ลู่หงปินกลับจากวังหลวงก็รู้ข่าวการถูกลงโทษของมารดา เขาก้าวฉับ ๆ ไปที่ลานลงโทษอย่างรวดเร็ว เสียงไม้กระทบผิวหนังดังเสียดแทงแก้วหู
ระยะไกลเขาเห็นมารดานอนไร้สติ อาภรณ์สีขาวบนแผนหลังอาบย้อมไปด้วยของเหลวสีแดง มองดูไม้ตะบองทุบไปบนหลังมารดาหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้งเขากำหมัดแน่น
ทว่าเขาช่วยอะไรไม่ได้ ยามเขาเดินเข้าไปใกล้ไม้สุดท้ายก็ทุบลงไปที่หลังมารดาอย่างไร้ความปรานี
ลู่หงปินส่งสายตาอำมหิตให้ผู้ลงมือ เขาก้มลงอุ้มร่างไร้สติของมารดาพาไปห้องนอนของตัวเอง แล้วเรียกหมอมาตรวจอาการ
ทางด้านลู่ไป๋อิงฮัมเพลงเข้าจวนมาอย่างอารมณ์ดี วันนี้นางมีความสุขมาก ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าห้อง ก็ถูกพี่ชายคว้าข้อมือแล้วดึงไปที่ห้องของเขา
“พี่รอง...จะพาข้าไปไหน” พี่ชายไม่ตอบ ทว่าดวงตาของเขาดูดุร้าย ข้อมือของนางถูกบีบจนเจ็บระบม นี่พี่รองเป็นอะไรไป
ในห้องของพี่รองอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ลู่ไป๋อิงขมวดคิ้ว กวาดสายตามองรอบห้องชะงักสายตาแน่นิ่งอยู่บนเตียง มารดาของนางนอนคว่ำหน้าอยู่ แผ่นหลังมีแผลเหวอะหวะที่ใส่ยาแล้ว แต่ยังมีเลือดซึมออกมา
ลู่ไป๋อิงหันไปหาพี่ชาย “ใครลงมือกัน”
สตรีที่โดนกัดกรีดร้องโหยหวน พยายามดิ้นหนีแต่ไม่รู้ จี้ฝู่หลิงเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกดคนใต้ร่างไว้จนอยู่หมัด คนใต้ร่างขยับหนีไม่ได้ปลายลิ้นค่อย ๆ รับรู้รสชาติโลหิต จี้ฝู่หลิงกัดไม่ยอมปล่อยทั้งน้ำตา ใจทรมาน อยากระบายความอัดอั้นทั้งหมดออกมาส่งความเจ็บปวดไปให้สตรีใต้ร่างให้นางรู้ว่า ฮองเฮาจี้ คนนี้ไม่ยอมเจ็บคนเดียวร่างบางถูกแรงหนึ่งกระชากออก ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงมาที่แก้มซ้ายของนาง แรงตบจากฝ่ามือส่งร่างบอบบางล้มลง แก้มด้านขวาแนบพื้นที่เย็นเยียบ แก้มซ้ายเจ็บระบมไปถึงหู จี้ฝู่หลิงใช้ลิ้นเลียโลหิตที่มุมปาก มองสายตาเยือกเย็นของสามีที่มองมา แล้วหัวเราะลั่นทั้งน้ำตา“จี้ฝู่หลิง เจ้าเป็นบ้าหรือไล่กัดคนไปทั่ว”สตรีบนเตียงซ้อนแววตาสั่นระริกขึ้นมองสามีของนาง แลดูน่าสงสารจับใจ“อิงเอ๋อร์ไม่เป็นไรใช่ไหม”เขาดูอ่อนโยนห่วงใยสตรีที่นั่งน้ำตาไหลอยู่บนเตียง โอบกอดปลอบโยนต่อหน้าต่อตาฮองเฮาอย่างนางเขาสงสารสตรีคนนั้นที่ถูกนางกัด แล้วสิ่งที่เขาทำกับนางเล่า เขาไม่สงสารนางบ้างหรือ“ฮ่า ฮ่า ฮ่าฝ่าบาทปวดใจหรือ...ไม่เท่าที่หม่อมฉันเจ็บสักนิด”ร่าง
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ลู่หงปินกลับมาแล้วรออยู่ที่ห้องหนังสือพ่ะย่ะค่ะ” กงกงเอ่ยอยู่หน้าประตูตำหนัก พลางปาดเหงื่อที่ซึมตามไรผม ยามนี้เขามาขัดความเกษมสำราญของฝ่าบาทแล้ว ไม่รู้จะรอดพ้นการถูกลงโทษหรือไม่ว่ากันว่าจักรพรรดิไร้ใจ จริงเสียยิ่งกว่าจริง เขาที่สัมผัสใกล้ชิดฮ่องเต้ หนาวสะท้านกับความโหดเหี้ยมของฮ่องเต้พระองค์นี้ทุกย่างก้าวที่เดินต้องระมัดระวัง