หน้าหลัก / รักโบราณ / พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก / บทที่8 คำตัดสินของบุรุษใจบอด

แชร์

บทที่8 คำตัดสินของบุรุษใจบอด

ผู้เขียน: มี่เยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-15 12:09:46

รถม้าคันหรูของจวนจวงเซียงป๋อหยุดลงที่หน้าประตูหลัก โจวจื่อหมิงก้าวลงจากรถก่อนเป็นคนแรกอย่างรีบร้อนโดยมีโจวจี้ บ่าวคนสนิทถือร่มกันแดดเดินตาม เขาไม่แม้แต่จะชายตามองฮูหยินของตนเลยแม้แต่น้อย

“ซื่อจื่อเชิญทางนี้ขอรับ” โจวจี้กล่าวเสียงเรียบขณะผายมือไปทางเรือนใหญ่

กัวรั่วชิงมองแผ่นหลังของโจวจื่อหมิงที่เดินจากไปอย่างไม่ไยดีด้วยความรู้สึกด้านชา หลงเหลือเพียงความเหนื่อยหน่ายระอาใจเท่านั้น

“ซื่อจื่อทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ” กัวลี่ลี่ สาวใช้คนสนิทที่อยู่ข้างกายเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ กัวรั่วชิงส่ายหน้าเบาๆ แล้วก้าวเดินไปตามทางเดินหินมุ่งสู่ เรือนกุ้ยฮวา เรือนพักของตน

เมื่อมาถึงเรือน กัวรั่วชิงนั่งลงที่เก้าอี้ไม้แกะสลักอย่างอ่อนแรง กัวลี่ลี่รินน้ำชาดอกเบญจมาศที่ชงเตรียมไว้ให้พลางกล่าวอย่างเป็นห่วง

“ฮูหยินเจ้าขา...เหตุใดซื่อจื่อจึงทำเช่นนั้นเจ้าคะ”

กัวรั่วชิงจิบน้ำชาเล็กน้อย “ก็คงเพราะเรื่องเมื่อกลางวัน เหมือนที่เจ้าได้ยินมาจากคนอื่นนั่นแหละ”

“เรื่องที่ซื่อจื่อไปเข้าข้างคุณหนูใหญ่หรือเจ้าคะ! เขาไม่รู้หรือเจ้าคะว่าคุณหนูใหญ่เป็นสตรีมากมารยา เล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจยิ่งนัก” กัวลี่ลี่กัดริมฝีปากแน่นอย่างเจ็บแค้น

กัวรั่วชิงตอบเสียงเรียบ “เจ้าไม่ต้องไปถือสาหรอก พวกเขาก็เป็นเช่นนี้มาตลอดนี่นา”

“แต่ฮูหยินต้องทนอยู่กับความอยุติธรรมนี้อีกนานเท่าไหร่กันเจ้าคะ”

กัวรั่วชิงลูบศีรษะสาวใช้คนสนิท “เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกลี่ลี่ ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร”

กัวลี่ลี่มองนายของตนด้วยความสงสาร หากแต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ ประตูเรือนกุ้ยฮวาก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น

“เจ้าว่าใครเป็นสตรีมารยา เล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจ!” เสียงของโจวจื่อหมิงดังขึ้นด้วยความโกรธ

กัวลี่ลี่รีบคุกเข่าลงทันทีด้วยความตกใจ “ซื่อจื่อ บ่าวเปล่าเจ้าค่ะ”

โจวจื่อหมิงไม่สนใจคำแก้ตัวของสาวใช้ต่ำต้อย เขาตวาดด้วยความโมโห “เป็นแค่บ่าวไพร่ชั้นต่ำ ยังกล้ามานินทาเจ้านาย เจ้ามีกี่ชิวิตกัน”

“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ซื่อจื่อได้โปรดยกโทษให้บ่าวด้วย” กัวลี่ลี่รีบโขกศีรษะพื้น ร้องขอความเมตตา

กัวรั่วชิงเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบ พลางส่งสายตาให้กัวลี่ลี่เงียบ “ซื่อจื่อโปรดใจเย็นก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

