ด็กสาวที่ควรจะมีคู่ครองที่อายุอานามรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่เธอกลับมองข้ามผู้ชายที่เหมาะสมกับเธอไป ไม่ว่าเขาคนนั้น จะหล่อ รวย สายเปย์มากแค่ไหนเธอก็ไม่สน มีเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจเธอตลอดมา บอดี้การ์ดที่ปลดเกษียณไปแล้วถึงจะก่อนอายุไปนิดหน่อย พี่เอดานที่เล่านิทานสนุกที่สุดในสามโลกพร้อมกับเสียงร้องเพลงที่เพราะกว่านักร้องบางคนสะอีก เธอเฝ้ามองเขาและมองมาตลอด เขาเหมือนกำลังพยายามหนีเธอ แต่คนอย่างเธอจะไม่มีวันปล่อยเขาหลุดมือไป ต่อให้เปลือยหมดตัวก็ต้องได้เขากลับมารวมชายคาบ้าน
ดูเพิ่มเติม"ได้เวลาเข้านอนแล้วนะครับคุณหนู"
เสียงเรียกจากหนุ่มหล่อที่มีหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดคอยดูแลความปลอดภัยให้กับเธอดังขึ้นเมื่อนี่เป็นค่ำคืนแรกที่เธอจะต้องเข้านอนเพียงคนเดียวตามคำขอเชิงบังคับของผู้เป็นพ่อเลี้ยงของเธอที่ต้องการจะผลักดันให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่และสามารถช่วยเหลือดูแลตัวเองได้
"พี่เอดานอุ้มลูกจันทร์ไปหน่อยสิคะ"
เด็กสาววัยสามขวบเงยหน้าขึ้นจากหนังสือนิทานที่เธอยังอ่านไม่ออกด้วยซ้ำไปอาศัยแต่ดูรูปภาพสีสันสดใส เธออ้าแขนกว้างให้เขาพาเธอไปยังเตียงนอนที่อยู่ไม่ไกลด้วยความออดอ้อนตามประสา
"ครับ"
เด็กสาวถูกอุ้มขึ้นทำท่าเหมือนจะถูกโยนกรีดร้องหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานก่อนจะถูกวางลงบนเตียงนอน ลูกจันทร์มองชายตรงหน้าเธอด้วยความปรารถนาเกินเด็กเธออยากให้เขามาพาเข้านอนแบบนี้ทุกวันมันอบอุ่นหัวใจยังไงก็ไม่รู้
แต่หน้าที่บอดี้การ์ดไม่ได้จบเพียงแค่นั้นเอดานยังต้องเล่านิทานที่ไม่ใช่งานถนัดต่ออีกสองสามเรื่องเด็กตัวน้อยถึงยอมนอนและเขาก็ได้กลับออกไป
เหตุการณ์แบบนี้วนเวียนอยู่เป็นปีลูกจันทร์ถึงหายหวาดกลัวการเข้านอนเพียงคนเดียวและยอมเข้านอนเองโดยไม่ต้องมีเอดานมาส่งเข้านอน
"พี่เอดาน"
อีกอย่างที่เด็กวัยสามขวบทำทุกวันคือการยื่นจานขนมที่เธอชอบกินให้กับเขาหลังอาหารเช้า อาจจะดูขัดใจพ่อเลี้ยงของเธอไปหน่อยแต่มีแม่เลี้ยงคอยให้ท้ายเธอก็เลยกล้าทำแต่เหตุการณ์นี้ไม่เคยมีวันหยุดพักเพราะเธอทำมันทุกวัน ก็ของอร่อยเธอชอบกินก็อยากให้เขากินด้วยถึงจะเอามาจากเตาอบในครัวเดียวกันที่เขาเข้าไปกินข้าวทุกวันก็ตาม
"ครับ"
