แชร์

4. มู่มู่น้อย

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-22 10:37:02

และแล้วคำภาวนาของเยว่ชิงก็เป็นผล บัดนี้นางอายุได้สามหนาวแล้ว เด็กน้อยตัวกลมสมส่วน ผิวขาวราวหิมะ พวงแก้มสีแดงระเรื่อป่องออกมาจนบิดามารดาและพี่ชายที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องแวะหอมแก้มกลมให้ชื่นใจ จะมีก็เพียงหมิงยู่เท่านั้นที่มักจะชอบบีบแก้มเยว่ชิงเล่นอยู่เสมอ อย่างเช่นตอนนี้…

“โอ๊ยยย พี่ยอง!” ใบหน้าน่ารักชักสีหน้าใส่พี่ชายของนางอย่างเอือมระอา วันๆ มิคิดจะทำสิ่งใด เดินผ่านไปก็บีบ เดินผ่านมาก็บีบ!

“คุณชายรอง อย่าได้กลั่นแกล้งคุณหนูนักเลยเจ้าค่ะ” แม่นมลี่ที่นั่งเล่นเป็นเพื่อนคุณหนูของนางอดเอ่ยห้ามปรามออกมาไม่ได้

“โถ่ ก็แก้มน้องข้าน่าบีบถึงเพียงนี้ จะให้ข้าอดใจไหวได้อย่างไร ข้าไปหล่ะ ขอไปคัดอักษรก่อนหากวันนี้ไม่แล้วเสร็จ ท่านพ่อจะโมโหจนหน้าดำหน้าแดงอีก ฮ่าๆ” ว่าแล้วหมิงยู่ก็หยิบโฉยเอาขนมของเยว่ชิงเข้าปากแล้วเดินเข้าห้องของตนเองไป

เยว่ชิงได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทีของพี่ชาย บัดนี้พี่ใหญ่อายุได้สิบหนาว พี่รองอายุแปดหนาว พี่สามอายุหกหนาว และนางอายุได้สามหนาว ซึ่งเป็นวัยเดียวกับที่นางรบเร้าขอเลี้ยงกระต่าย ดังนั้นแล้ววันนี้นางคงจะต้องขอให้ท่านพ่อหาสัตว์เลี้ยงให้นางสักตัวเสียแล้ว ตอนแรกนางนั่งคิดนอนคิดอยู่หลายคราว่าจะเลี้ยงสัตว์ดีหรือไม่ แต่เยว่ชิงเองก็อยากมีเพื่อนเล่นยามเหงา อย่างน้อยก็ยามที่พี่ๆ เข้าเรียนในสำนักศึกษา

“เยว่ชิงของแม่ มาให้แม่ลองอาภรณ์ตัวใหม่ให้เจ้าเถิด” ซูเมิ่งที่พึ่งตัดเย็บอาภรณ์ให้บุตรสาวและบุตรชายเสร็จก็รีบนำมาให้บุตรสาวลองใส่ เยว่ชิงรีบใช้มือดันพื้นเพื่อจะลุกเดินไปหามารดา เด็กน้อยตัวกลมรีบกางแขนให้มารดาสวมใส่อาภรณ์ให้ เมื่อเสร็จแล้วก็หมุนตัวไปมาให้มารดาดู

“น่าเอ็นดูเหลือเกิน เจ้าชอบหรือไม่” ซูเมิ่งมองบุตรสาวในชุดสีแดงที่นางพึ่งตัดเย็บเสร็จ

“ชอบ! คิกๆ งามๆ” เยว่ชิงมองอาภรณ์ตัวใหม่ของนางแล้วสุขใจไม่น้อย แม้เนื้อผ้าจะมิได้ดีมาก แต่ทว่าฝีมือการปักของมารดานั้นประณีตงดงามหาใครเปรียบได้ยาก

“เจ้าชอบแม่ก็ดีใจ แต่ตอนนี้เราไปอาบน้ำกันก่อนเถิด ประเดี๋ยวท่านพ่อก็จะกลับมาแล้ว” ซูเมิ่งอุ้มตัวบุตรสาวเข้าเอวอย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าบุตรสาวของนางจะวิ่งเล่นได้แล้ว แต่บุตรสาวตัวน้อยของนางก็ชอบรบเร้านางให้อุ้มอยู่บ่อยครั้ง

