Night Club
ร่างอรชรของหญิงสาว โยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงอย่างเมามันส์ ที่มีแสงไฟวาววับสาดส่องลงมา เพราะเธอเป็นจุดเด่นกว่าใครเป็นไหน ๆ
“ใครว่ะ หุ่นเด็ดมากเลย” นำทัพ ชายหนุ่มที่มาท่องราตรีในค่ำคืนนี้ ถามคนที่เอานั่งกระดกแก้วเครื่องดื่มอยู่แต่ไม่ยอมเอ่ยอะไรสักคำตั้งแต่ที่เขาชวนมา
“คนไหนของมึงอีกวะ” สิบทิศ ชายหนุ่มวัย 35 ปี ถามขึ้นมาทันที ที่ถูกเพื่อนถาม เพราะไอ้นี่มันเสือผู้หญิงอยู่แล้ว ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนเขามา จะแอบทำแอบเที่ยวคนเดียวตลอด แต่วันนี้กลับมาบังคับเขาให้มาเป็นเพื่อน และเขาก็ไม่ค่อยอยากมาเอาเสียเลย แต่เพราะตวามเป็นเพื่อนกันมาหลายปี เลยต้องยอมมันหน่อย
“ชุดแดงนั่นไง แม่งน่าฟัดฉิบหาย” นำทัพใช้สายตาชี้ทางบอกสิบทิศที่นั่งไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่อย่างเซ็ง ๆ
“เหี้ยยย...” สิบทิศสบถออกมา เครื่องดื่มสีอำพรางที่กำลังดื่มเข้าไปแทบจะพุ่งออกมา เมื่อรู้ว่าคนที่เพื่อนหมายตานั้นคือใคร
“อะไรของมึง หรือว่ามึงเคยล่อมาแล้ว” นำทัพถามกลับไปทันที เมื่อเห็นอาการพิรุธของสิบทิศออก เพราะถามเพื่อความแน่ใจ เพราะพวกเขาจะไม่ใช้ผู้หญิงคนเดียวกันเด็ดขาด ถึงแม้จะถูกตาต้องใจมากขนาดไหน
“เปล่า ไม่มีอะไรกูกลับก่อนนะ มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึงเลย” สิบทิศรีบปฏิเสธ แล้วขอตัวเพื่อนกลับทันที เพราะมีภารกิจบางอย่างที่ต้องจัดการ
ส่วนทางด้านคนที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกเมื่อกี้นั้น หยุดการกระทำแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะของเพื่อนเธอทั้งคน ที่คนหนึ่งคอพับไปเรียบร้อยแล้ว
“แพท แกจะไปไหน” นันทิชา หรือ ทิชา เพื่อนที่มาด้วยกันถามเธอขึ้น เมื่อเห็นเธอหยิบกระเป๋า กำลังจะเดินออกไปจากตรงนี้
“ไปเข้าห้องน้ำแปบน่ะ” พจีกานต์ตอบออกไปตามตรง
พจีกานต์ หรือ แพท หญิงสาวในวัย 28 ปี ซึ่งเป็นบุตรคนที่สองของ พัฒน์พงษ์ และ นิษฐา นั้นเอง แถมยังเป็นบุตรสาวในตระกูลเพียงคนเดียวอีกด้วย
เพราะถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก เนื่องด้วยญาติพี่น้องทางฝ่ายแม่และพ่อก็มีแต่บุตรชายกันทั้งนั้น หญิงสาวที่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว จึงมีนิสัยที่ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองมาก เพราะมีแต่คนตามใจ