บอดี้การ์ดก็มีหน้าที่โค้งคำนับรับทุกอย่างจากเจ้านายแต่คนอย่างเขาไม่เคยชอบขนมแต่คุณหนูให้มาเขาก็ต้องรับไว้และแอบเอาไปคืนในครัวทุกวัน คนมันไม่ชอบกินจะบังคับกันได้ยังไงและถ้าเขากินทุกวันป่านนี้คงเป็นเบาหวานไปแล้วก็แต่ละชนิดที่เธอจัดมาในจานส่วนมากมีแต่ช็อกโกแลต
"เอาขนมมาเก็บให้คุณหนูเหรอเอดาน ใส่ตู้เย็นเอาไว้เลยเธอชอบมาเปิดกินตอนบ่ายๆ "
ร่างใหญ่ทำเหมือนทุกวันที่ได้รับขนม เขาจะหยิบกล่องกระดาษสำหรับใส่ขนมขึ้นมาแล้วนำของในจานใส่ลงไปปิดกล่องให้เรียบร้อยนำไปแช่เย็นเอาไว้เดี๋ยวพอตกบ่ายก็จะมีเด็กหญิงที่เล่นจนหิวโซวิ่งมาหยิบกินโดยไม่รู้ว่านั้นคือของที่ตัวเองให้คนอื่นไปแล้วมันอาจดูไม่ดีในสายตาคนอื่นถ้ามีใครรู้เข้าแต่สำหรับเขานี้คือการทำดีที่สุดสำหรับเด็กอายุคราวลูกคนนั้นดีกว่าเอาไปทิ้งหรือถ้าเอาไปให้คนอื่นก็คงเกิดเรื่องตามมาอีก
"พี่เอดานค่ะ แวะร้านหลังสือด้วยนะ"
เด็กสาวที่ขยับอายุขึ้นมาในอีกเจ็ดปีเดินร่างท้วมขึ้นรถหลังจากเลิกเรียนแล้ว ในมือยังมีแต่ของกินที่ห่อมาจากบ้านคิดดูว่ามากมายขนาดไหนจนกินไปแล้วตั้งมากยังเหลือถึงตอนนี้ได้
พอขึ้นรถได้ปากก็เคี้ยวด้วยความหิวและก็พูดไปด้วยจนฟังแทบไม่รู้เรื่องแต่ถึงอย่างนั้นเอดานที่ดูแลเธอมาจนเข้าปีที่เจ็ดก็เข้าใจดีว่าคุณหนูร่างตุ๋ยนุ๋ยพูดว่าอะไร
"ครับ"
อาทิตย์ละสามสี่วันที่เขาจะต้องแวะไปที่นั่นพร้อมกับจะต้องหอบหนังสือกองโตกลับมา หนังสือที่จะต้องทำให้เขาคอแห้งแล้วคอแห้งอีกด้วยการอ่านมันในอารมณ์ที่แสนจะน่าเบื่อจับปืนไล่ยิงคนยังจะดีกว่านี้เป็นร้อยเท่า
"วันนี้มีนิทานออกใหม่"
เธอชอบฟังเขาเล่านิทานถึงจะไม่ได้เล่าก่อนนอนแล้วแต่ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเขาก็ยังมีหน้าที่เล่านิทานให้เธอฟังไม่เช่นนั้นเธอจะไม่ยอมทำการบ้านและวันนี้คอลเลคชั่นการ์ตูนชุดโปรดของเธอก็ออกวางจำหน่ายชุดใหม่ต้องรีบไปคว้าเอาไว้ในครอบครองและต้องให้เขาอ่านให้ฟังซักตอนสองตอนก่อนทำการบ้าน
"แต่เราแวะไปกินพิซซ่ากันก่อนนะคะ"
เธอมีทั้งบอดี้การ์ดและคนขับรถส่วนตัวและตอนนี้เด็กสาวที่หนักอึ้งไปทั้งตัวก็ปีนข้ามเบาะมานั่งบนตักบอดี้การ์ดเรียบร้อยแล้วก็เขาถามคำตอบคำไม่เหมือนเพื่อนในห้องเรียนของเธอเลยที่พูดจนฟังไม่ไหวเธอก็เลยอยากจะมาดูว่าเขาทำอะไรเฉยๆ ถึงไม่ยอมพูดกับเธอ
เขาได้แต่นั่งนิ่งให้เด็กน้อยกินขนมไปด้วยนั่งไปด้วยอยู่บนตักถึงจะหนักไปหน่อยก็ตาม ก็ช่วยไม่ได้คุณหนูกินเก่งไปนิดไม่แปลกที่น้ำหนักจะพุ่งทะลุเกณฑ์เกินเด็กทั่วไปแบบนี้