โจวจื่อหมิงหันมามองนางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าเองก็เหมือนกัน เจ้ามันช่างร้ายกาจ เจ้าคิดจะฆ่าพี่หญิงใหญ่ของเจ้าหรือไง”

กัวรั่วชิงวางถ้วยชาลงอย่างแช่มช้า “ซื่อจื่อคิดจะกล่าวโทษข้างั้นหรือ”

“ยังจะมาถามอีก! เจ้าพยายามจะผลักอีอีของข้าลงสระบัว กั่วรั่วชิง... เจ้ามันปีศาจร้ายในคราบมนุษย์” โจวจื่อหมิงตะคอกใส่หน้าของกัวรั่วชิงอย่างบ้าคลั่ง

“อีอีของข้า?” ดวงตาของกัวรั่วชิงฉายแววสมเพช “ซื่อจื่อ... ท่านแน่ใจหรือว่าเป็นข้าที่กำลังจะทำร้ายอีอีของท่านน่ะ ดูเหมือนว่าตาของท่านจะมีปัญหานะ” กัวรั่วชิงถามกลับเสียงเรียบ ทว่าคำพูดที่แฝงความนิ่งเฉยนั้น กลับยิ่งทำให้โจวจื่อหมิงโกรธจัด

“กัวรั่วชิง! เจ้านี่มันเกินเยียวยาจริงๆ” โจวจื่อหมิงตะคอกอย่างบ้าคลั่งด้วยความโกรธที่เพิ่มขึ้น

กัวรั่วชิงเงยหน้ามองสามีด้วยแววตาที่ว่างเปล่า “ซื่อจื่อ... ถ้าข้าบอกว่า เป็นพี่หญิงใหญ่ต่างหากที่กำลังจะผลักข้าลงสระบัว ท่านจะว่าอย่างไร”

คำพูดของกัวรั่วชิงทำให้โจวจื่อหมิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเต็มไปด้วยโทสะพลันแข็งค้างราวกับถูกสาป ภาพของกัวจิ้งอีที่อ่อนหวาน บริสุทธิ์ราวกับดอกบัวขาวผุดขึ้นในห้วงความคิดของเขา นางไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างแน่นอน...นางเป็นสตรีที่เปราะบางและแสนดีงาม แล้วเหตุใดกัวรั่วชิงจึงบังอาจกล่าวหาเช่นนี้ได้

ทันใดนั้นเองความโกรธที่สงบไปชั่วขณะก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม อคติที่มีต่อกัวรั่วชิงกัดกินหัวใจของเขาจนสิ้น โทสะที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความผิดหวังทำให้เขาตะคอกเสียงกร้าว “ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ยังจะมีหน้าโทษสตรีที่แสนดีงามอย่างอีอีอีก กัวรั่วชิง เจ้ามันไร้ยางอายสิ้นดี!”

“ข้ามิได้ทำผิด เหตุใดต้องยอมรับ”

“ดี! ในเมื่อเจ้าปากกล้าขนาดนี้ ก็จงไปคุกเข่าสำนึกผิดที่ศาลบรรพชนสองชั่วยาม ดูซิว่าเจ้ายังจะกล้าอวดดีกับข้าอีกหรือไม่”

กัวรั่วชิงลุกขึ้นยืนช้าๆ “หากนั่นคือความต้องการของซื่อจื่อ ข้าจะไป”

นางเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง ทำให้โจวจื่อหมิงรู้สึกโมโหหนักขึ้นไปอีก ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความเดือดดาล

“กัวรั่วชิง! ข้าบอกให้เจ้าไปสำนึกผิด ไม่ใช่ให้ไปเดินลอยหน้าลอยตาเช่นนี้! ข้าเกลียดเจ้า! เกลียดที่ต้องเห็นหน้าเจ้า! ไปให้พ้นจากสายตาข้า!” เขาตะคอกไล่หลังนางเสียงก้อง

คำพูดที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเขาไม่ได้ทำให้กัวรั่วชิงรู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย นางเพียงแต่รู้สึกสมเพชในความไร้เหตุผลของชายที่เคยเป็นสามี นางเคยคิดว่าถึงเขาจะไม่รักนาง แต่ก็ยังคงความยุติธรรมไว้บ้าง ทว่าคำพูดที่แสนจะเยียบเย็นนั้นทำให้นางได้ตระหนักว่าเขาไม่เคยเห็นคุณค่าของนางเลยแม้แต่น้อย