เหตุนี้เธอจึงใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง โดยไม่มีใครกล้าห้ามได้เลย และจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่มีหน้าที่การงานทำ เพราะไม่เคยสนใจ
“ฉันไปเป็นเพื่อนไหม” นันทิชาถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้อง ฉันไม่ได้เมาสักหน่อย แกอยู่เป็นเพื่อนไอแนนมันเถอะ” พจีกานต์หันไปบอกให้เธอคอยอยู่เป็นเพื่อน เพื่อนอีกคนที่ตอนนี้ เมาคอพับหลับอยู่ที่โต๊ะ
“รีบมาน่ะ” นันทิชาบอกด้วยความเป็นห่วง
หญิงสาวเดินออกมาล้างมือข้างนอก เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ ครั้นจะเดินกลับไปที่เดิม แต่กลับถูกมือหนาของใครบางคนปิดปาก กอดเอวฉุดลากเธอออกมาเสียก่อน
“อื้อ...” หญิงสาวดีดอยู่ในอ้อมกอดแกร่ง และพยายามจะแกะมือที่ปิดปากของเอาไว้ออก
“พี่เอง” เสียงเรียบของสิบทิศตอบออกมาทันที ที่ปล่อยหญิงสาวออกอย่างเป็นอิสระ
“ไอ้พี่ทิศ พี่มาทำอะไร” เสียงดังตวาดขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าคนที่ลากเธอมานั้นเป็นใคร
สิบทิศชายหนุ่มที่อยู่บ้านติดกันกับเธอนั้นเอง แถมยังเป็นช่างซ่อมบำรุงประจำบ้านของเธอ ที่พ่อของเธอเอ็นดูนักเอ็นดูหนา ไท่รู้ว่าชายหนุ่มมีอะไรดี
“ถามแต่คนอื่นมาทำอะไร แล้วตัวเองละ แต่งตัวโป๊เดินล่อเหยื่ออยู่ได้” สิบทิศต่อว่าหญิงสาวออกมาทันที พร้อมกับมองสำรวจเธอตั้งแต่ศีรษะลงมาจรดเท้า
“นี่พี่...” หญิงสาวค้อนใส่ร่างสูงตรงหน้าทันที
“กลับ ไม่อย่างนั้น พี่จะไปฟ้องคุณพงษ์ว่าลูกสาวสุดที่รักแอบหนีมาเที่ยวในที่แบบนี้อีกแล้ว” ร่างสูงลากจูงเธอมาที่จอดรถของเขาอยู่
“แก...”
“หยุดน่ะ” ร่างสูงชี้นิ้วจ้องโทษเธอไว้ทันที เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะพ่นวาจาไม่สุภาพออกมา ยัยคุณหนูบ้านนี้ แม่งโคตรเอาแต่ใจ ใครจะเอาไปเป็นเมียว่ะ
“แต่เพื่อน...” หญิงสาวกำลังจะบอกว่า เพื่อนรออยู่
“โทรไปบอกสิ” เสียงเข้มสั่งออกไป
“แต่”
“ไม่มีแต่ เอาโทรศัพท์มา” ร่างสูงยื่นมือออกไปหาเธอ
“ไม่ต้องฉันโทรบอกเองได้”
พจีกานต์โทรศัพท์บอกเพื่อนว่าขอตัวกลับไปบ้านก่อน เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบาย ยอกให้เพื่อนพาเพื่อนอีกคนที่เมากลับไปได้เลย
“พี่ทิศฉันใส่กระโปรงนะ จะนั่งรถพี่ได้อย่างไร” หญิงสาวถามขึ้น เมื่อร่างสูงส่งหมวกกันน็อคมาให้เธอ
“เฮ้อ...”