เมื่อถึงห้างดังกลางเมืองที่เป็นของตระกูลราเซลูกจันทร์ก็ทำบอดี้การ์ดปวดหัวอีกครั้งเพราะเธอรีบวิ่งไปร้านพิซซ่าเจ้าประจำไม่สนใจใครและเข้าไปสั่งเมนูแสนชอบก่อนจะนั่งกินอย่างสบายใจจนเสื้อผ้าเลอะเทอะไปทั้งตัวทำให้เอดานต้องวุ่นอีกรอบเพราะต้องพาคุณหนูลูกจันทร์ไปล้างเนื้อล้างตัวจากซอสต่างๆ ก่อนจะพาไปร้านหนังสือ
"ขอโทษนะคะช่วยหยิบหนังสือตรงนั้นให้หน่อยได้ไหมคะ"
"อ้อครับ"
หลังจากส่งคุณหนูลูกจันทร์กินพิซซ่าเรียบร้อยแล้วเขาก็ต้องมานั่งเฝ้าเด็กสาวตรงแผนกหนังสือนิทานและนี้ก็นานเกือบชั่วโมงที่เขาติกเง๊กอยู่ตรงนี้แต่ก็ยังมีมารมาผจญชีวิตเขาอีกด้วยการขอให้เขาเอื้อมไปหยิบหนังสือไร้สาระอีกเล่มลงมา
"ขอโทษด้วยนะคะ หนังสือหมดร้านนี้ลูกจันทร์จองแล้ว"
ยังไม่มีใครได้ขยับตัวไปไหนเสียงของเด็กวัยสิบขวบที่กำลังเลือกหนังสือนิทานใส่ตะกร้าก็ดังขึ้น ด้วยความที่เธอรูปร่างใหญ่น้ำเสียงที่ออกมาเลยกังวานได้ยินกันทั้งร้านจนมีหลานคนถึงกับวางหนังสือในมือกลับคืนที่ชั้นวางแล้วเดินจากไปเพราะต่างรู้กันดีว่าเด็กตัวน้อยที่มาที่นี้เป็นประจำเป็นลูกสาวมาเฟีย
แต่ไม่ว่าใครจะเคลื่อนตัวไหนขยับไปไหนแต่สาวน้อยลูกจันทร์กลับยืนขึ้นจ้องหน้าผู้หญิงที่กล้ามาใช้บอดี้การ์ดของเธอหยิบนู้นหยิบนี้อย่างเอาแต่ใจทั้งที่เขาเป็นคนของเธอห้ามใครมาแตะต้อง เขาหยิบหนังสือให้เธอได้คนเดียวเท่านั้น
อีกคนที่เพิ่งมาใหม่มองคุณหนูที่กำลังอวดรวยด้วยสายตาเหยียดหยามเพราะเธอเองก็รวยเหมือนกันเดี๋ยวจะเหมาของทั้งห้างเกทับเด็กคนนี้เลยคอยดูรวมถึงบอดี้การ์ดคนนี้ด้วยเธอจะซื้อตัวมาเป็นของเธอสะ
"ถอยไป ที่นี่ลูกจันทร์ซื้อแล้ว"
เด็กสิบขวบที่ใครจะคิดว่าเธอจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาวันนี้ไม่มีแม่แคทมาคอยกำราบเธอก็ไม่กลัว ไม่มีใครมาคอยดุคอยว่าจะจัดการผู้หญิงคนนี้ให้ยอมแพ้ถอยกลับบ้านไปเลย
และเด็กตัวอ้วนที่กำลังถูกผู้หญิงคนนั้นดูถูกทางสายตาปรามาสว่าเธออ้วนน่าเกลียดก็เป็นผู้ชนะ การ์ดของห้างมาเชิญตัวผู้หญิงที่กล้ามีเรื่องกับหลานเจ้าของห้างออกไปและสั่งห้ามไม่ให้เข้าห้างนี้ในวันที่ลูกจันทร์มาอีกตลอดชีวิตโดนคำสั่งนี้มาจากปากเจ้าของห้างอย่างแมกซ์แวลล์
"ขอบคุณคุณตามากนะคะ"
ลูกจันทร์ที่กำลังนั่งกินไอศกรีมย้อมใจโดยมีเจ้าภาพเป็นแมกซ์แวลล์เจ้าของห้างที่มาตรวจตราดูธุรกิจก่อนจะกลับบ้าน เธอรู้สึกโชคดีที่จะไม่ต้องเสียเอดานไปและก็ชนะยายนางมารนั้นด้วย
