป็นเหยื่อเหมือนในโลกก่อน”

คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย แววตาแฝงประกายประหลาด คล้ายประทับใจในความเด็ดเดี่ยว แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความเฝ้าระวัง

สายลมพัดแรงขึ้นทันใด ใบไผ่เสียดสีกันเป็นเสียงดังก้องราวกับเสียงดนตรีแห่งโชคชะตา บรรยากาศรอบตัวทั้งสองคนถูกโอบล้อมด้วยความเงียบงันที่กดดัน จนแม้แต่เสียงพ่อค้าแม่ค้าก็คล้ายเลือนหายไปชั่วขณะ

นี่ไม่ใช่เพียงการสนทนา หากแต่เป็นคำประกาศสงครามที่ไร้ถ้อยคำ โลกนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป — เพราะความลับของซูอี้เหม่ย…ถูกเปิดเผยแล้ว

ซูอี้เหม่ยไม่อาจละสายตาจากชายตรงหน้าได้ แม้หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แต่นางกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่แตกต่าง ความเย็นชาในแววตาของเขามิได้เป็นเพียงการคุกคาม หากแต่เป็นการเตือนสติ เป็นการบอกใบ้ว่าทางข้างหน้ามีอันตรายซ่อนอยู่

“ท่านเป็นใครกันแน่?” นางถามออกไปในที่สุด เสียงสั่นเล็กน้อยแต่ยังคงความแข็งแกร่ง

ชายชุดดำไม่ตอบในทันที เขาเพียงหันสายตามองไปยังขอบฟ้าที่พระอาทิตย์กำลังจะลับ “ผู้ที่เดินในเงามืด ไม่จำเป็นต้องบอกนามแก่ใคร”

คำตอบนั้นเต็มไปด้วยความกำกวม แต่กลับทำให้ซูอี้เหม่ยยิ่งสงสัย — ชายคนนี้ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่นอน สายตาที่เฉียบคม การเคลื่อนไหวที่มั่นคง และถ้อยคำที่เอ่ยออกมาล้วนแฝงกลิ่นอายของคนที่ผ่านสมรภูมิชีวิตมาแล้วนับไม่ถ้วน

“หากท่านไม่คิดจะเปิดเผยตน เหตุใดจึงสนใจเรื่องของข้า?” นางย้อนถาม แววตาดุดันกลับไม่ยอมแพ้

เขามองนางนิ่ง ก่อนตอบเสียงต่ำ “เพราะเจ้า…ไม่ควรอยู่คนเดียวในโลกนี้ หากเจ้าคิดจะต่อสู้ด้วยลำพัง เจ้าจะตายโดยไม่รู้ตัว”

ถ้อยคำตรงไปตรงมาทำให้ซูอี้เหม่ยกำมือแน่น หัวใจทั้งหวั่นไหวและดื้อรั้นในเวลาเดียวกัน

“บางทีข้าอาจตาย” นางเอ่ยช้าๆ “แต่ข้าจะไม่ยอมตายอย่างไร้ค่าอีกแล้ว”

เงียบงันปกคลุมระหว่างทั้งสอง ฝุ่นทรายลอยขึ้นตามแรงลม แสงแดดที่ใกล้จะสิ้นวันทอดเงาของคนทั้งคู่ยาวเหยียดราวกับกำลังขีดเส้นทางชะตาที่ต้องเผชิญร่วมกัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผาข้ามภพ วิชาหมอจากแดนไกล   บทที่27 ดอกเหมยท่ามกลางวังหลวง