สิบทิศจึงถอดเสื้อแจ็คเก็ตที่ตัวเองใส่ออก ผูกที่เอวของหญิงสาว แล้วอุ้มเธอขึ้นนั่งบนเบาะรถมอเตอร์ไซค์คันโปรดของเขาทันที พร้อมกับสวมหมวกกันน็อคสวมใส่ให้เธอด้วย แล้วเขาก็ขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับ โดยที่ไม่ลืมดึงแขนของเธอมาโอบกอดรอบเอวของเขาเอาไว้ ก่อนจะบิดรถออกจากสถานบันเทิงแห่งนี้มุ่งหน้ากลับบ้านทันที
“ทำไมไม่จอดหน้าบ้านฉัน” หญิงสาวถามขึ้น เมื่อรถขับผ่านหน้าบ้านเธอ แต่สิบทิศกลับขับเข้ามารถที่บ้านเขาแทน ไม่ใช่สิบ้านเจ้านายเขาที่ไปต่างประเทศให้เขาเป็นคนดูแลอยู่ก็เท่าที่รู้นั้นแหละ เพราะเธอก็ไม่อยากรู้อะไรมากเกี่ยวกับตัวเขา
“ก็เดินกลับเองสิ หรือจะนอนที่นี่ก็แล้วแต่น่ะ” ร่างสูงเอ่ยบอกเมื่อถอดหมวกกันน็อคออก
“ไม่เอาหรอก นอนค้างกับผู้ชายมันดูไม่ดี” หญิงรีบปฏิเสธ
“แล้วไปเที่ยวในที่แบบนั้น มันดีมากนักหรือไง เป็นสาวเป็นนาง” สิบทิศต่อว่าเธอออกมาทันที ด้วยวาจาที่ประชดประชัน
“พูดยังกับตัวเองไม่เคยเที่ยวมาก่อนอย่างนั้นแหละ หรือว่าไม่เคยเที่ยวจริง ๆ ไม่น่าละอายุขนาดนี้แล้ว พี่ถึงยังไม่มีเมีย”
“ยัยคุณแพท” ร่างสูงตวาดตามองเธอทันที
“ทำไม ฉันพูดผิดตรงไหน” หญิงสาวยืนกรานอย่างไม่เกรงกลัว
“พูดมากเดี๋ยวจับทำเมียเสียเลย” เสียงเข้มขู่ออกมาด้วยท่าทีเล่นที
“เฮ้อะ พี่มีเงินร้อยล้านเมื่อไหร่ ก็ค่อยไปสู่ขอฉันกับพ่อกับแม่น่ะ แต่ไม่แน่นะพ่อเอ็นดูพี่ขนาดนี้ คงจะลดให้พี่อยู่สัก 10-20 ล้านแหละ”
“คิดว่าตัวเองสูงส่ง มีค่ามากขนาดนั้นเชียวเลยเหรอ หึ ลูกสาวคนเดียวของวงตระกูล ทายาทหมื่นล้าน ทำตัวเหลวแหลกเอาแต่เที่ยวผับ เที่ยวบาร์ทุกคืน”
“พี่ก็อย่ามองค่าคนที่ภายนอกสิ”
“คุณก็อย่าดูถูกผมเพียงแค่เปลือกล่ะ เดี๋ยวได้เห็นข้านในจะช็อคเอา” ร่างสูงโต้ตอบออกมาอย่างไม่ยอมแพ้
“มีอะไรดีขนาดนั้นหรือคะ ถ้าตัวเองมีดีอย่างที่พูด ทำไมไม่เอาเมียสักทีละคะ หรือว่าไม่มีใครอะ อื้อ...” หญิงสาวเอ่ยเหน็บแนมร่างสูงออกไป แต่ไม่ทันที่จะได้เอ่ยจบ ร่างสูงก็ชวงชิงจูบปิดปากของเธอเสียแล้ว
“จะลองดูไหมละ” เสียงแหบพร่าท้าทายขึ้นมาเมื่อถอนจูบ
“ไอ้บ้า...” เสียงดังตวาดออกมา ยกมือขึ้นเช็ดปากตัวเอง แล้วรีบกลับเข้าบ้านของตัวเองทันที โดยเดินไปทางกำแพงข้าง ไป ที่มีประตูกั้นสามารถทะลุเดินไปบ้านของเธอได้
