ลู่หงเวินอึ้งไปพักใหญ่ เขาผิดสัญญาต่อนาง สมควรแล้วที่นางเอ่ยคำนี้
ที่ผ่านมาหน้ามืดตามัว แล้วตอนนี้มีสิทธิ์อะไรเรียกร้อง ให้นางอภัยให้ นางอยากได้อิสระ เขาก็จะมอบให้
ลู่หงเวินพยักหน้ายอมรับอย่างเจ็บปวด “ได้” ตาของเขาพร่าเลือนเพราะมีน้ำใส ๆ นัยน์หน่วยตา
“กระดาษและหมึกอยู่ที่โต๊ะนั่น” เวินหลินชี้ไปที่โต๊ะริมหน้าต่าง
ลู่หงเวินลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะอย่างไร้ชีวิตจิตใจ เขาทำทุกอย่างพังด้วยมือตัวเอง
ยามจับพู่กันมือเขาสั่นสะท้านร้าวรานไปถึงใจ จับพู่กันนิ่งค้างอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน กว่าจะจรดปลายพู่กันลงบนกระดาษร่างหนังสือหย่า น้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบแก้มช้า ๆ
กระดาษแผ่นนั้นหนักมาก หนักจนเขาวางไว้บนโต๊ะไม่หยิบยื่นให้นาง เขียนเสร็จเขาลุกขึ้นยืนและสาวเท้าไปที่ประตู
“ลู่หงเวิน...หงจื่อคือบุตรชายของท่าน ท่านจะปล่อยให้เขาตายอย่างอยุติธรรมแบบนี้ต่อไปหรือ”
ฝีเท้าลู่หงเวินหยุดชงักไปเพียงครู่ ก้าวออกจากห้องปิดประตูด้วยจิตใจหนักอึ้ง
เมื่อออกมาจากห้องของเวินหลินแล้ว ก็เห็นบุตรสาวยืนมองด้วยสายตาผิดหวัง
“ท่านพ่อมีหลักฐานการตายของพี่ใหญ่ใช่ไหมเจ้าค่
เดินกลับถึงห้องตอนไหนยังไม่รู้ พอปิดประตูร่างเล็กก็ทรุดนั่งลงพื้น เขามีบุตรกับสตรีอื่นแล้ว เหมือนธนูนับพันดอกเสียบเข้ากลางอกพร้อมกัน ทั้งที่ไม่ควรเจ็บกลับเจ็บเจียนขาดใจลู่ผิงถิงขมวดคิ้วแน่น คำพูดของผู้ดูแลบ่งบอกว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้ไม่ธรรมดา “ฝากขอบคุณนายท่านของเจ้าด้วย” หยิบเงินแล้วเดินกลับไปขึ้นรถม้าภาพเหตุการณ์ที่สามีอุ้มสตรีอื่นก็ฉายชัดทิ่มแทงจิตใจ จากเศร้าใจกลายเป็นโกรธที่เขาไม่ยอมอธิบาย โกรธที่วันนี้อะไร ๆ ก็ไม่ราบรื่นไปหมด แต่จะให้นางถอดใจเรื่องการหาตัวคนร้าย ไม่มีทางเด็ดขาดในมือบิดาน่าจะมีหลักฐาน ดังนั้นต้องเริ่มจากบิดา ลู่ผิงถิงตรงไปที่จวนตระกูลลู่ นางอยากเปิดใจคุยกับบิดาสักครั้ง บางครั้งที่บิดาไม่เอ่ยถึงเรื่องพี่หงจื่ออีก อาจเพราะมีบางอย่างที่นางไม่รู้มาถึงจวนลู่บิดานั่งเดียวดายอยู่ห้องโถงที่กว้างขวางใหญ่โต “ท่านพ่อสบายดีรึไม่เจ้าคะ” ลู่ผิงถิงเดินเข้าไปยอบกายคำนับเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาโศกเศร้าของบิดา เพียงเวลาไม่นานร่างกายของบิดาทรุดโทรมลงเพียงนี้เลยหรือ“แม่เจ้าสบายดีไหม” ลู่หงเวินหลุบตาลงต่ำ“ท
เจ็บอะไรอย่างนี้ เขาทิ้งนางไปหาสตรีอื่น ในสถานการณ์ที่เขาและนางกำลังเติมเต็มความสุขให้กันและกันเพียงเท่านี้ก็รู้แล้ว ความสำคัญของนางอยู่ตรงไหนลู่ผิงถิงขย้ำอาภรณ์ที่ขาดวิ่นแน่น น้ำตาร่วงหล่นออกมา เพราะอะไรกัน เพราะอะไรนางถึงเจ็บร้าวจนปวดไปทั้งใจกะอิแค่เขาไปหาสตรีอื่น กะอิแค่เขาไม่เห็นนางสำคัญ ปวดใจไปทำไม ทีเมื่อก่อนไม่เห็นจะเจ็บปวดยามเขาโอบกอดสตรีอื่น