เขาไม่ได้จะเข้าข้างเด็กน้อยนี่หรอกนะแต่เพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของลูกจันทร์ทำเอาเข้าใจอ่อนตัดสินใจอะไรผิดๆ ไปนิดๆ หน่อยๆ แค่เข้าข้างเด็กแบบผิดๆ และอาจเสียนิสัยได้แต่มันจะไม่เป็นอะไรถ้าเมียเขาไม่รู้
ความลับมันไม่มีในโลกทันทีที่ลูกจันทร์กลับถึงบ้านเธอก็โดนเรียกเข้ามานั่งคุยในห้องทำงานของป๊ะป๊าพร้อมกับแม่แคท
บรรยากาศค่อนข้างอึมครึมเหมือนจะเงียบแต่มีพลังงานด้านลบที่น่ากลัวสำหรับเด็กสิบขวบแฝงอยู่เต็มห้อง
"รู้ใช่ไหมว่าวันนี้ทำผิด"
แคทธารีนถือไม้เรียวอันจิ๋วที่หักมาจากกิ่งไม้หน้าบ้านขยับไปมาอยู่บนมืออีกด้านที่ว่างอยู่ สายตาจ้องมองลูกตัวจ้ำม้ำที่เดินก้มหน้าเข้ามานั่งลงตรงที่ประจำ กว่าเธอจะตามตัวลูกจันทร์มาได้สาวน้อยก็บ่ายเบี่ยงหลายตลบเกินเด็กสิบขวบไม่รู้ว่าไปได้ตัวอย่างมาจากไหน
"รู้ค่ะ"
ลูกจันทร์ก้มหน้านิ่งพร้อมกับน้ำตาที่เตรียมจะไหล เธอกลัวไม้เรียวที่แม่แคทถือถึงจะไม่เคยโดนตีจริงๆ เลยก็ตามแต่ก็เคยได้ยินสาวๆ ในครัวคุยกันว่าใครที่โดนตีด้วยไม้แบบนี้จะเจ็บมากจนแทบทนไม่ไหว
"แคทอย่าดุลูกสิ ลูกจันทร์มาหาป๊ะป๊ามา"
มอร์แกนทนมองลูกสาวคนโตของเขาที่กำลังจะร้องไห้ไม่ได้ถึงจะรู้ว่าลูกผิดแต่ยังไงลูกจันทร์ก็แค่สิบขวบอาจจะทำอะไรลงไปโดยไม่รู้เพราะว่ายังเด็กเดี๋ยวโตขึ้นก็คงจะดีเอง
"ลูกจันทร์แค่ไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นมายุ่งกับลูกจันทร์และพี่เอดาน"
ลูกจันทร์ถูกป๊ะป๊าที่อุ้มเธอเกือบไม่ไหวแต่ก็อุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนตักและกอดเอาไว้แน่น เธอรีบหันหน้าไปซบกับอกของป๊ะป๊าเพื่อเช็ดน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ไม่ได้สำนึกผิดแต่กลัวไม้เรียวจนพูดออกมาแบบเด็กๆ
"แคทพี่ว่าเราค่อยๆ คุยกับลูกจันทร์ดีกว่านะ ดูสิลูกกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว"
แคทธารีนไม่เคยอบรมลูกสาวของเธอสำเร็จเลยเพราะมอร์แกนขัดเธอได้ตลอด เขาเข้าข้างลูกทุกคนไม่ว่าลูกจะทำผิดแค่ไหนสามีคนนี้ของเธอจะเห็นว่าถูกไปหมดสะทุกเรื่องโดนเฉพาะเรื่องที่ได้ใช้อำนาจด้านมืดๆ ที่ได้รับมาจากพ่ออย่างเขาที่เป็นมาเฟีย
