แชร์

บทที่ 11

ผู้เขียน: โม่เสียวชี่
คำพูดของเฉียวเนี่ยน เหมือนดั่งฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ จนทำให้หลินเย่ว์เกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะ

ในมโนภาพเห็นแต่เฉียวเนี่ยนดิ้นรนอยู่ในน้ำ ส่วนนางกำนัลอื่นก็อยู่ข้างบ่อซักล้าง ต่างพากันหัวเราะเป็นการใหญ่

พลันรู้สึกเจ็บในหัวอกมากขึ้น เขาคิดจะพูดอะไรต่ออีก แต่คล้ายมีบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ จวบจนแผ่นหลังของเฉียวเนี่ยนถูกบานประตูขวางกั้นจนมองไม่เห็นอีก จึงค่อยมีสติกลับคืนมาบ้าง

“คุณหนู ฮือๆๆ...” เสียงร่ำไห้ของเสี่ยวชุ่ยดังขึ้นที่ข้างหู ทำให้รู้สึกรำคาญยิ่ง

หลินยวนถลึงตาใส่เสี่ยวชุ่ย “เอาแต่ร้องไห้อยู่ได้ ไม่รีบไปตามหมอมาอีก?”

เสี่ยวชุ่ยเพิ่งจะนึกได้ จึงรีบออกไปทันที

หลินเย่ว์ส่งหลินยวนกลับไปยังเรือนลั่วเหมย ส่วนหมอประจำจวนก็มาพร้อมกับฮูหยินหลิน

ขณะที่หมอกำลังตรวจชีพจรดูอาการให้หลินยวนอยู่นั้น ฮูหยินหลินก็พาหลินเย่ว์ออกไปข้างนอก “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? น้องเจ้าอยู่ดีๆ ตกน้ำได้อย่างไร หรือเป็นเพราะว่าเนี่ยนเนี่ยน...”

“ท่านแม่” หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว ขัดจังหวะการพูดของฮูหยินหลินทันที “เพราะเนี่ยนเนี่ยนช่วยยวนเอ๋อร์ไว้ต่างหาก”

กล่าวพลาง เขาคล้ายกับนึกอะไรได้ จึงหันไปมองเสี่ยวชุ่ย “เจ้ามานี่”

ใบหน้าซีกซ้ายของเสี่ยวชุ่ยยังคงบวมเป่งอยู่ แสดงให้เห็นว่าหนิงซวงลงมือหนักไม่น้อย

เสี่ยวชุ่ยเดินก้มหน้ามาพร้อมคุกเข่าลงพื้น ไม่รู้ว่าเป็นความจงใจหรือไม่ ใบหน้าซีกที่บวมเป่งหันไปทางฮูหยินหลินพอดี

เมื่อฮูหยินหลินเห็นเข้าก็ตกใจเป็นอย่างมาก “ตายจริง ใบหน้าเจ้าไปโดนอะไรมาน่ะ”

เสี่ยวชุ่ยพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้าหลินเย่ว์ด้วยความหวาดกลัว

หลินเย่ว์จ้องเขม็งไปยังเสี่ยวชุ่ยอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยปากถาม “เจ้ามีเรื่องบาดหมางกับเนี่ยนเนี่ยนรึ?”

เสี่ยวชุ่ยตกใจยิ่ง พลางรีบส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ บ่าวจะกล้ามีเรื่องกับคุณหนูใหญ่ได้อย่างไร?”

“ในเมื่อไม่มี แล้วเหตุใดจึงได้ใส่ร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่า?” หลินเย่ว์ถามเสียงเย็นชา

เมื่อครู่ตอนอยู่เรือนลั่วเหมย เขาโกรธจนหน้ามืด แต่เรื่องนั้นแม้ไม่ต้องใช้หัวคิดก็พอเข้าใจได้

เนี่ยนเนี่ยนไม่ใช่คนโง่ จะอยู่ในเรือนของตนเอง ซ้ำยังปองร้ายผู้อื่นต่อหน้าผู้คนได้อย่างไร?

