เข้าสู่ระบบบทที่ 10 ความใส่ใจที่คาดไม่ถึง
ธนินทร์กำลังเดินตรวจงานในไร่ของเขาเมื่อคุณศักดิ์เข้ามาแจ้งว่าพิมขอติดรถไปรับน้องทีโอด้วย และจะแวะซุปเปอร์มาร์เก็ต ‘ไปรับทีโอเองงั้นเหรอ...?’ ธนินทร์คิดในใจ แววตาคมกริบฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะแสดงความกระตือรือร้นในการดูแลทีโอมากขนาดนี้ ปกติแล้วคนดูแลคนอื่นมักจะทำตามหน้าที่เท่านั้น ‘แถมยังจะแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตอีก... คงอยากได้ของอะไรที่ไม่มีในนี้สินะ’ เขานึกถึงคำถามเรื่องอาหารเมื่อกลางวันที่เธอถามถึง Grab และเรื่องการทำอาหารเอง เขาพอจะเดาได้ว่าเธอไม่คุ้นชินกับการใช้ชีวิตแบบฟาร์มที่ไม่ได้มีทุกอย่างครบครันเหมือนในเมือง ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรกับคุณศักดิ์มากไปกว่าการพยักหน้ารับรู้ แต่ในใจเขากลับรู้สึกสนใจเล็กน้อย การที่เธออาสาไปรับทีโอเองและยังจะซื้อของเข้าบ้านด้วย แสดงให้เห็นว่าเธอก็ไม่ได้เป็นแค่คนที่รอรับคำสั่งไปวันๆ เวลาผ่านไป... แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ จนกระทั่งลับขอบฟ้าไปแล้ว ธนินทร์เดินกลับมาที่บ้านใหญ่หลังจากจัดการงานในไร่เสร็จสิ้น เขามองนาฬิกา... หนึ่งทุ่มแล้ว ’ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ...?’ ความรู้สึกกังวลเล็กๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในใจเขา ไม่ใช่เพราะห่วงพี่เลี้ยง แต่เป็นเพราะน้องทีโอ ปกติแล้วน้องจะกลับมาถึงบ้านไม่เกินหกโมงเย็น นี่มันเลยเวลาไปมากแล้ว ธนินทร์เดินออกมาจากตัวบ้านใหญ่ ยืนรออยู่หน้าประตูบ้านภายใต้แสงไฟสลัวๆ ของบ้าน เขากวาดสายตามองไปยังถนนทางเข้าฟาร์มด้วยความอดทน แต่ในใจก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับความล่าช้าที่เกิดขึ้น ‘ทำไมถึงได้ช้าขนาดนี้... หรือจะเกิดอะไรขึ้น?’ เขาไม่ได้คิดว่าจะมีอันตรายอะไร แต่การที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามตารางเวลาที่วางไว้ ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจนัก เมื่อแสงไฟหน้ารถตู้คันหรูสีดำปรากฏขึ้นในความมืด ร่างสูงก็ยืนนิ่งมองรถที่ค่อยๆ แล่นเข้ามาจอดตรงหน้าประตูบ้าน เขามองเห็นร่างของพิมที่ก้าวลงมาจากรถ พร้อมกับน้องทีโอที่หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม ไม่มีร่องรอยของความโกรธหรือความโล่งใจปรากฏให้เห็นชัดเจน แต่ดวงตาคมกริบของเขากลับจับจ้องไปที่พิมและน้องทีโออย่างไม่วางตา ราวกับกำลังประเมินสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ขณะที่พิมก้าวลงจากรถตู้ช้าๆ เธอเห็นธนินทร์ยืนอยู่ตรงหน้า สายตาคมกริบของเขาจ้องมองมาที่เธอและลูกชายที่กำลังหลับใหลโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ "ชู่ว..." พิมยกนิ้วชี้ขึ้นจรดริมฝีปากเบาๆ เป็นสัญญาณให้ธนินทร์เงียบไว้ เธอไม่ได้รอให้เขาตอบหรือทำอะไรต่อ แต่เดินผ่านเขาไปทันที มุ่งตรงไปยังประตูบ้านใหญ่ ธนินทร์ยืนอยู่ตรงจุดเดิมที่เคยยืนเมื่อพิมเดินผ่านไป เขาไม่ได้ขยับตัว ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย สายตาคมกริบของเขายังคงจับจ้องไปที่พิมตลอด ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยจนพิมไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังรู้สึกโกรธ ผิดหวัง หรือเพียงแค่สงสัย แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ไร้เสียง ‘ชู่ว? สั่งให้ฉันเงียบงั้นเหรอ?’ เขาอดคิดในใจไม่ได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าออกคำสั่งกับเขาตรงๆ แบบนี้ และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำเช่นนั้น เขารู้สึกประหลาดใจระคนหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา พิมเดินขึ้นบันไดอย่างแผ่วเบาไปยังห้องนอนของน้องทีโอ เธอวางน้องลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ถอดรองเท้าและถุงเท้าออกอย่างระมัดระวัง แล้วเปลี่ยนชุดนอนให้น้องอย่างเบามือที่สุด เพื่อไม่ให้เด็กน้อยตื่น น้องทีโอทานข้าวเย็นมาเรียบร้อยแล้วจากในเมือง พิมรู้ดีว่าควรปลุกให้อาบน้ำก่อนนอน แต่เธอก็อดสงสารเด็กน้อยที่หลับลึกอย่างสบายไม่ได้ จึงปล่อยให้พักผ่อนเต็มที่ ธนินทร์เดินตามพิมขึ้นไปบนห้องลูกชาย เขายืนมองทุกการดูแลที่พิมมอบให้กับน้องทีโอ เขารู้ว่าการไม่อาบน้ำก่อนนอนอาจไม่ถูกสุขลักษณะนัก แต่ก็เข้าใจได้ว่าเธอคงสงสารทีโอที่หลับไปแล้ว เขาเห็นความอ่อนโยนที่เธอมีต่อน้องทีโออย่างชัดเจน ทั้งการอุ้ม การเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ รวมถึงการตัดสินใจไม่ปลุกน้องให้ตื่น มันขัดแย้งกับภาพความซุ่มซ่ามและท่าทีหงุดหงิดของเธอเมื่อเช้าอย่างสิ้นเชิง พิมเดินออกมานอกห้อง สายตาของธนินทร์ยังคงจดจ้องมาที่เธอไม่วางตา ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉย ไร้อารมณ์ใดๆ เหมือนเคย ทำให้พิมไม่สามารถเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ‘เอาสิ... จะถามก็ถามเลย’ พิมคิดในใจอย่างหงุดหงิดระคนอึดอัดกับความเงียบที่ปกคลุมอยู่ เธอรู้ดีว่าตัวเองพาน้องทีโอกลับมาช้ากว่าปกติ และไม่ได้ปลุกให้อาบน้ำ แต่เขาก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลย ‘จะเงียบอะไรนักหนา... อึดอัดชะมัด!’ เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับจ้องและถูกประเมินค่าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เธอไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ธนินทร์ยังคงยืนอยู่ตรงจุดเดิม ดวงตาคมกริบคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่พิมนิ่งๆ เขาไม่ได้เปิดปากถามเรื่องความล่าช้า ไม่ได้พูดเรื่องน้องทีโอ หรือแม้แต่เรื่องเสื้อของเธอที่ยังคงมีรอยคราบจางๆ อยู่ ใช่เขามองตรงจุดนั้นโดยอัตโนมัติอย่างไม่ทันห้ามตัวเอง และสุดท้ายเขาก็ปล่อยให้ทุกอย่างเงียบงัน ราวกับกำลังรอให้เธอเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนา หรือเพียงแค่สังเกตปฏิกิริยาของเธอเท่านั้น "พิมพาน้องทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วค่ะ" พิมตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนา เธอสบตาคุณธนินทร์ตรงๆ เพื่อรอปฏิกิริยา ธนินทร์ยังคงยืนนิ่ง ดวงตาคมกริบคู่นั้นยังคงจ้องมองพิมไม่วางตา แต่กลับไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากของเขา เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นในความเงียบงัน ราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็พอใจที่จะสังเกตการณ์หญิงสาวตรงหน้าต่อไป พิมยืนเผชิญหน้ากับความเงียบงันของคุณธนินทร์อยู่ครู่หนึ่ง ความอึดอัดเริ่มคืบคลานเข้ามาในใจ ‘อะไรเนี่ย...’ พิมคิดในใจอย่างหงุดหงิดระคนไม่เข้าใจท่าทีของเขา ‘ช่างเขาเถอะ’ เธอตัดสินใจที่จะไม่สนใจปฏิกิริยาของเขาอีกต่อไป ก่อนจะหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง และตรงไปยังเคาน์เตอร์ครัวทันที เพื่อจัดการนำของสดที่ซื้อมาเมื่อครู่ ทั้งน่องไก่ ปีกไก่ กระดูกหมู และผักต่างๆ ไปแช่ตู้เย็นอย่างเป็นระเบียบ ส่วนเครื่องปรุงก็จัดเก็บเข้าที่เข้าทาง และเกินกว่าที่พิมจะคาดคิดคือ ธนินเดินตามเธอลงมาข้างล่างด้วยเหมือนเป็น ‘เงา’ ตามตัว แต่แทนที่เขาจะตามมาที่เคาเตอร์ครัว เขากลับเลือกไปนั่งที่โซฟาแล้วหยิบไอแพดขึ้นมาเปิดทำงาน พิมเหลือบไปมองไปที่เขาเล็กน้อยและเลือกที่จะไม่สนใจเขาอีกครั้ง เธอเริ่มภารกิจใหม่ของตัวเองอย่างเงียบๆ เธอหยิบหม้อใบใหญ่ขึ้นมา ตั้งไฟอ่อนๆ แล้วใส่ กระดูกหมู ที่ซื้อมาลงไป ตามด้วย หัวไชเท้า แครอท และ รากผักชี เพื่อเคี้ยวน้ำซุปให้หวานหอม เธอตั้งใจจะทำ ข้าวต้มหมูสับ ให้น้องทีโอทานตอนเช้า หวังว่าน้องจะชอบ แต่คนที่ทำท่าเหมือนดูไอแพดนั้น กลับจับจ้องทุกการกระทำของพิมอย่างไม่คลาดสายตา ตอนแรกที่เห็นเธอแบกถุงจากซุปเปอร์มาร์เก็ต เขานึกว่าเธอคงซื้อของฟุ่มเฟือยติดชีวิตหรูหราแบบคนเมือง แต่เมื่อเห็นเธอเริ่มจัดการกับวัตถุดิบเหล่านั้น ความคิดของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ‘ซื้อของสดพวกนี้มาเองเลยเหรอ?’ เขาเห็นทั้งเนื้อสัตว์และผักสด ไม่ใช่แค่ขนมขบเคี้ยวหรืออาหารสำเร็จรูปอย่างที่เขาคาดไว้ ‘แล้วนี่... กำลังจะตั้งหม้อเคี่ยวน้ำซุป?’ แววตาคมกริบของธนินทร์ฉายแววประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด จากที่คิดว่าเธอเป็นคนบอบบางและไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบฟาร์ม ความคล่องแคล่วในการจัดเก็บของและการเริ่มต้นเตรียมอาหารของเธอนั้น ทำให้เขาต้องทบทวนความคิดใหม่ เขายังไม่รู้ว่าเธอจะทำอาหารให้ใคร แต่การกระทำของเธอในตอนนี้มันขัดแย้งกับภาพลักษณ์แอร์โฮสเตสผู้ซุ่มซ่ามและเอาแต่ใจเมื่อเช้าอย่างสิ้นเชิง มันทำให้ธนินทร์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างที่คาดเดายากอยู่เสมอ พิมยังคงไม่สนใจสายตาของธนินทร์ที่จับจ้องมาตลอด เธอจัดการหุงข้าวญี่ปุ่นในหม้อหุงข้าวแล้วเสียบปลั๊กทิ้งไว้ พิมวางแผนไว้ว่าพรุ่งนี้เช้าตื่นมาก็แค่เอาข้าวที่สุกแล้วใส่เข้าไปในหม้อน้ำซุปที่เคี่ยวไว้ แล้วก็ต้มเพิ่มอีกหน่อยก็จะได้ข้าวต้มสำหรับน้องทีโอ เธอคิดในใจเงียบๆ อย่างเป็นระบบ ร่างสูงใหญ่ยังคงนั่งอยู่ตรงจุดเดิม ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องทุกการกระทำของพิมอย่างไม่คลาดสายตา เขาเห็นเธอจัดการกับหม้อหุงข้าว และท่าทางที่ดูคุ้นเคยกับการทำครัว ‘หุงข้าวญี่ปุ่น... แล้วจะทำอะไรต่อ?’ เขานึกถึงวัตถุดิบที่เธอเพิ่งเอาไปแช่ตู้เย็น และหม้อน้ำซุปที่กำลังเคี่ยวอยู่บนเตา เขาพอจะเดาออกว่าเธอไม่ได้ทำอาหารเพื่อตัวเอง แต่ดูเหมือนจะตั้งใจทำเพื่อคนอื่น ซึ่งอาจจะเป็นน้องทีโอ การกระทำเหล่านี้ทำให้ธนินรู้สึกว่าพิมใส่ใจน้องทีโอมากกว่าแค่คนที่เข้ามาดูแลลูกชายของเขาตามหน้าที่เท่านั้น เขามองพิมเงียบๆ ปล่อยให้ความคิดและความรู้สึกที่ซับซ้อนก่อตัวขึ้นในใจอย่างช้าๆ ความคิดเดิมๆ ที่เขามีต่อพิมเมื่อช่วงบ่าย เมื่อเห็นเธอซุ่มซ่ามทำแกงเลอะเสื้อ หรือเมื่อเธอถามว่าต้องทำอาหารเองไหม ตอนนี้มันสั่นคลอนไปหมดสิ้นแล้ว เขาเห็นความคล่องแคล่วในการจัดการกับของสด การเลือกวัตถุดิบ การตั้งหม้อเคี่ยวน้ำซุป และการวางแผนทำอาหารล่วงหน้าอย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงที่ทำอาหารไม่เป็นจะทำได้ สิ่งที่เธอแสดงออกมาในห้องครัวนั้นตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์แรกที่เขามีต่อเธออย่างสิ้นเชิง ‘น่าสนใจมาก...’ ธนินทร์ยอมรับในใจ เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นแค่แอร์โฮสเตสสาวสวยที่ดูอ่อนแอและซุ่มซ่าม แต่เธอยังมีอะไรที่เขาคาดไม่ถึง ความสนใจและความอยากรู้จักเธอก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ในหัวใจของธนินทร์ คนตัวสูงยังคงแสร้งทำเป็นดูไอแพดทั้งๆ ที่หน้าจอไม่ได้สลับเปลี่ยนไปไหนเลย ดวงตาคมกริบของเขายังคงจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของพิมอย่างเงียบงัน เขาเหลือบตามองเธอที่ทำอะไรต่อมิอะไรอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งพิมจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย สุดท้ายแล้วพิมก็หันมามองคนที่นั่งเงียบๆ อยู่ตรงโซฟามาโดยตลอด เธอไม่เอ่ยคำพูดใดๆ ออกมาอีก เพราะรู้ว่าพูดไปเขาก็คงไม่คิดจะตอบอะไรกลับมา เธอเพียงแค่หมุนตัวกลับแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป มุ่งหน้ากลับไปยังห้องนอนของตัวเอง และปล่อยให้ธนินทร์อยู่กับความเงียบสงัดในห้องนั่งเล่นตามลำพัง -🖤🤍🖤-บทที่ 64 การจัดการของธนินทร์"ส่วนหลังจากนั้น..." ธนินทร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลม "ตอนพิมกลับไปบิน ผมจะจัดตารางงานตัวเองเพื่อไปหาพิมให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้""ทุกครั้งที่พิมมีวันหยุดเราจะอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าพิมจะอยู่ที่ไหนก็ตาม" ธนินทร์กล่าวอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม "ถ้าพิมสะดวกที่จะกลับมาที่นี่ ผมก็จะจัดเตรียมทุกอย่างให้พิมกลับมาพักผ่อนที่บ้านหลังนี้ได้อย่างเต็มที่""... ผมจะโทรหาพิมทุกวัน” ธนินทร์กล่าวอย่างมั่นใจ "เราจะวิดีโอคอลกันทุกคืนก่อนนอน ถ้าพิมไม่เหนื่อยเกินไป""ผมจะทำให้พิมรู้สึกว่า ผมอยู่ข้างพิมเสมอ ไม่ว่าพิมจะอยู่บนฟ้า