ใช้เวลาเพียงไม่นานซูเมิ่งและบุตรทั้งสี่ก็มานั่งรอลู่หวังเหล่ยในห้องโถง บนโต๊ะมีอาหารเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ ลู่หวังเหล่ยที่พึ่งกลับมาก็รีบล้างมือล้างเท้าแล้วเข้าไปหาภรรยาและบุตรทันที ลู่หวังเหล่ยพยายามสลัดความเหนื่อยล้าจากการทำงานออก แต่ทว่าร่างสูงกลับมิอาจควบคุมอาการสั่นเทาของร่างกายตนเองได้

“ท่านพี่ เหตุใดจึงสั่นเทาเช่นนี้เล่า เกิดอันใดขึ้น” ซูเมิ่งตกใจเมื่อเห็นสภาพของสามีนาง

หรือว่าจะถูกกลั่นแกล้งอีกแล้ว…

“มิเป็นไร พี่เพียงแค่หิวเท่านั้น วันนี้มีงานตรวจทรัพย์สินมากมายนัก พี่จึงไปไม่ทันโรงครัว เขาปิดไปก่อนพี่จึงมิได้ทานอันใดตั้งแต่มื้อกลางวัน”

“โถ่ เช่นนั้นก็รีบกินเข้าเถิด นี่เจ้าค่ะ วันพรุ่งข้าจะเตรียมขนมไว้ให้ เผื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกนะเจ้าคะ” เยว่ชิงมองบิดาด้วยความสงสาร หากวันหน้าบิดาของนางมิต้องอยู่ใต้บัญชาของผู้ใดก็คงจะดี เรื่องครานี้แม้ท่านพ่อจะไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา แต่นางก็รู้ได้ทันทีว่าคงมิพ้นถูกขุนนางขั้นสูงพวกนั้นกลั่นแกล้งมาเป็นแน่

“ให้!” มือเล็กของเยว่ชิงใช้ตะเกียบปักเนื้อไก่ในจานข้าวของนางไปให้บิดา แม้จะใช้ตะเกียบไม่คล่อง แต่เด็กน้อยก็พยายามนำเนื้อไก่ไปให้บิดาจนได้

“โอ้ เจ้าให้พ่อหรือ ฮ่าๆ ขอบใจเจ้ามาก” ลู่หวังเหล่ยลูบศีรษะบุตรสาวเบาๆ เมื่อลู่หวังเหล่ยคีบอาหารเข้าปากทุกคนจึงได้เริ่มทานข้าวกัน หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ ซูเมิ่งก็นำชาและขนมมาให้เด็กๆ ได้ทานเล่น

“เป็นอย่างไรบ้าง คัดตำราพื้นฐานเสร็จตามที่พ่อบอกไว้หรือไม่”

“เสร็จทุกเล่มแล้วขอรับ” เฉิงกงที่อุ้มน้องสาวอยู่บนตักเอ่ยตอบบิดา

“ดีแล้ว พ่อมิมีเบี้ยหวัดมากพอให้พวกเจ้าไปเรียนในสำนักศึกษา แต่ไม่นานหากพ่อได้เลื่อนขั้นเบี้ยหวัดก็จะมากตามไปด้วย ถึงครานั้นพ่อจะส่งพวกเจ้าไปสำนักศึกษาแน่ มิต้องห่วงไป” ลู่หวังเหล่ยเอ่ยอย่างมีความหวัง ขุนนางในแคว้นเฉินนั้นจะถูกพิจารณาเลื่อนขั้นจากผลงานและอายุการทำงาน ลู่หวังเหล่ยที่มีทั้งผลงานที่โดดเด่นและทำงานมานานจึงได้มั่นใจว่าตนเองจะได้เลื่อนขั้นในไม่ช้า