และสาวใช้ผู้นี้ก็ไปถึงเรือนฟางเหอไล่เลี่ยกับเขา ซึ่งตอนนั้นเนี่ยนเนี่ยนกับยวนเอ๋อร์ก็ได้ขึ้นฝั่งแล้วทั้งคู่ นางกลับยืนกรานเสียงแข็งว่าเนี่ยนเนี่ยนเป็นคนผลักยวนเอ๋อร์ให้ตกน้ำ

หวนนึกถึงเมื่อสามปีก่อน สาวใช้ผู้นี้ก็เคยยืนกรานเช่นนี้ พูดจาเป็นมั่นเป็นเหมาะ แค่นี้ก็ทำให้หลินเย่ว์เกิดความระแวงแล้ว

เสี่ยวชุ่ยก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่มาจากหลินเย่ว์

นางรู้ดี หากวันนี้ตนพูดผิดไปแม้แต่คำเดียว คงจะถูกลากไปโบยจนเสียชีวิตแน่

จึงรีบกลอกตารวดเร็ว ในที่สุดนางก็หาทางออกได้ “บ่าว...บ่าวเพียงแต่เป็นห่วงคุณหนูมาก เกรงว่านางจะถูกรังแก บ่าวทำเพื่อคุณหนูน่ะเจ้าค่ะ”

“ทำเพื่อคุณหนูกระนั้นรึ?” หลินเย่ว์หัวเราะเสียงเย็น “หรือเป็นเพราะคุณหนูเจ้าสั่งให้ทำเช่นนั้น?”

“ไม่ ไม่ใช่เจ้าค่ะ” เสี่ยวชุ่ยรีบส่ายหน้าปฏิเสธ แต่กลับไม่กล้าพูดมากความอีก

เดิมทีนางคิดว่าหากพูดเช่นนี้อาจทำให้หลินเย่ว์เกิดความเมตตาสงสาร ที่ไหนได้จะพลอยทำให้คุณหนูเดือดร้อนด้วยอีกคนเสียแล้ว

ทันใดนั้นเอง ในห้องมีเสียงหลินยวนเรียกเบาๆ “เสี่ยวชุ่ย...เสี่ยวชุ่ย...”

น้ำเสียงอ่อนแรงราวกับจะขาดใจ ฟังแล้วพาให้นึกเป็นห่วงยิ่ง

หลินเย่ว์ขมวดคิ้วมุ่น ไฟโทสะที่คุกรุ่นขึ้น ในที่สุดก็มอดลงเพราะเสียงเรียกอ่อนแรงของหลินยวน

เขาทำตาดุใส่เสี่ยวชุ่ย พร้อมกล่าวเตือนเสียงเบา “หากมีคราวหน้าอีก ไม่ต้องให้หนิงซวงลงมือ ข้าจะตัดลิ้นเจ้าไปให้สุนัขกิน! ไม่รีบไปดูแลคุณหนูอีก”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ” เสี่ยวชุ่ยลุกขึ้นลนลาน พร้อมวิ่งเข้าไปในห้องทันที

ฮูหยินหลินอยู่ด้านข้างค่อยโล่งอกหน่อย มองหน้าหลินเย่ว์คล้ายกับไม่พอใจนัก “ทำไมตำหนิน้องสาวตัวเองเช่นนั้น นิสัยยวนเอ๋อร์เป็นอย่างไร เจ้ายังไม่รู้อีกรึ?”

หลินเย่ว์มองหน้าฮูหยินหลิน แววตาแสดงออกถึงความผิดหวัง “ท่านแม่ เนี่ยนเนี่ยนว่ายน้ำเป็น ท่านรู้หรือไม่?”

ฮูหยินหลินจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

นางชะงักเล็กน้อยก่อนเอ่ยปาก “ว่ายน้ำเป็น? แต่ว่า เมื่อก่อนนางว่ายน้ำไม่เป็นมิใช่รึ?”

ใช่ คนที่เมื่อก่อนว่ายน้ำไม่เป็น กลับถูกผู้อื่นผลักตกน้ำไป

ซ้ำพวกนางยังใช้ราวตากผ้าไล่ตีนางอีก เพื่อไม่ให้ขึ้นฝั่ง

ในตอนนี้ นางจะรู้สึกหวาดกลัวเพียงไหน?

ในตอนนั้น พี่ชายอย่างเขาไปอยู่ที่ใด?

หลินเย่ว์ไม่คิดตอบโต้อีก จึงหันหลังเดินจากไป

ฮูหยินหลินตะโกนไล่หลังมา “เจ้าจะไปที่ใด?”

“เข้าวัง” คำตอบสั้นๆ บ่งบอกถึงความเย็นชา

ฮูหยินหลินรู้สึกกังวลใจ พลันคล้ายกับนึกอะไรได้ จึงเรียกนางกำนัลผู้อาวุโสผู้หนึ่งมาพบ “เร็วเข้า ไปส่งข่าวให้พระสนมเต๋อกุ้ยเฟย”

“เจ้าค่ะ!”

ไม่นานนัก

ขณะที่หลินเย่ว์โมโหโกรธาพร้อมใช้เท้าเตะประตูกรมซักล้างจนเปิดออก ก็เห็นนางกำนัลกลุ่มหนึ่งกำลังฉุดกระชากลากถูนางกำนัลร่างผอมอีกคนให้ไปทางบ่อซักล้าง

เห็นชัดว่า พวกนางคิดจะผลักนางกำนัลผู้นี้ให้ตกน้ำไปอีก

เหตุการณ์นี้ สร้างความบาดตาให้แก่หลินเย่ว์เป็นอย่างมาก เพราะสิ่งที่เขามองเห็น ก็คือนางกำนัลเด็กผู้นี้คล้ายกับเฉียวเนี่ยนเมื่อสามปีก่อน

ในตอนนั้น พวกนางได้รังแกน้องสาวเขาเช่นนี้หรอกรึ?

มีนางกำนัลผู้อาวุโสผู้หนึ่งจำหลินเย่ว์ได้ จึงรีบพาทุกคนเดินมาคารวะ “บ่าวคารวะท่านโหวน้อย ไม่ทราบมีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ?”

หลินเย่ว์ไม่ยอมมองหน้านาง พลางเดินไปทางกลุ่มนางกำนัลที่คุกเข่าอยู่ จากนั้นจึงไม่พูดพล่ามทำเพลง มือกระชากตัวคนไหนได้ก็จับคนนั้นโยนลงน้ำไป

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน จนมีนางกำนัลสองคนร้องตกใจ นางกำนัลผู้อาวุโสจึงได้เอะอะโวยวาย “ตายจริง ท่านโหวน้อยทำอะไรเจ้าคะ?”

ไม่ทันขาดคำ แม้แต่นางกำนัลผู้อาวุโสก็ถูกยกขึ้นเช่นกัน แล้วพริบตา น้ำเย็นเฉียบในบ่อก็ทะลักเข้าปากและจมูกของนาง

หลินเย่ว์ไม่พูดไม่จา ตรงไปจับคนที่เหลือโยนลงน้ำเช่นกัน

นางกำนัลบางคนที่ลงน้ำก่อนคิดตะกายขึ้นฝั่งมา หลินเย่ว์จึงใช้ราวตากผ้าฟาดพวกนางลงไปซ้ำอีก

เขาเป็นคนฝึกวรยุทธ์มาแต่เล็ก การลงมือจึงหนักหน่วง นางกำนัลที่โดนฟาดเพียงครั้งเดียวก็รู้สึกเหมือนขาจะหัก ร้องเสียงดังพร้อมหมดสติไปทันที

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ทุกคนจึงไม่กล้าขยับส่งเดชอีก ได้แต่ยอมอยู่ในน้ำดีๆ ด้วยสภาพเปียกปอน

แต่ละนางได้แต่แอบสะอึกสะอื้น เพราะกลัวว่าหากร้องไห้เสียงดัง จะโดนหลินเย่ว์หวดด้วยราวตากผ้าอีก

ดูๆ ไปก็น่าสงสารนัก

แต่ว่า น้องสาวเขาไม่น่าสงสารบ้างรึ?