    หลังจากได้รับตำแหน่งเป็น องค์หญิงบุญธรรม และพระราชแพทย์หญิงสูงสุดแห่งราชสำนัก ซูอี้เหม่ยถูกย้ายเข้าพำนักในตำหนักหรูภายในวังหลวง ทุกย่างก้าวล้วนถูกสายตาผู้คนจับจ้องเช้า ๆ นางต้องเข้าตรวจคนไข้ในโรงหมอหลวง กลางวันตรวจร่างกายขุนนางหรือขันทีที่เข้าพบ เย็นจึงได้กลับตำหนักเพื่อพักผ่อน แต่กระนั้นเสียงซุบซิบก็ไม่เคยเงียบหาย“หญิงผู้หนึ่งจากชนบท กลับได้อยู่เคียงบัลลังก์”“โฉมงามเกินมนุษย์ ต้องมีเคล็ดลับบางอย่างแน่”อี้เหม่ยได้ยินทุกถ้อยคำ แต่ยังคงเดินอย่างมั่นคง ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมงาช้างสงบเยือกเย็น ทว่ายามที่นางจำต้องเปิดเผยโฉมหน้าเพื่อรักษาผู้ป่วย ทุกคนที่เห็นต่างถึงกับตะลึงงันใบหน้าของซูอี้เหม่ยคือดั่งภาพวาดจากสวรรค์ ผิวขาวเนียนดุจหยกแกะสลัก คิ้วเรียวประหนึ่งพู่กันจรด ริมฝีปากแดงสดราวกลีบกุหลาบ ดวงตาสุกใสสะท้อนแสงราวหยดน้ำค้างยามรุ่งสางความงามนั้นมิใช่เพียงรูปลักษณ์ หากแต่แฝงด้วยอำนาจที่สะกดใจผู้คน ไม่ว่าเป็นทหารที่ใกล้สิ้นลม ขุนนางผู้เย็นชา หรือแม้แต่ขันทีในวัง ต่างก็เผลอหยุดหายใจยามสบตากับนางและยิ่งนางไม่เคยโอ้อวด กลับยิ่งทำให้ความงามนั้นทรงพลังยิ่งขึ้น ราวกับ เทพธิดาที่ไม่อาจแตะต้องแ

  • บุปผาข้ามภพ วิชาหมอจากแดนไกล   บทที่26 กระบี่ปะทะแสงตะวัน

    ค่ำคืนหนึ่ง เสียงฝีเท้าทหารเร่งรีบดังขึ้นที่กระโจมแม่ทัพซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองหลวง นายทหารหนุ่มคุกเข่าลงทันที “แม่ทัพ! ข้ามีข่าวด่วน—องค์หญิงบุญธรรมซูอี้เหม่ยถูกใส่ร้ายว่าปรุงยาพิษในโรงหมอหลวง โชคดีที่พิสูจน์ความจริงได้ทัน ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงคงป่นปี้ไปแล้ว!”หลงเทียนอวี่ที่นั่งอ่านแผนการทัพเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาคมสว่างดั่งเปลวไฟ “ใส่ร้ายงั้นหรือ?”เสียงทุ้มเย็นเยียบจนแม้แต่ทหารผู้กล้าก็ต้องก้มศีรษะต่ำ เหงื่อซึมเต็มแผ่นหลังแม่ทัพหนุ่มกำหมัดแน่น ความโกรธผสมความห่วงใยถาโถมในใจ “อี้เหม่ย…เจ้าอยู่ท่ามกลางเล่ห์กลในวัง แต่ข้าไม่อยู่เคียงข้าง…นี่คือความผิดของข้า”ไม่นานนัก เขาตัดสินใจแน่วแน่ “เตรียมม้า ข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้!”รุ่งเช้าวันถัดมา วังหลวงสั่นสะเทือนเมื่อแม่ทัพหลงเทียนอวี่ปรากฏกาย ดวงตาคมกริบพุ่งตรงไปยังตำหนักรัชทายาทขันทีพยายามห้าม “แม่ทัพ…เวลานี้รัชทายาทกำลัง…”“ถอย!” เสียงคำรามดังก้อง ขันทีทั้งหลายต่างหน้าซีด รีบเปิดทางภายในตำหนัก รัชทายาทหยางเจิ้นอี้กำลังนั่งจิบชาพูดคุยกับซูอี้เหม่ยอย่างสบายใจ เมื่อประตูถูกผลักออกอย่างแรง ร่างสูงใหญ่ของแม่ทัพก้าวเข้ามา กลิ่นดาบและกลิ่นสง