ครอบครัวอบอุ่น(จบ)10 ปีต่อมาฟอร์ยู พีรพัฒน์ หนุ่มน้อยในวัย 13 ขวบ ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของพ่อพีทและแม่หริ่งนั่นเอง และเป็นพี่ชายคนโตของตระกูลอีกด้วย แล้วตอนนี้ก็มีน้อง ๆ อีกหลายคนจากลูกสาวและลูกชายของลุงเพชรกับป้าแพทอีกด้วยและตอนนี้ฟอร์ยูยังมีน้องสาวฝาแฝดอีก 2 คน คือ น้องเรไร กับ ไลลา แฝดน้องที่ตอนนี้อายุพึ่งจะ 3 ขวบ เพราะกว่าที่แม่หริ่งจะท้องรอบนี้ได้ ทำเอาพ่อพีทถอยใจไปหลายปี ถึงขั้นต้องเตรียมตัวที่จะฝากไข่ แต่สุดท้ายก็สำเร็จจนมีเจ้าแฝดมาอิงอิง ลูกสาวคนแรกของพงศกรและปรียาภัทร ที่ตอนนี้อายุ 10 ขวบแล้ว และยังมีน้องชายหนึ่งคน นามว่า พอร์ช วัย 8 ขวบ ทั้งคู่อยู่กับพ่อเพชรและแม่เอยที่บ้านอีกหลังเพราะพ่อและแม่ปลูกบ้านอยู่อีกที่ ซึ่งก็ไม่ไกลจากบ้านของปู่กับย่ามากนักน้ำเหนือ และ น้ำหนาว ลูกแฝดชายหญิงของสิบทิศกับพจีกานต์ ตอนนี้มีอายุได้ 9 ขวบแล้ว ทั้งสองจะนิทกับตาและยายมากที่สุดเพราะบ้านที่ติดกันทั้งบ้านตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็ก ๆ ซึ่งก็คือบุตรหลาน ของตระกูลทั้งหลายนั้นเอง ตอนนี้พัฒน์พงษ์เกษียรออกมาอยู่ที่บ้าน ได้หลายปีแล้ว เวลาว่างก็ปลูกพืชสวนเล่นตามประสาคนแก่ นาน ๆ ลูกหลานจะม
นำทัพ-นันทิชาสองเดือนต่อมา“พี่มาทำอะไรของพี่อีกเนี้ย” เสียงดังตวาดดังลั่น เมื่อชายหนุ่มตามาตอแยเธอไม่เลิก เขาตามเธอทุกวันไม่รู้ว่าว่างมากหรืออย่างไรตั้งแต่วันนั้น วันที่เธอและเขามีอะไรกัน เธอก็พักอยู่ที่คอนโดเขาต่อตั้งสามวัน เพราะโดนพิษไข้เล่นงาน แถมเขายังไม่ยอมให้เธอกลับด้วย ขู่เธอว่าจะเอาเรื่องไปฟ้องพ่อกับแม่ของเธอ เธอเลยต้องยอมอยู่ต่อ และมาวันนี้เขาก็ยังมาตามเธออีก ถึงขึ้นตามมาดักรอเธออยู่ที่ทำงานอีกด้วย“ทำไมถึงดีลผู้หญิงมาให้พี่อีก พี่เป็นผัวเธอนะทิชา” เสียงเข้มถามขึ้นมาทันที เมื่อเธอกำลังจะเดินไปที่รถของเธอ เพราะเมื่อวันก่อนหญิงสาวนัดผู้หญิงมาให้เขาอีกแล้ว แถมคนนี้กลับไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเพื่อนสนิทของเธออีกต่างหาก“ผะ ผัวอะไรกัน เราแค่ One Night ฉันก็บอกพี่ไปแล้วนี่ ว่าฉันจะไม่เรียกร้องอะไรจากพี่ พี่ลืมไปแล้วเหรอ” เธอหยุดเท้าเดินทันที ที่เขาเอ่ยถึงคำนี้ออกมาอีกแล้ว“ไม่ลืม แค่ไม่ได้เก็บเอาคำพูดของเธอมาใส่ใจ ทิชาเธอได้พี่แล้วเธอต้องรับผิดชอบพี่สิ” เสียงเรียบนิ่งตอบกลับเธอไปทันที“หึหึ พูดอย่างกับว่าตัวเองเป็นผู้ชายบริสุทธิ์อย่างนั้นแหล่ะ ทั้ง ๆ ที่ของก็ไม่เคยขาดเสียด้วยซ้ำ” หญ