สมัยก่อนน้องสาวเขาก็เคยยืนร้องไห้อยู่ในบ่อนี้ คนกลุ่มนี้เคยปล่อยนางบ้างหรือไม่?

หลินเย่ว์ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ความเกรี้ยวกราดในดวงตาแทบกลายเป็นไฟโทสะแผดเผานางกำนัลกลุ่มนี้ให้กลายเป็นเถ้าถ่านเสีย

เหล่านางกำนัลเห็นดังนี้ แม้แต่คำวิงวอนร้องขอชีวิตก็ไม่กล้าพูด มีเพียงนางกำนัลผู้อาวุโสอาวุโสผู้นั้นที่ยังกล้าเอ่ยปากเกลี้ยกล่อม "ท่านโหวน้อย บ่าวรู้ว่าท่านทำเช่นนี้ก็เพื่อหวังแก้แค้นแทนแม่นางหลิน แต่ว่า จะตีสุนัขก็ควรดูหน้าเจ้าของเสียก่อน พวกเราล้วนเป็นคนของฝ่าบาททั้งสิ้น ท่านทำเช่นนี้ ถ้าให้ฝ่าบาททรงทราบเข้า...”

หลินเย่ว์ตวัดราวตากผ้าไป จนเกือบฟาดถูกใบหน้านางกำนัลผู้อาวุโสอาวุโสผู้นั้น

พลันได้ยินเขาหัวเราะเสียงเย็น แววตายิ่งเย็นชาไปใหญ่ “ทำไม? คิดเอาฝ่าบาทมาขู่ข้ากระนั้นรึ?”

“ท่านโหวน้อยช่างโอหังนัก”

มีเสียงอ่อนโยนทว่าทรงอำนาจดังมาจากด้านหลังหลินเย่ว์ “แสดงว่าแม้แต่ฝ่าบาทก็ปรามเจ้าไม่อยู่ใช่หรือไม่?”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Wednesday 20
เอาเลยฟาดมันท่านพี่ ข้าจะให้อภัยท่านในตอนแรกๆก็ได้
goodnovel comment avatar
Sita
ขอติดตามตอนต่อไปค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 828

    เฉียวเนี่ยนยืนอยู่กับที่ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อยู่พักใหญ่นางไม่รู้ว่าควรจะพูดกับสวีเหม่ยเหรินอย่างไร คำพูดปลอบโยนเมื่อครู่ก็พูดออกไปมากมายแล้ว คำมั่นก็ให้แล้ว แต่สวีเหม่ยเหรินก็ยังไม่เชื่อนางแต่ก็โทษสวีเหม่ยเหรินไม่ได้ เพราะสุดท้ายนางเองก็เคยคิดจะละทิ้งสวีเหม่ยเหรินจริงๆจนกระทั่งยามนี้เมื่อได้ยินคำพูดที่เจือแววเย้ยหยันชะตาตนเองของสวีเหม่ยเหริน หัวใจเฉียวเนี่ยนก็เหลือเพียงความรู้สึกผิดสุดท้ายจึงทำได้แค่กล่าวเบาๆ ว่า “เหม่ยเหรินพักผ่อนให้มากเถิด”พูดจบ นางจึงออกจากห้องไปทรวงอกเจ็บปวดเพราะคำพูดของสวีเหม่ยเหรินเมื่อครู่ เฉียวเนี่ยนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้ง จึงจะสามารถข่มอารมณ์แปลกประหลาดนี้ลงได้ความจริงแต่เดิมนางไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นโดยเฉพาะตอนอยู่ในกรมซักล้าง นางยังเอาตัวเองไม่รอด จะมีเวลาว่างไปสนใจคนอื่นได้อย่างไรแม้แต่ตอนที่ช่วยหลิ่วเหนียงออกมาจากกรมซักล้าง ก็แค่เพราะเต๋อกุ้ยเฟยมอบโอกาสให้นางเท่านั้นแต่ตั้งแต่เริ่มเรียนวิชาแพทย์ จิตใจของนางก็เหมือนจะเปลี่ยนไปมักจะรู้สึกว่า ในเมื่อเป็นหมอแล้ว ก็สมควรช่วยเหลือผู้คนให้ได้มากที่สุดคิดถึงตรงนี้ เฉียวเนี่ยนก็

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 827

    กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินออกไปเห็นท่าทางของนางกำนัลผู้นั้น สวีเหม่ยเหรินก็แสดงสีหน้าตกใจ รอจนกระทั่งนางกำนัลผู้นั้นออกจากห้องไป นางจึงกลั้นไม่ไหวเอ่ยถามว่า “ท่านหญิงเฉียวเชื่อใจนางได้หรือ?”เฉียวเนี่ยนตักยาขึ้นหนึ่งช้อน เป่าจนหายร้อนแล้วจึงป้อนถึงริมฝีปากของสวีเหม่ยเหริน “ไม่เกี่ยวกับเชื่อได้หรือไม่ได้ทั้งนั้น นางไม่อยากตาย ก็ต้องรู้ว่าควรทำอย่างไร”สวีเหม่ยเหรินอ้าปาก ดื่มยาเข้าไป เห็นเฉียวเนี่ยนมีท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้ นางก็พยักหน้าเบาๆจากนั้นจึงถามว่า “ท่านหญิงเฉียว ข้ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่?”เฉียวเนี่ยนชะงักไปนางไม่ได้ถามว่านางจะมีชีวิตรอดไหม แต่ถามว่ายังจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ในใจเจ็บวูบขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวแต่สีหน้าของเฉียวเนี่ยนยังคงนิ่ง เอ่ยด้วยเสียงเบา “พูดอะไรเพ้อเจ้อ? มีข้าอยู่ เจ้าก็ย่อมจะมีชีวิตอยู่ได้นานแสนนาน”ได้ยินดังนั้น สวีเหม่ยเหรินก็ยิ้มน้อยๆ ดูมีความสุขเพียงแต่นางไม่เชื่อนางกลืนยาอีกคำ แล้วจึงเอ่ยว่า “ข้ารู้ดีถึงสภาพของตัวเอง เมื่อครู่ ข้าเลือดออกแล้วใช่ไหม?”เฉียวเนี่ยนชะงักอีกครั้ง ได้ยินสวีเหม่ยเหรินกล่าวต่อ “ก่อนที่ข้าจะสลบ ข้าก็ได้เห