“ข้าเข้าใจขอรับ ลำพังที่ท่านพ่อสอน ข้าและน้องๆ ก็ได้รับความรู้มากมายแล้ว ท่านพ่อมิจำเป็นต้องเร่งรีบ” เฉิงกงเอ่ยออกไปตามที่เขาคิด

“อืม เช่นนั้นพวกเจ้าก็ตั้งใจให้มาก” ลู่หวังเหล่ยตบบ่าลูกชายทั้งสามเบาๆ ครอบครัวกำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกซึ้งใจ แต่ทว่า…

“ท่านพ่อ! เยว่ชิงอยากเยี้ยงเสือ” เยว่ชิงเอ่ยโพล่งขึ้นมา ทำเอาทุกคนถึงกับชะงัก

“เลี้ยงเสือหรือ! อ้อ เจ้าคงหมายถึงของเล่นรูปลักษณ์เหมือนเสือใช่หรือไม่” ซูเมิ่งที่ได้สติก่อนใครรีบเอ่ยแก้คำพูดของบุตรสาว

“ม่ายๆ เสือ ยูกเสือตัวเย็กๆ” มือเล็กกลมทั้งสองข้างยกขึ้นมากะขนาดลูกเสือที่นางอยากได้ให้ท่านพ่อและทุกคนดู

“จะเอาเสือที่ใดมาเล่าเยว่ชิง”

“นั้นสิ อีกอย่างเสือมันน่ากลัวนะ เราเลี้ยงกระต่ายดีหรือไม่” ลี่อินพยายามโน้มน้าวใจน้องสาว เพราะหากน้องสาวเลี้ยงเสือขึ้นมาจริงๆ เขาคงมิกล้าก้าวขาออกจากห้องเป็นแน่

“ม่ายๆ น้องชอบเสือ เอาเสือหนึ่งตัว” นิ้วชี้ป้อมยกขึ้นมาหนึ่งนิ้ว ท่าทีราวกับตอนหมิงยู่งอแงจะเอาขนมมิมีผิด พี่น้องคู่นี้เหมือนกันอย่างกับแกะ

“เอ่อ หาก…หากพ่อเจอแถวตลาดพ่อจะซื้อมาให้แล้วกันนะเยว่ชิง แหะๆ” ลู่หวังเหล่ยส่งยิ้มแห้งไปให้บุตรสาว หวังว่าในตลาดคงจะมีลูกเสือขายนะ

วันแล้ววันเล่าเยว่ชิงก็ยังไม่ได้ลูกเสือจากบิดาเสียที จนนางเริ่มถอดใจแล้ว ชาตินี้นางคงมิมีสัตว์เลี้ยงเหมือนกับคนอื่นเขาแล้ว จะให้เลี้ยงสัตว์ที่ตัวเล็กกว่าสุนัขจรจัดก็กลัวว่าพวกมันจะไม่พ้นคมเขี้ยวของสุนัขพวกนั้น

“เห้อออ เสียดายจริง” เยว่ชิงนั่งถือพู่กันขีดเขียนอักษร แต่ก็มิได้เขียนออกมาเป็นตัวอักษรงดงาม ดูคล้ายจะเป็นตัวยึกยือไปมาเสียมากกว่า

“เยว่ชิงๆ ท่านพ่อมาแล้ว น้องรีบไปดูเร็วเข้าว่าท่านพ่อได้สิ่งใดมา” เยว่ชิงหันไปตามเสียงเรียกของพี่ใหญ่ บิดาของนางไปเข้าร่วมเทศกาลล่าปา ท่านพ่อจึงต้องไปพักแรมในป่าร่วมกับเหล่าเชื้อพระวงค์และขุนนางเพื่อออกล่าสัตว์มาเซ่นไหว้เทพเจ้า

เยว่ชิงรีบวิ่งไปที่หน้าเรือนทันที ร่างเล็กมองเห็นกล่องไม้ขนาดไม่ใหญ่มาก พอจะใส่ไก่ลงไปได้สักห้าหกตัว ขาสั้นป้อมเดินเข้าไปใกล้กล่องไม้นั่นเรื่อยๆ จนเห็นว่าด้านในเป็นลูกเสือขาว! ดวงตากลมทั้งสองมีสีฟ้าครามดั่งน้ำในมหาสมุทร