เพราะเหตุใดครั้งนี้ถึงเจ็บลึกเพียงนี้เพียงเพราะเขาเคยปกป้อง เพียงเพราะเขาเคยช่วยเหลือ เพียงเพราะเขาปฏิบัติกับนางอย่างอ่อนโยน เพียงเท่านี้นางก็ยึดติด คิดว่าเขาจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป โดยลืมไปเสียสนิทว่าคนในใจเขาไม่ใช่นางลู่ผิงถิงจัดอาภรณ์ย่างก้าวออกจากห้องหนังสือไปตำหนักตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า“พระชายาเพคะ พระชายา” อาหลี่เรียกหลายครั้งแล้วพระชายาก็ไม่เหลียวมอง แผ่นหลังพระชายาดูโดดเดี่ยวเดียวดาย จนใจอาหลี่รู้สึกหดหู่ตามไปด้วย เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพียงเห็นแผ่นหลังพระชายา ก็สะท้อนไอความโดดเดี่ยวออกมาถึงใจของนางแล้ว “พระชายานายหญิงเวินให้มาตามเพคะ”ไม่มีเสียงตอบกลับหรือแม้แต่การหยุดฝีเท้า พ
พูดถึงโจโฉโจโฉก็มา สามียิ้มตาหวานเยิ้มเดินเข้ามาหา “ถิงเอ๋อร์” เรียกนางเสียงหวานแล้วหันไปโค้งคำนับมารดานางอย่างนอบน้อม “ท่านแม่ยาย บุตรเขยจะขอยืมตัวบุตรสาวท่านไปฝึกฝนวิชาบัญชีเสียหน่อย”“เชิญพวกเจ้าตามสบายเถิด ฝึกให้ดีเล่า ฝึกให้ได้เด็กจ้ำม่ำยิ่งดี” เวินหลินเอ่ยหยอกล้อบุตรสาวยิ้ม ๆจากสายตาที่บุตรเขยมองบุตรสาว มีหรือนางจะไม่รู้ว่าการสอนทำบัญชีเป็นเพียงข้ออ้างของบุตรเขยเท่านั้น“ท่านแม่” ลู่ผิงถิงส่งค้อนวงใหญ่ให้มารดา จากนั้นก็ถูกสามีโอบไหล่พาเดินไปที่ห้องหนังสือ“ท่านดื่มมาหรือ” ลู่ผิงถิงได้กลิ่นสุราจากลมหายใจของเขา“นิดหน่อย” เขาพาร่างบอบบางมานั่งลงที่โต๊ะหนังสือ “เจ้าทำบัญชีเป็นหรือไม่”“พอได้เพคะ”“หลายปีมานี้ข้าทิ้งงานในจวนให้พ่อบ้านจาง เจ้าลองตรวจสอบดูมีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่”ลู่ผิงถิงเปิดบัญชีพลิกดูทีละหน้า สายตาเหลือบมองสามีเป็นครั้งคราว ผิดคาดเกินไปแล้วเขาไม่มาวุ่นวายกับนาง นั่งจิบชาอ่านนิยายสบายใจเฉิบเขาให้นางตรวจบัญชีเพราะอะไรกันแน่ “ไหนท่านอ๋องบอกจะสอนหม่อมฉันเพคะ”“เจ้าดูบัญชีเป็นนี่ คิดจะให้ข้าสอนแล้ว
ลู่หงปินกลับจากวังหลวงก็รู้ข่าวการถูกลงโทษของมารดา เขาก้าวฉับ ๆ ไปที่ลานลงโทษอย่างรวดเร็ว เสียงไม้กระทบผิวหนังดังเสียดแทงแก้วหูระยะไกลเขาเห็นมารดานอนไร้สติ อาภรณ์สีขาวบนแผนหลังอาบย้อมไปด้วยของเหลวสีแดง มองดูไม้ตะบองทุบไปบนหลังมารดาหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้งเขากำหมัดแน่นทว่าเขาช่วยอะไรไม่ได้ ยามเขาเดินเข้าไปใกล้ไม้สุดท้ายก็ทุบลงไปที่หลังมารดาอย่างไร้ความปรานีลู่หงปินส่งสายตาอำมหิตให้ผู้ลงมือ เขาก้มลงอุ้มร่างไร้สติของมารดาพาไปห้องนอนของตัวเอง แล้วเรียกหมอมาตรวจอาการทางด้านลู่ไป๋อิงฮัมเพลงเข้าจวนมาอย่างอารมณ์ดี วันนี้นางมีความสุขมาก ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าห้อง ก็ถูกพี่ชายคว้าข้อมือแล้วดึงไปที่ห้องของเขา“พี่รอง...จะพาข้าไปไหน” พี่ชายไม่ตอบ ทว่าดวงตาของเขาดูดุร้าย ข้อมือของนางถูกบีบจนเจ็บระบม นี่พี่รองเป็นอะไรไปในห้องของพี่รองอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ลู่ไป๋อิงขมวดคิ้ว กวาดสายตามองรอบห้องชะงักสายตาแน่นิ่งอยู่บนเตียง มารดาของนางนอนคว่ำหน้าอยู่ แผ่นหลังมีแผลเหวอะหวะที่ใส่ยาแล้ว แต่ยังมีเลือดซึมออกมาลู่ไป๋อิงหันไปหาพี่ชาย “ใครลงมือกัน”