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 826

    นางกำนัลผู้นั้นไม่เคยพบเห็นกลิ่นอายอันเย็นเยียบของเฉียวเนี่ยนเช่นนี้มาก่อน ถึงกับรู้สึกแข้งขาอ่อน ทรงตัวแทบไม่อยู่เข็มเงินด้ามนั้นเล็กนัก แต่กลับปักแน่นเข้าไปในประตูไม้ได้อย่างแม่นยำ หากจะให้ปักเข้าไปในสมองนางจริงๆ คงไม่ใช่เรื่องยากเลยจะตายหรือไม่ นางไม่รู้ แต่ถ้ากลายเป็นคนสติไม่สมประกอบเหมือนคุณหนูเมิ่งขึ้นมาเล่า จะทำอย่างไร?เมื่อคิดเช่นนั้น นางกำนัลก็ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปข้างนอก มือที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูก็ชักกลับมาทันทีใบหน้านางกำนัลเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เอ่ยถามเฉียวเนี่ยนว่า “ท่าน ท่านมิใช่คนขององค์หญิงหรอกหรือ? เหตุใด เหตุใดถึงต้องช่วยนางด้วย?”ในเมื่อองค์หญิงเองก็ปรารถนาให้สวีเหม่ยเหรินตายอยู่แล้วเฉียวเนี่ยนไม่หันกลับไป มัวแต่รีบรักษาอาการของสวีเหม่ยเหริน จึงไม่มีเวลาจะไปโต้เถียงกับนางกำนัลผู้นั้นเพียงกล่าวเสียงเย็นว่า “เจ้าอย่าลืมเสียเล่า ว่าใครเป็นผู้สั่งให้ข้ามาดูแลสวีเหม่ยเหริน”เฉียวเนี่ยนรับพระบัญชาจากฮ่องเต้โดยตรงมาตั้งแต่แรกนางกำนัลได้ฟังถึงเพิ่งรู้สึกตัวขึ้นมาใช่แล้ว แม้องค์หญิงกับฮองเฮาจะต้องการให้สวีเหม่ยเหรินตายทั้งกลม ทว่าฮ่องเต้ต้องการให้เด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 825

    “กลับตระกูลเมิ่งรึ?” เสี่ยวฝูจื่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ให้พวกนางกำนัลดูแลไม่ได้หรือ? ก่อนหน้านี้ฮองเฮาเคยรับสั่งให้พานางมาเลี้ยงดูในวัง นี่ยังไม่ทันไรก็จะส่งกลับไป เกรงว่าจะไม่เหมาะกระมัง?”แต่แล้วเฉียวเนี่ยนก็กล่าวว่า “ฝูกงกงอาจยังไม่ทราบ แม้คุณหนูเมิ่งจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่การคอยดูแลนางควรหาแต่ผู้คนที่นางคุ้นเคยหรือใกล้ชิดจะเหมาะกว่า ตระกูลเมิ่งเป็นครอบครัวของนาง มีทั้งคนและสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย เวลานี้การกลับไปพักฟื้นที่ตระกูลเมิ่งจะดีกว่าอยู่ในวังเสียอีก”เสี่ยวฝูจื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงถามว่า “เช่นนั้น หากคุณหนูเมิ่งกลับไปแล้ว ท่านหญิงเฉียวก็จะได้ทุ่มเททำงานให้องค์หญิงอย่างเต็มที่แล้วสินะ?”“แน่นอนอยู่แล้ว!”เฉียวเนี่ยนพูดพลางลดเสียงลง “ส่วนสวีเหม่ยเหรินนั่นก็ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก ข้าน้อยอยู่ที่ตำหนักฝูเหอ ย่อมสามารถตั้งใจทำงานเพื่อองค์หญิงได้เต็มที่แน่”ได้ยินเช่นนี้ เสี่ยวฝูจื่อก็พยักหน้าทันที “ได้ บ่าวเข้าใจแล้ว จะรีบกลับไปรายงานองค์หญิงเดี๋ยวนี้ หวังว่าคุณหนูเฉียวจะรักษาคำพูด รีบปรุงยาที่องค์หญิงต้องการให้เสร็จเถิด อย่าให้องค์หญิงต้องรอจนใจร้อนนัก”เฉียวเนี่ยนคำนับทันท

