ณ เรือนกระจก
ซ่าาา!!! เสียงฝนยังคงกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ความเย็นจากน้ำฝนที่ตกลงมากระทบกับร่างฉันมันหนาว…หนาวจนทำฉันสั่นไปทั้งตัว แต่มันก็คงสั่นไม่เท่ากับใจของฉันตอนนี้หรอก ตึกตักๆๆ!! ตอนนี้ใจของฉันมันเต้นรัวขึ้นมาไม่พักเลย ตั้งแต่ได้รับคำขู่ที่น่ากลัวนั่น ใจฉันมันก็สั่นด้วยความกลัวจนแทบจะหายใจไม่ออกอยูแล้ว หลังจากได้รับคำขู่ที่น่ากลัวนั่น ฉันก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งเข้ามาในบ้านเพื่อตรงดิ่งไปหาคุณคิมหันต์ทันที ฉันวิ่งตามหาเขาทั่วทั้งบ้าน…แต่ก็ไม่เจอเขาเลย แต่มีอยู่ที่หนึ่งที่ฉันยังไม่ได้ไปเช็คดู และฉันคิดว่าเขา…ต้องอยูที่นี่แน่ๆ ที่ที่ฉันพูดถึงก็คือ…เรือนกระจกหลังบ้านยังไงล่ะ? หมับ!! ฉันยกมือที่สั่นจนควบคุมไม่ได้ของตัวเองขึ้นมาจับประตูบานใหญ่ของเรือนกระจก…ด้วยใจที่สั่นไหวเพราะความกลัวอย่างสุดขีด ฉัน…ไม่อยากเข้าไปเจอเขาเลย ฉันกลัว! กลัวว่าเข้าไปแล้วฉันจะต้องเจอกับสายตาที่น่ากลัวนั่นของเขาอีก แต่ถ้าไม่เข้าไปหาเขาตามคำสั่ง…มันก็คงจะน่ากลัวไม่ต่างกันเลยสินะ “เฮ้อออ!!” แอ๊ดดด!! ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เพื่อรวบรวมสติของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจผลักประตูเข้าไปในเรือนกระจกด้วยใจและร่างที่สั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ แม้วันนี้จะไม่มีแสงจันทร์ที่ส่องสะท้อนเข้ามาในเรือนกระจก แต่ก็ยังมีแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่รอบๆเรือนกระจก และแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่นั้นก็ทำให้ฉันมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน ดอกกุหลาบสีแดงที่เบ่งบานออกมาอย่างเต็มที่ปรากฎขึ้นต่อหน้าฉัน ดอกกุหลาบพวกนี้ทำให้ฉันหวนนึกถึงความทรงจำอันน่าขนลุกที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นมันยังคงติดอยู่ในหัวฉันอย่างชัดเจนไม่หายไปไหน ตึกๆๆ!! ทุกครั้งที่ฉันก้าวเท้าเดินลึกเข้าไปในเรือนกระจก ขาฉันมันก็เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ผิดกับใจที่เต้นโครมครามด้วยความกลัวจนทำฉันอึดอัดไปหมด กึก!! ขาที่อ่อนแรงของฉันก่อนหน้านี้กลับแข็งตัวจนต้องหยุดชะงักลงทันที เมื่อในที่สุด…ฉันได้มาเจอกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุดอยู่ตรงหน้าจนได้ ร่างของชายที่คุ้นเคยในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่ถูกพับขึ้นมาครึ่งแขน กำลังนั่งแผ่อยู่บนโซฟาในท่าไขว่ห้าง เขากำลังนั่งจ้องมองตรงมาที่ฉันอย่างไม่ลดละสายตา พร้อมกับคีบมวนบุหรี่ที่ถูกจุดไฟไว้ในมือข้างขวา ก่อนที่เขาจะยกมันขึ้นไปสูบสิ่งที่อยู่ในมือซะเต็มปอด “ฟู่วววว!!!” ควันบุหรี่จำนวนมากถูกพ่นออกมาปากของคนตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาสูบบุหรี่เลยก็ว่าได้ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาสูบบุหรี่ด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบุหรี่รึเปล่านะ? ฉันถึงได้รู้สึกว่าท่าทีของเขาและบรรยากาศรอบๆตัวเขาตอนนี้ถึงได้ดูน่ากลัวมากขึ้นไปหลายเท่าตัวเล “เธอมาสายนะ…เกวลิน” เสียงที่เรียบนิ่งของคุณคิมหันต์ทำฉันตัวแข็งทื่อจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน ไม่กล้าแม้แต่จะพ่นลมหายใจของตัวเองออกมาเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะแววตาเรียบนิ่ง เยือกเย็น ที่กำลังจับจ้องมาที่ฉันอย่างคาดโทษคู่นั้น ยิ่งทำให้ฉันกลัวจนหายใจไม่ออกเลย “…” ฟุ่บ!! เพราะความกลัวฉันเลยได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ขยับไปไหนไม่ได้เลย จนกระทั่งในที่สุดก็เป็นเขาซะเองที่เป็นฝ่ายลุกขึ้นมาจากโซฟา และก้าวเท้ามุ่งตรงมาหาฉันอย่างเชื่องช้า วินาทีที่เขาเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ ฉันรู้สึกเหมือนว่าใจฉัน…มันเริ่มหดเล็กลงไปเรื่อยๆด้วยเหมือนกัน ตอนนี้ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าไปมองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาเลยจริงๆ แต่ในความเป็นจริงฉันหลีกเลี่ยงเขาไม่ได้เลย สุดท้ายแล้ว…เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าฉันจนได้ “ฟู่ววว!!” ควันบุหรี่จำนวนมากถูกพ่นออกมาจากคนตัวสูงที่ยืนอยู่ในระยะประชิดตรงหน้าฉันอีกครั้ง ควันพวกนั้นมันถูกพ่นลงมาเต็มหน้าฉัน กลิ่นของมันที่ฉันเผลอสูดเข้าไปในปอด มันเหม็นและแสบคอจนทำฉันสำลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “แค่กๆๆ!!” หมับ!! ฉันยังไม่หายจากอาการสำลักควันบุหรี่ดีเลยด้วยซ้ำ แต่แล้วมือหนาของคุณคิมหันต์ก็ยกขึ้นมาบีบคางฉันไว้แน่น ก่อนที่เขาจะบังคับให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของเขาอย่างเอาแต่ใจ "ฉัน...จะทำยังไงกับเธอดีเกวลิน?" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาอย่างเรียบนิ่ง บวกกับแววตาที่ก้มลงมามองฉันของเขา...มันทั้งเรียบนิ่ง ทั้งเยือกเย็น ไม่มีแววตาของความอ่อนโยนเลยสักนิด ฉันเกลียดมันจริงๆ ฉันเกลียดสายตาที่น่ากลัวของเขาแบบนี้จริงๆ "ทำไมคะ…ทำไมคุณต้องโกรธเกวด้วย??" ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พร้อมกับจ้องมองกลับเข้าไปในดวงตาของเขาด้วยแววตาที่สั่นไหว "เพราะเธอ...ไม่เชื่อฟังฉันไง…เกวลิน" "..." ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด ฉันรู้ว่าเขาโกรธฉันเพราะทิวเขาแน่ๆ แต่ทำไมล่ะ? ทำไมเขาต้องโกรธด้วย ทั้งๆที่ความจริงแล้ว…มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด ตึกๆๆ!! คุณคิมหันต์จ้องมองมาที่ฉันก่อนจะละสายตาออกไป แล้วค่อยๆก้าวเท้าเดินอ้อมไปยืนอยู่ข้างหลังฉันในระยะประชิด ฉันรู้สึกได้ว่าเขายืนอยู่ใกล้ฉันมาก ใกล้มากจนฉันได้ยินเสียงลมหายใจของเขาที่ดังรดอยู่ใกล้ใบหูอย่างชัดเจน “ฟู่วววว!!” ควันบุหรี่ถูกพ่นออกมาจากข้างหลังของฉันอีกแล้ว กลิ่นของมันยังคงเหม็นและชวนแสบคอจนฉันต้องคอยกลั้นหายใจ เพื่อไม่ให้ตัวเองสูดเอาควันพวกนี้เข้าไปในปอด ฟึ่บ!! แต่หลังจากที่เขาพ่นควันบุหรี่ออกมาแล้ว คุณคิมหันต์ก็ทิ้งก้นบุหรี่ที่เหลือลงพื้น ก่อนจะใช้เท้าของตัวเองเหยียบลงไปซะเต็มแรง “ฉันจะลงโทษเธอยังไงดีเกวลิน?” ฟึ่บ!! สิ้นเสียงพูด ฉันรู้สึกได้ถึงมือหนาทั้งสองข้างของเขากำลังเลื่อนขึ้นมาสัมผัสเข้ากับแผ่นหลังของฉันผ่านเสื้อนักศึกษาที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนของตัวเอง และดูเหมือนว่าตำแหน่งที่มือเขาเลื่อนผ่านมันจะเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ไหล่ทั้งสองข้างของฉัน “คุณคิมหันต์! คุณจะทำอะไรของคุณน่ะ?!” ฉันร้องลั่นออกมาเสียงดังเมื่อจู่ๆคุณคิมหันต์ก็เอื้อมมือตัวเองลงมาปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของฉันอย่างว่องไว หมับ!! ความคิดที่ฉันจะผลักมือของเขาออกไปของฉัน สุดท้ายมันก็ช้ากว่าคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังจนได้ เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มดิ้นหนี คุณคิมหันต์ก็รีบเอามือข้างหนึ่งของตัวเองคว้าเอวฉันเข้าหาตัวเขา ก่อนจะกระชับแขนที่กอดเอวฉันไว้ซะแน่นจนฉันแทบจะดิ้นไปไหนไม่ได้เลย “ชู่ววว!! นิ่งๆไว้สิเกวลิน นิ่งเหมือนตอนที่เธอยืนนิ่งๆให้ไอ้เด็กนั่นจูบก่อนหน้านี้ไง!!” เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว เพราะเสียงกระซิบอันแหบพร่าและเยือกเย็นของเขาที่ดังขึ้นมาอยู่ข้างหูฉันในตอนนี้ “มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดซะหน่อย!” “ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นมายังไง ฉันรู้แค่ว่าเธอ…จูบกับผู้ชายคนอื่น…ที่หน้าบ้านของฉัน…และต่อหน้าฉัน…” กึด!! เขายังคงพูดความคิดของตัวเองออกมา ในขณะที่มืออีกข้างก็ยังคงไล่ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของฉันออกไปเรื่อยๆ จนตอนนี้กระดุมเสื้อมันถูกปลดออกไปหมด จนเผยให้เห็นชุดชั้นในที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เสื้อนักศึกษา และบางสิ่งที่มันแทบจะล้นออกมาจากชุดชั้นในก็ปรากฎตัวออกมาซะเด่นหรา ทั้งๆที่มันน่าอายแต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย ฉันขยับตัวห้ามการกระทำที่ล่วงเกินของเขาไม่ได้เลยสักนิด “ปล่อยเกวนะ!!” “เธอควรจะอ้อนวอนขอให้ฉันยกโทษให้มากกว่านะเกวลิน เหมือนที่เธอทำก่อนหน้านี้ไง” คำพูดของคุณคิมหันต์ทำให้ฉันนึกถึงคำพูดที่ฉันเคยพูดกับเขาก่อนหน้านี้ คำพูดอ้อนวอนร้องขอไม่ให้เขาโกรธฉัน ตอนนั้นเพราะความกลัวฉันเลยเผลอพูดอะไรที่ไร้เหตุผลแบบนั้นออกไป แต่ตอนนี้ฉันได้สติขึ้นมาแล้วล่ะ ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันไม่ควรพูดคำนั้นออกมาเลย เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย มันไม่มีเหตุผลอะไรให้ฉันต้องขอโทษหรือร้องขอการอภัยอะไรจากเขาเลยสักนิดอ่ะ “แต่เกว…ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย!!” ฉันพูดพลางพยายามดิ้นรนให้รอดพ้นจากอ้อมแขนแกร่งของเขา “หึ! ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่รู้ตัวสินะว่าตัวเองทำอะไรผิด…” น้ำเสียงของเขามันฟังดูสั่นเครือเล็กน้อย มันฟังดูเหมือนคนที่กำลังกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธยังไงยังงั้นเลย เพราะน้ำเสียงที่น่ากลัวนี่รึเปล่านะ? ใจฉันมันถึงได้หวิวๆขึ้นมาราวกับรับรู้ได้ว่ามันกำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นต่อจากนี้เลย “ปล่อยเกวนะคุณคิม!! ฮึกๆ” ฉันพยายามดิ้นให้แรงขึ้นเพื่อหวังจะหลุดพ้นจากอ้อมแขนแกร่งของเขาสักที แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของฉันมันสูญเปล่าไปหมด แรงอันน้อยนิดของฉัน ทำอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด และเพราะแบบนั้นน้ำตาที่ฉันพยายามอดกลั้นมาก่อนหน้านี้มันก็ดันไหลพรากออกมาเป็นสายอย่างห้ามไม่อยู่ ตุบ!! สิ่งที่เขาทำกับฉันต่อจากนั้นคือการผลักร่างของฉันลงมาบนโซฟาอย่างแรง จนฉันล้มหน้าคว่ำลงไปกองอยู่บนโซฟา “0_0!!” หมับ!! ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตั้งสติดีเลย แต่แล้วฉันกลับต้องเบิกตาโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆคุณคิมหันต์ตามลงมาประชิดตัวฉันอย่างไว ก่อนจะเอื้อมมือตัวเองจากข้างหลังมาจับหน้าฉันไว้ แล้วบังคับให้ฉันหันกลับไปมองเขาที่นั่งประชิดตัวอยู่ข้างหลังไม่ห่าง “เพราะฉัน…ไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของของฉันไงล่ะ…เกวลิน”“อ้ะ!” ฉันร้องลั่นขึ้นมาเมื่อคนตัวสูงกระแทกเอวสวนจนรู้สึกจุกไปหมด“แต่ฉันชอบสุดๆไปเลยล่ะ~” เสียงกระซิบบองชอบที่แหบพร่า บวกกับแววตาหื่นกระหายของคนตรงหน้าทำให้ความเขินอายที่มีในตอนแรก เลแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก“จุ๊บ!! อื้ม~” ฉันก้มลงไปประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากหนา จู่ๆฉันก็เกิดความคิดประหลาดๆขึ้นมา คราวนี้ฉันอยากจะลองเป็นคนเดินเกมส์ดูบ้าง ฉันอยากจะรู้…ว่าฉันสามารถทำให้คนตรงหน้าเสียสติได้มาก เท่ากับที่เขา…ทำให้ฉันเสียสติจวนจะบ้าตายอย่างในตอนนี้รึเปล่านะ?ฉันส่งเรียวลิ้นของตัวเองเข้าไปเกี่ยวตระหวัดดูดเม้มกับเรียวลิ้นของเขาอย่างร้อนแรง เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน และช่วงชิมรสหวานจากปากของเขาอย่างหื่นกระหาย เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน“อืมมม~” เสียงครวญครางที่ดังออกมาจากในลำคอของคนใต้ร่าง มันทำให้ฉัพอใจมากเลยล่ะ แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก ฉันอยากเห็นเขา…พอใจสัมผัสของฉันมากกว่านี้“อ่าส์ เกว~” ฉันเปลี่ยนตำแหน่จาริมฝีปากของคนตัวสูง มาซุกไซร้ซอกคอแกร่งของเขาแทน ฉันใช้เรียวลิ้นของตัวเองไล้เลียและดูดเม้มไปตามผิวเนียนของเขาอย่างหื่นกระหาย ให้เหมือนกับที่เขาทำกับฉัน