พลาดพลั้งไปคือศีรษะถูกบั่นออกจากคอ กงกงจึงเป็นคนหนึ่งที่กุมความลับของฮ่องเต้ไว้อย่างดี ไม่เคยให้หลุดรอดออกจากปากฮ่องเต้หนุ่มเชยคางสตรีบนเตียง “อิงเอ๋อร์เรามีธุระ เจ้ารอก่อนนะเราจะให้ฮองเฮาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”“เพค่ะ ฝ่าบาท” ลู่ไปอิงส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ไปให้บุรุษที่นางรักในห้องทรงอักษร ลู่หงปินคุกเข่ากำหมัด ก้มศีรษะเล็กน้อยเอ่ย “ถวายบังคมฝ่าบาทขอให้พระองค์อายุยืนหมื่นปีหมื่น ๆ ปี”ลู่หงปินได้รับสารลับจากฝ่าบาทวันที่มารดาสิ้นใจก็ออกเดินทางไปตามคำสั่ง หลังจากฝั่งร่างมารดาแล้ว“ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด”“ฝ่าบาทเรื่องท่านอ๋องกระหม่อมทำสำเร็จแล้ว แต่ราชครูเฟยหลงกระหม่อมพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุ
น้ำตานางไหลเป็นสายน้ำ เมื่อเห็นโลหิตพุ่งออกมาจากกายของสามีวิ่งออกไปไม่เชื่อฟังคำที่เขาสั่งไว้อีก คนที่ง้างดาบล้มลงพื้น นางกดสลักอีกครั้ง ใส่คนที่ถอนดาบออกจากลำตัวของสามีและกำลังจะแทงซ้ำ จงซาคนสุดท้ายล้มลงก่อนปลายดาบจะถึงผิวหนังของสามี“เซียวเซ่อ” ลู่ผิงถิงตะโกนเรียกก้องผืนป่า ในเวลานี้ไร้ผู้คนมีเพียงซากศพวังเวงจนเหน็บหนาว มือคลำหายาห้ามเลือดที่ซ่อนไว้บริเวณผ้าคาดเอว เจอกับบางสิ่งที่ลืมไปแล้วว่ามีอยู่ นางเป่ามันเพื่อขอความช่วยเหลือนางช้อนศีรษะสามีขึ้นมากอดไว้ เทผงห้ามเลือดบนอาภรณ์ที่มีของเหลวสีแดงซึมออกมามือสั่นเทา “เจ็บรึไม่ ท่านอย่าเป็นอะไรนะ พวกเราจะกลับเข้าเมืองด้วยกัน ไปเอาคืนคนที่ทำร้ายท่าน ดีรึไม่”มู่เซียวเซ่อยื่นมือที่เต็มไปด้วยคราบเลือดมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้ามอมแมมนั้น เขายิ้มกว้างแล้วเอ่ย “ข้าไม่เจ็บ”ลู่ผิงถิงทาบฝ่ามือลงบนหลังมือเขา แล้วเอียงแก้มเข้าหาฝ่ามือ นางยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา“ท่านจะตายไม่ได้นะ เซียวเซ่อ ท่านห้ามตายเด็ดขาด ตื่นมาคุยกับข้าก่อน” เขาสลบไปแล้ว ลมหายใจอ่อนระโหยโรยแรง ราวกับพลังชีวิตถูกสูบไปจนสิ้นความรู้สึกโห
ฝีเท้าของลู่ผิงถิงหยุดชะงัก “อย่าเข้ามานะ” เมื่อหนึ่งในนั้นก้าวเข้ามานางก็ชี้นิ้วสั่ง แล้วกดสลักบนแหวน เข็มพิษพุ่งตรงไปที่คนก้าวเท้าเข้ามา ล้มลงพื้นหมดลมหายใจ “ถ้าเข้ามาอีกข้าจะไม่เกรงใจแล้ว” ลู่ผิงถิงข่มขู่พวกนั้นทั้งที่ตอนนี้กลัวจนขาสั่นไปหมดพวกของเผ่าจงซาเมื่อเห็นว่าสหายร่วมทางหมดลมหายใจ ทั้งที่ไม่มีการต่อสู้ประชิดตัว ก็รู้ว่าสตรีนางนี้ไม่ได้จับง่ายอย่างที่คิด เขาล้อมจับชินอ๋องแม่ทัพใหญ่มาสี่วันแต่ก็ยังไร้วี่แววที่จะจับได้เมื่อได้รับข่าวจากคนของเมืองหลวง ว่าพระชายาของชินอ๋องตามมา พวกเขาจึงปล่อยข่าวเรื่องชินอ๋องถูกล้อม และปล่อยให้นางเดินทางมาถึงตรงนี้อย่างสะดวก ไม่มีขวากหนามขวางกั้น เพื่อจับนางมาเป็นตัวประกัน ข่มขู่แม่ทัพใหญ่ชินอ๋องคนที่เป็นหัวหน้าสั่งการด้วยภาษาที่ลู่ผิงถิงฟังไม่รู้เรื่อง หกเจ็ดคนในนั้นก็แยกตัวออกไป พวกจงซาล้อมเข้ามาหาลู่ผิงถิงเป็นวงกลมยิงอาวุธลับที่แหวนไปพวกเขาก็หลบหลีกได้ อาวุธลับของนางสังหารคนได้แค่คนเดียว คนเก้าคนเดินเข้ามาหาพร้อมกัน เริ่มลนลานที่ยิงเข็มพิษไปจนจะหมดแล้ว กลับไม่อาจสังหารเพิ่มได้สักคนเผ่าจงซาเก้าคนชะงักฝี
ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็รีบออกจากจวนอ๋อง ต้องตามไปเตือนเขาถึงอันตรายสักหน่อย หากรออยู่แบบนี้คงอกแตกตายไปก่อนเขาอีกลู่ผิงถิงกลับมาที่เรือนหลังเล็กของมารดา เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วให้มารดาพาคนไปช่วยบิดา ส่วนนางจะตามสามีไปสนามรบกำลังจะออกเดินทางก็มีบุรุษคนหนึ่งมาขวางไว้ซึ่งนางไม่คุ้นหน้าคุ้นตาสักนิด “พระชายากระหม่อมเป็นองค์รักเงา ที่ท่านอ๋องทิ้งไว้ให้ติดตามพระชายา นามว่าจ้าวเฉินพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าจะไปหาเขาที่สนามรบ”“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ที่นั่นอันตรายมาก”“เพราะอันตรายอย่างไรเล่าข้าถึงต้องไป เจ้าอย่าขวางข้า”“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมฟังเพียงท่านอ๋องเท่านั้น...”ลู่ผิงถิงสาดผงสลบใส่จ้าวเฉิน “ขอโทษด้วยข้ารีบ เจ้านอนไปก่อนสักสองวัน ค่อยตามข้าไป”บุรุษร่างกำยำหลับกลางอากาศไปอย่างไม่ตั้งตัวรถม้าคันเล็กกะทัดรัด ไม่มีสัมภาระให้ขน มีเพียงสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่ด้านใน และคนบังคับรถม้าซึ่งเป็นยอดฝีมือที่มารดาจ้างมาคุ้มกันตำราแพทย์ที่ท่านย่าให้ไว้มีประโยชน์มาก ยามนี้มารดาของนางสนุกกับการทดลองปรุงยาซึ่งยาสลบที่นางใช้กับองค
ณ จวนอ๋อง“ท่านอ๋องฝ่าบาทมีราชโองการมาถึงท่าน”มู่เซียวเซ่อที่เคยมีใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ส่งสายตามาดร้ายไปให้กงกง “รอไปก่อน” เขาไม่สนใจราชโองการอะไรนั่น พระชายาของเขาบาดเจ็บอยู่“ท่านอ๋องเรื่องเร่งด่วนมากพ่ะย่ะค่ะ”“ด่วนมากเจ้าก็รับไว้เอง ไม่เห็นรึว่าข้ายุ่งอยู่” มู่เซียวเซ่อสะบัดอาภรณ์ เดินไปตามหมอหลวง มาดูอาการให้พระชายาตัวน้อยของเขาหมอหลวงคนนี้ไม่เคยออกมารับแสงแดด คนทั้งจวนอ๋องไม่รู้ถึงการมีอยู่ของคนผู้นี้ เพราะเขาไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้เห็นกงกงเดินตามไป “ท่านอ๋องครั้งนี้ เกี่ยวกับบ้านเมือง ถึงอย่างไรท่านก็ขัดราชโองการไม่ได้ รับไว้เถอะพ่ะย่ะค่ะ ถ้าท่านอ๋องไม่รับถือว่าขัดราชโองการ พระชายาก็จะเดือดร้อนไปด้วย”มู่เซียวเซ่อใจเย็นลงแล้วหยุดฝีเท้า ครุ่นคิดเพียงครู่ก็คุกเข่าลงกงกงจึงประกาศราชโองการ “เนื่องจากศัตรูบุกรุกเข้ามาตีด่านจงชุนแตก เหลือปราการด่านจงหนานด่านสุดท้าย หากตีแตกอีกก็จะบุกเข้ามาถึงเมืองหลวง ทำให้ปวงประชาต้องยากแค้น เราจึงออกราชโองการคืนตราบัญชาการทหารให้ชินอ๋องมู่เซียวเซ่อ ออกรบกำจัดศัตรูให้สิ้น”มู่เซ