  • บุปผาข้ามภพ วิชาหมอจากแดนไกล   บทที่25 เมล็ดพิษแห่งริษยา

    ภายในตำหนักของฮองเฮา องค์หญิงหลงหลงเดินวนไปมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ นางได้ยินข่าวซุบซิบจากนางกำนัลทั้งหลายว่า องค์รัชทายาทหยางเจิ้นอี้ติดตามอี้เหม่ยไปทุกหนทุกแห่งในวัง ทั้งโรงหมอหลวง สวนเหมย หรือแม้กระทั่งระเบียงตำหนักบุญธรรม“ไม่อาจเป็นเช่นนี้!” หลงหลงกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาวาวโรจน์ “แม่ทัพหลงคือของข้าอยู่แล้ว แต่ตอนนี้รัชทายาทกลับเฝ้าอี้เหม่ยทุกวัน หากปล่อยไป ทั้งสองบุรุษสำคัญที่สุดในวังจะตกอยู่ในเงาของนางหมด!”นางกำนัลคนสนิทเอ่ยเบา ๆ “องค์หญิง โปรดใจเย็น หม่อมฉันคิดว่าหากมีวิธีทำให้อี้เหม่ยเสียชื่อ นางจะหมดสิทธิ์ยืนในวังโดยปริยาย”ดวงตาของหลงหลงทอประกายร้ายทันที “ใช่…ถ้านางถูกประณามต่อหน้าฝ่าบาทและรัชทายาท เช่นนั้นนางก็สิ้นชื่อ!”หลายวันต่อมา ข่าวลือแพร่ไปทั่ววังว่า ยาที่ใช้รักษาทหารในโรงหมอหลวงมีพิษแฝงอยู่ ทำให้ผู้ป่วยบางคนอาการทรุดหนัก บางคนถึงขั้นเสียชีวิตอย่างน่าสงสัยขุนนางฝ่ายตรงข้ามรีบใช้โอกาสนี้ กราบทูลต่อฮ่องเต้ว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินว่าในตำรับยาที่องค์หญิงบุญธรรมซูอี้เหม่ยเป็นผู้จัด มีส่วนผสมของสมุนไพรต้องห้าม หากปล่อยไว้เกรงว่าจะเป็นภัยแก่ราษฎร!”ฮ่องเต้ทรงตกพระทัยทันที “อี้

  • บุปผาข้ามภพ วิชาหมอจากแดนไกล   บทที่24 เพลิงรัก

    วังหลวงหลังพิธีฉลองชัยชนะกลับเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ ผู้คนซุบซิบถึงความงามล่มเมืองของซูอี้เหม่ยไม่ขาดปาก ข่าวแพร่ไปทั่วว่า ฮ่องเต้ทรงรับนางเป็นบุตรบุญธรรมและพระราชทานตำแหน่งสูงสุดแห่งแพทย์หญิง ยิ่งทำให้ขุนนางบางกลุ่มหวาดหวั่น บางกลุ่มกลับโลภอยากชิงนางไปครอบครองในทุกเช้า ยามอี้เหม่ยก้าวออกจากตำหนักบุญธรรม องค์รัชทายาทหยางเจิ้นอี้จะปรากฏกายทันที ราวกับรออยู่แล้ว“องค์หญิง วันนี้ข้าขอพาเจ้าไปชมสวนหลวงเถิด ดอกเหมยเพิ่งบานงามดุจเจ้า”นางเพียงก้าวเดินนิ่ง ๆ สายตาเยือกเย็น “ดอกไม้จะบานหรือร่วง ข้าไม่ใส่ใจนัก หากท่านปรารถนาเพื่อนคุย ข้าเกรงว่าข้าไม่เหมาะ”เจิ้นอี้หัวเราะเบา ๆ อย่างไม่ถือสา “ยิ่งเจ้าใจแข็ง ข้ายิ่งอยากอยู่ใกล้ หากเจ้ามิยอมคุย ข้าก็จะเดินเคียงข้างจนกว่าจะยอม”ทหารในวังและขันทีต่างมองกันไปมา ซุบซิบว่าองค์รัชทายาทไม่เคยทุ่มเทพอใจต่อสตรีใดเช่นนี้มาก่อนอีกฟากหนึ่ง หลงเทียนอวี่กลับไม่ค่อยเข้าวัง ยังคงคุมกองทัพอยู่ยามเช้า แต่ทุกค่ำคืนเขาจะมาที่ตำหนักบุญธรรมของอี้เหม่ยเงียบ ๆ บางคราเพียงยืนอยู่หน้าตำหนักแล้วจากไปคืนหนึ่ง อี้เหม่ยเปิดประตูพบเขายืนอยู่ในเงาแสงจันทร์ “แม่ทัพหลง ท่านมาเฝ้