วันต่อมาเมื่อวานหลังจากกลับมาจากห้องของคุณคิมหันต์แล้ว ฉันก็นั่งทำโอทียาวมาจนถึงเช้าเลยล่ะ ยังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยกริ๊งงง!! ระหว่างที่กำลังนั่งเฝ้าล็อบบี้รอเวลาออกกะอยู่นั้น เสียงมือถือที่วางอยู่หน้าล็อบบี้ก็ดังขึ้นมา รินณ์ที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆเลยทำหน้าที่รับสายแทน“สวัสดีค่ะ”“อาหารเช้าสองที่เหรอคะ?”“ได้ค่ะ เดี๋ยวทางเราจะเตรียมไว้ให้นะคะ”“ให้ใครไปเสริฟ์นะคะ?”“พนักงานที่ชื่อ…เกวลิน”“ได้ค่ะ อีกสามสิบนาทีเราจะเอาอาหารไปให้นะคะ”ทันทีที่วางสายฉันกับรินณ์หันมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย“มีอะไรเหรอรินณ์?” “ก็แฟน…เอ่อ…คุณคิมหันต์อ่ะ เขาขอให้เกวเอาอาหารเช้าเสริฟ์ให้น่ะสิ” รินณ์มองซ้ายมองขวาก่อนจะเขยิบมากระซิบใกล้ๆฉันคุณคิมหันต์ให้ฉันเอาอาหารไปเสริฟ์ให้เนี่ยนะ? คิดจะแกล้งอะไรฉันอีกล่ะเนี่ย?ห้องพักกริ๊งงง!! ฉันกดออดที่หน้าห้องพักของคุณคิมหันต์ หลังจากที่เข็นรถเข็นอาหารมาส่งให้เขาถึงหน้าห้อง ตามคำสั่งที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้แอ๊ดดด!! ผ่านไปเพียงไม่กี่วิ คนตัวสูงก็เปิดประตูห้องออกมา แต่ทันทีที่ฉันเห็นร่างของคนที่อยู่ในห้อง ฉันถึงกับเบิกตาโ
ห้องพักวีไอพีกริ๊งงง!! ฉันตัดสินใจกดออดหน้าประตูห้องพักวีไอพีห้องหนึ่ง หลังจากที่ยืนทำให้อยู่หน้าห้องมาได้สักพักหนึ่งแล้วแอ๊ดดด!! ผ่านไปไม่กี่วินาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาช้าๆ ก่อนจะปรากฏร่างของคนตัวสูงที่ยืนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์อยู่หลังประตู“ฉันเอากระเป๋ามาให้…”หมับ!! ยังไม่ทันที่จะพูดจบ คนตัวสูงก็คว้าร่างฉันเข้าไปในห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ลากเข้ามาในห้องด้วยกันอีกทีปัง!! ฉันสะดุ้งตกใจเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมาซะลั่นห้อง “คุณคิมหันต์! คุณจะทำอะไรเนี่ย?”ตุบ!! คนตัวสูงเตะกระเป๋าใชเดินทางใบใหญ่ของตัวเอทีกันเองมาด้วยออกไป ก่อนจะดันตัวฉันให้ติดกับประตห้องไม่ให้ไปไหน“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเกวลิน”“นั่นน่ะสิค่ะ เกวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ในฐานะแขกวีไอพีด้วยเหมือนกันค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ออกจะดุนิดหน่อย “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”“ฉันคิดถึงเธอเกว~”ตึกตักๆๆ!! คนตัวสูงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเลี่ยงตอบคำถามของฉัน เป็นการกระซิบเบาที่ข้างหูฉันแทน ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีทำให้ฉันใจสั่นขึ้นมาได้ดีเลยล่ะ“เราไม่ได้เจอกันตั้งเดือนนึงเลยนะเก