นำทัพ-นันทิชาย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อนNight Club “อุ้ย ขอโทษค่ะ พี่ทัพ!” หญิงสาวรีบขอโทษขอโพยทันที ที่เธอเดินออกมาจะไปเข้าห้องน้ำกลับชนเข้ากับร่างสูง เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงทราบว่าเจ้าของร่างสูงนั้นเป็นใคร“ยัยทิชา!” ร่างสูงเมื่อเห็นว่าคนที่เดินชนกันนั้นเป็นใคร ตวาดเสียงขึ้นมาอย่างตกใจไม่น้อยที่เจอเธอในรอบหลาย ๆ ปี“โลกมันกลมหรือโลกมันแคบกันแน่ว่ะเนี้ย ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอหน้า” เธอสบถออกมาอย่างหัวเสียกับคนตรงหน้า เพราะไม่เคยเจอกันนานหลายปีแล้วตั้งแต่ที่เขาจบจากมหาวิทยาลัย ถึงแม่ว่าบ้านเธอและเขาจะอยู่ติดกันก็ตาม“เวรกรรม!” เสียงเรียบนิ่งพูดขึ้น ด้วยใบหน้าที่เข้มขรึม“เออเนอะ เวรกรรมของฉันที่มาเจอพี่ที่นี่” หญิงสาวตอกกลับอย่างไม่ยอมน้อยหน้าเหมือนกัน“นี่ปากหรือที่พูด เดี๋ยวเถอะ!!!” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับจ้องมองหน้าเธออย่างคาดโทษเอาไว้ทันที“ถ้าไม่ใช่ปาก แล้วตรงไหนของร่างกายที่มันพูดได้บ้าง" เธอยังคงตอกกลับเขาอยู่เช่นเดิมอย่างไม่ยอมแพ้“แล้วนี้เป็นอะไร อย่าบอกน่ะว่าเมา” เขาถามเธอขึ้นมาทันที เมื่อสังเกตเห็นอาการแปลก ๆ ของเธอ ใบหน้าแดงระเรื่อ พร้อมกับมือเล็กที่พยายามพัดใบหน้าของตัวเ
บทส่งท้าย(จบ)“น้องแพทครับ” สิบทิศเอ่ยเสียงนุ่มอ่อนโยนกับหญิงสาวข้างกายขึ้นมาทันที“ไม่ต้องมาเอ่ยเสียงหวาน ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ตอนนี้เลยค่ะ” พจีกานต์พูดขึ้นมาทันที เพราะเธอรู้ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร“ถ้าอย่างนั้น น้องแพทก็ยอมมีลูกให้พี่สักคนสิครับ” สิบทิศพูดขึ้นพอให้ได้กันแค่สองคน“ตัวเองไม่มีน้ำยาหรือเปล่าค่ะ” พจีกานต์พูดขึ้นมาอย่างหยอกล้อเขาทันที พร้อมกับสายตามองเขาไปอย่างท้าทาย“ป่ะ...” มือหนาคว้ามือของเธอทันที“ไปไหนค่ะ ทุกคนกำลังสนุกกันอยู่เลย...” เธอถามเขากลับไปอย่างสงสัย เมื่อจู่ ๆ เขาชวนเธอขึ้นมา“ไปพิสูจน์น้ำยาครับ” พูดจบเขาก็อุ้มเธอขึ้นแนบอก พาเดินเข้าบ้านไปทันที โดยที่ไม่แคร์สายตาคนมองมาเลยแม้แต่น้อยทุกคนที่เห็นสิบทิศอุ้มหญิงสาวเดินเข้าไปในบ้าน ต่างพากันส่ายหน้าเอ็นดูให้กับความเอาแต่ใจของสิบทิศ เพราะทุกคนรู้ดีว่าจุดประสงค์คืออะไร“ทำไมเราไม่กลับไปบ้านเราค่ะ” พจีกานต์ถามขึ้นมาทันที ที่เขาอุ้มเธอขึ้นมาที่ห้องนอนส่วนตัวของเธอที่อยู่บ้านหลังนี้“เปลี่ยนบรรยากาศมาห้องน้องแพทบ้างครับ เผื่อตัวเล็กอยากมาเกิดกับเราในห้องนี้” สิบทิศตอบออกไป พร้อมกับวางเธอลงบเตียงขนาดกว้างของเธอ“ไม่ต้อ