“คื่ออออ!” เสียงขู่คำรามของพยัคฆ์ตัวน้อยดังขึ้น แม้จะมิได้ดังลั่นเรือน แต่ก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้เช่นกัน

“เยว่ชิง! แม่ว่ามันจะกัดเอาได้นะ เราให้ท่านพ่อเอาไปคืนดีหรือไม่” เยว่ชิงไม่ฟังคำทัดทานของผู้เป็นมารดา เด็กน้อยนำขนมที่แอบซุกไว้ในสาบเสื้อ ออกมายื่นให้เจ้าเสือตัวน้อย

“คื่ออ ฟุดๆ ฟิดๆ” จมูกเล็กดมทั้งขนมและมือของเยว่ชิง ลิ้นสากของลูกเสือเลียเข้าที่ขนมราวกับอยากชิมรสชาติ เมื่อเยว่ชิงเห็นว่าลูกเสือเริ่มคุ้นชินกับกลิ่นของนางแล้ว จึงค่อยลูบหัวเบาๆ แล้วค่อยๆ อุ้มเจ้าเสือตัวน้อยออกมาจากกล่อง

“เยว่ชิงอยากได้นม ใส่จานจานเย็กๆ” ลูกเสือตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเยว่ชิงยังคงสูดดมกลิ่นตามอาภรณ์ ทั้งยังใช้ลิ้นเลียอยู่อย่างนั้น เมื่อได้นมมาแล้ว เยว่ชิงจึงได้ป้อนให้เจ้าเสือตัวน้อยทันที

แผลบ แผลบ แผลบ! ลูกเสือน้อยมิสนใจรอบข้างอีกต่อไป มันคงหิวมากทีเดียวจึงได้เลียกินนมจากจานไม่หยุดเช่นนี้

“ดูจะเชื่องนะขอรับท่านพ่อ น้องสามเจ้ามิต้องกลัวไป ออกมาเถิด” เฉินกงเรียกน้องชายที่แอบดูอยู่ห่างๆ ให้เข้ามาดูใกล้ๆ

“ชอบหรือไม่เยว่ชิง”

“ชอบเจ้าค่ะ กี่ตำลึงหยือ วันหน้าเยว่ชิงจะหามาคืน” เยว่ชิงพูดออกมาทั้งที่ตายังติดอยู่กับลูกเสือตัวน้อยของนาง

“ฮ่าๆ มิได้เสียสักตำลึง ไว้พ่อจะเล่าให้ฟังว่าได้มาอย่างไร ตอนนี้เจ้าตั้งชื่อให้มันเสียก่อนเถิด” ทั้งบิดา มารดา รวมถึงพี่ชายและบ่าวรับใช้ต่างหัวเราะให้กับคำพูดที่แสนจะรู้ความเกินเด็กของเยว่ชิง

“มูมู่ เจ้ามูมู่น้อยของเยว่ชิง”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   100. บทเรียนจากมารดา (ตอนพิเศษ)