หรืออยู่ต่างประเทศ" ธนินทร์กระชับมือพิมแน่น "ความสัมพันธ์ของเราจะไม่ทรมาน อย่างที่พิมกังวล""ผมจะพิสูจน์ให้พิมเห็นว่า ผมพร้อมที่จะเป็นที่พึ่งให้พิมได้เสมอ ไม่ว่าพิมจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม"ธนินทร์เพิ่งนำเสนอแผนการที่เป็นรูปธรรมในการดูแลพิมในความสัมพันธ์ทางไกล แต่พิมกลับยังคงเต็มไปด้วยความกังวล เธอคิดถึงแฟนคนปัจจุบันที่แม้จะToxicแต่ก็อยู่เคียงข้างกันเสมอ"ถ้าเราจะคบกันจริงๆในฐานะแฟน แล้วต่างคนต่างอ
บทที่ 63 บทสนทนาที่เกินเรื่องธนินทร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นคง "เรื่องที่พิมต้องกลับไปบิน... พิมไม่ต้องกังวลเลย""สองเดือนที่พิมอยู่กับผมที่นี่... ผมจะทำให้พิมมั่นใจว่า ผมจริงจังมากแค่ไหน""ส่วนเรื่องหลังจากนั้น... ไม่ว่าพิมจะไปอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร" ธนินทร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของพิม "ผมก็จะอยู่ตรงนี้เสมอ และพร้อมที่จะรอพิม"‘แปลว่านี้จะกลาย... เป็น Love with Long Distance สินะ’ พิมคิดในใจ เธอไม่เคยต้องการอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้เลย ‘มีแฟนเหมือนไม่มี’ พิมรู้สึกเหนื่อยใจกับความคิดที่ตีกันอยู่ในหัว ‘ความสัมพันธ์นี้คงไม่เวิร์คแน่ๆ มีอุปสรรคเยอะไป มีสิ่งให้กังวลเยอะไป’ เธอคิดถึงความยากลำบากของการคบหากันทางไกล ทั้งระยะทาง เวลาที่ไม่ตรงกัน ความเหงา และความไม่มั่นคงชายหนุ่มมองออกว่าพิมกำลังครุ่นคิดอย่างหนักและเห็นแววความกังวลในดวงตาของเธอ เขารู้ว่าพิมกำลังมองเห็นอุปสรรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"ผมรู้ว่าพิมกำลังคิดอะไรอยู่" ธนินทร์กล่าวเสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น "พิมกำลั
บทที่ 62 อย่าเล่นกับธนินทร์ mini NC+ธนินทร์ไม่ยอมปล่อยหญิงสาวในอ้อมกอดเขากลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นและกดศีรษะของเธอลงมาอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เธอขัดขืนได้หญิงสาวรู้ทันทีว่าเขาจะทำอะไร มือที่เคยดันอกกว้างไว้แน่น รีบดึงขึ้นมาปิดปากของเขาไว้แทน ในเสี้ยววินาทีนั้นร่างกายส่วนบนของพิมก็แนบชิดไปทั้งตัวบนร่างกายส่วนบนของธนินทร์ มือนิ่มขวางกั้นระหว่างริมฝีปากหนานุ่มของเขากับริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไว้ธนินทร์รู้สึกถึงแรงปะทะจากมือบางที่ปิดปากเขาไว้แต่เขากลับไม่ได้โกรธหรือหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นความปรารถนาที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ดวงตาของเขาจ้องมองพิมอย่างลึกซึ้งและร้อนแรงเขาไม่ได้ถอยกลับหรือหยุดสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ ใบหน้าคมยังคงโน้มเข้าหามือของพิมที่ปิดปากเขาไว้ราวกับจะพยายามจูบผ่านฝ่ามือของเธอให้ได้ ริมฝีปากของเขาเม้มแน่นลงบนฝ่ามือของพิมเป็นการแส