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 824

    เฉียวเนี่ยนเข้าใจสิ่งที่เมิ่งอิ้งจือต้องการจะสื่อในเมื่อทุกอย่างล้วนเป็นการวางแผนอย่างรอบคอบของเมิ่งซ่างซู เช่นนั้นเขาย่อมไม่เชื่อง่ายๆ ว่าเมิ่งอิ้งจือความจำเสื่อมจริงๆแต่หากเมิ่งอิ้งจือกลับไปแบบเลอะเลือน แล้วค่อยๆ ฟื้นตัว จากคนสติไม่ดีกลายเป็นเพียงคนความจำเสื่อมต่อหน้าต่อตาพวกเขา บางที พวกเขาอาจจะไม่สงสัยอะไรมากเพียงแต่เฉียวเนี่ยนยังคงมีความกังวลของตนเองอยู่ “แต่ถ้าหาก... ข้าหมายถึง แค่ถ้าหากว่า”เฉียวเนี่ยนเน้นคำนี้โดยเฉพาะ แล้วจึงพูดต่อ “ถ้าหากตระกูลเมิ่งคิดจะทำร้ายท่านขึ้นมา จะทำอย่างไร?”นางบอกว่านางสามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว แต่ถึงแม้จะฟื้นคืนสติจริงๆ การกลับไปตระกูลเมิ่งเพียงลำพัง ก็ยังเป็นเรื่องอันตรายอยู่ดีเมิ่งอิ้งจือขมวดคิ้วเล็กน้อย “คงไม่หรอกกระมัง? พวกเขาเป็นพ่อแม่ของข้า ต่อให้คิดวางแผนหลอกใช้ข้า แต่ก็คงไม่ถึงขั้นคิดจะทำร้ายข้าหรอก...”เฉียวเนี่ยนไม่รู้จะพูดยังไงกับเมิ่งอิ้งจือดี คิดอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “คุณหนูเมิ่งต้องเข้าใจว่า ในโลกนี้มีพ่อแม่ที่ไม่รักลูกของตัวเองอยู่จริงๆ ข้าเองก็เคยถูกแม่แท้ๆ ของตัวเองใช้ประโยชน์ จนเกือบตายด้วยน้ำมือหมิงอ๋อง... เรื่องที่ท่า

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 823

    ในที่สุดนางก็รวบรวมความกล้าหันไปมองเขา แววตาฉายความประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คิดว่าเซียวเหอจะพูดออกมาเช่นนี้บางที อาจเป็นเพราะเห็นว่านางป่วยหนักกระมัง?หรืออาจเป็นเพราะเห็นแก่คุณหนูเฉียว?เมิ่งอิ้งจือมองเซียวเหอ เห็นรอยยิ้มของเขาฝืดฝืนอยู่บ้าง นางจึงค่อยๆ ก้มหน้าลง สูดลมหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ข้า... รบกวนเรื่องที่พวกท่านกำลังคุยกันอยู่หรือเปล่า?”นางไม่รู้มาก่อนว่าเซียวเหอจะอยู่ในห้องของเฉียวเนี่ยนตอนดึกดื่นเช่นนี้ หากรู้อยู่ก่อน นางคงไม่กล้าเข้ามาแน่เซียวเหอจึงกระแอมเบาๆ หนึ่งครั้งแล้วเอ่ยว่า “ไม่หรอก คุยกันเสร็จแล้ว”พูดจบ เขาก็หันไปมองเฉียวเนี่ยน น้ำเสียงพลันอ่อนโยนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “เจ้าระวังตัวด้วย ข้าขอตัวก่อน”เมิ่งอิ้งจือรู้สึกถึงความผิดแปลกในทันทีน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นนี้ แต่ก่อนเคยเป็นของนางเพียงผู้เดียวแต่ตอนนี้...นางอดไม่ได้ที่จะแอบมองเฉียวเนี่ยนอย่างเงียบๆก่อนหน้านี้เฉียวเนี่ยนเคยพูดว่า การแต่งงานกับเซียวเหอนั้นก็เพื่อหลีกเลี่ยงการสมรสที่ฮ่องเต้ทรงประทานเท่านั้นทว่าตอนนี้ เซียวเหอกลับดูเหมือนจะรู้สึกกับเฉียวเนี่ยนแบบไม่ธรรมดาในใจนางพลันเกิดควา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status