นางยังคงก้าวเดินอย่างสงบ มุ่งหน้าสู่ศาลบรรพชนท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน การถูกลงโทษในครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย มันกลับทำให้นางรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ราวกับพันธนาการที่มองไม่เห็นที่รัดตรึงนางมานานได้ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ความจริงแล้ว นางไม่เคยมีความรู้สึกรักหรือผูกพันกับชายที่ตะโกนไล่หลังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หัวใจของนางว่างเปล่าและด้านชา การถูกลงโทษในครั้งนี้จึงเป็นการตอกย้ำความจริงนั้น แต่นางจะอดทนเพื่อรอวันที่จะสามารถหย่าขาดจากเขา และทวงคืนอิสรภาพโดยปราศจากคำครหาใดๆ ที่จะมาทำให้นางต้องแปดเปื้อน  

  

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่63 เลี้ยงต้อนรับญาติผู้น้อง

    เมื่อแสงตะวันลับขอบฟ้า ยามราตรีมาเยือน บรรยากาศภายในจวนแม่ทัพพลันเงียบสงบลงกว่าปกติ มีเพียงแสงนวลตาจากโคมไฟกระดาษที่แขวนเรียงรายตามทางเดินเท่านั้นที่ขับไล่ความมืดมิดออกไปซูหมิ่นจูในชุดสีชมพูอ่อนถูกซูจิ่นนำมาส่งตรงทางเข้าเรือนใหญ่ของหวงเชียนเล่อ หัวใจของนางเต้นรัวด้วยความยินดีผสมกับความประหม่า นางยืนนิ่งอยู่หน้าประตูครู่หนึ่งพยายามปรับสีหน้าท่าทางไม่ให้ดูตื่นเต้นเกินไป ก่อนก้าวเท้าผ่านประตูบุปผาไปทางเดินปูด้วยหินขัดเรียบ ทอดยาวผ่านสวนเล็กๆ ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ทรงพลัง มีกอไผ่และต้นหลิวพริ้วไหวตามแรงลม บนทางเดินมีกลิ่นหอมของดอกไม้ป่าอ่อนๆ ลอยมาเป็นระยะ ยิ่งทำให้หัวใจของนางพองโตมากขึ้นไปอีกเมื่อเข้ามาภายในเรือนจะพบกับห้องโถงที่กว้างขวางและดูเคร่งครึม ผนังประดับด้วยภาพวาดพู่กันลายภูเขาและแม่น้ำ ไม่มีเครื่องตกแต่งที่หรูหราฟุ่มเฟือย แต่ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างลงตัว โต๊ะไม้ขนาดพอเหมาะตั้งอยู่กลางห้อง มีอาหารจัดวางอยู่เพียงไม่กี่อย่าง แสดงให้เห็นถึงความเรียบง่ายสมเป็นเรือนของแม่ทัพที่โต๊ะนั้นเอง ซูหมิ่นจูเห็นร่างสูงใหญ่ของหวงเชียนเล่อนั่งร

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่62 ข้าต้องรีบทำให้พี่เชียนเล่อตาสว่าง