บทที่ 61 ยั่วนักหรอคำพูดของพิมเป็นการเสนอทางออกที่เธอคิดว่านี้คือสิ่งที่ผู้ชายทุกคนต้องการ และธนินทร์ก็เป็นหนึ่งในผู้ชายพวกนั้น เธอมองว่าก็ตกลงให้ชัดเจนไปเลยเพื่อตัดจบความสัมพันธ์ โดยไม่ต้องมาเร้ารือหรือพยายามมากมายอย่างที่เขากำลังทำอยู่ให้เสียเวลาธนินทร์ชะงักค้างอยู่กลางอากาศใบหน้าของเขาที่กำลังจะโน้มลงไปจูบพิมแข็งทื่อไปในทันที แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความปรารถนาและความอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นความโกรธที่ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง ธนินทร์ไม่เคยถูกดูถูกแบบนี้มาก่อนโดยเฉพาะจากคนที่เขาตั้งใจจะจริงจังและปรารถนาร่างสูงถอนใบหน้าออกจากพิมอย่างรวดเร็วจนเกิดระยะห่างขึ้นอีกครั้ง มือที่เคยแตะแก้มพิมอย่างอ่อนโยน ลดลงมาบีบที่วางแขนเก้าอี้ของตัวเองแน่นจนข้อกระดูกขาวโพลน กรามของเขาขบกันจนขึ้นเป็นสันนูนสาวตาคมมองพิมด้วยแววตาที่เย็นชาและดุดันราวกับพยายามควบ
บทที่ 60 จริงจังหรือแค่อยากได้พิมมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำสะท้อนถึงความเจ็บปวดและความสับสนที่ถาโถมเข้ามาในใจ เธอรับรู้ถึงความจริงใจในแววตาและคำพูดของเขาแต่ก็ยังคงไม่เข้าใจในจุดยืนของธนินทร์"ถึงแม้พิมจะกลับไปหาเขางั้นเหรอ...?" พิมถามเสียงแผ่วใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ เธอไม่รู้ว่าธนินทร์จะยังคงยืนยันคำพูดนั้นอยู่หรือไม่ หรือเขาแค่พูดไปอย่างนั้นเพราะไม่ได้รู้สึกกับเธอมากขนาดนั้นเขามองพิมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงจังและความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง มือที่จับหลังมือของเธออยู่ก็กระชับขึ้นเล็กน้อย ราวกับจะส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดไปให้เธอ"ใช่...." ธนินทร์กล่าวเสียงทุ้มต่ำและหนักแน่น ทุกคำพูดชัดเจนและตรงไปตรงมาจนพิมรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอก"ไม่ว่าพิมจะเลือกทางไหน... ผมก็จะยังอยู่ตรงนี้เสมอ"เ
บทที่ 59 ความสัมพันธ์เป็นพิษ"แล้วพี่จะยอมไปหรอ เครื่องลำเดิม" พิมถามด้วยความเป็นห่วงปลายสายเริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง ตอบในทำนองว่า ก็เพราะไม่ยอมนั่นแหละถึงไฟลต์ดีเลย์ แต่สุดท้ายถ้าบริษัทให้ไปก็ทำอะไรไม่ได้"อือม ก็จริง" พิมพึมพำตอบด้วยความเข้าใจในสถานการณ์ของแฟนธนินทร์ที่นั่งฟังบทสนทนาอยู่ตลอดเวลา สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยแต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินว่าแฟนของเธอหงุดหงิดที่พิมแสดงความเป็นห่วง ธนินทร์รู้สึกว่าชายคนนี้ ไม่ได้มีวุฒิภาวะพอที่จะดูแลความรู้สึกของพิมความรู้สึกของเขาจากความหงุดหงิดส่วนตัวกลายเป็นความห่วงใยพิมอย่างแท้จริง และความมุ่งมั่นที่จะปกป้องหญิงสาวไม่ให้ต้องอยู่กับคนแบบนี้ชัดเจนและแน่วแน่ขึ้นเรื่อยๆการสนทนาดำเนินมาจนใกล้จะจบ เพราะพิมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับคนรักอีก เพราะดูเหมือนทุกอย่างที่เธอพูดมันสามารถทำให้เขาหงุดหงิดได้ทุกอย่าง"งั้นพี่ไปพักเถอะ หนูไม่กวนดีกว่า" พิมเอ่ยเสียงแผ่วลง เธอเริ่มไม่อยากคุยแล้ว เพราะโดนหงุดหงิ







