ตอนที่ ๕
ทำงานวันแรก “วันนี้ไปทำงานวันแรกสินะ” ชนะศึกถามขึ้นทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะอาหาร อัยยภัทรเตรียมอาหารเช้าให้เขาทุกวัน ถึงแม้เขาจะกินเพียงกาแฟแก้วเดียวแล้วออกไปทำงาน “ค่ะ” อัยยภัทรเงยหน้ามาสบตาชายหนุ่ม “อืม ตั้งใจทำงานล่ะ “ ชนะศึกยังคงจิบกาแฟอ่านหนังสือบนโต๊ะที่ถูกเตรียมไว้โดยอัยยภัทร บางทีชายหนุ่มก็สงสัยว่าอัยยภัทรรู้ได้อย่างไรว่าเขาชอบทำอะไร ชอบอ่านหนังสือแบบไหน อ่านถึงตรงไหนแล้ว “พี่ศึกคะ..” อัยยภัทรเรียกชนะศึก ชายหนุ่มที่กำลังจ้องหน้งสืออยู่ละสายตาจากหนังสือหันมาสบตาหญิงสาวตรงหน้า “ไอขอบคุณมากนะคะ ที่พี่ศึกยอมให้ไอไปทำงาน” อัยยภัทรอยากขอบคุณเขาสักครั้ง หากเขาไม่ยอมเสียอย่างสิบพรพระพายก็ไม่อาจจะสู้ได้ “พี่แค่ยอมตามใจยัยพระพายเฉยๆ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ จริงๆเขาไม่ได้ยอมพรพระพายแต่เขาเสียรู้ยัยตัวแสบนั่นต่างหาก “นั่นล่ะค่ะ ไอแค่อยากขอบคุณพี่ศึก” อัยยภัทรพูดก่อนจะก้มกินข้าวเช้าตรงหน้าต่อเงียบๆ “แล้วไปทำงานยังไงล่ะ ยัยพระพายมารับหรือยังไง?” “เดี๋ยวไอนั่งรถไฟฟ้าไปเองค่ะ” “ทำไมถึงไปเอง ทำไมพระพายถึงไม่มารับ” น้ำเสียงของชนะศึกแฝงไปด้วยความหงุดหงิด “พี่พระพายอยู่คนละฟากกับเรา ไอเลยบอกพี่พระพายไปว่าไอไปเองได้ ไม่อยากให้พี่พระพายต้องขับรถอ้อมไปมา” อัยยภัทรอธิบาย เธอโตแล้วและเธอก็สามารถไปไหนมาไหนเองได้ “รีบกินเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ชนะศึกออกคำสั่งก่อนจะหันกลับไปสนใจหนังสือในมือต่อ “ไอไปเองได้ค่ะ บริษัทพี่ศึกอยู่คนละทางกับบริษัทพี่พระพาย” “พี่บอกว่าจะไปส่งก็คือไปส่ง หรือไอไม่อยากจะไปทำงานแล้ว” “ค่ะ ไอจะรีบกินพี่ศึกจะได้ไม่ไปทำงานสายเพราะไอ” หญิงสาวก้มหน้ากินข้าวของเธอต่อเงียบๆ ชายหนุ่มละสายตาจากหนังสือมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เธอเคยร่าเริงกว่านี้ เคยยิ้มเก่งกว่านี้ แต่ตอนนี้เหมือนเธอแบกความเศร้าเอาไว้เต็มไปหมด นัยน์ตาสวยที่เศร้าอยู่ตลอดเวลา รอยยิ้มที่เคยสดใสก็หายไปถูกแทนด้วยด้วยรอยยิ้มที่มองดูก็รู้ว่าฝืนทั้งนั้น การพูดการจาก็เหมือนการตอบคำถามแบบขอไปที “แค่กๆ” หญิงสาวสำลักข้าว “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ไอ พี่เป็นประธานบริษัทนะ จะไปสายสักวันคงไม่มีใครกล้าไล่พี่ออกหรอก” ชนะศึกสัพยอกหญิงสาวที่รีบเกินกว่าเหตุ อัยยภัทรไม่ตอบอะไรนอกจากก้มหน้ากินข้าวต่ออีกสองสามคำเท่านั้น “ไอขอเก็บจานไปล้างสักครู่นะคะ “ หญิงสาวเก็บจานข้างของตนเองที่พร่องไปเพียงเล็กน้อย และจานข้าวของชนะศึกที่ไม่ถูกแตะเลยแม้แต่นิดเดียวเดินเข้าไปในครัว จัดการทำความสะอาดก่อนจะเดินออกมาคว้ากระเป๋าสะพายไหล่ “เสร็จแล้วนะ งั้นไปกันเลย” ชนะศึกปิดหนังสือก่อนจะลุกเดินไปสวมรองเท้า หญิงสาววางหนังสือที่ถูกวางไว้ก่อนเปิดหน้าที่ชายหนุ่มอ่านค้างไว้ สอดที่กั้นหนังสือใส่ก่อนจะวางไว้ที่เดิม “เย็นนี้ถ้าพระพายไม่ว่างไปส่งกลับบ้านก็โทรบอกพี่นะ” ชนะศึกสั่งอัยยภัทรไว้ เขารู้ว่าหญิงสาวดูแลตัวเองได้ แต่เขาก็ไม่ไว้ใจให้หญิงสาวเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว “ค่ะ ไอขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ลาชายหนุ่มก้อนจะเปิดประตูรถเดินเข้าบริษัท “หวังว่าพี่คงคิดไม่ผิดนะที่ปล่อยไอมาทำงาน” ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังบางของหญิงสาวจนหายลับสายตาจึงขับรถไปทำงานของตน “บอสคะ บอส บอสคะ!!!” เสียงหวานๆของเลขาสาวของชนะศึกดังขึ้น “ว่าไงคุณแพรวา” “แพรเห็นบอสเหม่อ บอสรับกาแฟสักแก้วไหมคะ” “ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่คุณแพรมีอะไร?” “แพรเอาเอกสารด่วนมาให้บอสค่ะ ทางโรงงานแจ้งมาว่าวัสดุตัวนี้หมดต้องการใช้ด่วน เพราะมีออเดอร์สั่งเข้ามาผลิตมากเป็นพิเศษ คุณเสกสรรค์เอาใบสั่งสินค้ามาให้บอสพิจารณาก่อนค่ะ แพรว่าราคารอบนี้สูงกว่ารอบก่อนๆนะคะ” “โอเคครับ เดี๋ยวผมดูให้ ยังไงฝากคุณแพรวาตามโอนิกส์มาหาผมหน่อยนะ” ชนะศึกรับเอกสารมาเปิดดูก่อนจะสั่งงานเพิ่มเติม เลขาสาวของเขารับคำก่อนจะขอตัวออกจากห้อง เพียงครู่เดียวประตูก็ถูกเปิดออกด้วยมือของมือขวาของเขา “หัดเคาะประตูบ้างก็ได้นะนิกส์” ชนะศึกแทบไม่ต้องเงยหน้าก็รู้ว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาคือโอนิกส์ “แหมนายยย นายก็ทำเป็นไม่ชิน”โอนิกส์กับเขาก็เหมือนพี่เหมือนน้องกันผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย “ฉันต้องชินกับความไม่มีมารยาทของนายหรือไง” เขาตอบเสียงเรียบ สายตาคมยังคงจับจ้องที่เอกสารตรงหน้าไม่ละไปไหน “นายเรียกผมมามีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ” โอนิกซ์ไม่ได้สนใจคำต่อว่าของชนะศึกแต่กลับยิงคำถามแทน “นายเข้าไปดูที่ไนท์คลับบ้างไหม? ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” ชนะศึกถามเสียงเรียบ ไนท์คลับชื่อดังย่านกลางเมือง เป็นอีกหนึ่งกิจการลับของเขาที่ครอบครัวไม่รู้ ชื่อผู้จัดตั้งถูกจดเป็นชื่อของโอนิกส์ แต่เจ้าของที่แท้จริงกลับเป็นเขา เบื้องหน้าเขาเป็นผู้บริหารบริษัทผลิตและนำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ฯที่สืบทอดกิจการต่อจากเจ้าสัวกิตติปู่ของเขา แต่เบื้องลึกเบื้องหลังเขาก็เป็นเจ้าของธุรกิจสีเทาอีกหลายอย่างเช่นกัน “ปกติดีครับนาย แต่นายไม่ค่อยไปที่ไนท์คลับเลยนะครับ ตั้งแต่แต่งงานนายแทบไม่เหยียบไปที่นั่นเลย ถ้าไม่รู้จักผมก็นึกว่านายกลัวเมียนะแนี่ย” โอนิกส์บ่นเล็กน้อย “ไอ้นิกส์!! “ ชนะศึกเงยหน้าจากเอกสารมามองหน้าลูกน้องคนสนิท “ผมล้อเล่นครับนาย อย่าเพิ่งโกรธสิครับ” โอนิกส์รีบหาทางรอดให้ตัวเอง ชนะศึกแม้จะดูเงียบครึม ดูเป็นคนดุๆ แต่จริงๆแล้วชนะศึกเป็นคนใจดี แต่เด็ดขาดจนน่าขนลุก “จะไปไหนก็ไปเถอะ “ ชนะศึกออกปากไล่ลูกน้องคนสนิทก่อนที่จะโดนยั่วโมโหมากกว่านี้ ซึ่งโอนิกส์ก็ยอมถอยออกจากห้องแต่โดยดี ชนะศึกไม่ได้มีเรื่องด่วนธุรกิจ เขาแค่เรียกโอนิกส์มาถามความคืบหน้าของงานเท่านั้นตอนที่๘ วางเพลิง "นี่มันเรื่องอะไรครับคุณแม่" ชนะศึกถามขึ้นทันทีที่ชายชรากับอัยยภัทรก้าวพ้นประตูห้องไป "ก็ปู่แกล่ะสิ แหมมม แตะต้องแม่ไออุ่นไม่ได้เลยนะ ออกโรงปกป้องออกหน้าออกตา" ชลลดาอดไม่ได้ที่จะเบะปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ในตัวหญิงสาว "ทำไมคุณขยันหาเรื่องให้ผมปวดหัวจังชลลดา คุณก็รู้ว่าคุณพ่อท่านเอ็นดูไออุ่นมากแค่ไหน" สงครามส่ายหัวอย่างระอาในพฤติกรรมของชลลดา เขารู้สึกว่าชลลดาเปลี่ยนไปตั้งแต่เริ่มคบค้าสมาคมกับกลุ่มของคุณหญิงแพรวพราว ชลลดาชอบหายออกจากบ้าน ใช้เงินฟุ้งเฟ้อเป็นกระดาษ หาที่มาที่ไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะชลลดายังใช้เงินในส่วนที่เป็นของตนเอง ไม่ได้มาวุ่นวายหรือขอเพิ่มแต่อย่างใด "นี่คุณสงครามอย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ" ชลลดาเสียงเขียวใส่สงคราม ทันทีที่สงครามพูดจบ "แล้วเรื่องมันเป็นยังไง ทำไมคุณปู่ดูโกรธขนาดนั้นครับ" ถ้าเรื่องแค่นี้ปู่เขาน่าจะชินแล้ว เพราะตั้งแต่เขาแต่งงานกับอัยยภัทรมา แม่ของเขาก็คอยตามเหยียดหยามอัยยภัทรตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลัง "แม่แค่บอกปู่แกว่า แกกำลังคบหากับหนูวิกกี้ ให้แม่ไออุ่นเตรียมใจได้เลย" "แม่บอกปู่กับไอเรื่องผมกับวิกกี้หรอครับ?"
ตอนที่๗ พบปะคนในบ้าน “มาแล้วหรอไออุ่น” เสียงทรงอำนาจของประมุขใหญ่ของบ้านเรียกความสนใจของอัยยภัทรได้เป็นอย่างดี “สวัสดีค่ะคุณปู่ ไอคิดถึงคุณปู่ที่สุดเลยค่ะ”อัยยภัทรลุกขึ้นไหว้ชายชราที่กำลังเดินเข้ามา ก่อนจะรีบเดินเข้าไปประคอง “ปู่ก็คิดถึงไออุ่น “ ชายชราลูบหัวหญิงสาวอย่างเอ็นดู อัยยภัทรเป็นตัวของตัวเองได้เวลาอยู่กับเจ้าสัวกิตติ หญิงสาวสามารถยิ้มจากหัวใจของเธอเอง “เดินระวังนะคะ” “เจ้าเด็กคนนี้นี่ ปู่ยังไม่ได้แก่ขนาดนั้นเสียหน่อย อีกอย่างนี่ก็บ้านปู่ ปู่ก็เดินของปู่อยู่ทุกวัน” เจ้าสัวกิตติเอ่ยอย่างเอ็นดู “ก็ไอเป็นห่วงคุณปู่นี่คะ” อัยยภัทรยิ้มอย่างเอาใจ ชายชราตรงหน้านอกจากให้ชีวิตใหม่กับเธอแล้ว ยังให้ความรักความเอ็นดูกับเธอ เวลาอยู่กับเจ้าสัวกิตติเธอรู้สึกเหมือนอยู่กับญาติผู้ใหญ่จริงๆ ไม่ได้รู้สึกด้อยค่าว่าเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกรับมาเลี้ยง “เป็นห่วงปู่ก็มาหาปู่บ่อยๆสิ” “ไออยากกลับมาอยู่กับคุณปู่” อัยยภัทรเผลอพูดความในใจออกไป “ทำไมล่ะ พี่ศึกเขาดูแลไออุ่นของปู่ไม่ดีหรือไง?” ชายชราเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย น้ำเสียง แววตาและสีหน้าของอัยยภัทรมันแฝงไปด้วยความเศร้าอย่างชัดเจน “ไม่