    ยามนี้ซูหมิ่นจูตระหนักแล้วว่ากัวรั่วชิงไม่ใช่พลับนิ่ม แต่เป็นสตรีจิตใจล้ำลึกและร้ายกาจดังข่าวลือที่ได้ฟังมาจริงๆ แต่การที่ตนเองโดนเล่นงานตั้งแต่ครั้งแรกเยี่ยงนี้จะบอกให้ท่านน้ารู้ไม่ได้ ยิ่งกับญาติผู้พี่ยิ่งไม่ได้อย่างเด็ดขาด“เรื่องวันนี้อย่าได้แพร่งพราย ถ้าข้ารู้ว่าผู้ใดปากมาก ข้าจะเล่นงานให้หนัก”“ขอรับคุณหนูซู” แม้เรื่องนี้จะน่านำไปเล่าต่อแค่ไหน แต่ทหารผู้คุ้มกันสองสามคนที่ตามมาก็จำต้องรับคำ เพราะไม่อยากซวยจากความปากสว่างซูหมิ่นจูกับซูจิ่นขึ้นรถม้ากลับจวนแม่ทัพทันที ความเงียบปกคลุมอยู่ภายในรถม้าได้ไม่นาน ซูหมิ่นจูที่ยังคับแค้นใจไม่หายพลันทุบกำปั้นลงบนที่นั่งอย่างแรง“ช่างน่ารังเกียจจริงๆ ทั้งที่ตัวเองเป็นแค่สตรีม่ายที่โดนบุรุษอื่นทอดทิ้งมาก่อน แต่กลับกล้าต่อปากต่อคำ ดูถูกเหยียดหยามคุณหนูในห้องหอที่ไร้เรื่องฉาวอย่างข้า” นางเอ่ยด้วยความโกรธ ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความเกลียดชัง“คุณหนูใจเย็นๆ ก่อนนะเจ้าคะ” ซูจิ่นพยายามปลอบคุณหนูของตนเอง“ใจเย็นงั้นรึ พูดออกมาได้” ซู

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่61 ข้าสังหรณ์ใจ

    ตั้งแต่เกิดมามีแค่ไม่กี่คนที่รังแกนางได้หนึ่งคือกัวจิ้งอี สองคือโจวจื่อหมิง แต่พวกเขาทั้งคู่ก็ถูกนางเล่นงานจนย่ำแย่ไปแล้วนับประสาอะไรกับคุณหนูปากกล้าตรงหน้า อย่างนางจะเป็นตัวอะไรได้“นี่เจ้าจะทำร้ายคนหรือ” จูหมิ่นจูไม่คิดว่าสตรีที่ดูนุ่มนิ่มในตอนแรก บัดนี้กำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาด้วยแววตากลัว “ช่วยด้วย! นางจะทำร้ายข้า”“ไสหัวไป ร้านค้าของข้าไม่ต้อนรับพวกคนเถื่อน” พูดจบพนักงานหญิงตัวใหญ่สองคนออกมาจากทางด้านหลังร้าน “โยนพวกนางออกไป” กัวรั่วชิงสั่งน้ำเสียงเด็ดขาด“อย่าเข้ามานะ! ข้า...ข้าออกไปเองได้”“เชิญ” ใบหน้างดงามปานเทพธิดาปรากฏรอยยิ้ม ทว่าเป็นรอยยิ้มหยันที่ทำให้คนโมโหจนแทบดิ้นตาย “เจ้าก็รีบกลับบ้านนอกไปเสียเถอะ เมืองหลวงไม่เหมาะกับคนอย่างเจ้า”ซูหมิ่นจูตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาป นางไม่คาดคิดว่าสตรีม่ายที่นางดูถูกจะกล้าโต้ตอบเช่นนี้ ใบหน้าสวยหวานของนางแดงก่ำด้วยความโกรธจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ นางได้แต่กัดฟันกรอดๆ ด้วยความคับแค้นใจ แ

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่60 ไม่ทราบว่า...คุณหนูชื้อชาดทาปากมาจากที่ใดหรือ

    “ขออภัยด้วยที่คนของข้าเสียมารยาท” เสียงนุ่มนวลที่ดังมาจากประตูหลังทำให้ซูหมิ่นจูและซูจิ่นหันไปมอง ก็เห็นหญิงสาวผู้หนึ่งสวมชุดสีกลีบบัวกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้างดงามสงบนิ่ง ดวงตาที่ดูอ่อนโยนและรอยยิ้มจางๆ บนริมฝีปากชวนให้รู้สึกสบายตาสบายใจยิ่ง“เจ้าเป็นใคร” ซูจิ่นถามอย่างหยิ่งผยอง“ข้าคือเจ้าของร้านจื่อชิงแห่งนี้ นามว่ากัวรั่วชิง” น้ำเสียงของนางยังคงความอ่อนโยน แต่แฝงไว้ด้วยพลังไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย“อ่อ เจ้าเองสินะ” ซูหมิ่นจูมองมาด้วยสายตาเย็นชา‘นางคือสตรีม่ายที่เป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ กัวรั่วชิง งั้นเหรอ’ ซูหมิ่นจูเก็บความรู้สึกไม่ยินยอมไว้ภายในใจ นางไม่คาดคิดว่าคู่แข่งความรักของตนจะดูงดงามและสง่าดังดอกโบตั๋นเยี่ยงนี้ นางเดินเข้าไปหากัวรั่วชิงอย่างช้าๆ ราวกับนางพญาที่กำลังประเมินเหยื่อ“ข้าเคยได้กลิ่นหอมจากร้านใหญ่ๆ ในเมืองหลวงมาแล้ว” ซูหมิ่นจูเริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง “แต่กลิ่นของที่นี่ช่าง...ธรรมดาเส