    “เสด็จพ่อ มิอยู่หรือเพคะ อื้ม” เสียงเล็กของเด็กหญิงวัยหกหนาวเอ่ยถามมารดาทั้งที่มือยังคงนำขนมเข้าปากน้อยๆ ไม่หยุด“ฉิเงอ๋อร์ เจ้าเรียบร้อยให้สมกับเป็นสตรีเสียบ้างเถิด” เยว่ชิงนำผ้ามาเช็ดปากให้บุตรสาวตัวน้อย ดูทีเถิดอันเอ๋อร์บุตรสาวของพี่ใหญ่กับเสี่ยวจูอายุเพียงสี่หนาวยังนั่งกินเรียบร้อยมิเลอะเทอะแม้แต่น้อย“มิจำเป็นเพคะ ท่านลุงรองเอ่ยว่ายามเสด็จแม่เด็กก็แก่นเซี้ยวเช่นฉิงเอ๋อร์” แม้จะถูกมารดาดุ แต่เด็กหญิงตัวน้อยกลับมาใส่ใจ เอาแต่กัดกินขนมด้วยท่าทีสบายอารมณ์“เสด็จแม่คงต้องทำใจเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ บุตรของผู้ใดย่อมเหมือนผู้นั้น ฉิงเอ๋อร์ย่อมซุกซนเหมือนเสด็จแม่ อันเอ๋อร์ย่อมเรียบร้อยเหนียมอายดั่งท่านป้าเผิงจู ส่วนอาหรานเองก็ปากเก่งเช่นท่านลุงรอง” อาหรานที่จางหย่งเอ่ยถึงคือ ลู่ห่าวหราน บุตรชายของพี่รองและพี่ฟางเอ๋อร์ที่อายุได้เพียงสี่หนาว แต่กลับช่างพูดช่างเจรจาดั่งพี่รองมิมีผิด“คิกๆ”“เสี่ยวจู เจ้าหัวเราะข้าหรือ”“มิได้เพคะพระชายา เพียงแต่หม่อมฉันนึกถึงยามที่พระชายาเป็นเด็ก ท่านหญิงมิมีสิ่งใดต่างจากพระชายาเลยเพคะ” เผิงจูยกมือปิดปากหัวเราะ ท่านหญิงช่างเหมือนพระชายาเหลือเกิน ส่วนท่านชายใหญ่ก็

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   99. ขอบคุณ

    “ปล่อยอาหย่งกับฉิงเอ๋อร์ไว้กับเหล่าองค์ชายจะดีหรือเพคะ เยว่ชิงกลัวว่าเจ้าก้อนของเราจะไปทำให้เหล่าองค์ชายลำบากเอาได้” บุตรชายและบุตรสาวของนางนั้นแม้จะเลี้ยงไม่ยาก ทว่าเอาแต่ใจตนเองเป็นที่หนึ่ง อยากร้องก็ร้อง อยากหยุดก็หยุด ชอบเล่นสนุกจนบางครั้งทำให้ขันทีฟ่งหรานถึงกับเหนื่อยหอบลมแทบจับ นางเกรงว่าเจ้าก้อนทั้งสองของนางจะทำให้เหล่าองค์ชายปวดหัวเอาได้“ฮ่าๆ มิได้ห่วงเจ้าก้อนหรอกหรือ” หลิวหยางพาเยว่ชิงควบม้าออกมาห่างจากเมืองหลวงพอควร เพื่อพาร่างบางไปยังสถานที่หนึ่ง ที่เขาได้ตระเตรียมเอาไว้นานแล้ว“เจ้าก้อนทั้งสองของเรา หากว่ามีพี่สามอยู่ เยว่ชิงก็มิห่วงอันใดแล้วเพคะ ทั้งเหล่าองค์ชายเองก็เอ็นดูอาหย่งและฉิงเอ๋อร์ของเราถึงเพียงนั้น จะต้องห่วงอันใดอีกเล่า…ว่าแต่ท่านพี่จะพาเยว่ชิงไปที่ใดหรือเพคะ” นัยน์ตาสดใสมองไปรอบข้างอยู่นาน แต่ก็มิคุ้นกับที่ทางเหล่านี้สักเท่าใด“พี่พาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นอย่างไรเล่า จะได้มิน้อยใจ หาว่าพี่สนใจแต่บุตรมิสนใจมารดา”“โถ่~ เรื่องเพียงเท่านี้ ผู้ใดจะน้อยใจเล่าเพคะ” แขนเล็กถูกยกขึ้นกอดอก ดวงหน้างดงามเชิดขึ้นดั่งถือดี เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายที่ถูกสวามีจับได้ว่าแอบน้อย

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   98. พบปะเสด็จอา (3)