ลู่หงเวินอึ้งไปพักใหญ่ เขาผิดสัญญาต่อนาง สมควรแล้วที่นางเอ่ยคำนี้ที่ผ่านมาหน้ามืดตามัว แล้วตอนนี้มีสิทธิ์อะไรเรียกร้อง ให้นางอภัยให้ นางอยากได้อิสระ เขาก็จะมอบให้ลู่หงเวินพยักหน้ายอมรับอย่างเจ็บปวด “ได้” ตาของเขาพร่าเลือนเพราะมีน้ำใส ๆ นัยน์หน่วยตา“กระดาษและหมึกอยู่ที่โต๊ะนั่น” เวินหลินชี้ไปที่โต๊ะริมหน้าต่างลู่หงเวินลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะอย่างไร้ชีวิตจิตใจ เขาทำทุกอย่างพังด้วยมือตัวเองยามจับพู่กันมือเขาสั่นสะท้านร้าวรานไปถึงใจ จับพู่กันนิ่งค้างอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน กว่าจะจรดปลายพู่กันลงบนกระดาษร่างหนังสือหย่า น้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบแก้มช้า ๆกระดาษแผ่นนั้นหนักมาก หนักจนเขาวางไว้บนโต๊ะไม่หยิบยื่นให้นาง เขียนเสร็จเขาลุกขึ้นยืนและสาวเท้าไปที่ประตู“ลู่หงเวิน...หงจื่อคือบุตรชายของท่าน ท่านจะปล่อยให้เขาตายอย่างอยุติธรรมแบบนี้ต่อไปหรือ”ฝีเท้าลู่หงเวินหยุดชงักไปเพียงครู่ ก้าวออกจากห้องปิดประตูด้วยจิตใจหนักอึ้งเมื่อออกมาจากห้องของเวินหลินแล้ว ก็เห็นบุตรสาวยืนมองด้วยสายตาผิดหวัง“ท่านพ่อมีหลักฐานการตายของพี่ใหญ่ใช่ไหมเจ้าค่
ลู่ผิงถิงเดินกลับเรือนท้ายจวนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความยินดี นางล้างมลทินความผิดของมารดาได้แล้ว นางเอาคนผิดที่ใส่ร้ายมารดามาลงโทษได้แล้วเหลือก็แต่คนผิดที่ทำร้ายพี่ชาย น้ำตาแห่งความยินดีไหลอาบแก้ม มือเล็กผสานฝ่ามือใหญ่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว สัมผัสละมุนอบอุ่นหัวใจ “ขอบคุณท่านอ๋อง ที่ช่วยให้หม่อมฉันล้างมนทินให้ท่านแม่ได้”มู่เซียวเซ่อใช้นิ้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหวานออก “เช่นนั้นคืนนี้ ควรตอบแทนข้าอย่างไรดี” น้ำเสียงแฝงความหยอกล้อ นัยน์ตาทอประกายลึกล้ำลู่ผิงถิงใช้มืออีกข้างทุบอกเขาเบา ๆ “วัน ๆ ท่านเอาแต่หมกมุ่นเรื่องพวกนี้มู่เซียวเซ่อกลั้วหัวเราะ และจับมือเล็กที่ทุบตีเขาด้วยแรงที่ไม่สะทกสะท้านผิวมากุมไว้ จากนั้นเขาก็ก้มลงจุมพิตหลังมือเรียบเนียนนั้น “หมกมุ่นเพียงกับเจ้าเท่านั้น”ลู่ผิงถิงหลุบตาลงอย่างเขินอาย เขาช่างมีสารพัดวิธีมาทำให้ใจนางสั่นไหว “หม่อมฉันไปหาท่านแม่ดีกว่า”พอเขินอายทุกครั้งนางก็จะวิ่งหนี มู่เซียวเซ่อรู้ทันจึงคว้าเอวนางดึงเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน“ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ”“ไม่ปล่อย” สายตาอ่อนโยนก้มมองคนตัวเล็กที่สูงเพียงอก