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่59 เจ้าน่ะหรือคือสตรีม่ายผู้นั้น

    หวงเชียนเล่อเดินนำนางไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินสีเทาเข้มอย่างเป็นระเบียบ สองข้างทางมีต้นสนสูงใหญ่อายุหลายร้อยปีปลูกเรียงรายอย่างสง่างาม กำแพงสูงใหญ่ของเรือนพักรายล้อมไปด้วยพุ่มไม้ที่ถูกตัดแต่งอย่างประณีต บรรยากาศภายในจวนแม่ทัพแตกต่างจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง ที่นี่ไม่มีเสียงอึกทึกของผู้คนในตลาด มีเพียงเสียงของสายลมที่พัดผ่านยอดไม้และเสียงฝีเท้าของทหารยามที่เดินตรวจตราเป็นระยะ ซูหมิ่นจูรู้สึกได้ถึงความสงบและอำนาจที่แฝงอยู่ในทุกย่างก้าว นางเดินตามพลางมองแผ่นหลังกว้าง หัวใจเต้นระรัวด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาและความหวังในอนาคตที่นางเพิ่งจะวางแผนไว้เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในเรือนพักรับรอง นางก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นห้องที่ถูกเตรียมไว้ มันถูกประดับประดาอย่างสวยงาม แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น ดูก็รู้ว่าใส่ใจอย่างยิ่ง“พี่เชียนเล่อ ท่านเตรียมสิ่งนี้ให้ข้าหรือ” นางเอ่ยถามด้วยดวงหน้าแดงซ่าน“ใช่แล้ว เจ้าชอบหรือไม่เล่า”“ข้าชอบมากเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากจริงๆ”“ไม่ต้องเกรงใจ เจ้า

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่ 58 คุณหนูซูหมิ่นจูมาแล้ว

    หวงเชียนเล่ออ่านจบก็เก็บจดหมายเข้ากระเป๋าเสื้อ “เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” หวงเชียนเล่อกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “ท่านแม่แค่จะส่งจูเอ๋อร์มาทำธุระที่เมืองหลวง”“ฮูหยินคงส่งนางมาสอดส่องว่าท่านใช้ชีวิตเหลวไหลอย่างไรที่นี่มากกว่า”หวงเชียนเล่อหัวเราะอย่างขบขัน “เจ้าพูดถูกแล้ว ท่านแม่ของข้าคงจะคิดเช่นนั้น”“แล้วท่านไม่กังวลหรือ” หูจวี๋ถามอย่างเป็นห่วงหวงเชียนเล่อส่ายหน้า “ข้าไม่กังวลหรอก จูเอ๋อร์เป็นคนน่ารัก นางคงไม่ทำอะไรที่ไม่ดีต่อข้าหรอก”หวงเชียนเล่อเอ็นดูซูหมิ่นจูเหมือนน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง ทั้งยังแอบคิดในใจว่า หากญาติผู้น้องได้พบกับกัวรั่วชิงและชื่นชอบในตัวนาง มารดาของเขาอาจจะยอมรับในตัวกัวรั่วชิงได้ง่ายขึ้น“เจ้าช่วยสั่งให้พ่อบ้านไปเตรียมเรือนพักรับรองให้ญาติผู้น้องของข้าที่กำลังจะมาเยี่ยม”“ขอรับ” หูจวี๋โค้งคำนับแล้วเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับมา “ท่านแม่ทัพ แล้ว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status