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาผ่านไปเร็วราวกับพลิกหน้ากระดาษ ตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่ฉันมาฝึกงานที่นี่ ทุกๆวันที่อยู่ที่นี่ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงคนที่ตัวเองรักอย่างคุณคิมหันต์ แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ยังสนุกกับการฝึกงานที่นี่อยู่นั่นแหละและดูเหมือนว่าใกล้ถึงเวลาที่ฉันจะกลับไปหาคนที่ตัวเองรักสักที“เอ้า! ทุกคน ใกล้ถึงเวลาที่แขกวีไอพีขอบโรงแรมจะมาแล้ว รีบออกมาต้อนรับกันเร็ว” เสียงของผู้จัดการตะโกนร้องเรียกพนักงานทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้โรงแรมเมื่อสองวันก่อนผู้จัดการแจ้งมาว่าในวันนี้จะมีแขกวีไอพีมาพักที่โรงแรม ซึ่งแขกคนนี้เป็นแขกคนสำคัญมากๆเลยล่ะ ลือกันว่าเขาเป็นเพื่อนของท่านประธานคนใหม่ของที่นี่ ดังนั้นเราจึงต้องให้การต้อนรับแขกวีไอพีคนนี้ให้ดีที่สุดและห้ามทำอะไรผิดพลาดโดยเด็ดขาด“ไปกันเถอะเกว” เสียงของรินณ์ที่ยืนอยู่หน้าล็อบบี้เรียกให้ออกไปยืนรอด้วยกัน“อื้อ!” ฉันกันรินณ์ออกไปรอต้อนรับแขกวีไอพีคนดังกล่าวที่หน้าประตูโรงแรม พร้อมกับผู้จัดการและพี่แอนเอี๊ยดดด!! ยืนรอกันได้อยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงแรมพนักงานชายเดินไปเปิดประตูรถ ก่อนท
หลังจากได้ฟังคำตอบจากปากของเกวลินแล้ว สิ่งที่ค้างคาใจผมในตอนแรกก็คลายลง ผมตัดสินใจเดินออกมาจากร้านนั้น แล้วก็มาเดินเล่นที่ริมหาดกับไอ้กวินท์แทนระหว่างที่เดินเล่นอยู่ผมก็ทบทวนคำพูดของเกวลินอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เกวลินต้องการมาตลอดก็คืออิสระ เพราะเธอโตมากับตระกูลของผม เลยทำให้เธอคิดว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณตระกูลของผม ไอ้สิ่งที่ผูกมัดเกวลินมาตลอดคือ…ตระกูลอัศวนันทร์ และตัวผมนี่แหละผมไม่อยากสูญเสียเกวลินไป ผมอยากให้เกวลินอยู่กับผมไปตลอดเลยด้วยซ้ำ เพราะผมรักเธอ แต่มันคงไม่ง่ายสำหรับเกวลิน แม้เธอจะรักผม แต่เธอก็มีความต้องการเหมือนกัน และสิ่งที่เธอต้องการก็คือ…อิสระ เธอต้องการอิสระมาโดยตลอด เพราะงั้น…ผมตัดสินใจแล้วว่าผม…จะยอมให้อิสระกับเกวลิน อย่างที่เธอต้องการ“ดูเหมือนแกกับเด็กคนนั้นจะรักกันมากเลยนะ” ไอ้กวินท์พูดเหมือนเด็กฝึกงานที่มากับเกวลินไม่มีผิด“ไม่ใช่เรื่องของแก”“ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นแกร้อนรนแบบนี้อ่ะ”“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเหอะ”“นี่! ฉันกำลังเตือนสติแกอยู่นะเว้ย! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรน้องเขาถึงหนีมาอยู่ที่นี่ได้อ่ะ แต่จากที่ฟังเมื่อกี้…น้องเขาคงจะรัก