ครอบครัวสุขสันต์“ถ้าอย่างนั้น พ่อจะเป็นคนตัดสินเองก็แล้วกันน่ะ พ่อว่าพ่อจะให้ตาพีทกับหนูหริ่งเป็นคู่แรกที่จะจัดงานแต่งให้ เพราะดู ๆ แล้ว สองคนนี้แหล่ะพร้อมสุดกว่าในบรรดาพี่ ๆ” พัฒน์พงษ์จึงพูดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อทุกคนนั่งเงียบกันอยู่นาน โดยสรุปให้เองทันที“ผมขอถามความเห็นจากหริ่งหริ่งก่อนได้ไหมครับ” พจีพัฒน์พูดขึ้นมา เพราะอยากถามความเห็นและปรึกษาผู้เป็นภรรยาก่อน“เอาน่า หนูหริ่งไม่กล้าปฏิเสธแกหรอกเชื่อพ่อ แล้วอีกอย่างน่ะ แกเห็นแต่เมียแกพูดปฏิเสธแบบนั้น แกเคยขอเมียแกดูแบบจริงจังบ้างหรือยังตาพีท แล้วไม่ดีเหรอยังไง ที่จะมีฟอร์ยูอยู่เป็นพยานรักในงานแต่งของพวกแกด้วย” พัฒน์พงษ์พูดขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อโน้มน้าวให้ลูกชายได้คิดตาม“ดีเหมือนกันนะไอ้พีทพี่ว่า เมื่อฟอร์ยูโตขึ้นแล้วเห็นภาพถ่ายงานแต่งของพ่อกับแม่ แล้วแกจะได้ไม่ต้องคอยมาตอบคำถามลูกไง ว่าหนูอยู่ตรงไหน” คราวนี้เป็นพงศกร พี่ชายคนโตที่เอ่ยเสริมขึ้นมาบ้าง“เอาแบบนั้นหรือครับ” พจีพัฒน์เลิกคิ้วถามความเห็นจากทุกคน“แบบนี้แหล่ะพี่ว่า...” สิบทิศจึงช่วยพูดเสริมขึ้นมาอีกคน“แล้วผมต้องทำยังไงต่อ ทำแบบไหนบ้างละตอนนี้” พจีพัฒน์ถามขึ้นมาต่อทันที เมื่อ
วันรวมญาติสามเดือนต่อมาบ้านเรืองพาณิชยากุลวันนี้ถือว่าเป็นวันรวมญาติเลยก็ว่าได้ เพราะทุกคนต่างพร้อมใจกันกลับมาบ้าน หลังจากที่ลูก ๆ แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตคู่ และวันนี้เองทางครอบครัวจะจัดเลี้ยงฉลอง ให้กับลูกชายคนเล็กของบ้าน ที่สามารถจบการศึกษาในเวลาสามปีตามที่ตั้งใจเอาไว้“พ่อพีท แม่หริ่งครับ” เด็กวัยในวัยกำลังจะเข้าสามขวบ วิ่งหน้าตั้งออกมาจากบ้านทันที เมื่อได้ยินเสียงรถของผู้เป็นขับเข้ามา“ครับลูก มาพ่ออุ้มหน่อยครับ อึบ...ลูกพ่อโตเป็นหนุ่มแล้ว อีกหน่อยแม่หริ่งหริ่งก็คงจะอุ้มไม่ไหวแล้วสิ” พจีพัฒน์ที่เห็นลูกชายวิ่งมารับ ก็ย่อตัวลงอุ้มลุกชายขึ้นแนบอกทันทีอย่างแสนคิดถึง เพราะไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเลยตั้งแต่ที่เขาพาแม่ของทุ่มเทให้แก่การเรียนอย่างหนัก เพื่อที่จะได้จบเร็ว ๆ อยากมีเวลาให้เขาบ้าง“เข้าบ้านกันครับ ข้างนอกอากาศร้อน” พจีพัฒน์พูดบอกผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาและแม่ของลูกทันที“มีอะไรให้พี่ช่วยไหมหรีดหริ่ง” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นเสียก่อน ที่พวกเขาจะได้เดินเข้าไปในบ้าน“ไม่มีค่ะ” พีรดารีบเอ่ยปฏิเสธทันควัน“เมียตัวเองท้องอยู่ ก็ไปช่วยพยุงโน้น เมียผม ผมดูแลเองได้” พจีพัฒน์สวนพี่ชายกลับไป