    “อู้ๆ คิก เจี่ยมๆ”“โอ้ ฉิงเอ๋อร์ของลุงวาดภาพได้งดงามยิ่ง หากอาหย่งก็กลับมาแล้ว เราเอาไปอวดเขาดีหรือไม่ หืม” หมิงยู่ว่า พลางนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบสีที่ติดใบหน้าหลานสาวตัวน้อยออก อีกสองเดือนข้างหน้าก็จะถึงฤกษ์แต่งของเขากับฟางเอ๋อร์แล้ว ถึงครานั้นเขาจะรีบมีบุตรให้ทันใช้ เดิมทีมีการกำหนดฤกษ์แต่งก่อนหน้านี้ แต่ทว่าพี่ชายของฟางเอ๋อร์ออกเรือไปส่งสินค้าต่างแคว้นมิอาจมาร่วมงานได้ พวกเขาจึงเลื่อนออกไป เพราะอยากให้ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าในวันสำคัญ“คารวะองค์ชายทั้งห้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพาอาหย่งไปเปลี่ยนอาภรณ์ตัวใหม่มาแล้ว รับรองว่ากลิ่นหอมฉุย” ลี่อินอุ้มจางหย่งเข้ามาในศาลาที่เหล่าองค์ชายนั่งอยู่ รอยยิ้มหวานหยดของคุณชายรองลู่ทำเอาใครบางคนถึงกับหันมองมิวางตา จนเหล่าพี่น้องจับสังเกตได้“เชิญคุณชายรองและคุณชายสามลู่ตามสบาย ถือว่าพวกข้ามาพักผ่อนดั่งครอบครัวทั่วไป ใช่หรือไม่น้องสี่” จ้านฉือที่เห็นว่าน้องชายยังมิละสายตาจากใบหน้างามจึงได้เอ่ยเรียกสติ“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่ คุณชายลู่พาอาหย่งมานั่งเถิด” เมื่อองค์ชายสี่เอ่ยเรียกคุณชายลู่ ทำให้ทั้งลี่อินและหมิงยู่ชะงักมองหน้ากัน เพราะมิรู้ว่าองค์ชายเอ่ยเรี

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   97. พบปะเสด็จอา (2)

    “ข้าฝากเจ้าพวกเจ้าด้วย มิถึงสองชั่วยามข้าก็กลับมาแล้ว หากว่ามีสิ่งใดก็เรียกฟ่งหราน หรือไม่ก็ขอคุณชายสามลู่ช่วยได้” ในยามเว่ย (13:00 – 14.59 น.) หลิวหยางตั้งใจจะออกไปที่หนึ่งกับเยว่ชิงตามลำพัง ทั้งบรรดาน้องชายอยากออกมาสังสรรค์กันที่จวนอ๋องของเขา เขาจึงใช้โอกาสนี้ขอให้น้องชายมาช่วยอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับบุตรทั้งสองเดิมทีเฉินกงและเผิงจูคิดจะตามไปด้วย แต่เขาคิดว่าควรจะให้เฉินกงได้พักเสียบ้าง จึงให้คู่บ่าวสาวที่พึ่งจะตบแต่งกันไปเมื่อสามเดือนก่อนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้าง เฉิงกงจึงพาเผิงจูออกไปอารามเพื่อขอบุตร“เสด็จพี่ใหญ่ไว้ใจข้าได้ ข้าน่ะเลี้ยงเด็กมามาก เพียงแค่หลานสองคนจะยากสักเท่าใดกันเชียว” องค์ชายห้าเฉิงเฟยฟาตบอกตนเองอย่างมั่นอกมั่นใจ“หึ เด็กที่เจ้าเลี้ยงมิใช่เด็กทารกนะเจ้าห้า” องค์ชายสี่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา เด็กที่น้องชายเขาว่าคงมิพ้นสาวงามในหอนางโลมเป็นแน่เหล่าองค์ชายต่างหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าองค์ชายสี่หมายถึงเรื่องใด เว้นก็แต่ผู้ที่ถูกว่าอย่างองค์ชายห้า“เอาเถิดๆ บุตรของข้าเลี้ยงง่าย มิทำให้พวกเจ้าหนักใจเป็นแน่ ถือเสียว่าออกมาพักผ่อนนอกวังเสียบ้าง” หลิวหยางว่าพลางก้มลงจุมพิตบุตร

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   96. พบปะเสด็จอา (1)