ตอนที่๖เป็นห่วง"ไออุ่นนน พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปรับเมื่อเช้า พี่ตื่นสายนิดหน่อย" พรพระพายขอโทษขอโพยหญิงสาวตรงหน้า"ไม่เป็นไรค่ะพี่พระพาย " หญิงสาวหันไปยิ้มให้กับพรพระพายเพื่อเป็นการบอกว่าเธอไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรหญิงสาวเลย"แล้วไออุ่นมาที่นี่ถูกได้ไง" พระพายถามขึ้น เพราะตั้งแต่เช้าหญิงสาวมัวแต่วุ่นวายกับการประชุมสำคัญ จึงฝากอัยยภัทรไว้กับเลขาให้ช่วยดูแลไปก่อน โดยบอกว่าให้อัยยภัทรนั่งรอเธอในห้องทำงาน เอาเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้อัยยภัทรอ่านรอระหว่างรอเธอกลับมา พอประชุมเสร็จเธอก็รีบพุ่งตรงมาหาอัยยภัทรทันที"พี่ศึกมาส่งค่ะ" อันยภัทรตอบพรพระพาย คำตอบของอัยยภัทรทำให้พรพระพายหน้าตาเหลอหลา"พี่ศึกมาส่ง ตายๆ เดี๋ยวไออุ่นนั่งรอพี่ตรงนี้ก่อนนะ อ่านเอกสารรอไปก่อน ตรงไหนไม่เข้าใจเดี๋ยวพี่กลับมาอธิบาย พี่จะเป็นคนสอนงานไออุ่นเอง แต่เดี๋ยวพี่มานะพี่ขอไปคุยโทรศัพท์แป๊ปนึง" พรพระพายบอกกับอัยยภัทรก่อนจะก้าวออกจากห้องทิ้งให้อัยภัทรนั่งอ่านเอกสารเงียบๆต่อไป"เป็นสิบๆสายเลย แกตายแน่ยัยพระพาย" พรพระพายรู้สึกเสียวสันหลังทันทีที่เปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วเห็นเบอร์ชนะศึกโทรเข้าเป็นสิบๆสายที่ไม่ได้รับ(ว่ายังไง) แค่เ
ตอนที่ ๕ทำงานวันแรก“วันนี้ไปทำงานวันแรกสินะ” ชนะศึกถามขึ้นทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะอาหาร อัยยภัทรเตรียมอาหารเช้าให้เขาทุกวัน ถึงแม้เขาจะกินเพียงกาแฟแก้วเดียวแล้วออกไปทำงาน“ค่ะ” อัยยภัทรเงยหน้ามาสบตาชายหนุ่ม“อืม ตั้งใจทำงานล่ะ “ ชนะศึกยังคงจิบกาแฟอ่านหนังสือบนโต๊ะที่ถูกเตรียมไว้โดยอัยยภัทร บางทีชายหนุ่มก็สงสัยว่าอัยยภัทรรู้ได้อย่างไรว่าเขาชอบทำอะไร ชอบอ่านหนังสือแบบไหน อ่านถึงตรงไหนแล้ว“พี่ศึกคะ..” อัยยภัทรเรียกชนะศึก ชายหนุ่มที่กำลังจ้องหน้งสืออยู่ละสายตาจากหนังสือหันมาสบตาหญิงสาวตรงหน้า“ไอขอบคุณมากนะคะ ที่พี่ศึกยอมให้ไอไปทำงาน” อัยยภัทรอยากขอบคุณเขาสักครั้ง หากเขาไม่ยอมเสียอย่างสิบพรพระพายก็ไม่อาจจะสู้ได้“พี่แค่ยอมตามใจยัยพระพายเฉยๆ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ จริงๆเขาไม่ได้ยอมพรพระพายแต่เขาเสียรู้ยัยตัวแสบนั่นต่างหาก“นั่นล่ะค่ะ ไอแค่อยากขอบคุณพี่ศึก” อัยยภัทรพูดก่อนจะก้มกินข้าวเช้าตรงหน้าต่อเงียบๆ“แล้วไปทำงานยังไงล่ะ ยัยพระพายมารับหรือยังไง?”“เดี๋ยวไอนั่งรถไฟฟ้าไปเองค่ะ”“ทำไมถึงไปเอง ทำไมพระพายถึงไม่มารับ” น้ำเสียงของชนะศึกแฝงไปด้วยความหงุดหงิด“พี่พระพายอยู่คนละฟากกับเรา ไอเลยบอก