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติจะมีแค่เพียงที่บางวันสองสาวฝาแฝดจะกลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้าให้พ่อของเธอแอบสงสัยบ้างแต่ไม่ถึงกับบ่อยส่วนชีวิตรักของฝาแฝดทั้งคู่ก็ดำเนินไปด้วยดี ดีมาสะด้วย ความรักถูกเติมทุกวันจนแทบจะล้นใจ และที่สำคัญอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ตามข้อตกลงที่เคยคุยกันไว้จนมาถึงวันที่ทั้งสี่คนเรียนจบ คีแรนเองก็ไม่ได้ขัดขวางอีกต่อไปเพราะเขาพอทำใจได้แล้วเลยปล่อยลูกสาวให้สองหนุ่มดูแลอย่างเต็มที่ส่วนเอดานเขาคอยสนับสนุนลูกชายอย่างเต็มทีและคอยเฝ้าสอนให้ลูกชายเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีอยู่ตลอดเวลาเพราะดูท่างานแต่งน่าจะมีขึ้นเร็วๆนี้"เราจะไปไหนกันคะ"ไวโอลินที่ถูกแอลตันดูแลเอาใจใส่จนเธอกล้าพูดกล้าทำมากขึ้นเอ่ยถามเขาในขณะที่นั่งรถออกมากับเขา เธอกล้าแบบนี้เฉพาะกับเขาคนเดียวและก็ในครอบครัวเท่านั่นส่วนกับคนแปลกหน้าเธอยังเหมือนเดิม"ไปเที่ยว"เขายิ้มให้เธอและขับรถไปด้วย เขาไปรับเธอมาจากบ้านแต่ไม่ได้บอกว่าจะพาไปไหนเพราะอยากจะทำตัวมีความลับกับสาวน้อยดูบ้างว่าเธอจะทำยังไง"ไม่เชื่อ"เธอซบใบหน้าลงกับลำแขนของเขา หลายปีมานี้เขาทำให้เธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาและมีความคิดเป็นของตัวเอง สนิทกับเขามากขึ้นด้ว
"พี่แค่คุยเรื่องรายงานกับเธอคนนั้นไม่มีอะไรจริงๆ ส่วนเรื่องใจพี่คุยกับแค่หนูลินคนเดียวเข้าใจไหม ไหนบอกพี่สิเข้าใจไหม สบายใจหรือยัง"เขาเชยคางเธอขึ้นมาให้ใบหน้าเธอเงยขึ้นมามองเขา แอลตันยื่นหน้าไปอธิบายใกล้ๆเธอจนริมฝีปากที่ขยับพูดกระทบกับริมฝีปากของคนที่เอาแต่นิ่ง ความนุ่มนิ่มของริมฝีปากอมชมพูของเธอทำเอาเขาแทบพูดไม่จบเธอสั่นไปทั้งตัวใจเต้นตึกๆ พยักหน้าช้าๆ มันเป็นอะไรที่ใกล้เอามากๆใกล้จนเข้าใจลืมความไม่สบายใจหมดสิ้นแล้วแอลตันยิ้มบางๆแต่หล่อโฮกจนอีกคนหลับตาปี๋ เธออยากมองต่อแต่กลัวจะอดใจไม่ไหว เขาทำแบบนี้มันชวนนึกถึงค่ำคืนนั่น ยังไงตอนนี้เธอกับเขาก็ได้แค่จับมือกันเพราะพ่อสั่งห้ามออกนอกลู่นอกทาง"เรามาเข้าใจกันสะหน่อยไหม"เขายกมือขึ้นแกะเม็ดกระดุมของชุดแซกคอกลมตัวยาวของเธอ มันมิดชิดเพราะปิดตั้งแต่คอนาวไปถึงตาตุ่มแบบนี้เขาชอบและมันก็แกะง่ายเวลาทำอะไรก็แสนจะสะดวก"นะนะหนู คือ"เขาทำเธอพูดอะไรไม่ออก เป็นใครจะไม่หวั่นไหวกับผู้ชายตรงหน้า เธอรีบก้มหน้าลงคราวนี้ถึงกับละลายตัวนิ่มหมดเลยก่อนหน้านี้แทบไม่สนใจเพราะมีเรื่องมารบกวนจิตใจแต่ตอนนี้ได้มองเต็มตาเลือดกำเดาแทบพุ่ง้นินอกขาวจ้วยของเขามีกล้ามส