[คิมหันต์]ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งผมขับรถตามรถของเกวลินมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมทะเลร้านหนึ่ง เกวลินกันเพื่อนของเธอคงจะมากินอาหารกันที่นี่ ผมไม่อยากให้เกวบินคลาดสายตาผมไป เลยตามเกวลินเข้ามาในร้านด้วยเหมือนกันแต่ผมไม่เข้าใจว่าไอ้กวินท์มันจะตามผมมาถึงที่นี่ด้วยทำไมเนี่ย?“นั่งตรงนี้มั้ยเกว?”“ได้สิ” เกวลินกับเพื่อนของเธอเลือกนั่งลงบนโต๊ะๆหนึ่งในร้านอาหาร ฟุ่บ!! ผมที่เดินตามอยู่ห่างๆ เลยเดินเข้าไปนั่งใกล้กับโต๊ะของเกวลิน ซึ่งระยะห่างระหว่างผมกันเกวลินก็ห่างกันเพียงแค่โต๊ะอาหารคั่นกลางไว้แค่โต๊ะเดียวเท่านั้นตุบ!! ส่วนไอ้กวินท์ที่ตามติดมาด้วยก็ดันเลือกที่จะมานั่งข้างๆผมอีกซะงั้น ที่มีตั้งเยอะแยะจะมานั่งติดผมทำไมเนี่ย?“แกจะตามฉันมาด้วยทำไมเนี่ย?”“ฉันไม่ได้ตามแกมาซะหน่อย ลืมไปแล้วรึไงว่ารถที่แกขับมาน่ะ รถฉันเว้ย!” มันพูดด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ความจริง ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่โรงแรมล่ะ ไอ้กวินท์เอาแต่ชะเง้อมองตามใครสักคนอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างจากผมเลยสักนิด และผมก็เดาว่าคนที่มันกำลังตามอยู่คงจะเป็นเพื่อนที่อยู่กับเกวลินตอนนี้แน่ๆ“ใครว่ะ? แฟนเหรอ?” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม
[คิมหันต์]ณ บริษัท เอ.เอส.เอ็นก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูห้องทำงานหน้าห้องของผมดังขึ้น“เข้ามา” ธนินเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับอนุญาตจากผมแล้ว“เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นไงบ้าง?“ ทันทีที่เห็นหน้าของธนินผมก็เอ่ยถามถึงงานที่ผมมอบหมายไปให้เมื่อวานนี้ “ได้ที่อยู่ของคุณเกวลินมาแล้วครับ” ซึ่งก็เป็นเรื่องไหนไม่ได้เลน นอกจากเรื่องของเกวลิน ยัยตัวแสบที่แอบหนีผมไปไงล่ะ เมื่อวานทันทีที่รู้ว่าเกวลินหนีไป ผมก็รีบยกหูโทรหาให้ธนินไปสืบหาที่อยู่ของเกวลินทันที “เกวลินอยู่ไหน?”“คุณเกวลิน ย้ายไปฝึกงานอยู่ที่โรงแรมพาวิลเลียนที่ต่างจังหวัดครับ” ได้ยินชื่อโรงแรมที่ธนินเอ่ยแล้วผมถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพราะเหมือนว่าชื่อโรงแรมนี้จะฟังดูคุ้นหูเอามากเลยล่ะ“โรงแรมพาวิลเลียนเหรอ?”“ครับ โรงแรมในเครือตระกูลอัครวานิชครับ” และผมก็อดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ เมื่อสิ่งที่ผมสงสัยได้รับการยืนยันจากธนินโรงแรมพาวิลเลียน ในเครือตระกูลอัครวานิช คือโรงแรมที่ไอ้กวินท์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยของผมบริหารอยู่นี่เอง ตืดๆๆ!! ทันทีที่รู้ว่าเกวลินอยู่ที่นั่น ผมก็ไม่รอช้ารีบยกหูกดโทรออกหาไอ้กวินท์มันอย่า