    กว่าเจ็ดเดือนที่หลิวหยางและเยว่ชิงแทบจะมิอยู่ห่างบุตรทั้งสอง โดยเฉพาะหลิวหยางที่ถึงขั้นหอบงานมาทำด้วยยามที่บุตรหลับ“บู้ๆ เอิ้ก แอ๊!” เสียงทารกน้อยวัยเจ็ดเดือนกำลังนอนสนทนากันอยู่บนเตียงสองคนเบาๆ ทั้งจางหย่งและอ้ายฉิงเป็นเด็กเลี้ยงง่าย มีร้องไห้งอแงตามประสาเด็กบ้าง แต่เมื่อได้ดื่มนมจากอกมารดาก็หยุดงอแงทันใด เพราะเหตุนี้ทารกน้อยทั้งสองจึงได้อ้วนท้วมสมบูรณ์ ประกอบกับผิวที่ขาวราวหิมะ ทำให้ผู้เป็นบิดามารดาและข้ารับใช้ในจวนอ๋องต่างเอ็นดูท่านชาย ท่านหญิงเป็นที่สุด“หึๆ ฉิงเอ๋อร์กับอาหย่งพูดคุยเรื่องใดกันอยู่หรือ ให้พ่อพูดคุยด้วยได้หรือไม่ หืม” หลิวหยางยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตแก้มกลมของบุตรทั้งสองคนละทีให้หายคิดถึง เขาพึ่งจะกลับมาจากการประชุมในท้องพระโรงจึงได้ตรงกลับจวนทันที แต่ก็มิทันได้ทานมื้อเช้ากับชายาและบุตรอยู่ดี ร่างสูงจึงรีบทานอาหารและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเข้ามาหาเยว่ชิงและบุตรทั้งสอง“ท่านพี่” เยว่ชิงเมื่อเห็นว่าสวามีหอมแก้มบุตร จึงได้ยื่นแก้มของตนเองให้สวามีได้หอมบ้าง ตั้งแต่มีบุตร ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะมิสนใจเยว่ชิงแล้ว เมื่อก่อนกลับมาจากการทำงานจะต้องมาหานางเป็นคนแรก แต่บัดนี้กลับมุ่ง

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   95. เจ้าก้อนตัวน้อย

    “โอ๊ยยย ฮื่อ! เหตุใดจึงเจ็บเช่นนี้ ฮึก ท่านแม่ช่วยเยว่ชิงที” เสียงกรีดร้องของเยว่ชิงทำให้ผู้เป็นสวามีนั่งไม่ติด ร่างสูงเดินไปมาอยู่หน้าห้องอย่างร้อนรน เยว่ชิงมิใช่สตรีที่อ่อนแอ แต่บัดนี้นางกลับกรีดร้องออกมา ย่อมตีความได้ว่านางกำลังลำบากอยู่เป็นแน่“ท่านอ๋องนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ มารดาของพระชายาเข้าไปอยู่ด้วยเช่นนี้ พระชายาย่อมอุ่นใจแล้ว” ลู่หวังเหล่ยและครอบครัวสกุลลู่กำลังเตรียมตัวเข้านอน แต่กลับมีทหารองครักษ์ของฮ่องเต้มาแจ้งข่าวถึงหน้าเรือน พวกเขาจึงได้รีบกลับมาที่จวนอ๋องอีกครั้ง“ท่านพ่อตา เยว่ชิงจะไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” ใบหน้าคมของชินอ๋องแคว้นเฉิงซีดเผือด ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังลอดออกมาเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาขลาดกลัวมากขึ้น“พระชายาจะปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าอย่าได้วิตกไปหลิวหยาง สตรีคลอดลูกก็เป็นเช่นนี้ รอไม่นานบุตรของเจ้าก็จะคลอดแล้ว” ฮ่องเต้เจี้ยนกั๋วเข้ามาโอบบ่าของโอรส บีบเคล้นบ่าแกร่งเบาๆ ให้หลิวหยางได้คลายกังวลลงบ้าง“อื้ออออ กรี๊ดดดดดด”อุแว้! อุแว้! อุแว้!“นั่นอย่างไร ได้ยินหรือไม่ ฮ่าๆ ข้าได้หลานชายหรือหลานสาว!” ฮ่องเต้เจี้ยนกั๋วหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงทร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status