"ไวโอลิน"หญิงสาวที่กำลังเดินก้มหน้าเหมือนเดิมของเธอทุกวันมีชายหนุ่มแปลกหน้าที่จัดว่าหล่อเหลาระดับซุปตาร์เข้ามาทักทายและทำท่าสนิทสนมถึงขั้นโอบไหล่จับมือ"ค่ะ"ไวโอลินมองชายแปลกด้วยสายตาแข็งๆ ปนหวาดกลัวปกติเธอไม่เคยเดินคนเดียวหรอกจะมีวีโอเลตไปไหนมาไหนด้วยตลอดแต่วันนี้เธอไปหาหนังสือที่ห้องสมุดมาก็เลยแยกกับวีโอเลตจนถึงตอนนี้ยังไม่เจอกันเลยและยังมาเจอคนแปลกหน้าที่ไม่น่าไว้วางใจอีก"จำเราได้ไหม"คนแปลกหน้ารูปหล่อพยายามแนะนำตัวเองและเข้าใกล้เธอให้มากที่สุดเพราะเขาต้องการจีบเธอ หาโอกาสที่จะเจอเธอเดินคนเดียวมานานแล้ว วันนี้จะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปแน่นอน"คือ"ไวโอลินพยายามคิดแต่เธอคิดอะไรเองไม่ได้หรอกยิ่งเรื่องจดจำคนเธอยิ่งไม่เป็นงานเข้าไปใหญ่เพราะปกติเธอแทบจะไม่คุยกับใครคนส่วนมากที่เข้ามาทักทายก็จะเป็นคนรู้จักของวีโอเลต"นั่งคุยกันก่อนสิ จะได้จำกันได้"เขาฉวยโอกาสพาคนที่ยังทำหน้านึกอะไรบางอย่างอยู่ให้นั่งลงตรงม้านั่งใกล้ๆ ใต้ร่มไม้ เพราะดูท่าคนสวยอย่างเธอจะต้องรุกให้หนักจะได้อยู่หมัดภายในวันเดียว"ขอยืมปากกาหน่อยสิ"ชายแปลกหน้าชวนไวโอลินคุยนู้นคุยนี้เธอก็ไม่ค่อยได้ตอบนอกจากก้มหน้าจนเขาทำเหม
"ถอดเสื้อผ้าให้หน่อย"ออสตินทำตัวเหมือนเด็กๆ เขาชูสองแขนขึ้นให้เมียถอดเสื้อผ้าให้ เหลือเวลาอยู่กันตรงนี้อีกไม่นานแต่เขาก็อยากจะให้ทุกอย่างออกมามีความสุขและน่าจดจำที่สุดวีโอเลตอมยิ้มเอียงอายบิดตัวนิดๆ ไม่ใช่มารยาหญิงหรอกแต่เธอกำลังอายเขาจริงๆ ไม่มั่นใจ ประหม่าจนเหงื่อเริ่มออกมือ ไม่เคยถอดเสื้อผ้าให้ผู้ชายมาก่อนคงจะทำไม่ได้แน่ๆ"วีโอเลตคนสวยกำลังตื่นกลัวอะไรนะ"เธอเอาแต่ยืนนิ่งๆ ทั้งที่เธอเป็นคนร้อนแรงจะตายไปจนเขาต้องดึงมือเธอมาเรียกความมั่นใจสะนิดหน่อยชีวิตคู่จะได้ราบรื่น เขาพามือของเธอเข้าไปในกางเกงที่ถูกรูดซิปเปิดรอเอาไว้แล้ววีโอเลตตาโตเท่าไข่ห่าน มือเล็กๆ สั่นสู้งาน ในเป้ากางเกงของเามันร้อนระอุและสู้มือมาก นี้นะเหรอสิ่งที่เข้าไปในตัวเธอคืนนั้น แค่สัมผัสนอกกางเกงในยังรู้เลยว่ามันทั้งแข็งทั้งใหญ่"พร้อมยัง ตัวใหญ่จะงัดอาวุธแล้วนะ"เธอไม่เริ่มเขาเริ่มเอง เธอยังใหม่จะให้รุกเขาเลยแบบพวกดาราหน้ากล้องคงจะไม่ได้แต่เขาก็ชอบที่เธอดูอายๆ แบบนี้มันปลุหอารมณ์ดีเหลือเกิน"ดะเดี๋ยวก่อน"เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขาเพิ่งจะให้เธอดึงมือออกมาจากเป้ากางเกงนี่จะให้เห็นมันจ่อเลยเหรอ เธอคงตั้งรับไม่ทันก