ตอนที่ ๔การเจรจาสำเร็จ“พี่ไม่อนุญาต!!!” เสียงชนะศึกดังจากห้องรับแขก สองพี่น้องกำลังเถียงกันเรื่องให้อัยยภัทรไปทำงาน“ทำไมคะ?” พรพระพายถามอย่างเหลืออดกับพี่ชายตนเอง“จะไปทำทำไมให้เหนื่อย พี่มีเงินเยอะแยะไอจะใช้ยังไงก็ได้”“ไออุ่นอาจจะไม่อยากได้เงินพี่ แต่อาจจะอยากได้อิสระในการใช้ชีวิตบ้าง พี่ขังไออุ่นไว้แต่ในห้องสี่เหลี่ยมพี่ไม่สงสารน้องบ้างหรอไง?” พรพระพายจะต่อสู้เพื่ออัยยภัทรให้ถึงที่สุด“สงสาร สงสารทำไม ในห้องนี้มีทุกอย่างที่ควรจะมี เผลอๆอาจจะมีเกินจำเป็นด้วยซ้ำ หรือถ้าไออยากได้อะไรพี่ก็จะซื้อมาให้แต่พี่ไม่ให้ไอไปทำงานเด็ดขาด” น้ำเสียงเด็ดขาดของชนะศึกไม่ได้ทำให้พรพระพายกลัวแม้แต่น้อย ถ้าเป็นเรื่องอื่นหญิงสาวคงถอยให้พี่ชายได้ไม่ยาก แต่พอเป็นเรื่องของอัยยภัทร พรพระพายพร้อมสู้หัวชนฝามาแต่ไหนแต่ไร“พี่หวงไออุ่น หรือพี่มีอะไรที่ต้องปิดหูปิดตาไออุ่นหรือไง ถึงไม่ให้น้องออกไปใช้ชีวิตเลย จะไปข้างนอกก็ต้องให้พระพายเป็นคนพาไป พี่ศึกไออุ่นโตแล้วนะ เรียนจบแล้ว ควรมีเพื่อนมีสังคมของตัวเอง พี่ศึกจะมาผูกไออุ่นไว้กับพี่ไม่ได้ น้องเป็นคนไม่ใช่นกน้อยในกรงทอง!!” คำถามและคำพูดของพรพระพายทิ่มกลางอกของช
ตอนที่ ๓ผู้ชายแปลกหน้า“ขอโทษครับ “ ชายหนุ่มหน้าตาดีเอ่ยขึ้นด้านหลังของอัยยภัทร“อ้อ!! ขอโทษค่ะ” อัยยภัทรรีบกล่าวคำขอโทษ และหลีกทางให้ชายหนุ่มเพราะคิดว่าชายหนุ่มต้องการเลือกหนังสือตรงหน้าเธอ“ผมไม่ได้จะเลือกหนังสือครับ ผมแค่อยากรู้จักคุณเฉยๆ ผมกรภัทร เรียกกรเฉยๆก็ได้ แล้วคุณล่ะ” ชายหนุ่มหน้าตาดีเอ่ยแนะนำตัวก่อนจะสอบถามชื่อของอัยยภัทร“อัยยภัทรค่ะ เรียกไอว่าไอเฉยๆก็ได้” อัยยภัทรตอบกลับอย่างงงๆ แต่เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าแนะนำตัวแล้ว เธอจะเมินเฉยก็ดูเสียมารยาทเกินไป“คุณไอมาซื้อหนังสือคนเดียวหรอครับ ผมแนะนำได้นะครับ ผมเห็นคุณไอเลือกหนังสือนานแล้วยังไม่ได้หนังสือเสียที” ชายหนุ่มอาสาอย่างแข็งขัน“ไอมากับพี่สาวค่ะพอดีพี่พระพายไปซื้อกาแฟ อีกเดี๋ยวคงจะกลับมา ส่วนหนังสือนี่ไอก็เลือกซื้อไปหลายเล่มแล้ว ส่วนที่กำลังดูอยู่ก็ดูรอพี่พระพายเฉยๆค่ะ” อัยยภัทรตอบตามความจริง กรภัทรหน้าเจือนเล็กน้อย“คุณไอดูชอบอ่านหนังสือนะครับ”“ค่ะ ไอชอบอ่านหนังสือ แล้วคุณกรล่ะคะ”“ผมก็ชอบครับ คุณไอชอบหนังสือแนวไหนล่ะครับ เผื่อชอบแนวเดียวกันเราจะได้มาแชร์กันได้”“ไออ่านได้หลายแนวค่ะ แต่ถ้าชอบเป็นพิเศษคงเป็นพวกป