[เกวลิน]“ยินดีต้อนรับน้องๆฝึกงานทุกคนเลยนะคะ” เสียงของผู้จัดการโรงแรมเอ่ยขึ้น หลังจากที่พาพวกเราที่เป็นเด็กฝึกงานใหม่ ไปแนะนำสถานที่ต่างๆในโรงแรมเสร็จแล้ว“ต่อไปนี้ก็ตั้งใจทำงาน แล้วก็ขอให้โชคดีกับการฝึกงานนะคะ” พี่แอนพี่พนักงานอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“ขอบคุณค่ะ” ฉันและเพื่อนอีกคนที่เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเอ่ยขอบคุณผู้จัดการและพี่แอนพร้อมๆกัน“วันนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ เราสองคนกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเริ่มงานพรุ่งนี้อีกที”“ได้ค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ” ร่ำลากันเสร็จผู้ตัดการกับพี่แอนก็เดินกลับไปทำงานของตัวเองกันต่อ เหลือไว้แค่ฉันกับเพื่อนร่วมฝึกงานกันอยู่สองคน“หวัดดี เราชื่อรินณ์นะ” เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาทักทายด้วยสีหน้าที่สดใส“หวัดดี เราชื่อเกว”“เกวมาจากกรุงเทพเหรอ?”“อื้อ แล้วรินณ์อ่ะ?”“เราเรียนที่นี่แหละ แล้วก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย” อ่อ เป็นคนที่นี่สินะ“อ่อ อื้ม!”“แล้วนี่…เกวจะกลับเลยรึเปล่า? เราไปกินข้าวกันมั้ย?”“โทษทีนะ พอดีเราเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อวานเองอ่ะ คงต้องขอตัวกลับไปจัดของที่ห้องก่อน” “อ่อ งั้นไม่เป็นไร ไว้ไปกินข้าวกั
[คิมหันต์]เช้าวันต่อมา พรึ่บ!! ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่หลับพักผ่อนจากกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อคืนไปทั้งคืนอย่างเต็มที่แล้ว แสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำในห้องของตัวเองสาดส่องเข้ามา ทำผมถึงกับต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตาของตัวเองให้คงที่ขวับ!! เมื่อสายตากลับมาอยู่ในสภาพคงที่แล้ว ผมจึงพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ด้วยความหวังที่ว่าจะเจอกันคนตัวเล็กอย่างเกวลินนอนอยู่ข้างๆกาย"..." แต่แล้วสิ่งที่ผมเจอมีเพียงแค่รอยยับของผ้าปูที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งร่างของคนตัวเล็กเกวลินตื่นแล้วเหรอ?ฟุ่บ!! ผมคิดว่าคนตัวเล็กคนจะตื่นก่อนผมไปแล้ว ผมจึงลุกออกจากเตียง ก่อนจะเดินหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาใส่ แล้วเดินออกไปจากห้อง ด้วยความหวังที่ว่าเกวลินคงจะอยู่ข้างนอกห้อง หรือที่ไหนสักที่ในบ้านนั่นแหละ"..." แต่ผมกลับต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจมากกว่าเดิม เมื่อลงมาแล้วไม่เจอกับเกวลินอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ในครัวก็ไม่อยู่ ในห้องรับแขกก็ไม่เจอ "เกวลิน!" ผมลองตะโกนร้องเรียกชื่อของคนตัวเล็ก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบรับกลับมาใจผมเริ่มสั่นไหวขึ้นมา จู่ๆความคิดที่ไม่ดีก็ดันโผล่เข้ามาในหัว ตอนนี้ผมกำลังคิดว่า