ออสติน & วีโอเลต"ตัวใหญ่มาทำอะไรตรงนี้คะ"หลังกลับจากเกาะวีโอเลตก็ทำตัวเหมือนเดิม เธอเป็นคนอัธยาศัยดีและมีหนุ่มๆ เข้ามาขายขนมจีบตลอดเวลาวันนี้ก็ด้วยมีหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยมาเดินคุยด้วยแต่เขาก็ต้องตีตัวออกห่างและหนีไปเพราะมีคนหวงก้างมายืนขว้างทางเอาไว้วีโอเลตหน้าเจื่อ ยิ้มแห้งๆ ให้ออสติน เธอรู้ว่าเขาจะไม่พอใจแต่มันช่วยไม่ได้ก็ผู้ชายคนนั้นเขาเดินเข้ามาเอง"ไม่มาจะเห็นเหรอว่าตัวเล็กคุยกับผู้ชายอื่น"เขาเข้าไปโอบตัวเธอเอาไว้ทันทีกันท่าเอาไว้ก่อนเลยเดี๋ยวมีใครมายุ่งกับเธออีก แค่นี้วันทั้งวันเขาก็ไม่เป็นอันเรียนอยู่แล้วไม่ใช่สิตั้งแต่กลับมาจากเกาะเขาก็เรียนไม่เคยรู้เรื่องเลยเพราะมีคนพูดกันหนาหูมากกว่าเดิมโดยเฉพาะพวกผู้ชายที่อยากจะจีบเธอ"เขาก็แค่มาถามเรื่องเรียน"เธอพูดให้เขาสบายใจจะได้ไม่ไปหาเรื่องใครมีเวลาอยู่กับเธอมากขึ้นจะดีกว่ากันเยอะเลยออสตินยิ้มอ่อนๆ ให้กับเธอ ยังไงเขาก็เป็นมากกว่าเพื่อนชายคนสนิทและเขาก็มั่นใจว่าเธอรักเขาคนเดียวไม่สนใจใครต่อให้มันดีกว่าเขามากแค่ไหนก็ตาม"มีสาวที่ไหนมาเกาะแกะหรือเปล่า"ใช่เขาคนเดียวสะที่ไหนที่ตามหึงหวงเธอ วีโอเลตเธอก็เป็นรีบทำจมูกฟุตฟิตต้องคอเสื้อหล
เมื่อทุกคนพร้อมหน้าที่ห้องรับแขกริมทะเลบนเกาะส่วนตัวที่เป็นของเอดานของขวัญที่เขามีลูกแฝดจากมอร์แกนธรรมชาติที่สวยงามรังสรรค์บรรยากาศได้สวยงามราวกับสรวจสวรรค์ และมีคลื่นกระทบฝั่งเป็นดนตรีบรรเลงได้อย่างน่าฟังแต่ทุกคนกลับนั่งเงียบไม่สนใจบรรยากาศสวยงามนั่นเลย โดยเฉพาะคีแรนนั่งหน้าแดงโมโหจนควันออกหูแต่ก็นิ่งเงียบยังไม่ยอมพูดอะไรเจด้าคอยจับมือสามีของเธอ งานนี้เธออาจคุมเขาไม่อยู่จากที่เคยคุยกันไว้เพราะลูกสาวสองคนดันมามีเรื่องพร้อมกันสองคนส่วนเอดานเขาหน้าซีดนิดๆต่อหน้าคีแรนเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาเพราะลูกชายดันก่อเรื่องพร้อมกันสองคน ยังดีที่มีภรรยาแสนดีอย่างลูกจันทร์คอยเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาหน่อย"ผมรักน้องวีครับ เราสองคนจะแต่งงานกันเมื่อพ่อกับแม่อนุญาต""ผมกับหนูลินก็พร้อมที่จะแต่งงานเหมือนกันครับ""ไม่ให้แต่ง"เสียงใหญ่แสนแข็งกระด้างประกาศใส่ทุกคน ทำใจเอาไว้แล้วว่าวันหนึ่งลูกสาวจะต้องมีชีวิตที่เลือกเอง แต่ตอนนี้มันเป็นอะไรที่ยากจะตัดสินใจเพราะลูกสาวเขายังเด็ก มีแฟนเขาพอทนได้แต่นี้มีผัวพร้อมกันเลยไม่มีพ่อคนไหนทำใจได้ง่ายๆหรอกนะ"คุณค่ะ ใจเย็นๆนะ"เจด้าคอยจับแขนสามี
ความคิดเห็น