  • บุปผาข้ามภพ วิชาหมอจากแดนไกล   บทที่23 การสรรเสริญ​

    กลองชัยยังคงดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งนครหลวง ประชาชนแห่แหนกันแน่นสองฝั่งถนนเพื่อรอรับกองทัพผู้พิชิต กลิ่นธูปและควันไฟจากการเฉลิมฉลองอบอวลไปทั่วอากาศ เด็กเล็กตะโกนด้วยความตื่นเต้น “แม่ทัพกลับมาแล้ว! ชัยชนะของแผ่นดิน!”แถวทหารเดินเป็นระเบียบเรียงรายราวสายธารเหล็กยาวเหยียด เกราะสะท้อนแสงแดดยามบ่ายจนแสบตา ธงมังกรทองปลิวสะบัดอยู่เหนือศีรษะ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความภาคภูมิเบื้องหน้าขบวนนั้น แม่ทัพหลงเทียนอวี่ควบม้าเข้ามาอย่างสง่างาม ชุดเกราะดำปักทองที่ห่อหุ้มร่างสูงสง่าเปล่งรัศมีอำนาจจนผู้คนมิอาจสบตาได้นาน ดวงตาคมนิ่งสงบแต่กลับแฝงแรงกดดันจนท้องถนนทั้งสายเหมือนจะสงัดลงในบัดดลเบื้องหลังเขา คือรถม้าสีงาช้างที่ประดับด้วยลายมังกรอ่อนช้อย ใช้สำหรับบรรทุกบุคคลสำคัญ—ซูอี้เหม่ย ผู้เป็นดั่งดวงใจแห่งชัยชนะครั้งนี้นางนั่งเงียบสงบภายในรถม้า ผ้าคลุมบางสีงาช้างปกปิดโฉมหน้าล่มเมือง แม้เสียงโห่ร้องดังก้องจากมวลชนรอบทาง นางก็ยังคงสงบนิ่ง แต่หัวใจกลับเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เพราะรู้ดี—การกลับสู่นครหลวงครั้งนี้ ไม่ได้หมายถึงความสงบสุข หากคือการเริ่มต้นของเกมอำนาจที่ลึกล้ำยิ่งกว่าเดิมท้องพระโรงใหญ่ถูกประดับประดา

  • บุปผาข้ามภพ วิชาหมอจากแดนไกล   บทที่22 ชนะศึก

    ค่ายศึกหลังชัยชนะยังคงอบอวลด้วยกลิ่นเลือดและควันไฟ ทหารบางส่วนร้องไห้ให้เพื่อนที่สิ้นลม บางส่วนยกถ้วยเหล้าเฉลิมฉลองต่อหน้าซากศพ ความโหดร้ายและความดีใจผสมปนกันจนไม่อาจแยกแยะได้กลางเต็นท์ที่เพิ่งรอดจากเปลวเพลิง ซูอี้เหม่ยนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่า มือยังคงพันผ้ารักษาบาดแผลให้ทหารทีละคน ใบหน้างามที่เพิ่งถูกเปิดเผยกลับไม่มีรอยยิ้ม—ดวงตาคมยังเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวหลงเทียนอวี่ก้าวเข้ามาในเต็นท์ เสียงเกราะเหล็กกระทบกันเบา ๆ ทำให้ทุกคนในเต็นท์รีบก้มศีรษะ ถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่ ภายในเหลือเพียงเขาและนาง“ท่านแม่ทัพ” เสียงอี้เหม่ยเรียบเย็น “หากท่านมาที่นี่เพื่อชมความงาม ข้าขอให้ท่านกลับไปที่กระโจมบัญชาการเถิด ที่นี่มิใช่ที่สำหรับเรื่องไร้สาระ”หลงเทียนอวี่หยุดยืนตรงหน้า ดวงตาคมยังคงจับจ้องนางอย่างไม่ปิดบัง “ข้าต่อสู้มาเนิ่นนาน รู้จักทั้งความตายและเลือดนับไม่ถ้วน แต่เมื่อครู่…เพียงได้เห็นใบหน้าของเจ้า หัวใจข้ากลับสั่นสะท้านยิ่งกว่าดาบของศัตรู”อี้เหม่ยเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากโค้งยิ้มเย็นเฉียบ “แม่ทัพหลง หากท่านสั่นไหวเพราะใบหน้าสตรี เช่นนั้นกองทัพแคว้นนี้ก็ไม่ต่างจากกระดาษแผ่นบางที่พร้อมฉีกขาด”คำพูด

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status